Tuesday, 22 April 2025
เลือกตั้งนายกฯอบจสงขลา

ชิงเก้าอี้นายกฯอบจ.สงขลา ‘นิพนธ์-นายกฯชาย’ จับมือหนุน ‘สุพิศ’ ปล่อย ‘ไพเจน’ หลังพิงเชือกแลกหมัดสู้

(29 ต.ค. 67) ‘ไพเจน มากสุวรรณ์’ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา กล่าวยืนยันว่า จะไม่ลาออกจากตำแหน่งก่อนหมดวาระแน่นอน ยังคงเดินหน้าทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากประชาชนจนวันสุดท้ายอย่างขยันขันแข็ง

“นายกฯไพเจนจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกฯอบจ. สงขลาอีก 1 สมัยแน่นอน” แหล่งข่าวใกล้ชิดนายกฯไพเจน กล่าว

ที่ต้องมาตอกย้ำกันอีกครั้ง เนื่องจากว่ามีการปล่อยข่าวว่า นายกฯไพเจนถอดใจแล้ว จะไม่ลงเลือกตั้งในสมัยที่สอง ซึ่งเป็นการปล่อยข่าวด้วยเจตนาร้ายของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ได้ประโยชน์จากข่าวนี้ ซึ่งต้องหมายถึงฝ่ายการเมืองในสงขลาที่กำลังฟาดฟันกันอยู่

ปล่อยข่าวหนักถึงขนาดว่า ถ้านายกฯไพเจนไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกฯอบจ.สงขลา จะเปิดทางให้ไปลงสมัคร สส.เขต 7 สงขลา (นาทวี จะนะ เทพา สะบ้าย้อย)ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ที่ ‘ศิริโชค โสภา’ เคยเป็น สส.อยู่ แต่ปี 2562 พ่ายแพ้ให้กับ ‘ณัฐชนนท ศรีก่อเกื้อ’ จากพรรคภูมิใจไทย และมาแพ้ซ้ำในการเลือกตั้งปี 2566 และเมื่อเกิดวิกฤตทางการเมืองในพรรคประชาธิปัตย์ ศิริโชคก็ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เท่ากับว่า เขต 7 สงขลา ของพรรคประชาธิปัตย์ว่างอยู่ จึงมีความพยายามปล่อยข่าวว่า นายกฯไพเจนจะไม่ลงสมัครรักษาแชมป์แล้ว โดยจะโยกไปลงสมัคร สส.เขต 7 แทน

ถามว่า มีการพูดคุยกันจริงไหม มีการพูดคุยกันจริง ผ่านทาง ‘นายกฯชาย - เดชอิศม์ ขาวทอง’ เลขาธิการพรรคประชาธิปัต์ แต่นายกฯไพเจนไม่ได้ตอบรับต่อข้อเสนอนี้ เพราะในสถานการณ์ปัจจุบันต้องยอมรับความจริงว่า ประชาธิปัตย์ขาลงอย่างสุดๆ หากไปลงสมัคร สส.เขต 7 จึงมีโอกาสสูงมากที่จะพ่ายแพ้ให้กับ ‘เดอะหนุ่ย-ณัฐชนนท’ ที่ฐานเสียงค่อนข้างหนาแน่น ผลงานในพื้นที่ก็ชัดเจน และเสี่ยงยิ่งกว่าลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกฯอบจ.อีก

ไม่ผิดหรอกที่นายกฯไพเจนจะตัดสินใจลงรักษาแชมป์อีกสมัย 4 ปี ผลงานมีชัดเจน เพียงแต่ด้อยด้านการประชาสัมพันธ์ ทีมงานประชาสัมพันธ์ที่มีฝ่ายประชาสัมพันธ์เป็นตัวยืน กับสถานการณ์สู้รบ ไม่เพียงพอ

รบกับใคร นายกฯไพเจนกำลังรบกับ ‘สุพิศ พิทักษ์ธรรม’ ที่มั่นใจในตัวเองสูงมาก ลาออกจากอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กับความอู้ฟู้ ใจถึง มาลงชิงนายกฯอบจ.สงขลา อย่าลืมว่า สุพิศไม่ใช่แค่อดีตข้าราชการระดับอธิบดี เขายังมี ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ อดีตรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย ที่แตกหน่อแทงกอ ไปหนุนช่วย ‘สุพิศ’ แถมยังมี ‘นายกฯชาย-เดชอิศม์ ขาวทอง’ อีกคนเข้าไปเสริมทัพ

