Tuesday, 22 April 2025
เปลวสีเงิน

‘สมยศ’ นายกสมาคมฟุตบอลฯเก้าอี้สั่น ‘เปลว สีเงิน’ แจกใบแดง "ลาออกเถอะ"

ภายหลังจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ได้กำชับให้ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ คว้าเหรียญทองซีเกมส์ ที่ประเทศกัมพูชา มาให้ได้ ถ้าไม่ได้ นายกสมาคมต้องลาออก

เมื่อได้รับบัญชามาเช่นนั้น ส.ลูกหนังไทย และบริษัทไทยลีก จำกัด เรียกประชุมปรับโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพ, ฟุตบอลถ้วย ในช่วงเลกที่ 2 ของฤดูกาล 2022-23 ทันที เพื่อเปิดทางให้ทีมชาติไทยได้มีเวลาเตรียมทีมซีเกมส์มากขึ้น

โดยฟุตบอลไทยลีก 1 เลกสอง จะเปิดวันที่ 21-22 ม.ค.66 และปิดฤดูกาล 22 เม.ย.66 (จากเดิมจะจบเดือน พ.ค.66) พร้อมกระชับโปรแกรมไทยลีก โดยใช้ช่วงฟีฟ่าเดย์ จำนวน 3 นัด ประกอบด้วย เพิ่มเกมกลางสัปดาห์ 2 นัด คือ วันที่ 14-16 มี.ค.66 และวันที่ 28-30 มี.ค.66 ทำให้ไทยลีก จบฤดูกาลในวันที่ 22 เม.ย.66 ซึ่งจบก่อนที่ซีเกมส์ 2023 จะเริ่มขึ้น ระหว่างวันที่ 28 เม.ย.-16 พ.ค.66 

เมื่อส.ฟุตบอลไทยฯ ประกาศขยับโปรแกรมการแข่งขันใหม่ ทำให้หลายทีมในไทยลีก ต่างแสดงความไม่พอใจและไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะทีมใหญ่ อย่าง บุรัมรัมย์ ยูไนเต็ด และบีจีปทุม ยูไนเต็ด รวมถึงแฟนบอลที่ไปที่มองว่า ไม่เป็นมืออาชีพ

แม้แต่ ‘เปลว สีเงิน’ คอลัมนิสต์ชื่อดัง แห่งหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ยังหยิบยกเรื่องนี้ มาเขียนเป็นบทความอย่างดุเดือด โดยมีเนื้อหาว่า ..

'อ๊อด...พี่เลิกอุ้ม' นะ

วันนี้ ขอคุย 'ข้ามสายพันธุ์' ซักหน่อย

เรื่อง 'ฟุตบอล' ครับ!

ไม่ได้คุยในฐานะ 'คอบอล' แต่คุยในฐานะคนไทย ที่ยอมรับว่า 'ฟุตบอล' คือ 'ราชันของกีฬา-หน้าตาของประเทศ'

แต่ นับตั้งแต่ 'พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง' เข้ามาบริหาร ในฐานะ 'นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย' ตั้งแต่ปี ๒๕๕๙ เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

เอากันตรง ๆ ฟุตบอลไทย ที่เคยมีสีสัน ฟู่ฟ่า

จาก 'บอลแก้บน'

เกิด 'ไทยลีก' เป็นบอลอาชีพ พีกสุดขีด เป็นบอลระดับพัน ๆ ล้าน เกิดสโมสรมากมาย ปั้นนักเตะป้อนตลาด แข่งทีไร สนามแตกทีนั้น

อนาคตฟุตบอลไทยเจิดจ้า จนพูดจากันกระหึ่ม

"บอลไทยจะไปบอลโลก"!

มองจากฟีเวอร์สุด ๆ ก่อน พล.ต.อ.สมยศจะเข้ามาบริหาร คำว่า "บอลไทยจะไปบอลโลก" ไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อเลย

เพราะตอนนั้น วงการบอลไทย สร้างทั้งนักกีฬา  สร้างทั้งธุรกิจ สร้างทั้งชื่อ-ชั้น นักเตะไทยกระฉ่อน

เรียกว่า ปลุกวงการกีฬาฟุตบอล ไปถึงจุดบรรดาคอลูกหนัง ถึงขั้น "ยกกำปั้นทุบอก" ประกาศ

"บอลไทยอยู่ในสายเลือดผม"!

แต่แค่ ๕-๖ ปี 'ยุคสมยศ' ถึงวันนี้ ต้องบอกว่า ใครไม่อาย "ผมอาย" เพราะบอลไทยถอยหลัง "กู่ไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี"

ตัว 'นักกีฬา' นั้นยังเยี่ยม ด้วยอัจฉริยะแต่ละนักเตะ

แต่การบริหาร-จัดการของสมาคมฯ ดูจะยังแย่

ตกต่ำกว่ามาตรฐานอันควรเป็น จนทุกวันนี้ ดูเหมือนแฟน ๆ ที่บอก "บอลไทยอยู่ในสายเลือด" ต่างถอดใจ-ถ่ายเลือดกันไปมากต่อมาก

จากเป้า 'ไปบอลโลก' ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในตัวผู้บริหารสมาคมฯ อยู่ไปจนครบเทอม ในอีก ๒ ปี ข้างหน้า

จากเป้า 'บอลโลก'

น่าจะถอยกลับไปที่เป้า "บอลแก้บน" เหมือนเดิม!?

ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่ พล.ต.อ.สมยศ บริหารไม่เป็น บริหารไม่เก่ง

ท่านเป็น และเก่ง

แต่เป็นและเก่งด้านอื่น เช่น ด้านตำรวจ ด้านค้าขาย หรือจะด้านการเมือง ไปลงสมัคร ส.ส.อยุธยาหรือบุรีรัมย์ โอกาสรุ่ง มีมากกว่าจะอยู่บริหารวงการฟุตบอล

จำได้ ตอนท่านเกษียณ ประกาศว่า จะไปรณรงค์เรื่องบ่อนเสรี ผมก็สนับสนุนนะ นั่นดูจะเป็นงานถนัด ทำแล้วฟู่ฟ่ามากกว่าด้วยซ้ำ สำหรับท่าน

เพราะพูดกันตรง ๆ เรื่องฟุตบอลถึงท่านรู้ แต่ 'แค่รู้-แค่เป็น' มันยังไม่พอจะทำให้บอลไทยไปบอลโลกได้

อย่าว่าแต่บอลโลกเลย....

เอาแค่รักษา "มาตรฐานบอลลีกไทย" ไว้ให้ได้เหมือนเดิม แค่นั้่นก็ยากแล้ว!

ท่านดูซี วอลเลย์บอลหญิง เทควันโดหญิง แบดมินตัน และมวย ทั้งหญิงและชาย กระทั่ง 'ฟุตซอล' ในสังกัดสมาคมฟุตบอลฯ

เขาไป 'ระดับโลก' กันหมดแล้ว

เหลือแต่ 'ราชันของกีฬา' คือฟุตบอล เมื่อไหร่ล่ะ นักเตะไทย จะได้ไปอยู่ในแถว 'ราชาของบอลโลก' กะเขามั่ง?

อายเค้านะ...ท่าน?

แต่ถ้าท่านไม่อาย จะนั่งเป็นนายกฯ สมาคมบอลต่อไป ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมไม่เดือดร้อน เพราะผมไม่ใช่คอบอล แต่ถ้าวอลเลย์บอลหญิงหรือแบดมินตัน 'ห่วยแตก' แบบนี้ละก็ ผมต้องโวยแน่ เพราะวอลเลย์บอลหญิงกับแบดมินตัน มันอยู่ในสายเลือดผม

แต่ที่ต้อง 'เสือก' เกี่ยวกับฟุตบอล เพราะทนเห็นสภาพแม้แต่พัดลมยังต้องส่ายหน้าหนีท่านไม่ได้

อย่างน้อยคำว่า 'ทีมชาติไทย' ผมในฐานะคนไทย ก็มีส่วน 'ได้หน้า-เสียหน้า' อยู่ด้วย!

‘เปลว สีเงิน’ จวก ‘สื่อ – กลุ่มสามนิ้ว’ ป่วนเอเปค ซัด ดีแต่ทำตัวถ่วงชาติ แทนที่จะเป็นเจ้าบ้านที่ดี

เปลว สีเงิน นักหนังสือพิมพ์และคอลัมนิสต์ชื่อดัง เขียนบทความถึงกลุ่มคนบางกลุ่มที่พยายามปลุกม็อบให้ออกมาต่อต้านการประชุมเอเปค ที่กำลังจัดขึ้นในประเทศไทยในขณะนี้ ว่า 

ขอให้กูได้ 'ชังชาติ' เถอะ

'แขกบ้าน-แขกเมือง' ทยอยมาเหยียบชานเรือนแต่วาน (๑๖ พ.ย.๖๕) แล้วนะครับ

ประธานาธิบดีเวียดนาม 'นายเหวียน ซวน ฟุก' และภริยา เป็นท่านแรก ที่เดินมาถึง

ตามด้วย 'เจมส์ มาราเป' นายกฯ ปาปัวนิวกินี 'นายลี  เซียนลุง' นายกฯ สิงคโปร์

'นายเฟอร์ดินานด์ โรมูอัลเดซ มาร์กอส จูเนียร์' ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ 'นายกาบริเอล โบริซ ฟอนต์' ประธานาธิบดีชิลี

และ 'นายเอมมานูเอล มาครง' ประธานาธิบดีฝรั่งเศส

วันนี้ (๑๗ พ.ย.๖๕) เมื่อการประชุม G 20 ที่อินโดฯ จบ

ประธานาธิบดีจีน 'สี จิ้นผิง' และผู้นำอีก ๒๐ เขตเศรษฐกิจ รวมทั้งแขกรับเชิญของนายกฯ ก็จะทยอยมาถึงตามลำดับ

เพื่อเข้าร่วมประชุม APEC ระดับผู้นำ ระหว่าง  ๑๘-๑๙ พ.ย. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

เต็มที่ครับ...

คนไทยทุกคน พร้อมและตั้งอก-ตั้งใจทำหน้าที่ 'ประเทศเจ้าภาพ' ที่ดี แข็งขัน น่าชื่นใจจริง ๆ

แต่ก็นั่นแหละ ในมวลหมู่ดอกไม้ ย่อมมีหนอนจัญไร คอยชอนไชปะปน เป็นธรรมดา

ในขณะที่คนส่วนใหญ่ทั้งบ้าน-ทั้งเมือง ทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี

ก็มีขบวนการ 'แดง-ส้ม' สามนิ้ว และ 'นางหน้ามึน' แก๊งขี้ข้าองค์กรต่างชาติ ตัวเดิม ๆ ออกมาป่วนบรรยากาศ

ที่จริง ก็รู้อยู่ 'พวกนี้-พวกไหน' กินน้ำข้าวกระถางใคร?

มันคือ 'ขยะ' ไม่ต่าง 'หมาในคอก'

อ้างเป็น 'รุ่นใหม่' จะมานำชาติ นำพวก 'ชาติชั่ว' ด้วยกันละพอได้ แต่ที่สะเออะ จะมานำประเทศชาตินั้่น

ไปเล่นกันไกล ๆ เลย ไป๊!

