Monday, 1 July 2024
เสียหาย

'หนุ่มใหญ่เมืองน้ำหอม' หลอกคนไทยลงทุนสินค้าแบรนด์เนม ตีสนิทผู้เสียหายหลายรายให้ตายใจ ก่อนเชิดเงิน

(5 ธ.ค. 65) พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม.,และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สส.สตม. กวดขันจับกุมคนต่างด้าวที่แฝงเข้าอยู่ในประเทศไทยเพื่อใช้เป็นสถานที่ก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่าง ๆ สร้างความเสียหายให้กับประชาชนและภาพลักษณ์ของประเทศ โดยเน้นย้ำสถานที่พักอาศัยที่คนต่างด้าว พักอาศัย เจ้าของหรือผู้ครอบครองดูแลต้องแจ้ง ต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองภายใน 24 ชั่วโมง ตามมาตรา 38 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522​

ตำรวจไซเบอร์รับแจ้งความแล้วกว่า 60 ราย กรณีผู้เสียหายผูกบัญชีธนาคารไว้กับ Shopee แต่ถูกหักเงินชำระค่าสินค้าโดยไม่ทราบสาเหตุ

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอประชาสัมพันธ์ความคืบหน้ากรณีผู้เสียหายหลายรายผูกบัญชีธนาคาร หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ไว้ชำระค่าสินค้ากับแอปพลิเคชันซื้อขายของออนไลน์ ต่อมาพบว่าถูกหักเงินในบัญชีชำระค่าสินค้าโดยไม่ทราบสาเหตุ  

จากกรณีเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 65 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ได้ประชาสัมพันธ์เตือนภัยเกี่ยวกับการผูกบัญชีธนาคาร หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ไว้ชำระค่าสินค้าออนไลน์นั้น ปัจจุบันพบว่าได้มีผู้เสียหายกว่า 60 ราย ความเสียหายรวมกว่า 1 ล้านบาท โดยผู้เสียหายได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนยังสถานีตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุทั่วประเทศ และแจ้งผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ที่เว็บไซต์ thaipoliceonline.com เพื่อให้สืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะนี้ทางคดียังอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบความเชื่อมโยงต่างๆ รวมถึงประสานงานไปยังบริษัทแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ดังกล่าวเพื่อตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริง และเพื่อให้ผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรม ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากการที่ผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้เข้าไปกรอกข้อมูลทางการเงินผ่านเว็บไซต์ปลอม หรือแอปพลิเคชันปลอม แล้วนำข้อมูลที่ได้ไปใช้แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ  ทั้งนี้ได้รับรายงานว่า Shopee ได้ประกาศปิดช่องทางการชำระเงินผ่านบัญชีธนาคารเพื่อตรวจสอบและป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์  วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งให้ความสำคัญและมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ และการซื้อขายของออนไลน์ โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่องและจริงจัง พร้อมสร้างการรับรู้แนวทางป้องกันให้ประชาชน ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 269/5 ผู้ใดใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการ  ที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ “โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ก็จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1) ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือความผิดตามกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บช.สอท.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนให้พึงระมัดระวังการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล หรือข้อมูลทางการเงิน เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยมีแนวทางป้องกัน ดังต่อไปนี้
1. หลีกเลี่ยงการให้หักเงินในบัญชีธนาคารอัตโนมัติ ใช้วิธีเก็บเงินปลายทาง หรือชำระสินค้าผ่าน QR code แทน
2. บัญชีธนาคารที่ผูก หรือเชื่อมไว้กับแอปพลิเคชันซื้อสินค้าออนไลน์ ควรมีจำนวนเงินในบัญชีไม่มาก  
3. หลีกเลี่ยงการกดลิงก์ หรือติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่รู้จัก ไม่รู้ที่แหล่งมา ควรดาวน์โหลดใน  AppStore หรือ Playstore เท่านั้น  

ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัยหลอกลงทุน Forex หลังพบผู้เสียหายทยอยแจ้งความหลายราย  ความเสียหายหลายสิบล้านบาท 

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ขอฝากประชาสัมพันธ์เตือนภัยกรณีการหลอกลวงลงทุนในตลาดซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (Forex) สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ดังนี้

ที่ผ่านมา พงส. บช.สอท. ได้รับแจ้งความร้องทุกข์จากผู้เสียหายหลายราย ผ่านระบบการรับแจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.com ว่าถูกผู้ต้องหาชักชวนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ หลอกลวงให้ฝากเงินลงทุนในตลาดซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (Forex) ในระบบฝากเทรดของ Xpower Team ซึ่งอ้างว่าเป็นระบบฝากเทรดประกันเงินทุน จะได้รับผลกำไรมากถึง 20-35% ของเงินฝากต่อเดือน มีโปรโมชันลงทุนเพื่อรับของสมนาคุณต่างๆ โดยเมื่อลงทุนตั้งแต่ 3,000 - 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ จะได้รับนาฬิกา ไอแพด หรือสิ่งของอื่นๆ ตามจำนวนเงินลงทุน มีการทำสัญญาการลงทุนในระยะเวลาต่างๆ ทั้งนี้ผู้ต้องหาอ้างว่าตนเป็นเจ้าของกิจการโรมแรม มีธุรกิจอพาร์ทเม้นท์ รวมถึงเป็นผู้มีความชำนาญในด้านการลงทุน ที่ผ่านมาพบมีการโพสต์รูปภาพใช้ชีวิตหรูหรา โพสต์รูปทรัพย์สินหลายรายการ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ กระทั่งผู้ต้องหาไม่สามารถจ่ายเงินปันผล หรือกำไรให้ผู้เสียหายได้ อ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาตรวจสอบ มีปัญหาเรื่องภาษี และไม่สามารถแสดงบัญชีการลงทุนให้ผู้เสียหายตรวจสอบได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกหลอกลวงและได้รับความเสียหายจึงมาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกฎหมาย  