แต่ถามว่า ทั้ง ‘นิพนธ์-นายกฯชาย’ จะช่วยให้ ‘สุพิศ’ ชนะการเลือกตั้งแบบง่ายๆ ก็คงไม่ใช่ ‘นายกฯชาย’ เป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่ร่วมกันนำพาพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมรัฐบาลของแพทองธาร ชินวัตร ที่สังคมทั่วไปรับรู้กันอยู่ว่ามี ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ชักใยอยู่เบื้องหลัง ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ที่คนใต้รับไม่ได้ในหลายเรื่อง ทั้งเล่นพรรคเล่นพวก ทุจริตคอร์รัปชัน แถมยังไม่พัฒนาพื้นที่ที่ไม่เลือกพรรคเขา

พรรคประชาธิปัตย์ที่ตกต่ำอยู่แล้วก็ยิ่งตกต่ำหนักเข้าไปอีก เมื่อถึงหน้าเลือกตั้งนายกฯชายจะรับมือไหวไหมกับกระแสไม่เอาประชาธิปัตย์ และจะช่วยดันหลัง ‘สุพิศ’ ไหวหรือเปล่า เอาเป็นว่านายกฯชายกำลังวางแผนบางอย่าง เพื่อเอาตัวให้รอดในการเลือกตั้งครั้งหน้า และต้องมี อบจ.เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อน เข้าถึงหันหัวเรือเข้าจอดเทียบท่า กับท่าเรือที่อู้ฟู้กว่า

สำหรับนิพนธ์ เมื่อหันหัวเข้าหาสุพิศ ก็ต้องเตรียมตัวตั้งรับดีๆกับการถูกลากไปสู่มุมมืด นิพนธ์ควรสงวนท่าที สิงห์ก็ต้องเป็นสิงห์ จริงๆนิพนธ์ควรจะยืนอยู่นิ่งๆ หรืออยู่ข้างไพเจน เพราะสนับสนุนช่วยเหลือกันมาตั้งแต่สมัยแรก ที่สำคัญ ‘นิพนธ์-ไพเจน’ คือเลือด ‘น้ำเงิน-ขาว’ จากมหาวชิราวุธด้วยกัน ‘เลือดควรจะข้นกว่าน้ำ’ น้ำที่มาจากโรงเรียนแจ้งวิทยา แต่ด้วยเหตุผลใดไม่อาจทราบได้ที่ทำให้นิพนธ์ หันหัวไปช่วยสุพิศ

ที่ต้องจับตากับท่าทีที่นิ่งๆของ ‘ถาวร เสนเนียม’ อดีตรัฐมนตรีช่วยคมนาคม ว่าท้ายที่สุดแล้ว ยังจะนิ่งต่อไป หรือหันไปช่วยใคร ‘ถาวร’ คงจะกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย ถ้าจะไปช่วยสุพิศ เพราะมีนิพนธ์ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกันมาตลอดจองหัวคิวไว้ก่อนแล้ว แม้ ‘ถาวร’ กับนายกฯชายจะไม่ได้มีปัญหาอะไรกันก็ตาม

ศึกชิงเก้าอี้นายกฯอบจ.สงขลา ครั้งใหม่นี้ ถือว่าเป็นศึกคนกันเอง เพราะ ‘สุพิศ-ไพเจน’ ต่างก็โตมาจากสายกรมชลประทานด้วยกัน แม้ระหว่างทางจะมีปัญหากันบ้างก็เหมือนลิ้นกับฟัน

แต่ศึกชิงนายกฯอบจ.สงขลา ให้จับตา ‘ศึกชิงเลือดน้ำเงินขาวด้วย

ลุ้น ‘นิพนธ์-นายกฯชาย’ จะเลือก ‘เก่า หรือ ใหม่’ ยืนอยู่ฝั่งไหนในศึกชิง ‘นายกฯอบจ.สงขลา’

(5 พ.ย. 67) น่าสนใจเมื่อ ‘สุพิศ พิทักษ์ธรรม’ อดีตอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ประกาศเจตนารมณ์ ‘ทดแทนแผ่นดินเกิด เดินตามรอย ‘ป๋า-พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์’ อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตประธานองคมนตรี รัฐบุรุษอาวุโสผู้ล่วงลับ

