Sunday, 8 June 2025
เลิกจ้าง

Shopee กระอัก!! ขาดทุนหนักต่อเนื่อง เล็งปลดคน ShopeePay - ShopeeFood ในไทยกว่าครึ่ง

วันที่ 13 มิถุนายน 2565 เว็บไซต์ Dealstreetasia รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าววงในว่า ‘ช้อปปี้’ (Shopee) ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซในสิงคโปร์ ประกาศปลดพนักงานจำนวนมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งอินโดนีเซีย เวียดนาม และไทย

สำหรับประเทศไทยนั้น แหล่งข่าวของ Dealstreetasia ระบุว่าจะมีการปลดพนักงานในส่วนของ ShopeePay และ ShopeeFood มากถึง 50% ทั้งนี้ พนักงานของ Shopee ที่ถูกปลดทั้งหมดจะได้รับการแจ้งผ่านทางอีเมล

Dealstreetasia ยังระบุอีกว่าการปลดพนักงานจำนวนมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถูกประกาศภายในการประชุม Town Hall ระหว่างประเทศของบริษัทฯ ซึ่งจัดขึ้นในวันนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) แต่ไม่ได้มีการชี้แจงรายละเอียดที่ชัดเจนจากคณะผู้บริหารว่าเหตุใดจึงต้องปลดพนักงานจำนวนมากขนาดนี้

‘Lazada’ สั่งปลดพนักงานนับร้อยทั่วอาเซียน หวยออก ‘สิงคโปร์’ ถูกปลดออกมากที่สุด

(5 ม.ค. 67) สำนักข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC) รายงานว่า ‘ลาซาด้า’ (Lazada) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเครือบิ๊กเทคสัญชาติจีน ‘อาลีบาบา’ (Alibaba) ได้เลิกจ้างพนักงานทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลายร้อยชีวิตเมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา

รายงานข่าวระบุว่า การเลิกจ้างครั้งนี้ส่งผลกระทบกับพนักงานในสิงคโปร์มากที่สุด แต่ส่งผลกระทบถึงพนักงานในประเทศอื่น ๆ ที่ Lazada ได้ให้บริการเช่นกัน ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม

โดยพนักงานที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือพนักงานที่อยู่ในฝ่ายการขาย ค้าปลีก และการตลาด

ตัวแทนของ Lazada สิงคโปร์ กล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า บริษัทกำลังปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเพื่อเร่งการทำงานแบบเชิงรุก และพัฒนาบริการให้คล่องตัวมากขึ้น พร้อมต่อการตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ตัวแทนรายดังกล่าวยังไม่ยืนยันเกี่ยวกับรายละเอียดการปรับลดพนักงานในครั้งนี้

ทั้งนี้ การปลดพนักงานของ Lazada เกิดขึ้นท่ามกลางการแข่งขันอย่างรุนแรงของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็นช้อปปี้ (Shopee) และ TikTok Shop ที่บุกตลาดเข้ามาเรื่อย ๆ พร้อมทั้งมีทิศทางการเติบโตของแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง

‘Citigroup’ จ่อปลดพนักงาน 20,000 คน ภายใน 2 ปีหน้า หลังเผชิญวิกฤตขาดทุนหนัก เลวร้ายที่สุดในรอบ 15 ปี!!

(13 ม.ค.67) สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ‘ซิตี้กรุ๊ป’ จะเลิกจ้างพนักงาน 20,000 คน ในอีก 2 ปีข้างหน้า โดย ‘มาร์ค มาสัน’ กล่าวว่า การลดจำนวนลงนี้เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทรายงานผลการขาดทุนสุทธิ 1.8 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 62,900 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 ซึ่งเป็นไตรมาสที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 15 ปี

ธนาคารคาดว่าการลดจำนวนพนักงานจะช่วยประหยัดเงินได้ 2.5 พันล้านดอลลาร์ในระยะยาว หรือราว 87,300 ล้านบาท

ทั้งนี้ ธนาคารรายงานการสูญเสียกำไรมหาศาล ที่ 1.16 ดอลลาร์ต่อหุ้นในไตรมาสที่ 4 ซึ่งต่ำกว่าประมาณการที่ขาดทุน 11 เซนต์ต่อหุ้น

ซิตี้กล่าวว่า มีค่าใช้จ่ายประเภทครั้งเดียวหลายครั้งที่ส่งผลต่อผลลัพธ์ ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่าย 1.7 พันล้านดอลลาร์ ที่ธนาคารต้องจ่าย เกี่ยวข้องกับวิกฤตธนาคารในภูมิภาค เมื่อฤดูใบไม้ผลิที่แล้ว การสูญเสีย 880 ล้านดอลลาร์ในอาร์เจนตินา และ 800 ล้านดอลลาร์ ในต้นทุนการปรับโครงสร้าง ที่เกี่ยวข้องกับการเลิกจ้าง ประมาณ 7,000 คนในปี 2566

นอกเหนือจากการลดพนักงาน 20,000 ตำแหน่ง ในส่วนการดำเนินงานของบริษัทแล้ว ธนาคารยังจะปลดพนักงาน 40,000 คน ในเม็กซิโก ผ่านการเสนอขายหุ้น IPO ซึ่งจะทำให้จำนวนพนักงานทั้งหมดของบริษัทเหลือประมาณ 180,000 คนจาก 240,000 คน

บริษัทยังกล่าวว่า คาดว่าจะจ่ายเงินชดเชยและค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างองค์กรมูลค่าสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์