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภัยจากการถูกชักชวนหลอกลวงให้ลงทุนในทรัพย์สินต่างๆ ซึ่งสร้างความเสียหายให้แก่ประชาชนเป็นจำนวนมาก
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ได้กำชับสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง รวมถึงวางมาตรการป้องกันสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ผ่านมามีการดำเนินคดีในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด 
การกระทำลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดฐาน “ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่ง ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ” หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 

โฆษก บช.สอท. กล่าวต่ออีกว่า กรณีการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาพบการหลอกลวงมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งในแต่ละครั้งมักมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก และมีความเสียหายสูง วิธีการที่มิจฉาชีพนำมาใช้ไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมมากนัก เพียงแต่เปลี่ยนเรื่องราวไปตามกระแสความสนใจของสังคมในปัจจุบัน โดยอาศัยความไม่รู้ และความโลภของประชาชนเป็นเครื่องมือ ซึ่งจากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่าในปัจจุบันยังไม่มีสถาบันการเงินในประเทศไทยที่รับรองการลงทุนประเภทดังกล่าว ผู้ที่สนใจลงทุนต้องสมัครสมาชิก และเปิดบัญชีเทรดกับโบรกเกอร์ในต่างประเทศ ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะถูกหลอกลวงได้รับความเสียหาย

‘กองทัพเรือ’ ชี้แจง เหตุ ‘เรือหลวงนเรศวร’ เสียหายระหว่างฝึกซ้อม เผย!! กำลังพลปลอดภัย พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง

(1 ส.ค.66) พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณี เรือหลวงนเรศวร ได้รับความเสียหาย ขณะเทียบท่าเรือ ภายในท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ก.ค.66 ขณะที่เรือหลวงนเรศวร กำลังทำการฝึกซ้อมแผนความปลอดภัยของเรือและท่าเรือระหว่างประเทศ (ISPS CODE) ภายในท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด 2566 ภายใต้รหัสการฝึก "Naval  Security Port and Ship Map Taphut Excercise  2023" (NASMEX 2023) ซึ่งจัดที่มีการฝึกในระหว่างวันที่ 25-27 กรกฎาคม 2566 ในพื้นที่ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด อำเภอเมือง จังหวัดระยอง  

โดยการฝึกดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ในการบูรณาการความร่วมมือระหว่างรัฐ หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองท้องถิ่น เรือและท่าเรือ ในการร่วมตรวจสอบและป้องกันภัยคุกคามที่มาจากทางทะเล ทดสอบความพร้อมของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้มีความพร้อมรับสถานการณ์ ตามแนวทางปฏิบัติด้านการรักษาความปลอดภัยของเรือและท่าเรือระหว่างประเทศ (International Ship and Port Facility Security Code : ISPS Code)  

“ในขณะที่เรือหลวงนเรศวร กำลังนำเรือออกจากท่าเทียบเรือ ตัวเรือกราบซ้ายได้ไปกระแทกกับมุมท่าเทียบเรือ ทำให้แท่นยิงตอร์ปิโดและแพชูชีพ ได้รับความเสียหาย ในขณะที่ตัวเรือได้รับความเสียหายเล็กน้อยโดยเป็นรอยถลอก ส่วนกำลังพล ปลอดภัยไม่มีนายได้รับบาดเจ็บ ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ศูนย์ปฏิบัติการทัพเรือภาคที่ 1 ได้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อรายงานผลการสอบสวนให้กองทัพเรือได้รับทราบ พร้อมทั้ง ประสานไปยังหน่วยด้านเทคนิคที่รับผิดชอบอุปกรณ์ที่เสียหายในเบื้องต้น เพื่อประเมินความเสียหาย” พล.ร.อ.ปกครอง กล่าว  

โฆษกกองทัพเรือ​ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กองทัพเรือได้รับรายงานในเบื้องต้น​แล้ว  พร้อมทั้งได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนต่อกรณีดังกล่าว​ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากอุบัติเหตุหรือไม่​อย่างไร​ ทั้งนี้​ ต้องรอผลการสอบสวนจากคณะสอบสวนต่อไป​ สำหรับความเสียหายของอุปกรณ์​ นั้น​ หน่วยเทคนิคที่เกี่ยวข้องได้เข้าทำการซ่อมทำแล้ว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top