สุพิศ ยังโพสต์เฟซบุ๊ก ระบุข้อความ ‘ พร้อม’ ชีวิตนี้เพื่อสงขลา หรือแม้แต่ ‘ผู้ประสานสิบทิศ สุพิศ พิทักษ์ธรรม ชีวิตนี้พร้อมเพื่อสงขลา

ประโยคเหล่านี้เป็นการสะท้อนเจตนารมณ์ ในการใช้ชีวิตหลังจากนี้ไป คือการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ที่ปัจจุบันมี ‘ไพเจน มากสุวรรณ์’ นั่งบริหารอยู่ และจะหมดวาระในวันที่ 19 ธันวาคม 2567 นี้ และจะมีการเลือกตั้งใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2568สุพิศยังกล่าวอ้างถึงผู้หลักผู้ใหญ่สองคนว่าให้การสนับสนุน คือ นิพนธ์ บุญญามณี อดีตนายกฯอบจ.สงขลา อดีตรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย และนายกฯชาย-เดชอิศม์ ขาวทอง อดีตนายกฯอบจ.สงขลา รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข ก็ไม่แน่ใจว่า สองคนที่สุพิศกล่าวอ้างถึง ได้มีการคุยกันในรายละเอียดแล้วมากน้อยแค่ไหน เพราะยังมีรายละเอียดของการสนับสนุนอีกมาก และที่น่าจะเป็นประเด็น คือการจัดทีมคนลงสมัคร ส.อบจ.ในอนาคตด้วย ซึ่งแน่นอนว่า ทั้งนิพนธ์ และนายกฯชาย จะต้องส่งคนของตัวเองไปสมัครเป็น ส.อบจ.ด้วย สุพิศเองก็ต้องมีคนของตัวเองลงสมัครด้วย บวกรวมกับส.อบจ.เก่า น่าจะเกิดปัญหาความซ้ำซ้อนกันในพื้นที่

การได้ถ่ายรูปร่วมกันในวันชิงชนะเลิศฟุตบอลคิงคัพ อาจจะไม่ใช่สัญญาณ 100% ว่าให้การสนับสนุน เพียงแต่สถานการณ์บังคับ ต้องได้ยินจากปากของทั้งสองท่าน หรือได้เห็นพฤติกรรมของการช่วยเหลือ จึงจะเชื่อได้ว่า สนับสนุนจริง การได้พบปะกินข้าวกันในวันเสาร์-อาทิตย์ ที่บ้านเขารูปช้าง ถือเป็นเรื่องปกติที่นิพนธ์เปิดรับผู้สนับสนุนทุกอาทิตย์อยู่แล้ว

ยังเชื่อไม่ได้ 100% ว่า นิพนธ์ นายกฯชาย จะให้การสนับสนุนสุพิศ จนกว่าจะได้เห็นอะไรที่ชัดกว่านี้ สำหรับนิพนธ์ ผมเชื่อว่า ‘เลือดข้นกว่าน้ำ’ ด้วยเลือด ‘น้ำเงินขาว’ จากรั้วมหาวชิราวุธเช่นเดียวกับ ‘ไพเจน’ ใจของนิพนธ์จึงน่าจะอยู่กับไพเจนมากกว่า ส่วนเรื่องความหมองใจกันน่าจะเป็นเรื่องเล็กที่เคลียร์ใจกันได้ คุยกันได้ ผิดก็ขอโทษกันไป ปัญหาชาติบ้านเมืองสำคัญกว่า 

ส่วนนายกฯชายเดิมใจอยู่กับไพเจนอยู่แล้ว เขานัดเจอกันบ่อย แต่ด้วยแรงดูดที่หนักหน่วงทำให้ใจของนายกฯชายไขว้เขวไปบ้าง แต่ถึงวันหนึ่งเมื่อทุกอย่างตกผลึก เชื่อว่า ยังมีเวลาให้เปลี่ยนใจได้ อนาคตกับที่ยืนสำคัญกว่า

กล่าวสำหรับสุพิศการกล่าวว่าจะเดินตามรอยป๋า ไม่ได้เป็นผลดีต่อเขามากนัก เพราะป๋า มีภาพลักษณ์ที่ดี มีคุณธรรม จริยธรรมที่สูงส่ง นอกจาก ‘เกิดมาต้องทดแทนบุญคุณแผ่นดิน’ แล้ว ป๋า ยังเป็นคนที่ซื่อสัตย์ สุจริต เป็นที่ประจักษ์ ไม่มีข้อกล่าวหา ร้องเรียนตลอด 8 ปี ของการเป็นนายกรัฐมนตรี