ตัวการ 'ชังชาติ-ล่มสถาบัน' มันเอาไปปั่นสมอง ป้อนวาทกรรม ๓-๔ ประโยค ให้ท่องไว้พ่น เป็นนกแก้ว-นกขุนทองเข้าหน่อย

'สื่อร่วมแก๊ง' เชิญไปออกจอ ก็เหมือนนังรุ้ง ที่เจอคำถามอาจารย์อานนท์คราวนั้น

รุ่นใหม่ 'ขยะเปื้อนสารพิษ' นี่เหมือนกัน พ้นจากที่เขาสอนให้ท่องจำแล้ว ไม่ต่างจาก 'สากกะเบือ' ตรงไหน?

ทำซ่ากันไปเถอะ....

แค่ลูกกิ้งก่า คอยังสั้น อย่าชูให้มันสูง ด้วยผยองมี "ไอ้สามสัส" เป็นแบ็กใหญ่ และ 'ลูกพี่ใหญ่' ของมัน แถว ๆ 'ถนนวิทยุ' จะคุ้มกะลาหัวได้

ไอ้พวกนี้ 'ตาบอดไม่กลัวเสือ' ขนานแท้จริง ๆ!

มันชุมนุมบ้าง พยายามจะเข้าไปบริเวณที่ประชุมบ้าง ไปขึงป้าย ชูป้ายประท้วงการประชุม ด้วยคำหยาบ ๆ บ้าง

ความจริง ที่ทำกันนั้น เจตนาเดียวที่พวกนี้ต้องการ คือ

เป็น 'อีเวนต์' ให้สื่อที่ร่วมขบวนการ

'ถ่ายภาพ' นำไปทำเป็นข่าวเผยแพร่ออกจอ ทำให้ภาพลักษณ์ประเทศเสียหาย 'ดิสเครดิต' นายกฯ ได้ นั่นคือความสำเร็จ

'วิน-วิน' ด้วยกัน........

เบอร์บัญชีใคร-บัญชีมัน นี่คือ 'ประเทศไทย' วันนี้ ที่เป็นอยู่!

แค่ 'ปลาเค็ม' มันยังสรรค์เป็นเรื่อง-เป็นประเด็นขึ้นมา 'เข่นฆ่า' บ้านเมืองตัวเองได้

ก็ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลอะไรมาแถ เพราะพฤติกรรมทนโท่ 'ซ้ำซาก' สมค่า-สมราคา ๒,๐๐๐ ล้านต่อปี ที่รัฐบาลจัดหามาให้

ทำหน้าที่ 'ก้อนกรวด' ในรองเท้าประเทศอย่างเท่ ๆ!

ผู้ทรงคุณสมบัติ ระดับชั้น 'กูรู' ด้านสื่อทั้งนั้น ตั้งแต่ ผอ.ลงไปถึงบอร์ดบริหารนโยบาย

แต่ไม่รู้จักการ 'เช็กข่าว ๒ ด้าน' ทั้งที่ต้นตอของข่าวอยู่ที่เชฟ 'ชุมพล แจ้งไพร' แต่กลับไปไล่สัมภาษณ์ร้านค้าปลาเค็มทั้งตลาดด้านเดียว

ทั้งที่ในความเป็นจริง ใครซื้อ ซื้อเอาไปไหน.....

ทั้ง 'คนซื้อ-คนขาย' ปลาเค็ม จะต้อง 'กรอกแบบสอบถาม' กันด้วยงั้นหรือ?

ทีขายข้าวจำนำ 'เจ๊ทูเจี๊ยะ' เป็นแสนล้าน ควรต้องสงสัยกลับไม่สงสัย ไม่ไปไล่เช็กทั้งปลายทาง 'เสี่ยเปี๋ยง' และต้นทาง 'ยิ่งลักษณ์' เหมือนปลาเค็มเลย

ไล่ถามร้านค้าอันเป็น 'ปลายทาง' นั่นก็ไม่ว่า

แต่เห็นแถลงการณ์ ชนิดองอาจ-ผึ่งผายว่า 'ไทยพีบีเอสเสนอข้อมูลอย่างถูกต้องรอบด้าน เป็นธรรม'

ขอโทษนะ อดไม่ได้จริง ๆ ขอถามนิด

แล้วที่ออกข่าว 'ด้านเดียว' โดยไม่สอบถามข้อเท็จจริงจากต้นตอข่าวคือเชฟ 'ชุมพล' อีกด้านแบบนั้นนะ

'รอบด้าน' หรือ 'รอบจัด' มิทราบ?

เรื่อง 'ปลากุเลาเค็ม' อยากรู้ ต้องมาถามผมนี่ เพราะผมนี่แหละทายาท 'ราชาปลากุเลาเค็ม' ตัวจริง-เสียงจริง

โตจำความได้ ก็เห็นพ่อเขาทำปลากุเลาเค็มกับปลากระบอกเค็มตากเป็นราวพรืด

ในกระบวนการปลาเค็ม ต้องยกให้ปลากุเลาเป็นราชา ปลาอินทรี ไว้กินตอนไม่มีอะไรจะกิน อันดับสอง ก็ต้อง 'ปลากระบอกเค็ม'

ข้อสำคัญ ต้องเอาปลาสดมาทำ ห้ามเอาปลาแช่เย็นมาทำเด็ดขาด ใครฝ่าฝืน ถือว่า 'ฝืนบัญชาสวรรค์'

ต้องจับตัวไปให้เชฟชุมพล 'โบยหลัง' ๓๐ ที!

'ดรามาปลาเค็ม' จบ ชนิดศพไม่สวยไปแล้ว มีโง่แล้วเสือกแซะโผล่มาอีกราย

"เมนูอาหารรับผู้นำ APEC เสิร์ฟคาเวียร์หรู จากปลาสเตอร์เจียน มันไทยตรงไหน?"

ไม่อยากอวดรู้ เอาที่คนรู้เขาโพสต์ไว้มาให้อ่านดีกว่า .........................

อาณาจักร โกวิทย์

'ปลาสเตอร์เจียน' สถานีวิจัยโครงการหลวงดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ สามารถเพาะเลี้ยงได้เมื่อ 17 ปีก่อน

ปัจจุบันเนื้อขายกิโลกรัมละ 800 บาท 

ส่วนไข่นำมาทำ 'คาเวียร์' ขายกิโลกรัมละ 6 หมื่นบาท  ต้องสั่งจองล่วงหน้า

การเพาะเลี้ยงต้องใช้เวลา 3 ปี เนื้อจะขายได้ ขณะที่ผลิตคาเวียร์ได้ ปลาต้องมีอายุ 7 ปีขึ้นไป และน้ำไหลเวียนตลอดเวลา

อาศัยน้ำจากน้ำตกบนดอยอินทนนท์และมีอากาศเย็นตลอดเวลา

'คาเวียร์' สถานีวิจัยโครงการหลวงดอยอินทนนท์ ถูกนำไปเป็นส่วนประกอบสำคัญเมนู

'กระทงทองไส้ครีมซอสและไข่ปลาสเตอร์เจียน' ในการประชุมเอเปกครั้งนี้

มีอะไรจะ 'ด้อยค่า-ขัดขา' ประเทศอีกล่ะ?

'เนื้อวากิว' ไง ไม่ยกมาโชว์โง่อีกล่ะว่า เป็นของญี่ปุ่นแท้ ๆ ไหงตีขลุมว่า 'วากิวไทย' ที่ใช้เลี้ยง APEC

ก็บอกซะเลย ที่โคราช 'บ้านเฮา' นี่แหละ เขาเลี้ยง 'โควากิว' เป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน 'วากิวโคราช' โด่งดังทั้งบ้าน-ทั้งเมือง

อย่าดันทะลึ่งเอา 'หมี่กรอบข้าวซอยล้านนา' ที่เชียงใหม่มาโพสต์แซะ ว่าไทยไปเอา "ข้าวซอยของนิวยอร์ก" มาเคลมเป็นของไทยล่ะ

จะถูก ถ.สระอี บ.!

ผมเคยตาม 'พลเอกนิพนธ์ ภารัญนิตย์' รองประธานที่ปรึกษาโครงการพัฒนาราษฎรชาวไทยภูเขาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

ไปดู 'ศูนย์บริการและพัฒนาที่สูงปางตอง ตามพระราชดำริ' ที่แม่ฮ่องสอนเมื่อ ๒-๓ ปีก่อน

'พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร' มีพระราชดำริให้ตั้งขึ้น ตั้่งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๓

เป็นแหล่งเรียนรู้การใช้ประโยชน์ที่ดินบนพื้นที่สูง ปรับปรุงแหล่งน้ำ อนุรักษ์ทรัพยากรดินและน้้ำ การปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ รวมทั้งเพาะเลี้ยงปลาบนที่สูง

มีผู้ชำนาญการแต่ละด้านของกระทรวงเกษตรฯ คอยดูแลและวิจัยพืชพันธุ์และสัตว์

ที่ศูนย์เพาะเลี้่ยงปลา โอ้โฮ...ถ้าไม่เห็นด้วยตา ใครบอกก็ไม่เชื่อ มาเพาะพันธุ์และเลี้ยงปลาบนเขา ปลากดเงี้ย...แต่ละตัว โตเท่าขา!

และที่นี่ ทดลองเลี้ยง 'ปลาสเตอร์เจียน' ในบ่อซีเมนต์ด้วย

‘เปลวสีเงิน’ มองไทย ยุค ‘8 ปี นายกฯ ลุงตู่’ พัฒนาไกลลิ่ว เทคโนโลยีก้าวหน้า-ต่างชาติยอมรับ-โครงสร้างพื้นฐานยอดเยี่ยม

(31 ม.ค. 66) เปลวสีเงิน ได้นำเสนอบทความ ในหัวข้อ ไทย ‘พัฒนาไกลเกินมอง’ โดยระบุว่า…

‘ประเทศไทย’ ยุค ‘๘ ปี นายกฯ ประยุทธ์’ นี่

หลาย ๆ ด้าน ....

มันพัฒนา "เกินหน้า-เกินตา" ประเทศเพื่อนบ้านเขาเร็วมากไป

จึงค่อนข้าง "วางตัวยาก" ในหมู่เพื่อนบ้าน อย่างเช่น เขมร เวียดนาม แม้กระทั่งกับสิงคโปร์ก็เถอะ!

เพราะไทยเรา เดี๋ยวติดอันดับประเทศคนมาท่องเที่ยวมากที่สุดบ้าง เดี๋ยวเป็นประเทศน่าอยู่-น่าลงทุนที่สุดบ้าง

เดี๋ยวเป็นประเทศที่ค่าเงินเสถียรที่สุดบ้าง

เดี๋ยวเป็นประเทศที่คนใจดี-น่ารักที่สุดบ้าง เป็นประเทศที่โครงสร้างพื้นฐานคมนาคมและโทรคมนาคม สะดวก-เร็ว ที่สุดบ้าง

เพื่อนบ้านเขาจึง "มองค้อน"!