ด้านโฆษกของผู้ให้กู้ยืมรายหนึ่งในสหรัฐฯ เผยว่า การปลดพนักงานจะเกิดขึ้นทั่วโลก และปฏิเสธที่จะแจกแจงตัวเลขตามภูมิภาค

ทั้งนี้ ‘เจน เฟรเซอร์’ ซีอีโอของซิตี้กรุ๊ป ได้ประกาศความพยายามในการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ครั้งแรกเมื่อกันยายนปีที่แล้ว โดยวางแผนที่จะจัดความเป็นผู้นำของธนาคารใหม่ เพิ่มความับผิดชอบ และว่าจะต้องมีพนักงานที่น้อยลง

ประกันสังคมปรับเพิ่มสิทธิ 'ว่างงานจากการเลิกจ้าง' รับเงินทดแทนเป็น 60% จากเดิม 50% ของค่าจ้าง

(8 พ.ค. 68) นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า สำนักงานประกันสังคม โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประกันสังคม ได้เสนอร่างกฎกระทรวง ปรับเพิ่มอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเหตุเพราะถูกเลิกจ้าง จากอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวัน เป็นร้อยละ 60 ของค่าจ้างรายวัน โดยได้รับครั้งละไม่เกิน 180 วันต่อปีปฏิทิน เพื่อให้ผู้ประกันตนที่ว่างงานจากการถูกเลิกจ้างได้รับประโยชน์ทดแทนเพียงพอต่อการดำรงชีวิตจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 68 ได้มีมติเห็นชอบ ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว อยู่ในขั้นตอนตามกฎหมายของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อดำเนินการส่งกลับมาให้สำนักงานประกันสังคมเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานลงนามในร่างกฎกระทรวง และส่งประกาศราชกิจจานุเบกษา โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันถัดจากวันประกาศ

นางมารศรี กล่าวต่อไปว่า ประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานนั้น นอกจากจะให้การดูแลลูกจ้างที่สิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกรณีถูกเลิกจ้างแล้ว ยังครอบคลุมถึงการว่างงานจากกรณีลาออก หรือสิ้นสุดสัญญาจ้างอีกด้วย โดยผู้ประกันตนจะได้รับเงินทดแทนในอัตราร้อยละ 30 ของค่าจ้างรายวัน ครั้งละไม่เกิน 90 วันต่อปีปฏิทิน ซึ่งการรับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานของผู้ประกันตนมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไข คือ จะต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้ว 6 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนการว่างงาน โดยมีระยะเวลาการว่างงานตั้งแต่ 8 วันขึ้นไป พร้อมทั้งต้องขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานผ่านเว็บไซต์ของกรมการจัดหางาน https://unemploy.doe.go.th และรายงานตัวผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ครั้ง ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1506 ให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

‘นิสสัน’ ประกาศเลิกจ้างพนักงาน เพิ่มอีก 11,000 คนทั่วโลก พร้อมปิดโรงงาน 7 แห่ง หลังยอดขายทรุดหนัก แผนควบรวมกับ ‘ฮอนด้า’ ก็ล่ม

(14 พ.ค. 68) นิสสัน ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น เตรียมเลิกจ้างพนักงานเพิ่มเติม 11,000 คน และปิดโรงงาน 7 แห่งทั่วโลก หลังจากยอดขายลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในจีนและสหรัฐฯ สองตลาดหลักที่มีการแข่งขันสูงและมีแรงกดดันด้านราคา ทำให้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อรายได้ของบริษัท พร้อมกันนี้การควบรวมกิจการกับฮอนด้าและมิตซูบิชิที่คาดว่าจะช่วยพลิกฟื้นสถานการณ์ก็ล้มเหลวในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

การปลดพนักงานครั้งนี้นับเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลดต้นทุนอย่างเข้มข้น ซึ่งรวมถึงการลดการผลิตทั่วโลกลง 20% ส่งผลให้ยอดเลิกจ้างสะสมในปีที่ผ่านมาพุ่งแตะ 20,000 ตำแหน่ง คิดเป็น 15% ของกำลังพลทั้งหมด โดยสองในสามของตำแหน่งที่ถูกตัดจะอยู่ในภาคการผลิต ส่วนที่เหลือกระจายอยู่ในสายงานขาย งานบริหาร และงานวิจัย

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ นายอีวาน เอสปิโนซา ระบุว่า ปีงบประมาณที่ผ่านมานับเป็นปีที่ท้าทายที่สุดของบริษัท ด้วยต้นทุนที่สูงขึ้นและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ โดยนิสสันรายงานผลขาดทุนประจำปีถึง 670,000 ล้านเยน (ราว 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ทั้งนี้ บริษัทยังไม่สามารถให้แนวโน้มรายได้ในปีหน้าได้ เนื่องจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ยังคงไม่มีความชัดเจน

นอกจากการปลดพนักงาน นิสสันยังยกเลิกแผนลงทุนสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่และรถยนต์ไฟฟ้าในญี่ปุ่น ขณะที่ตลาดหลักอย่างจีนเผชิญการแข่งขันรุนแรงจากผู้ผลิตท้องถิ่น เช่น BYD ส่วนในสหรัฐฯ อัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อที่สูงขึ้นก็ฉุดรั้งยอดขายรถใหม่ แม้จะมีการฟื้นตัวเล็กน้อยในช่วงปีที่ผ่านมา ขณะที่รัฐบาลอังกฤษกำลังจับตาว่าโรงงานในเมืองซันเดอร์แลนด์จะได้รับผลกระทบจากแผนปรับโครงสร้างนี้หรือไม่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top