อีกแค่เดือนกว่าๆ นายกฯไพเจนจะหมดวาระแล้ว และอีกไม่กี่วันก็จะได้รู้ข้อเท็จจริงว่า นิพนธ์-นายกฯชาย ช่วยใครกันแน่ หรืออาจจะวางเฉยในสถานการณ์ได้เสียก็เป็นได้

ทีม ‘สุพิศ’ เร่งถอดบทเรียนก่อนเดินต่อ ‘นายกฯอบจ. สงขลา’ หลัง ปชป.เสียทีในสนามเลือกตั้ง ‘นายก อบจ.นครศรีฯ’

เป็นที่รับทราบกันแล้วสำหรับผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ผลปรากฏน้ำท่วมเมืองนครศรีฯ ‘น้ำ-วาริน ชิณวงศ์’ จากสายสีน้ำเงิน เอาชนะ ‘เจ้ต้อย-กนกพร เดชเดโช’ จากค่ายสีฟ้ากว่า 30000 คะแนน

สรุปนะครับ #ผลนับคะแนนเลือกตั้งนายกฯอบจ.นครศรี
-เบอร์ 2 328,823 (น้ำ)
-เบอร์ 1 294,835 (เจ้ต้อย)
-เบอร์ 4 31,586 (ชัย)
-เบอร์ 3 3,657 (อาญาสิทธิ์)

ต้องยอมรับความจริงว่า เจ้ต้อยถึงแม้จะแพ้การเลือกตั้ง แต่มีคะแนนมากกว่าการเลือกตั้งเมื่อ 20 ธันวาคม 2563 เพราะครั้งนั้น เจ้ต้อยได้มา 260000 กว่าคะแนน เพียงแต่ 300000 กว่าคะแนนที่เพิ่มขึ้นยังไม่อาจต้านกระแสแรงของน้ำได้

ความจริงประการหนึ่งที่ต้องยอมรับในวันที่น้ำเปิดตัว และไปยื่นใบสมัคร ยังมีคนนครศรีฯจำนวนมากถามกันว่า เบอร์ 2 คือใคร น้ำเป็นใคร ในขณะที่เจ้ต้อยคนรู้จักกันทั้งจังหวัด แต่ผ่านไปเพียงสองอาทิตย์คำถามว่า เบอร์ 2 คือใคร เริ่มไม่ได้ยินคำถามนี้ แต่กลับเริ่มมีกระแสเปลี่ยนเลือก 'น้ำเบอร์ 2' เหตุผลสำคัญของกระแสเปลี่ยนมาจากหลากหลายเหตุผล

พิจารณาประเด็นของน้ำก่อน ด้วยบุคลิกของสาวมั่น พูดจาฉะฉาน ปราศรัย หรือให้สัมภาษณ์ไม่ต้องดูโพย อันเป็นการสะท้อนว่า รู้จริง ทำการบ้านมาดี นโยบายที่เน้นไปทางเศรษฐกิจ มันตรงกับสภาวะปัจจุบันของคนไทย เมื่อบวกรวมกับทีมยุทธศาสตร์ผู้ช่ำชองการเลือกตั้ง ทีมสื่อที่ทำสื่อเสนอผ่านโซเชียลอย่างเป็นระบบ ส่งเข้าถึงห้องนอนของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทุกช่วงวัย การปราศรัยของน้ำในช่วงโค้งท้าย ๆ สะท้อนความมั่นใจ ความเชื่อมั่นสูง อันเป็นภาวะผู้นำ

การประกาศเป็นยุทธศาสตร์ของน้ำ “ไม่ซื้อเสียง ไม่มีหัวคะแนน” ถือเป็นการสวนกระแสที่ท้าทายกับภูมิทัศน์การเมืองใหม่ จึงมีคำถามตามมาว่า ไม่ซื้อเสียง ไม่มีหัวคะแนนจะชนะอย่างไร จะเอาคะแนนมาจากไหน