ยิ่งตอนนี้ "การรถไฟ" ร่วมมือกับ "สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง"

ผลิตหัวรถไฟพลังงานแบตเตอรี่ออกทดลองวิ่งที่ "สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์" นำหน้าในอาเซียน

ภาพการทดลองวิ่งปรากฏออกไปเท่านั้้นแหละ

เวียดนาม "กินไม่ได้-นอนไม่หลับ"!

นักรบคีย์บอร์ดออกมากระแนะ-กระแหนด้วยฤทธิ์แรงริษยา ประเทศเขาตะหาก ที่จะเป็นเจ้า EV ในอนาคต

ส่วนเพื่อนเขมร กางแผ่นหินนครวัด "เคลมทุกอย่าง" ในโลก ว่าลอกเลียนไปจากเขมรทั้งนั้น

ตอนนี้ชักจะล้ำเส้นเกินไปซักหน่อย

เคลมมวยไทยเป็น "กุน ขแมร์" ก็พอจะทำให้คลายเครียด แต่การนำ "ครุฑ" ตราแผ่นดินของไทย ไปปักกางเกงนักมวยเขานี่ซี

"ผู้หลัก-ผู้ใหญ่" ฝ่ายไทย-ฝ่ายเขมร น่าจะคุยกัน ไปเตือนทั้งสองฝ่าย ว่าเอาพอหอมปาก-หอมคอ "อยู่ในกรอบ" พอรับกันได้เถอะ

แต่ถ้า "ล้นกรอบ" มากไป

อย่างเอา "ตราแผ่นดิน" ของไทยไปใช้ไม่เหมาะสมอย่างนั้นน่ะ...มันเกินไป 

ฝรั่งว่า เรื่องอย่างนี้ Sensitive เรื่องเล็กมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ง่ายๆ

ควรห้ามปราม อย่าปล่อยให้ไฟในเตา กระเด็นออกมาเป็นไฟลามบ้าน-ลามเมืองเลย

ก็พอรู้แหละ....
ว่ามีคนปั่นจิ้งหรีด หวังให้ "ไทย-เขมร" กินใจ ต้องการให้ไปถึงขั้นบาดหมาง "ระดับประเทศ"

เมื่อรู้ ก็ควรรีบคุยกันแต่เนิ่นๆ ให้มันอยู่แค่ "มวย" พอแล้ว

ขืนปล่อยให้ลามปามไปถึงขั้น "ตราแผ่นดิน" ไม่มีคนไทยคนไหนจะวางเฉยได้หรอก

ก็เตือนสติกันไว้ กับเรื่องที่ "ไวต่อความรู้สึก"

"มวยไทย" น่ะ คือศาสตร์ที่ดึงเอาส่วนกายกับส่วนจิตในความเป็นสัญชาตญาณ พัฒนาให้ความคิดและความรู้สึกผนึกรวมเป็นศิลป์ ผ่านความเป็นแม่ไม้มวยไทยเปี่ยมปัญญา-เปี่ยมสปิริต

มวยไทย ใครๆ ก็ "ครูพักลักจำ" ได้

แต่จะให้เข้าถึงศาสตร์และศิลป์ด้วยจิตวิญญาณ ถ้าไม่เรียนด้วยตัวเอง ไม่มีทางเข้าถึงได้

เพราะอย่างนั้น "มวยไทย" จึงต้อง "ไหว้ครู"

เพราะ "มวยไทย" มีครู

นักมวยไทยทุกคน จึงได้รับการขนานนามว่า "ศิษย์มีครู"

"มวยไทย" จึงไม่ใช่สัตว์ ที่เขา "จับใส่กรงให้กัดกัน"

เพราะมวยไทย ครูสอนให้ลูกศิษย์ รู้จักคำว่า "สุภาพบุรุษ"

คำว่า "สุภาพบุรุษสังเวียน" จึงคู่กับ "มวยไทย" มาแต่อ้อน-แต่ออก!

ด้วยความลึกซึ้งของมวยไทยที่ "หลายชาติ" เข้าไม่ถึง

จึงใช้ความหยาบฉกฉวยรูปแบบมวยไทยไปทางธุรกิจการค้า โดยตั้งชื่อเลี่ยงไปต่างๆ นานา

อย่างสิงคโปร์ ก็จากมวยไทย ด้วยหัวการค้า พลิกแพลงเอามวยไทยผสมมวยมนุษย์ยุคหิน

ให้ค่าตัวแพงๆ มวยไทยก็แห่ไปฟัดกับมวยต่างชาติเป็นการล่ารางวัล

สำหรับผม ดูแล้วไม่เห็นมีตรงไหน ที่เรียกว่า "ศาสตร์และศิลป์" เลย

ไม่ต่าง "จับสัตว์ขังกรง" ให้กัดกัน

มันจึงมีแค่คำว่า "สัตว์ป่า" เข้ามาแทนคำว่า "สปิริต"!

นี่ "มวยสิงคโปร์"

แต่เขาเก่ง เขาไม่ได้เคลมมวยไทยด้วยอิจฉา แต่เขาใช้หัวการค้าประยุกต์ "ทำการตลาด" จึงเกิดเป็น "ธุรกิจคนกัดกัน"

ส่วน "มวยเขมร" อะไรนั่น จะกุน ขแมร์ ก็กุนไป ไม่มีใครว่า แต่การเคลมว่ามวยไทยว่าก๊อบไปจากมวยเขมร

ก็ไม่รู้จะไปหาเหตุผลจากคนตะแบงไปเพื่ออะไร สู้มองไปในทาง "ตลกคลายเครียด" จะสบายใจกว่า              

"มวยไทย" เป็นที่รู้จักและยอมรับเป็น "สากลโลก" ไปแล้ว

มันเลยจุดต้องมานั่งเล่นจ้ำจี้กับเพื่อนเขมรแล้ว!

เมื่อวาน อ่าน "การพยากรณ์เรื่องที่จะเกิดในโลกอนาคตที่" ดร.วรศักดิ์ กนกนุกูลชัย" โพสต์เฟซ และอาจารย์สมเกียรติ โอสถสภา นำมาแชร์

ดร.วรศักดิ์สรุปจากที่ศาสตราจารย์ "Yuval Noah Harari" เขียนเป็น ๑๓ หัวข้อ ในหัวข้อที่ ๘ มีว่า

8.ในที่สุดมนุษยชาติจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ชนชั้น ได้แก่                    

-กลุ่มชนชั้นสูง (Super Elite Class) ที่เป็นผู้มีอำนาจควบคุม AI

และการเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพของมนุษยชาติ (เพื่อให้ฉลาดขึ้น หรือ อายุยาวขึ้น)

-กลุ่มชนที่ไร้ประโยชน์ (Useless Class)

ทั้งในเชิงเศรษฐกิจและเชิงกำลังพลทางทหาร (กำลังพลจะไร้ความหมาย เพราะกองทัพในอนาคต จะใช้เทคโนโลยี AI แทน)

ถามว่า "โลกอนาคต" ที่ว่านี่ หมายถึงเมื่อไหร่?

ก็ราวๆ ๒๐-๓๐ ปี ต่อจากนี้ พูดชัดๆ คือศตวรรษที่ ๒๑ ใครมีลูกตอนนี้ ก็รุ่นลูกโตเป็นหนุ่ม-เป็นสาว นั่นแหละ

ผมอ่าน แล้วประเมินจากสังคมปัจจุบัน ประเด็นที่ท่านศาสตราจารณ์ Yuval Noah Harari เขียนไว้

มีความน่าจะเป็น ระดับ ๙๙.๙๙%

-กลุ่มชนชั้นสูง (Super Elite Class) ที่เป็นผู้มีอำนาจควบคุม AI ก็เห็น และเป็นอยู่ขณะนี้

-การเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพของมนุษยชาติ (เพื่อให้ฉลาดขึ้น หรืออายุยาวขึ้น)

ข้อนี้ ไม่ต้องมองหาที่ไหน ...

ณ วันนี้ ขณะนี้ คนไทย ด้วย "วิจัย-พัฒนา" วิทยาการไทยไปถึงระดับเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพของมนุษยชาติสำเร็จแล้ว!

ไม่ใช่สำเร็จอยู่ใน "ห้องทดลอง" นะครับ

เป็นผลิตภัณฑ์ Life Science วางขายตามร้านขายยาชั้นนำทั่วไปแล้ว ซึ่งไม่ใช่ยา แต่เป็นอาหารเสริม

เป็นคนละเรื่อง-คนละอย่างกับ "อาหารเสริม" ที่เราเรียกกันเปรอะทั่วไป

แต่นี่เป็นผลิตภัณฑ์ Life Science "วิจัย-พัฒนา" ด้วยเทคโนโลยีชีวภาพชั้่นสูง สู่ความยั่งยืนของมนุษย์

หลักๆ คือ ด้วยเทคโนโลยีชีวภาพนี่แหละ จะทำให้ยุคต่อไปนี้ มนุษย์ตายช้า คืออายุยืนขึ้น ไม่เจ็บ-ไม่ป่วย แถมฉลาดยิ่งขึ้น

คงจำกันได้ เมื่อปีที่แล้ว ผมเคยนำมาเล่าว่า ปตท.เขาดิสรัปท์ "ข้ามสายพันธุ์" จากประเทศมั่นคงทางพลังงาน ไปสู่สายพันธุ์ "มั่นคงทางยา"

โดยเฉพาะด้าน "ชีววิทยาศาสตร์" หรือ Life Science ตั้งบริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด "ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ" เป็นประธาน

แป๊บเดียวร่วม ๒ ปี

'เปลว สีเงิน' เผยมรดกลุงตู่ เปิดบ้านเช่าเก็บเดือนละ 250 บาท ทรัพย์สินที่ได้จากพ่อผู้ล่วงลับ ที่กำชับห้ามคิดใครแพงเกินกว่านี้

เมื่อวานนี้ (1 ก.พ. 66) 'เปลว สีเงิน' ได้นำเสนอบทความ ในหัวข้อ 'ลุงตู่ รวยแล้วไม่โกง' โดยระบุว่า…

"ลุงตู่" กับ "บิ๊กป้อม" นี่ จาก "ทหารครึ่งตัว-การเมืองครึ่งตัว" โจนลงสนามเลือกตั้งเป็นนักการเมือง "ระบบเลือกตั้่ง" เต็มตัว คึกยังกะม้าโดปยา เตะคอกเปรี้ยงปร้าง!

ยิ่ง "บิ๊กป้อม" ด้วยแล้ว .... "ถั่งเช่า" หรือจะสู้ "ใจบันดาลแรง" จาก "ป้อมไม่รู้" ตอนนี้เป็น "ป้อมกูเกิล" ถามอะไร ตอบได้หมด!

ทั้งพี่-ทั้งน้อง ตอนนี้ดูจะหลงเสน่ห์การลงพื้นที่ได้คลุกคลีกับชาวบ้านแต่ละจังหวัด ต่างคน-ต่างฟิต พี่ไปจังหวัดโน้น น้องไปจังหวัดนี้ บางที่ดอด "ตีท้ายครัว" กันเองก็ยังมี!