ส่วนเจ้ต้อย ไม่ได้มีข้อด้อยอะไรมาก เพียงแต่โดนหนักประเด็นลาออกแล้วมาสมัครใหม่ ทำให้ต้องเสียงบจัดการเลือกตั้งสองครั้ง 100 กว่าล้าน กับเรื่องการไปเน้นการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน(ถนน)มากไป กับการเป็นบ้านใหญ่ การเมืองครอบครัว

แต่ประเด็นที่เจ้ต้อยโดนหนักไปตกอยู่กับ 'แทน-ชัยชนะ เดชเดโช' สส.นครศรีฯ (ลูกชาย) รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบารมีล้นเมืองคอน การนำพาพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ (ลูกสาวทักษิณ ชินวัตร) ที่คนใต้ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย การด้อยค่า ม.ทักษิณ รวมถึงประเด็นเนรคุณ ที่มีการหยิบยกขึ้นมาพูดถึงกันมากในช่วงท้ายของการหาเสียง อันเกิดจากแทนไปพาดพิงถึงสองพี่น้องตระกูลยุติธรรมว่า สอบตกทั้งคู่ 

ประกอบกับคนไม่เอาประชาธิปัตย์ ไม่ชอบแทน มาร่วมกันรุมช่วยน้ำไม่ว่าจะเป็นเทพไท เสนพงศ์ (คึก) พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล (ปุ้ย) เมื่อบวกรวมกับผู้แพ้ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นอนันต์ ทองอุ่น, อำนวย ยุติธรรม, สนั่น พิบูลย์ เป็นต้น ล้วนสร้างแรงบวกให้น้ำทั้งนั้น เมื่อสื่อโซเชียลมาช่วยเสริมจึงทำให้น้ำเป็นฝ่ายกำชัยในที่สุด

แต่ที่น่าสนใจคือแรงกระเพื่อมหลังจากนี้ ทั้งแรงกระเพื่อมในจังหวัด และแรงกระเพื่อมไปยังจังหวัดข้างเคียง แรงกระเพื่อมในจังหวัดต้องรอดูการเลือกตั้ง สส.ในสมัยหน้า เพราะการเลือกตั้งนายกฯอบจ.ประชาชนได้สอนบทเรียนให้ประชาธิปัตย์อย่างเจ็บปวดแล้ว จะแลนด์สไลด์ไปถึงเลือก สส.ด้วยหรือไม่

มีการกล่าวถึงนครโมเดล จะมีการเปรียบเทียบไปถึงสงขลา จะเอานครโมเดลไปใช้ที่สงขลาได้หรือไม่ สงขลาแน่ชัดแล้วว่า ไพเจน มากสุวรรณ์ นายกฯอบจ.คนปัจจุบัน อำลาเวที ‘สุพิศ พิทักษ์ธรรม’ อดีตอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ลาออกจากราชการเปิดตัวลงชิงนายกฯอบจ.สงขลา ภายใต้การสนับสนุนของ ‘นายกฯชาย เดชอิศม์ ขาวทอง’ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ รมช.สาธารณสุข และนิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทย ด้วยเห็นความมุ่งมั่น ตั้งใจของสุพิศที่อาสาเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เมืองสงขลา ด้วยความพร้อมทั้งครอบครัว และธุรกิจ ประสบการณ์

ส่วนคู่แข่งของสุพิศ ที่ชัดเจนแล้ว มีเพียง ‘นิรันดร์ จินดานาค’ จากพรรคประชาชน ในทางการเมืองสำหรับสงขลาแล้ว นิรันดร์ ยังไม่เท่าไหร่ อยู่ที่การสร้างนโยบาย สร้างกระแส และทีมงานพรรคประชาชนว่าจะช่วยได้แค่ไหน ส่วนคนอื่นๆยังไม่ชัดว่าจะมีใครลงแข่งบ้าง ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทย หรือพรรคอื่นก็ยังไม่เห็นขยับชัด

การจะเอานครโมเดลมาใช้กับสงขลาจึงน่าจะยังยากอยู่ เพราะผู้สนับสนุนหลักของสุพิศ ไม่ได้มีส่วนได้เสียกับการแพ้-ชนะ ไม่ใช่คนในครอบครัวเดียวกับ การที่จะมีใครสักคนลุกขึ้นมาประกาศเป็นยุทธศาสตร์ 'ไม่ซื้อเสียง-ไม่มีหัวแนน' ตามนครโมเดล สำหรับสงขลาคงจะยาก เว้นเสียแต่ว่า พรรคภูมิใจไทย ไปเฟ้นหาคนใหม่ ใส ๆ มาแบบน้ำ และหาทีมบริหารดี ๆ เข้ามา สร้างนโยบายที่โดดเด่น แตกต่าง 

วันนี้สำหรับขั้วประชาธิปัตย์ ที่หันไปสนับสนุนสุพิศ คงต้องนำบทเรียนจากนครศรีฯมาทบทวน และหาข้อสรุป เพื่อกำหนดเป็นแนวทาง ถึงจะเห็น 'ชัย' ของ 'สุพิศ' เงินไม่ใช่ตัวกำหนดชัยชนะ 

‘นครโมเดล’ สะเทือน!! ถึง ‘สงขลา’ ถ้า ‘ไพเจน’ ปักหลักสู้!! ‘สุพิศ’ ก็เหนื่อย

(30 พ.ย. 67) พลันเมื่อ ‘ไพเจน มากสุวรรณ์’ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (อบจ.สงขลา) ถอนตัวไม่ลงรักษาแชมป์ ชื่อของ ‘สุพิศ พิทักษ์ธรรม’ อดีตอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ที่ลาออกจากราชการ มาอาสาเปลี่ยนแปลงเมืองสงขลาก็โดดเด่นอยู่คนเดียว

‘สุพิศ’ มีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะเข้ามาขอทำงานเปลี่ยนแปลงเมืองสงขลา ด้วยยแนวคิด ‘สงขลาเมืองสะอาด’ อันสะท้อนให้เห็นว่า สงขลายังมีอะไรอีกหลายอย่างที่จะต้องปัดกวาดแก้ไข และมองเห็นปัญหาบ้านเกิดอีกหลายอย่างถึงยอมเสียสละหน้าที่ราชการในระดับอธิบดีที่ไม่ใช่จะเป็นกันง่ายๆ

เมื่อไพเจนถอนตัว เส้นทางนายกฯอบจ.สงขลาของสุพิศก็คล่องขึ้น หายใจสะดวกขึ้น ถ้าสุพิศปักหลักสู้ สุพิศก็จะเหนื่อย เพราะ 4 ปีของไพเจนบนตำแหน่งนายกฯอบจ.สงขลา แน่นอนว่า คนสงขลาจะต้องมองเห็นผลงานมากกว่าของสุพิศ

แต่แม้นสุพิศ พิทักษ์ธรรม จากทีมสงขลาพลังใหม่ จะยืนโดดเด่นอยู่คนเดียวก็ยังจะประมาทไม่ได้ ยังมีนิรันดร์ จินดานาค จากพรรคประชาชน ที่พรรคใช้ความพยายามอย่างแรงกล้าในการขอแจ้งเกิดในสนามท้องถิ่น แต่ยังไม่เคยสำเร็จ และไม่ควรลืมว่า สงขลาคือบ้านเกิดของ ‘ชัยธวัช ตุลาธน’ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ต้นธารของพรรคประชาชน และยังมีน.ส.อภิญญา ยอดแก้ว ผู้สมัคอิสระ ที่เปิดตัวเสนอเป็นนายกอบจ.หญิงคนแรกของ จ.สงขลา ก็จะมาร่วมแบ่งคะแนนในรอบนี้ด้วย

แต่นั้นยังไม่น่าประหวั่นพลั่นพรึงเท่ากับการปรากฏชื่อ ‘ถาวร เสนเนียม’ จะร่วมลงชิงกับเขาด้วย เพราะไม่ควรลืมว่า ถาวร คืออดีต สส.สงขลาหลายสมัย อดีตอัยการที่คนสงขลารู้จัก แถมยังผ่านงานบริหารราชการแผ่นดินมาแล้วถึงสองกระทรวง รมช.มหาดไทย และ รมช.คมนาคม มีประสบการณ์ และคุณสมบัติพร้อม

แม้ถาวรจะยังไม่ตัดสินใจว่าจะลงสมัคร เพราะยังมีข้อกังวลเรื่องคดีที่รอศาลฏีกาตัดสิน ถาวรเกรงว่า ถ้าลงสมัครแล้วได้รับเลือกตั้ง แต่อีก 1 ปีต่อมาศาลฏีกาตัดสินออกมาเป็นลบ อบจ.สงขลาก็ต้องสูญเสียงบร่วม 100 ล้าน เพื่อจัดเลือกตั้งใหม่