ก็สนุกดี ประชาธิปไตยเนื้อแท้นั้น ถ้าเข้าใจมันว่า การแข่งขันหาเสียงสู่สภา ปรัชญาของมัน ไม่ใช่ "นักเลือกตั้ง" เป็นผู้ได้

หากแต่ประชาชน คือชาวบ้านตะหาก ต้องเป็น "ผู้ได้" มันก็จะสนุกสนาน-สบายใจ ทั้งชาวบ้าน "ผู้ได้" และคนการเมืองที่เป็น "ผู้ทำ" ให้เขาได้

ไม่ใช่ได้เงินซื้อเสียง....

หมายถึง ได้ประโยชน์สุขจากนโยบายที่แต่ละพรรคหาเสียง เมื่อได้เข้าสภาแล้ว ก็ผลักดันนโยบายนั้นให้เป็นผล

พูดถึงนโยบายแต่ละพรรคที่ใช้หาเสียงกันตอนนี้ เห็นแล้วหนักใจ! แต่ละพรรค ฟังดูไม่ต่างสลากสรรพคุณยา ประเภท ทาปุ๊บหายปั๊บ-กินปั๊บหายปุ๊บ, ทาผัวหอมถึงเมีย อะไรประมาณนั้น ซึ่งมันไม่ต่าง "ยาผีบอก"

ที่สำคัญคือ "ทุกนโยบาย-ทุกพรรค" เอาเงิน "งบประมาณแผ่นดิน" เป็นสัญญาว่า "จะแจก-จะให้" ทั้งนั้น ชาวบ้านตอนนี้ เลยเป็นแมวหลงกลิ่นปลาย่างทาจมูก!

การเอาเงินแผ่นดินไปตกเบ็ดชาวบ้าน เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้ว รู้ใช่มั้ย....ว่าภาษีที่เก็บจากชาวบ้านได้ปีละเท่าไหร่? แล้วมันพอกันมั้ย? ที่จะเอาไปทำสวัสดิการทำนองลดแลกแจกแถมชาวบ้านคนละ 3 พัน 4 พัน แถมนั่นฟรี-นี่ฟรี

น้ำมัน-แก๊ส ก็ต้องถูก ค่าไฟฟ้า ค่ารถโดยสาร ก็ต้องถูก ค่ารักษาพยาบาลก็ต้องฟรี เฒ่าชแร-แก่ชรา ก็ต้องมีค่าขนม

ไทยใกล้เป็น "รัฐสวัสดิการ" เข้าไปเต็มตัวแล้ว!

ในขณะที่คนกลุ่มหนึ่งตะโกนว่า "ภาษีกู...ภาษีกู" ก็ไม่อยากถามว่า "คุณครับ...คุณเสียปีละเท่าไหร่?" ขอถามแบบให้เกียรติกันก็พอว่า....

"แล้วพวกคุณเคยเสียภาษีกันบ้างมั้ย" จะตรงประเด็นกว่า

คนไทย 65 ล้าน... อยู่ในระบบภาษีกันไม่ถึง 5 ล้าน แต่อีก 60 ล้าน อยู่นอกระบบ คือไม่ได้เสียภาษีรายได้ในแต่ละปีกันแทบทั้งนั้น แต่ทุกคนได้รับการดูแลจากรัฐตั้งแต่เกิดยันตาย จะว่าไปแล้ว ได้สิทธิประโยชน์มากกว่า "คนเสียภาษี" ด้วยซ้ำ

แล้วนี่ แต่ละพรรค ต่างออกนโยบาย "สัญญาจะให้" เห็นแล้วหนักใจ (แทนประเทศ) เมื่อเข้าไปเป็นรัฐบาลแล้ว ..... จะเอาเงินที่ไหนไป "ปรนเปรอ-แจกจ่าย" ตามสัญญา?

เลิกพูดไปเลย เรื่อง "พัฒนาประเทศ" น่ะ แค่เงินเดือนข้าราชการกับค่ารายจ่ายประจำ งบประมาณแต่ละปี ก็แทบไม่เหลืออยู่แล้ว แล้วนี่ แข่งกัน "ปล้นเอาเงินอนาคตประเทศ" ไปตกเบ็ดหาเสียงอีก ถามตรง ๆ ...... จะเข้าไปบริหารประเทศให้มันเจริญ หรือจะเข้าไปผลาญให้มันฉิบหาย-ขายประเทศ?

ฉะนั้น อยากให้แต่ละพรรคออกนโยบายหาเสียงแบบ "มีจิตสำนึก" และ "ความรับผิดชอบ" กันบ้าง ในฐานะคนเสียภาษี ทั้งภาษีส่วนตัวและภาษีบริษัท มาเกือบค่อนชีวิต อยากพูดบ้างซักคำว่า

"กูเหนื่อยนะโว้ย"....

กับการเป็นพลเมืองดี แม้ตอนเจ๊ง ก็ไม่เคยหนี หาเงินมาจ่ายภาษีจากเงินได้ทุกก้อน ไม่เคยขาด! ที่จริง นโยบายหาเสียงน่ะ ไม่ต้องจ้างบริษัทโฆษณาสรรหาคำหรู ๆ ไปตดทางปากให้หมาดมหรอก หัวใจนโยบายน่ะ........

ผู้นำที่ "เข้าถึง-จริงใจ" ในปรัชญาของมัน เขาจะไม่พล่ามพูด แต่งานที่เขาทำ มันจะพูดเอง นโยบายจริง ๆ มันต้องแบบบอระเพ็ด เข็ดขม จึงจะใช้รักษาไข้ให้หายได้ คือ

"ไม่เอาใจประชาชน แต่ทำที่ประชาชนอยากได้ในผลประโยชน์รวม ให้ประจักษ์"

บ้านเมืองต้องได้ สังคมต้องได้ ประชาชนต้องได้ และอยู่ร่วมกันได้ โดยไม่เหยียบหัวแม่ตีนกัน นี่คือ เผด็จการ "ประชาธิปไตย"

ส่วน ครอบครัวกูต้องได้ หัวหน้าคอกกูต้องรวย หมาในคอกกูต้องท้องเต่ง และใครไม่ใช่พวกกู ต้องเอามันให้ตาย นี่คือ ประชาธิปไตย "ครอบครัว"

เมื่อวาน (1 ก.พ. 66) บิ๊กป้อม ประมุขพลังประชารัฐ "ตลบหลัง" ลุงตู่ ไปตามงานเรื่องน้ำที่นครปฐม ราชบุรี ก็ไม่มีอะไรหรอก เพียงจะบอกว่า ผมเชื่อแล้วเรื่อง "ใจบันดาลแรง!" ร่วม 8 ปี ที่ร่วมบริหารบ้านเมืองกับลุงตู่ "น้องรัก" ทุกคนก็เห็นบิ๊กป้อมใกล้เป็นตุ๊กตาล้มลุก ไหว..ไม่ไหว จะอยู่ จะไป ก็ต้องลุ้นว่าจะครบพรรษารัฐบาล คสช.มั้ยน้อ?

แต่พอ "แยกพรรค" แต่ไม่ "แยกพี่-แยกน้อง" เท่านั้่นแหละ บิ๊กป้อมแอบไปกินโมเลกุล "มณีแดง" ยาอายุวัฒนะที่จุฬาฯ กำลังวิจัย ทำให้คนอายุ 75 หวือหวาคืนวัยคนอายุ 25 มาหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ เพราะฟิตเหลือเกิน ..... ออกเดินสายหาเสียงแทบทุกวัน แถมแต่งวัยสะรุ่น นุ่งยีนส์ แจ็กเกตหนัง วันก่อนไปตลาด อ.ต.ก. เล่นเอาแฟน ๆ กรี๊ดสลบ

เป็น "ว่าที่นายกฯ คนที่ 30" ยังขนาดนี้ ถ้าเลือกตั้งแล้ว ได้ขึ้นนั่งทับก้นน้องตู่บนเก้าอี้นายกฯ จะขนาดไหน?

ยังไงก็ มีดีแล้วแบ่งปันผมมั่งซักเม็ด-สองเม็ด นะท่าน...มณีแดงน่ะ กระชากวัยคนเดียว เกิดเหี่ยวปลาย ไม่มีพวกแล้วจะเหงา ขอบอก!

ถ้าพลาดเก้าอี้นายกฯ ผมเชียร์ให้บิ๊กป้อม เปิดร้านขายอาหารแข่งเจ๊ไฝ-ประตูผี ไปเลย แค่ขึ้นป้าย "เชฟป้อม" ผัดซีอิ๊ว ก็ร้านแตกแล้ว!

‘เปลว สีเงิน’ ชี้!! ไม่มีใครขวางจัดตั้ง รบ. ทุกอย่างทำตามขั้นตอน แนะ ‘ติ่งส้ม’ ดูกลเกม ‘พท.’ เป็นตัวอย่าง อย่ามัวแต่พล่ามไปเรื่อย

วันที่ (14 มิ.ย. 66) ‘เปลว สีเงิน’ นักหนังสือพิมพ์และคอลัมนิสต์ชื่อดัง ได้นำเสนอบทความ ในหัวข้อ “พล่านกันเอง "จนพัง" โดยระบุว่า…

ท่านว่าที่นายกฯ พิธาครับ

หมู่นี้ ท่านไม่ซ่าเหมือนโซดาเปิดขวดใหม่ๆ เลยนะครับ

ไม่เอาน่า… โซดาตายไม่ดีหรอก แฟน ๆ ‘สุราเสรี’ เขาจะเซ็ง เพราะเติมลงไป ปร่าเหมือนน้ำล้างตีน!!

‘ก้าวไกล’ เป็นพรรคตรวจสอบมิใช่หรือ เห็นตรวจสอบดะ (ไม่เลือก) ไม่เว้นแม้กระทั่งงบประมาณ ‘สถาบันพระมหากษัตริย์’ ที่เว้นตรวจสอบ เห็นมีแต่คดี ‘แม่สมพร-ธนาธร-พี่สาว’ รุกป่าสงวน กับคดีน้องชายว่าด้วย ‘สินบน 20 ล้าน’ เจ้าพนักงานทุจริตที่ดินทรัพย์สินฯ เท่านั้น

น่าจะส่ง ‘แอลคาโปน-วิโรจน์’ ไปตรวจสอบตำรวจหรืออัยการดูหน่อยนะว่า “มันติดอยู่ขั้นตอนไหน จะสิบปีแล้ว คดีจึงยังไม่ไปถึงศาล?”