แต่พลันที่มีชื่อถาวรปรากฏผ่านสื่อโซเชี่ยล ข่าวถูกแชร์ไปทั่ว เพียงวันเดียวก็สร้างความฮือฮาไปทั่ว ร้านน้ำชากาแฟต่างกล่าวขานถึงในเชิงสนับสนุน-เหมาะสม สมน้ำสมเนื้อกับสุพิศ ‘ถาวร’ ขอเวลา 4-5 วันในการประเมินคดี ประชุมร่วมกับทนายความเพื่อประเมินว่าคดีจะออกมาทางบวก หรือทางลบ แล้วจะตัดสินใจ แล้วจะแถลงข่าวให้ทราบโดยทั่วกัน เพียงแต่ถาวรอาจถูกตั้งคำถามเรื่องอายุ แต่ในทางการเมืองอายุเป็นเพียงตัวเลข โดนัล ทรัมป์ อายุเท่าไหร่แล้ว โจ ใบเด็น อายุเท่าไหร่กว่าจะหยุด

ที่ต้องประหวั่นพลั่นถึงถ้าถาวรลงสมัคร เพราะถาวรไม่ได้ไปคนเดียว เขามีองคาพยพมากมายในการจัดทัพกับช่วงเวลาสั้นๆ และอาจจะมีพรรครวมไทยสร้างชาติที่เขาสังกัดอยู่สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง และมีพรรคภูมิใจไทย ที่มีพิพัฒน์ รัชกิจประการ เป็นแม่ทัพภาคใต้อยู่ และ ดร.นที รัชกิจประการ ภรรยา ก็จะพ้นโทษออกจากคุกในวันที่ 8 ธันวาคมนี้แล้ว ก็จะมาเป็นมือเป็นไม้ได้เป็นอย่างดี

สรุปความง่ายๆ ว่า ถ้าถาวรลงสมัคร ก็จะเป็นคู่ชิงของสุพิศที่สนุก เพราะเป็นสนามของคนรู้ใจ รู้เกมกันอยู่ แต่ถ้าถาวรไม่ลงสุพิศก็จะลอยลำ แต่ทำอย่างไรให้สุพิศ สลัดพรรคประชาธิปัตย์ให้พ้นตัว เดินออกห่างจากคนที่คนสงขลา และคนใต้ไม่ชอบให้ดี เพราะจะเป็นตัวถ่วงคะแนนในสถานการณ์ประชาธิปัตย์ขาลง อ่อนแอ

ประชาธิปัตย์อ่อนแอจนนำพาให้ ‘เจ้ต้อย-กนกพร เดชเดโช’ พ่ายแพ้ในสนาม อบจ.นครศรีฯ เปิดทางให้ ‘น้ำ-วาริน ชิณวงศ์’ เข้ามาสร้าง ‘นครโมเดล’ ได้สำเร็จ

นครโมเดล
-ไม่ซื้อเสียง
-ไม่มีหัวคะแนน
-ไม่ฮั้วประมูล
-ไม่โกงกิน
-ไม่รังแกคนอื่น
-ไม่ใช่บ้านใหญ่

นครโมเดลนอกจากการสร้างปรากฏการณ์เหล่านี้แล้ว ‘นครเข้มแข็ง’ ยังใช้สื่อโซเชี่ยลในการแนะนำตัว หาเสียงอย่างเป็นระบบ เนื้อหาที่โดนใจในอารมณ์คนนครฯ ที่ต้องการเปลี่ยนแปลง ประกอบกับบุคลิกการเป็นผู้นำที่เข้มแข็งของสาวมั่น จึงทำให้นครโมเดลสำเร็จ

ความพ่ายแพ้ของเจ้ต้อย ทำให้นครโมเดลถูกกล่าวขานถึง และสั่นสะเทือนไปถึงสงขลา นี้คือปรากฏการณ์ที่ ‘สุพิศ’ ต้องทบทวน และกำหนดทิศทางใหม่ให้ชัดเจน

‘ถาวร’ ยังไม่ชัด ‘ไพเจน-แบน-สุพิศ’ ชัดเจนแล้ว ศึกเลือกตั้ง ครั้งใหญ่!! ชิงนายกฯ อบจ.สงขลา

(7 ธ.ค. 67) แม้ ‘ถาวร เสนเนียม’ อดีตรัฐมนตรีช่วยคมนาคม จะยังไม่ชัดว่าจะลงสมัครชิงเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาหรือไม่ แต่สำหรับ ‘นายกฯแบน’ ประสงค์ บริรักษ์ อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเขารูปช้าง ได้ตัดสินใจแล้ว ลงสมัครนายกฯอบจ.สงขลาแน่นอน แต่ไม่ส่ง ส.อบจ.นะ

“ลงสมัครแน่นอน ถ้าไม่มีปัญหาเกี่ยวกับคดีที่อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ รอประชุมกับทีมทนายความประเมินคดี แนวทางการสู้คดี ถ้าทนายความประเมินผลออกมาทางบวก ก็จะลงสมัคร ถ้าผลออกมายังไม่แน่ใจ หรือออกมาเป็นลบ ก็จะไม่ลงสมัคร” ถาวร กล่าว

ถาวร กล่าวต่อว่า คดีในชั้นอุทธรณ์น่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 1 ปี ถ้าตนลงสมัครแล้วได้รับเลือก แต่ประมาณ 1 ปี ถ้าศาลตัดสินจำคุก ก็จะขาดคุณสมบัตินายกฯ อบจ.ต้องจัดเลือกตั้งใหม่

“ผมไม่อยากให้ อบจ.สงขลาต้องสูญเสียงบประมาณร่วม 100 ล้านบาทมาจัดการเลือกตั้งนายกฯอบจ.ใหม่ อันเป็นงบประมาณจากภาษีประชาชน 100 ล้านทำอะไรได้อีกมาก สร้างถนนในระดับหมู่บ้านได้หลายสาย” ถาวร กล่าว

ถาวร กล่าวย้ำว่า กลางเดือนธันวาคมจะทราบผลการประเมินคดีจากทีมทนายความ ทราบผลก็จะได้ตัดสินใจ และแถลงข่าวให้ประชาชนทราบ

หลังสื่อบางสำนักรายงานว่า ถาวรจะจับมือกับโกเกี๊ยะ (ภูมิใจไทย) ส่งถาวรลงชิงนายกฯ อบจ.สงขลา มีกระแสตอบรับดีมาก ร้านน้ำชา-กาแฟ มีการพูดถึงในเชิงบวก บางคนพูดย้ำว่าพร้อมสนับสนุนช่วยเหลือในการหาเสียง รอเพียงถาวรตัดสินใจเท่านั้น

สำหรับ ‘สุพิศ พิทักษ์ธรรม’ อดีตอธิบดีกรมฝนหลวง หลังเปิดตัวลงชิงเก้าอี้นายกฯอบจ.สงขลา ครึกโครม แต่หลังจากนั้นเงียบไปในสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ของสงขลา เข้าใจว่าเดินทางไปต่างประเทศที่เตรียมการไว้ก่อนน้ำท่วมแล้ว ประกอบกับไม่อยากแจกของในช่วงใกล้วันสมัคร จะวุ่นวายกับการถูกร้องเรียน แน่นอนว่าถ้าถาวรลงก็จะไปชิงคะแนนของสุพิศ เพราะถาวรอยู่คนละขั้วกับ ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ และ ‘เดชอิศม์ ขาวทอง’ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่ทั้งสองให้การสนับสนุนสุพิศ และคะแนนของไพเจน มากสุวรรณ์ นายกฯอบจ.คนปัจจุบันที่ไม่ลงสมัครต่อ ก็จะไหลไปทางอื่น ไม่ใช่ไหลไปสุพิศ ถ้าถาวรลง คะแนนไพเจนจะไหลไปถาวร ถ้าถาวรไม่ลงสมัครคะแนนอาจจะไหลไปพรรคประชาชน (นิรันดร์ จินดานาค)

แม้ไพเจนจะได้ประกาศชัดผ่านแถลงการณ์ ยืนยันไม่ลงสมัครต่อ แต่แฟนคลับ ขาเชียร์ก็ยังหนาแน่น วันที่ 19 ธันวาคม จะหมดวาระ ก็จะอำลาตำแหน่ง ทราบว่า จะมี ส.อบจ.ปัจจุบัน และว่าที่ผู้สมัคร ส.อบจ.ที่ไม่ใช่สายสุพิศ นำมวลชนมาให้กำลังใจไพเจน 2-3000 คน พร้อมกับโน้มน้าวให้กลับใจลงสมัครอีกสมัย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top