ทีคดี ‘เอ๋-ปารีณา’ รุกป่าละก็ แหม… แจ้งปุ๊บ จับปั๊บ ฟันฉับทันที พ้นสภาพ ส.ส. ถูกตัดสิทธิการเมืองตลอดชีวิต คดีอาญาว่าด้วยโทษคุกตามมาเป็นพรวน

หรือกับ นายกฯ พลเอกประยุทธ์ ตอนเป็นรัฐบาลอำนาจเต็ม ถ้าจับแก้ผ้าตรวจได้ ก้าวไกลคงทำไปแล้ว เพราะช่วงนั้น เห็นทั้งตรวจ ทั้งสอบทุกอิริยาบถ กระทั่งจะตด ก็แทบเอาเครื่องมาตรวจจับว่า ‘สร้างมลพิษภาวะ’ เข้าข่ายผิดมาตราไหน?
.
ตรวจแค่นายกฯ ไม่พอ ยังลามปามไปถึงบิดาท่านด้วยซ้ำ!!
.
แล้วนี่ พิธา แค่เห็น ‘เงาเนื้อในน้ำ’ เที่ยวเดินสายโอ่อวดตัวเองไปทั่วบ้าน-ทั่วเมือง “ผมนายกฯ คนที่ 30 ของประเทศไทย”

แต่พอถูกตรวจสอบเรื่อง ‘ถือหุ้นสื่อไอทีวี’ เข้าหน่อยเท่านั้น เป็นไงล่ะ… แรก ๆ ยังปากแจ๋ว สื่อ, นักวิชาการ, อาจารย์มหาวิทยาลัยช่วยกันอุ้มไข่พ่อส้ม อุ้มไป-อุ้มมา ชักหนัก เพราะเป็นไข่ไส้เลื่อน

เมื่ออุ้มไม่ไหว… ขบวนการ ‘ออกลาย-ออกสันดานโจร’ ทันที

ไอ้ตาปลาดุก เจ้าของแผนชั่วร้าย ‘ปฏิวัติชนิดขุดราก-ถอนโคน’ ขู่ฟอด

ถ้าพิธา-ก้าวไกล ไม่ได้เป็นนายกฯ ไฟจาก ‘เหนือจรดใต้’ จะลุกพรึ่บ!! เหนือ-อีสานบอก ดี กูจะได้เผาข้าวหลาม ใต้บอก ไม่ต้องก็ได้ ไฟบ้านกู ลุกทุกวันอยู่แล้ว

เมื่อขู่ไม่มีใครสน ก็ไปเค้น กกต.ให้รีบประกาศรับรอง ส.ส. อยากเข้าไปเป็นรัฐบาลไว ๆ ความเจริญจะได้กระจายกลิ่นฟุ้ง กกต. (ไม่ได้บอก) ก้าวไกล มี ส.ส. 151 มิใช่หรือ?

งั้นเอาอาญา ‘มาตรา 151’ โทษคุก 1-10 ปี เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี เป็นออเดิร์ฟไปก่อน

โทษฐาน “ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทําหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อ เพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ”

เท่านั้นแหละ พระเอกยี่เก ‘มุดเข้าฉาก’ เงียบฉี่!! มีแต่ ติ่งส้ม สื่อ นักวิชาการ อาจารย์ สาวกส้ม ประเภท 3 โลร้อย ออกมาสร้างกระแสเบี่ยง มีขบวนการ ‘ล้มพิธา’ ไม่ให้เป็นนายกฯ บ้าง มีการ ‘ปลุกผี ITV’ ขึ้นมาใหม่บ้าง

ตอนนี้ ‘ก้าวหน้า-ก้าวไกล’ ไปถึงขั้นปลุกกระแสว่า ‘ขั้วอำนาจเก่า’ ชักใย-วางยา หวังชิงความเป็นรัฐบาล!!

โถ โถ เจ้าหนูน้อยเอ๊ย…

เม็ดพริกเจ้ายังจ้อย คิดได้-ทำได้ ตามประสา ‘เด็กมีปัญหา’ เท่านี้แหละ ตรวจสอบคนอื่นได้ พอถูกตรวจสอบบ้าง ร้องเอ๋ง โทษคนโน้นแกล้ง คนนี้วางยา แล้วคลิปกระจอก ๆ นั่นน่ะ มันช่วยฟอกผู้ร้ายให้กลายเป็นพระเอกไม่ได้หรอก บอกให้ด้วยเวทนา!!

ITV น่ะนะ อย่าปลุกผีขึ้นมาเชียว ขอร้อง ไม่ใช่อะไรหรอก ฟื้นวันไหน ก็ต้องยุบ ‘ไทย-พีบีเอส’ ไปวันนั้นน่ะซิ

แล้วแก๊งส้ม แก๊งเอ็นจีโอ แก๊งนอนกิน แก๊งปฏิวัติแบบขุดราก-ถอนโคน จะไปอาศัยสิงอยู่ที่ไหนกันล่ะ?

เพราะ ITV เป็น ‘เชื้อเกิด’ ของ ไทย-พีบีเอส สมัยรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ยึดสัมปทานไอทีวี แล้วให้กำเนิด ไทย-พีบีเอส ขึ้นมาแทน เป็นหน่วยงานของรัฐ มีสถานะเป็นนิติบุคคลมหาชน จัดตั้งตาม พ.ร.บ. องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 ใช้ ‘งบประมาณประจำปี’ จากการจัดเก็บภาษีเหล้าและบุหรี่ โดยไม่เกินปีละ 2,000 ล้านบาท

เนี่ย…

ถ้า ITV ฟื้น กลับเป็นของ ‘บริษัทไอทีวี’ ตามเดิมได้ รัฐบาลก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินปีละ 2,000 ล้าน ให้มีสถานีโทรทัศน์ของรัฐฯ คอยจิก-คอยกัดรัฐฯ สร้างทัศนคติโน้มน้าวให้คนเกลียดชังรัฐฯ อีกต่อไป เพราะ ITV เมื่อฟื้นมา เขาก็อาจทำหน้าที่นั้นแทนได้ โดยรัฐบาลไม่ต้องจ่ายค่าชังชาติให้ 2,000 ล้าน/ปี ตรงกันข้าม จะได้ค่าสัมปทานเข้ารัฐแทนด้วยซ้ำ!!

นี่พูดเล่นใน ‘เรื่องจริง’ หรอกนะ แต่สำนึกกันบ้างก็ดี พวกจิตคดไม่ต้องกลัว ยังไงๆ รัฐบาลเขาก็ไม่ ‘ทุบหม้อข้าว’ ใบนี้แน่

ในความดูเหมือนบ้านเมืองตอนนี้สับสนอลหม่าน คล้ายว่า รัฐบาล 8 พรรคที่มี ‘ก้าวไกล-พิธา’ เป็นแกนนำ มีปัญหาจนเกิดมลพิษภาวะทางการเมือง เผิน ๆ ก็ประมาณนั้น แต่ถ้าเรามีสติ ถอยห่างจากข่าวสารบิดเบี้ยวและเลอะเทอะจากพวกปัญญาเชิงปฏิบัติสักนิด จากนั้น ใช้สายตาด้วย ‘กฎเกณฑ์-กติกา’ มองกลับเข้าไป ก็จะเห็นว่า มันไม่มีอะไรที่เป็นอุปสรรค-ปัญหาเลย!!

เอ้าดู… เลือกตั้ง 14 พฤษภาคม รุ่งขึ้นก็รู้คร่าวๆ แล้ว ก้าวไกล ได้รับเลือกตั้งมากสุด 151 เสียง ทุกพรรค ‘ทั้งหมด’ ไม่มีใครเกี่ยงงอน ไม่มีใครขี้แพ้ชวนตี ไม่มีใครออกมาพูดจากวนตีนพรรคชนะอันดับ 1 ก้าวไกล ประกาศเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลได้ราบรื่น เพื่อไทย พรรคอันดับ 2 ด้วยเสียง 141 เมื่อก้าวไกลชวนร่วม 8 พรรคตั้งรัฐบาล ก็พับเพียบรับสนอง มีข้อแม้เพียงว่า “ร่วมด้วย แต่ไม่ขอร่วมในการพูดจาดำเนินการอะไรกับการทำหน้าที่จัดตั้ง”

ฝ่ายรัฐบาลเดิม คือ รัฐบาลประยุทธ์ ทั้งพลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา รวมไทยสร้างชาติ เข้าแถว-เปิดทาง ผายมือให้ก้าวไกล

“เชิญจัดตั้งได้ตามสบาย ไม่เกี่ยงงอน ไม่เล่นแง่ ไม่ยื่นแข้งขัดขา ด้วยประการทั้งปวง”

สรุป ทุกอย่างราบเรียบ ทางเปิดโล่งให้ก้าวไกลตั้งรัฐบาล มีเพียงเสียง ‘จิ้งจกทัก’ เท่านั้น นายเรืองไกร เขาทำหน้าที่ตรวจสอบตามวิถีของเขา พบหลักฐาน ‘พิธาถือหุ้นสื่อไอทีวี’ จึงไปร้องให้ กกต. ตรวจสอบ!!

เท่านั้นแหละ… ทั้งพรรคส้ม ทั้งติ่งส้ม พล่านกันเอง ประหนึ่งสิ่งมีชีวิตแต่ไร้สมอง เช่น ราเมือก พ่นพิษตลบกลบเมือง แล้วก็พาโลไปถึง กกต.ว่าประกาศช้าบ้าง จะฟ้อง-จะปลด กกต. บ้าง ต่าง ๆ นานา ทั้งที่มีกติกาเป็นกรอบให้ กกต. ทำงานอยู่แล้ว 2 เดือน คือ หลังเลือกตั้ง ภายใน 2 เดือน เมื่อตรวจสอบผลได้ ส.ส. ถึง 95% แล้ว ให้ประกาศรับรองไปก่อน เพื่อเปิดประชุมสภา

แล้วนี่กี่วันล่ะ? วันนี้ 14 มิ.ย. ก็ 1 เดือนพอดี!! ไม่ถือว่าช้า ยังเหลือเวลาอีกตั้งเป็นเดือนด้วยซ้ำ แต่ กกต. ก็บอกแล้ว ว่าจะประกาศรับรองภายใน มิ.ย. นี้

เอ้า… แล้วบอกสิ ตรงไหน-ใคร ‘จัดฉาก’ หวังไม่ให้พิธาเป็นนายกฯ และตรงไหน ที่ว่า ‘ขั้วอำนาจเก่า’ เดินเกม หวังชิงส้มหล่น?

ไม่เห็นมี มีแต่ก้าวไกลและพวกเดียวกันเองนั่นแหละ ที่ ‘ร้อนตัว-ร้อนท้อง’ เรื่องหุ้นสื่อ แล้วเที่ยวพล่าน พาลโทษคนโน้น-คนนี้ ถึงขั้นปลุกระดม ‘ลงถนน’

พูดถึง ‘ส้มหล่น’ จะสอนให้… ไอ้หนู

ดูและศึกษากลเกม ‘เพื่อไทย’ เขาโน่น เห็นมั้ย พิธาจะแถลงอะไร เพื่อไทยเออออตามไปทุกเรื่อง เพื่อไทย 141 เสียงน่ะหรือ เขาจะมากินน้ำใต้ศอกเด็กวานซืน?

โธ่เอ๊ย เจ้าเด็กน้อย…

รู้ไหม? ทำไมเพื่อไทยจึงเล่นบท ‘พี่ชายที่แสนดี’ เพราะเขารู้น่ะสิ ว่ารายการนี้ ‘นอนรอ’ ได้เลย เดี๋ยว ‘ส้มก็หล่น’ เข้าปากเอง!!

'เปลวสีเงิน' ยกนิ้ว!! 'ทำงานสไตล์พีระพันธุ์' ชัดเจน-เถรตรง-โกงไม่เป็น ยาหอมไม่มี คำหวานไม่พูด มุ่งแต่ทำงานเพื่อชาติ-ประชาชน

(20 ก.ค. 67) เปลวสีเงิน นักหนังสือพิมพ์และคอลัมนิสต์ชื่อดัง ได้นำเสนอบทความ ในหัวข้อพีระพันธุ์ 'คนหวานไม่เป็น' โดยระบุว่า...

ผมชอบรัฐมนตรี 'พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค' แฮะ!

ท่านเป็นคนชัดเจน

ในการทำงาน ไม่ต้องการหวานให้คนรัก ชอบโผงผาง-ตรงไปตรงมา ใครเกลียด ก็เรื่องมึง

งานที่ทำ มีผลสำเร็จ เพื่อสังคมชาติบ้านเมืองและประชาชน นี่เรื่องที่กูปรารถนา!

ที่กระทรวงคมนาคมและการรถไฟฯ ไม่ต้องเสีย ค่าโง่โฮปเวลล์ ๒๔,๐๐๐ ล้านบาท

ก็ฝีมือท่าน 'พีระพันธุ์' สมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์คนนี้แหละ สู้ด้วยการหักล้างกันด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายจนชนะ

'การบินไทย' ที่อยู่ในสภาพศพคาห้องดับจิต หนึ่งในทีมที่ทำให้กลับมีลมหายใจ ฟื้นขึ้นมาและลุกขึ้นวิ่ง เป็นการบินไทย แข็งแรงกระดี๊กระด๊า ทุกวันนี้

ก็รัฐมนตรี 'พีระพันธุ์' ในยุคนายกฯ ประยุทธ์คนเดียวกันนี้แหละ หัวเรี่ยว-หัวแรง 'ฟื้นชีพการบินไทย' ตอนนี้โก้ กินขนมปังแทนกินปาท่องโก๋ยาไส้แล้ว

คนอย่างนี้ ในทางการเมือง ถึง 'งานดี-งานเด่น'

แต่ 'ปากไม่ดี, ประจี๋-ประจ๋อไม่เป็น' แถม 'เถรตรง-โกงไม่เป็น' แบบนี้ด้วยละก็รุ่งในสนามเลือกตั้งยาก ไม่โกงเอามาแบ่งปัน ชาวบ้านไม่ชอบ

นักการเมืองด้วยกันก็เหอะ 'บางพรรค-บางคน' ก็ไม่ชอบ!

แต่ในทาง 'เพื่อบ้าน-เพื่อเมือง'

คนอย่างท่านพีระพันธุ์ ถ้าชาววิไล ส่งเสริมให้มีพื้นที่ยืนในงานบริหารชาติบ้านเมืองต่อเนื่องละก็

ชาติบ้านเมือง รุ่งแน่!

เรื่อง 'ค่าไฟฟ้า' ที่ชาวบ้านกลายเป็น 'ถังขยะ' ให้รัฐบาลเพื่อไทย โกยสารพัดขยะใส่

ลืมสิ้น ที่ตะโกนตอนหาเสียง 'ค่าไฟ..ค่าน้ำมัน ลดทันที' ชนิดคำว่า 'อัปรีย์' ยังสูงเกินไปนั้น!

ไตรมาส ๔ 'กันยา-ธันวา' คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เคาะแล้ว เมื่อ ๑๐ ก.ย. ภายใต้เงื่อนไข ว่า

หากนำ 'ต้นทุน' และการ 'คืนหนี้' ให้  กฟผ. ๙๘,๐๐๐ ล้านบาท มาคำนวณ รวมกับค่าไฟฟ้าฐาน ที่ ๓.๗๘ บาท/หน่วย

จะทำให้ค่าไฟที่ ๔.๑๘ บาท/หน่วย ขณะนี้ เพิ่มขึ้นเป็น ๔.๖๕-๖.๐๑ บาท/หน่วย

คือราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกประมาณ  ๔๖-๑๘๑ สตางค์/หน่วย!

ชาวบ้านก็เป็นไก่ ถูกรัฐบาลเอาไม้เสียบตูดเผา หมุนไป-ก็หมุนมา ไปเท่านั้น

ไม่แค่ระดับชาวบ้าน 'สภาอุตสาหกรรม' ยังร้องโอ้ก!

แล้ว 'นายกฯ ประเทศไทย' นามว่าเศรษฐา ว่าไง?

ผมสั่งการให้ 'กระทรวงพลังงาน' นำเอามาตรการช่วยเหลือประชาชนจากการปรับขึ้นค่าไฟ เข้า ครม.สัปดาห์หน้า ที่ ๒๓ ก.ค.ที่จะถึงนี้

แล้วรัฐมนตรีพลังงาน 'พีระพันธุ์' ว่าไง...

"เชิญประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และประธานคณะกรรมการ บมจ. ปตท. (PTT) มาหารือร่วมกัน

ได้ข้อยุติ ที่จะตรึงค่าไฟงวดใหม่ไว้ที่ ๔.๑๘ บาท/หน่วยตามเดิม...

"ต้องให้เครดิต ปตท...

เพราะทาง ปตท.ไม่รับเงินตอบแทนใดๆ จากค่าไฟฟ้างวดนี้เลย เพื่อช่วยเหลือประชาชน"

รัฐมนตรีพีระพันธุ์ ยังบอกด้วยว่า....

"การช่วยประชาชน ไม่ว่าจะค่าไฟฟ้าหรือน้ำมัน ไม่ได้อยู่ที่กระทรวงพลังงาน เพียงกระทรวงเดียว แต่ต้องประสานทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง...

"รวมถึงราคาน้ำมันที่กระทรวงพลังงานพยายามตรึงไว้ที่ราคาเดิมที่ ๓๓ บาท/ลิตร...

"แต่ปัจจุบัน 'กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง' ภาระหนี้สินมากขึ้น การจะปรับลดราคาน้ำมันลงมาได้ ต้อง 'ปรับลดภาษี' ด้วย...

"ผมพยายามปรับปรุงกฎหมายอยู่....

"ขณะนี้ยกร่าง 'กฎหมายฉบับที่ ๑' เกี่ยวกับการดูแลราคาน้ำมันประจำวันเสร็จแล้ว...

"อยู่ระหว่างทบทวนความถูกต้อง ก่อนเสนอให้นายกฯ รับทราบ"

สรุป ปัญหาเฉพาะหน้า หลุดไปเปลาะ แล้วในระยะยาวล่ะ จะแก้ยังไง?

การแก้ปัญหาแบบ 'แก้ผ้าเอาหน้ารอด' ไปแต่ละมื้อ ผมสังเกตว่า นั่นไม่ใช่สไตล์การทำงานของคนชื่อพีระพันธุ์

คงด้วยสายเลือด จากที่เคยเป็น 'ผู้พิพากษา' มาก่อน ทั้งพ่อของท่าน 'พลโทณรงค์ สาลีรัฐวิภาค'

อดีตเป็นทั้ง 'ปลัดกระทรวงพาณิชย์' และ 'เจ้ากรมการพลังงานทหาร' ผู้ริเริ่มขุดเจาะน้ำมันที่อำเภอฝาง เชียงใหม่

เป็นผู้ก่อตั้ง 'ปั๊มน้ำมันสามทหาร'

ฉะนั้น ปัญหาน้ำมัน รัฐมนตรีพีระพันธุ์ จะไม่แก้ปัญหาชนิด 'ตัดตอน' จะต้องแก้ 'ชนิดถาวร' ด้วยการรื้อโครงสร้างแน่

สังเกตจากสไตล์ทำงาน ไม่ว่าปัญหาใด ถ้าจะแก้ ท่านจะสาวจากปลายลงไปจนถึงราก แล้วแก้ปัญหาที่ต้นราก

มิใช่ทำงานแบบ 'ถากหญ้าหน้าดิน'
เรียบชั่วคราว หมาเยี่ยวรด อีกเดือน-ครึ่งเดือน หญ้าก็ท่วมเหมือนเดิมอีก ซึ่งนี่ มิใช่ สไตล์พีระพันธุ์

ปัญหาพลังงาน ว่าด้วย 'ค่าน้ำมัน-ค่าไฟ' นี่เช่นกัน เมื่อเข้ามา

ท่าน 'รื้อกฎหมาย' ที่เกี่ยวกับพลังงานและ 'กลไกสร้างราคา' ขึ้นมาศึกษา มุ่งแก้จากต้นราก เป็นการแก้ถาวร

ทุกวันนี้ ไฟฟ้าแพง คนก็ด่า กฟผ., น้ำแพง-แก๊สแพง คนด่า ปตท. ทั้ง กฟผ.ทั้ง ปตท.ตกอยู่ในสภาพ 'เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง'

แต่ต้อง 'เอากระดูกมาแขวนคอ' ตลอด!

เพราะราคาขาย มันมาจาก 'ระบบภาษี' ภาครัฐและกองทุนต่าง ๆ ซึ่ง ปตท.-กฟผ.ไม่มีสิทธิ์ ไปกำหนดอะไรได้ทั้งสิ้น!

จะแยกให้เห็นคร่าว ๆ ว่าราคา 'น้ำมัน ๑ ลิตร' มีที่มาจากไหนบ้าง?

-๔๐-๖๐% ต้นทุนเนื้อน้ำมันสำเร็จรูปที่ผลิตจากโรงกลั่น

-๓๐-๔๐% เป็นภาษีสรรพสามิต

-๑๐% ภาษีเทศบาล มหาดไทยนำไปใช้พัฒนาท้องถิ่น

-๗% ภาษีมูลค่าเพิ่ม         

-๗% ค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงแต่ละชนิด

-๕-๒๐% จัดเก็บโดย 'กองทุนต่าง ๆ'

-กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศไม่ให้เกิดความผันผวน

-กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อส่งเสริมสนับสนุนพลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน และ

-๑๐-๑๘% ค่าการตลาด

เนี่ย โครงสร้างราคาน้ำมัน มันเป็นอย่างนี้ จะว่ารัฐบาลก็ยาก ถ้าไม่เก็บภาษี จะเอาเงินที่ไหนไปพัฒนาประเทศล่ะ?

แล้วจะแก้ยังไง?

เป็นคำถาม 'กำปั้นทุบดิน' ก็จริง แต่ปัญหามันก็อยู่ตรงดินนี้แหละ บางอย่างก็ซ้ำซ้อน  บางอย่างก็มากไป บางอย่างก็มักได้เกินไป

ทางที่ดี ก็ต้องนำทั้งหมดมา 'รื้อ' จัดระบบกันใหม่ ส่วนจะจัดแบบไหน-อย่างไร ลองฟังที่ท่านพีระพันธุ์แย้มไว้ละกัน

"สำหรับค่าไฟฟ้า ยืนยัน คงไว้ที่หน่วยละ ๔.๑๘ บาท กลุ่มเปราะบาง ที่หน่วยละ ๓.๙๙ บาท 

"ที่เป็นปัญหาคือ 'ราคาน้ำมัน' รัฐบาลชุดที่แล้วตรึงราคาดีเซลไว้ที่ลิตรละ ๓๐ บาท...

"แต่ปัจจุบันใช้ระบบ 'กองทุนน้ำมัน' รักษาระดับราคาน้ำมันตั้งแต่ปี ๒๕๑๖ ส่วนตัวผมไม่เห็นด้วย กับการเอาเงินไปรักษาระดับราคาน้ำมัน...

"แต่เมื่อรูปแบบเป็นเช่นนี้ 'กระทรวงพลังงาน' จึงพิจารณาศึกษาปรับปรุงแก้ไขปัญหานี้...

"ที่ผ่านมา ผมไม่เคยรู้ 'ราคาต้นทุน' ของน้ำมันเลย...

"จึงออกประกาศกระทรวงพลังงาน ให้ผู้ประกอบการค้าน้ำมัน ต้อง 'แจ้งต้นทุน' ให้กระทรวงพลังงานทราบ ถือเป็นครั้งแรก ที่มีการ 'แจ้งราคา' ต้นทุนน้ำมัน...

"อีกส่วนหนึ่ง 'ภาษีน้ำมัน' มีมูลค่าสูง ไม่ต่างจากราคา 'ต้นทุนน้ำมัน' เช่น หักค่าน้ำมัน ลิตรละ ๔๕ บาท...

"ภาษีน้ำมัน ก็จะอยู่ที่ประมาณ ๔๐ บาท ถือว่า 'สูงมาก'

"อีกทั้งการ 'จัดเก็บภาษีน้ำมัน' คณะกรรมการกองทุนน้ำมันจะมีอำนาจกำหนดเพดานการจัดเก็บ...

"แต่ขณะนี้อำนาจดังกล่าว 'หายไป'...

"จึงต้องแก้ไข ให้กระทรวงพลังงาน มีอำนาจ 'กำหนดเพดาน' การจัดเก็บภาษีน้ำมัน...

"หากกระทรวงพลังงาน 'กำหนดเพดาน' ได้เอง ก็จะมีเงินเพียงพอสำหรับการ 'อุดหนุนราคาน้ำมัน'...

"แต่ปัจจุบัน เมื่อยังไม่สามารถทำได้ ก็จำเป็นต้องใช้เงินอุดหนุนจาก 'กองทุนน้ำมัน' แทน"

ที่เห็นท่านหายไปหลายวัน โน่นครับ รัฐมนตรีกับปลัดพลังงาน เดินทางไปเจรจาเรื่องน้ำมันที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย

เห็นแว่ว ๆ ด้วยว่า ท่านรัฐมนตรีพีระพันธุ์ กำลังคุยกับรัฐมนตรีพลังงานรัสเซีย หาช่องทางด้านธุรกิจน้ำมันกันอยู่

เรื่องน้ำมันกับรัสเซีย มีคนจำนวนมากคิดว่า ทำไมไทยไม่ซื้อน้ำมันรัสเซียล่ะ ราคาถูกกว่าด้วย 

ใครก็อยากซื้อ แต่มันมีอะไรหลาย ๆ อย่าง ที่ไม่เอื้อให้ทำได้สะดวกราบรื่นตามที่คิด

อีกอย่าง การซื้อ-ขายน้ำมัน ไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาล

การเป็น 'สว่านนำร่อง' เพื่อทางอนาคต

นั่นพูดได้ว่า เป็นภารกิจ 'ทางจิตสำนึก' คนเป็นรัฐมนตรีพลังงาน ซึ่งยังไง ๆ ก็ดีกว่า

'คนใช้เงินหลวง'

แต่ไปเป็นเซลส์แมน 'ขายคอนโดฯ-ขายแผ่นดิน' ให้ต่างชาติ ๙๙ ปี จิมิ..จิมิ!

‘เปลว สีเงิน’ อ่านเกม ‘ทักษิณ’ ชี้ชัด อยากตะเพิด ‘พีระพันธุ์ – รทสชง’ พ้นรัฐบาล

(17 ธ.ค. 67) เปลว สีเงิน คอลัมนิสต์การเมืองชื่อดัง เจ้าของหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ได้เขียนบทความในคอลัมน์ ‘คนท้ายซอย’ ว่า "พีระพันธุ์-เพชรแท้"
เห็นถามเชิงเถียงกันขรมเมืองทั้งวัน ว่า.....

ตกลง "ทักษิณไล่ใคร?"

ไล่ "อนุทิน-ภูมิใจไทย" หรือไล่ "พีระพันธุ์-รวมไทยสร้างชาติ" ให้พ้นจาก "พรรคร่วมรัฐบาล"?

หรือไล่มันทั้ง ๒ พรรคนั่นเลย?

ผมตอบแทนทักษิณให้ก็ได้ "อยากเฉดหัวให้มันออกไปทั้ง ๒ พรรค" นั่นแหละ

แต่ที่อยากมากกกกก ถึงขั้นไล่ได้ ไล่ให้ออกไปวันนี้-วันพรุ่งเลย คือ "พีระพันธุ์-รวมไทยสร้างชาติ"!

เพราะอะไร?

๑.ไล่พรรครวมไทยสร้างชาติ ๓๕-๓๖ เสียงออกไป ก็ไม่มีปัญหา เพราะตอนนี้มี "พรรคธรรมนัส" ร่วม ๒๕ เสียงเสียบเสริมอยู่แล้ว

๒.ทุกคนรู้-โลกรู้ "รวมไทยสร้างชาติ" ชาติกำเนิดคือพรรคของอดีต "นายกฯ ประยุทธ์"

พีระพันธุ์จึงมีภาพเป็นคนของ "ลุงตู่" ซึ่งเป็น "หนามปักคาใจ" ให้ทักษิณคลั่งในยิ่งนัก

๓.ขณะเดียวกัน พีระพันธุ์เป็นคนที่ชาวประชารับรู้ว่า เป็นนักการเมือง "เพื่อชาติและประชาชน" ของแท้ ๑๐๐%

พีระพันธุ์จึงเป็น "หมาเฝ้าบ้าน" โดยจิตวิญญาณ ไม่ใช่ "หมาในคอก" โดยหิวอาหารเม็ด จากมือคนคด!

๔.ด้วยคุณสมบัติ ไม่สน "อาหารเม็ด" ทำให้พีระพันธุ์ดูเป็นคนหัวแข็ง ไม่ยอมลงให้กับใคร

ถ้าเรื่องนั้น ทำแล้ว "นักการเมืองได้-ประชาชนเสีย"!

ต่อให้เป็นนโยบายรัฐบาล.....

สั่งให้ตาย พีระพันธุ์ก็จะไม่ยอมไหลตามไปกับสิ่งไม่ถูกต้องนั้น

๕.พีระพันธุ์เป็นรัฐมนตรี "คุมพลังงาน" แล้วใครบ้างที่ไม่รู้ว่า พลังงาน "ขุมทรัพย์นับล้านล้าน" ของไทย ทุกวันนี้ อยู่ในกำมือใคร?

ชาวบ้านใช้ไฟแพงจากค่า ft ทุกวันนี้ ต้นเหตุมาจากไหน ทุกคนรู้ เว้นแต่รัฐบาลของคนมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เท่านั้น ที่ไม่รู้?

พีระพันธุ์เข้าไปแก้ในดงขวากหนาม เท่ากับ "ขวางทางโจร" ที่มันกำลังปล้นประชาชนจนรวยติดอันดับ "มหาเศรษฐีโลก"

ตัวเจ้าพ่อและร่างทรงเจ้าพ่อ จึงเพิ่มแรงอยากไล่ให้พีระพันธุ์ออกไปเร็วๆ เป็น ๒ เท่า

ยิ่งเขากำลังจะขุดพลังงานในอ่าวไทยใต้เกาะกูดไปรวยแบ่งกันกับเขมรอยู่ด้วย

พีระพันธุ์และอนุทิน ดันเป็น "ไอ้เข้" เข้าไปนอนขวางทางขุดเขาอีก จึงต้องส่งสัญญาณ "กูไม่พอใจพวกมึง" แล้วนะโว้ย

แต่จังหวะและบรรยากาศที่จะไล่ทั้ง ๒ พรรค มันยังไม่ให้ ถึงแม้ล้วงประเป๋ากางเกง มี "พรรคประชาชน" ให้กระเดาะเล่นในมือก็ตาม

ที่ทำได้ทันที โดยไม่กระทบเสียงรัฐบาล ก็คือไล่รวมไทยสร้างชาติออกไป จะ "รวยแบ่งกัน" ได้สบายกว่า มีพีระพันธุ์อยู่ให้กระดากปาก ตอนซ้วบบบบ!

แต่ก็นั่นแหละ.....

ในจุดเด่นของคุณพีระพันธุ์ก็มีจุดด้อยด้วยเหมือนกัน คือในความเก่งเฉพาะตัว ที่ไม่มีใครปฏิเสธ

แต่คุณพีระพันธุ์เป็นคนปากกับใจตรงกัน รู้สึกอย่างไรก็พูดออกมาอย่างนั้น บางเรื่องจึงกลายเป็นว่า คุณพีระพันธุ์ไม่รู้จัก "ถนอมน้ำใจคน"

นั่นทำให้การบริหารคนในฐานะ "หัวหน้าพรรค" มีปัญหา การใช้มาตรฐานตัวเองเป็นมาตรฐานวัดทุกคนในพรรค ทำให้รวมใจคนในพรรคให้เป็นหนึ่งไม่ได้

ห่านดิน ยังกินหญ้า ห่านฟ้า ยังกินยุง ฉันใด ลูกน้องในพรรค ก็ฉันนั้น คนเป็นหัวหน้าก็ต้องบริหารอาหาร

คนน่ะ...จริงอยู่ เป็นคนเท่ากัน แต่มันไม่เท่ากันในความสามารถด้านหน้าที่การงาน

แต่ทุกคนสามารถใช้ศักยภาพที่มีแต่ละด้าน ช่วยให้พรรคเจริญเติบใหญ่ได้

มีเงินหมื่นล้าน ก็สร้าง "กระต๊อบ" หลังเดียวไม่ได้

ถ้าไม่มีคนไปตัดไม้ไผ่ ไม่มีคนขุดดิน ไม่มีคนตัดหวาย จักตอก ไม่มีคนมุงหลังคา

ฉะนั้น คนสำคัญกว่าเงิน แต่ต้องรู้จักใช้ทั้งเงิน-ทั้งคน              

ผู้บริหารที่ "รู้จักใช้คน" เขาจะไม่มองข้ามใครเลย ขณะเดียวกัน เขาจะมองเชิงวิจัยทะลุศักยภาพแต่ละคน

แล้วดึง "คุณภาพคน" ที่ต่างกันออกมาใช้ตามลักษณะงาน ตามจังหวะ-เวลา-สถานการณ์

"ชนะ" ที่เป็น "ชัยชนะ" แท้จริง มี ๒ อย่าง คือ

ชนะขั้นสามัญ ชนะใจคนอื่น

ชนะขั้นสูงสุด ชนะใจตัวเอง!

คุณพีระพันธุ์มีคุณสมบัติพร้อมทุกอย่าง เพียงแต่ไม่ดึงสิ่งที่มีอยู่ในตัวออกมาใช้ในบทบาท "ผู้นำพรรค" ให้ถึงพร้อมเท่านั้น

ถ้าเปิดใจให้กว้างต่อมิตรสหายในเส้นทาง ทั้งที่คิดเหมือนและคิดต่างให้มากกว่านี้

คำสบประมาทที่ว่า "รวมไทยสร้างชาติ" เจ๊งแล้ว นายทุนแยกพรรคไปแล้ว

เลือกตั้งครั้งหน้า....

"รวมไทยสร้างชาติ" ใต้การนำพีระพันธุ์ ไม่ใช่พรรคต่ำสิบ แต่จะเป็นพรรคต่ำห้า มันจะกลายเป็นฝ่าตีนตบหน้าคนสบประมาททันที!

พูดถึงนายทุนน่ะ ตะแคงกระบุงแล้วเอาเท้าโกยก็ถมถืด หาไม่ยากหรอก

ที่หายาก คือ "นักการเมือง" ที่บริสุทธิ์-จริงใจ ต่อชาติบ้านเมืองและประชาชนตะหาก

คุณพีระพันธุ์ คือ ๑ ในจำนวนที่หายากนั้น

แต่การดึงศักยภาพตัวเองออกมาแสดง "ภาวะผู้นำ" ที่ทั้งคนในพรรคและนอกพรรคยอมรับ

สู่ขั้นเปล่งประกายเข้าตาสังคมชาติ ว่า คนนี้ ฝากผี-ฝากไข้ ให้เป็น "ผู้นำประเทศ" ได้ ยังไม่สาดแสงทะลุตา

ทะลุวันไหน แค่ตะแคงกระบุงไว้หน้าพรรคเฉยๆ เงินอุดหนุนมาเต็ม บอกไม่เชื่อ!

เพราะเครดิตด้านคนทำงานเอางาน "เพื่อชาติบ้านเมือง" ไม่ใช่ "เอาเงินเข้ากระเป๋า" คุณพีระพันธุ์ทำให้เห็นมาแล้ว

จำตอม่อ "โฮปเวลล์"....

ที่ตำใจ ประจานไทย ว่าเป็นประเทศบริหารด้วยนักการเมือง "โกงชาติ-ผลาญเมือง" แต่ปี ๒๕๓๓ กันได้มั้ย?

ผ่านมากี่รัฐบาล ไม่มีรัฐบาลไหนสนใจแก้ปัญหา เพราะแดกเนื้อกันหมดแล้ว ทุกรัฐบาลจึงเมิน

เอกชนฟ้องเรียกค่าเสียหายที่ยกเลิกสัญญาเขา คณะอนุญาโตตุลาการให้คมนาคมและการรถไฟฯ ชดใช้ค่าเสียหาย บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) ร่วม ๓ หมื่นล้านบาท!

มาถึงรัฐบาลพลเอกประยุทธ์....

จะว่าไปต้องให้เครดิตและชม "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" รมว.คมนาคมตอนนั้น ไม่ยอม ฮึดสู้ จนชนะ เซฟค่าโง่ให้ประเทศร่วม ๓ หมื่นล้าน

มือกฎหมายที่พลิกจากแพ้ให้กลับมาชนะ ก็คือ "คุณพีระพันธุ์" ผู้นี้แหละ

อดีตท่านเป็นผู้พิพากษา เมื่อนายกฯ ประยุทธ์มอบให้เข้าไปดูเรื่องนี้ ท่านใช้เวลาร่วม ๓ ปี ขุดเอกสารต่างๆ มาดูตามแง่มุมกฎหมาย

ก็ไปสู้ในศาล....

ปรากฏว่า จากที่แพ้-จ่ายแน่ เพราะไม่มีรัฐบาลไหนสู้เพื่อรักษาผลประโยชน์ชาติ เมื่อรัฐบาลประยุทธ์ โดย "รมว.ศักดิ์สยาม" สู้

ปรากฏว่า ชนะ "พลิกล็อก-พลิกโลก"

"ศาลปกครองกลาง" มีคำพิพากษา เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ที่ให้กระทรวงคมนาคม และ รฟท.ชดใช้ค่าโง่โฮปเวลล์ ๒.๔ หมื่นล้านบาท

พร้อมดอกเบี้ยแก่บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด

ศาลเห็นว่า "บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด" ยื่นฟ้องคดีพิพาทต่อคณะอนุญาโตตุลาการ "พ้นกำหนดระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด"!

เนี่ย....

ถ้าคุณพีระพันธุ์อยากได้ค่าโอเลี้ยงซักสี่ซ้าห้าพันล้าน แลกกับการไม่เป็นคานเข้าไปสอดหมูที่เขากำลังจะหามกัน

พูดได้คำเดียว "สบายมาก"!

เพราะเป็นคนไม่ชอบ "สบายมาก" นั่นแหละ จึงถูกเจ้าของคอกหมาไล่ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล

คุยแล้วก็รากงอก ตั้งใจจะแตะนิดเดียว ดันเลี้ยวลงคู-ลงคลอง ที่ตั้งใจคุยเรื่อง "พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล" ก็เลยหมดเนื้อที่

เอาเป็นว่าเมื่อวาน (๑๖ ธ.ค.๖๗)" ศาลปกครองสูงสุด "มีคำสั่ง" ยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองของบิ๊กโจ๊ก

นั่นคือ "สิ้นสุดทางเลื่อนของ แมว ๙ ชีวิต" ลงแค่นี้

เป็นไปตามคำสั่ง ผบ.ตร. "พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์" และมติ "ก.พ.ค.ตร."

ที่ให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ "ออกจากราชการไว้ก่อน"!

กรณีถูกกล่าวหา "ทำผิดวินัยร้ายแรง" จนถูกตั้งกรรมการสอบสวน กรณีมีพฤติการณ์...

เกี่ยวข้องเว็บพนันออนไลน์  BNKMASTER จนถูกดำเนินคดีอาญา

และถูกศาลอาญาออกหมายจับในความผิดฐาน "สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน"

และ "เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน"

ก็สู้ต่อไปนะ แพ้เป็นโจ๊ก ชนะเป็น "เทพโจ๊ก"!.

-เปลว สีเงิน

๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๗

คนปลายซอย

‘เปลว สีเงิน’ เผย!! ‘รมช.สุชาติ’ ลุยงาน เปิดตลาดการค้าต่างประเทศ ไม่เว้นแต่ละเดือน ชี้!! ข้าราชการในกระทรวง ออกปากชม ทำงานจริงจัง ให้เกียรติทุกคน น่ารักไม่ถือตัว

เมื่อวานนี้ (27 ธ.ค. 67) ‘เปลว สีเงิน’ นักหนังสือพิมพ์และคอลัมนิสต์ชื่อดัง ได้นำเสนอบทความ ในหัวข้อ ‘รัฐมนตรี’ ที่ ‘นักข่าวลืม’ โดยระบุว่า…

‘นายกฯ แพทองธาร’ นี่....

ต้องยอมรับกันจริงๆ จังๆ ว่า ‘ออร่า’ ในตัวเธอเจิดจ้ามาก!

ขนาดแฟชั่น ‘แบรนด์เนม’ ชุดละเป็นแสนๆ ที่เห็นรายวัน

พอนายกฯ ใส่เท่านั้นแหละ

ด้วยรัศมีออร่า ข่มชุดแฟชั่น ‘แบรนด์เนม’ ให้กลายเป็นชุด ‘แบกะดินส์’ ไปทันที!!

สิ่งที่ตามมาโดยไม่ตั้งใจ .........

คลาสการแต่งกายเจ้านายนั้น ช่วยสร้าง ‘มูลค่าเพิ่ม’ ให้แจ๋ว 3-4 นางที่เยื้องย่างเป็นวอลเปเปอร์ ‘พลอยดูแพง’ เสมอหน้า-เสมอตาไปด้วย

อย่าง ‘มนพร’ รมช.คมนาคม .....เห็นมั้ย

ยืนแยกยิ้มประกบข้างนายกฯ ตอนให้สัมภาษณ์ทีไร หน้า "แอนโทเนีย โพซิ้ว" ลอยเด่นขึ้นมาเลย!!

ของ ‘แพง’ แต่แต่งแล้วทำให้ดูเป็น ‘ของถูก’  แบบนี้ ใช่ว่าจะทำกันได้ง่ายๆ ทุกคน

นอกจากต้องเข้าใจเรือนร่างของตนแล้ว ต้องมีศิลปะในการเลือก ต้องมีรสนิยมในการแต่ง ผสมจิตวิทยาชั้นสูงจริงๆ อย่างนายกฯ หญิงของเรา

จึงจะสามารถทำให้ชาวบ้านร้านตลาด เห็นแล้วเกิดความรู้สึกว่า

"อุ๊ย!...นายกฯ หญิงคนนี้ "ติดดิ๊นน...ติดดิน" น่ารักจัง!!"

วันนี้ ศุกร์ 27 ธันวา ถือว่า ‘ส่งท้ายปี 2567’ เพราะดูปฏิทินแล้ว คงหยุดลากยาว ‘ข้ามปี’ ไปสัปดาห์ที่ 2 ของปี 68 นั่นแหละ ถึงจะเริ่มชีวิตใหม่กัน

มา ‘เช็กเค้า’ ประเทศกันหน่อยปะไร

วานซืน ‘นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์’ ผอ.สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)กระทรวงพาณิชย์ แถลง ซึ่งผมจะสรุปคร่าวๆ

ส่งออกเดือน พ.ย.67 มูลค่า 25,608.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 8% บวก 5 เดือนติด

รวมยอด 11 เดือน มูลค่า 275,763.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 5% คิดเป็นเงินบาท 9,695,455 ล้านบาท

คาด ธ.ค. ยังส่งออกได้ดี มีลุ้นทำนิวไฮ 3 แสนล้านเหรียญฯ โตทะลุเป้า 5.2% 

นำเข้ามีมูลค่า 25,832.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น ๐.9% คิดเป็นเงินบาท 867,456 ล้านบาท

ขาดดุลการค้า 224.4 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาท 18,387.1 ล้านบาท

ส่งออกที่เพิ่มขึ้น มาจากสินค้าเกษตร เพิ่ม 4.1% สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 7.7% และสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่ม 9.5%

ตลาดส่งออก ‘ตลาดหลัก’ สหรัฐฯ เพิ่ม 9.5% จีน เพิ่ม 16.9% สหภาพยุโรป เพิ่ม 11.2% CLMV เพิ่ม 21.๐%

ญี่ปุ่น ลด 3.7% อาเซียน (5 ประเทศ) ลด 1.5% ตลาดรอง เพิ่ม 7.1% 

เอเชียใต้ เพิ่ม 18.3% ทวีปออสเตรเลีย เพิ่ม 1.๐% ตะวันออกกลาง เพิ่ม 1.7% แอฟริกา เพิ่ม 13.8%

ลาตินอเมริกา เพิ่ม 31.8% และสหราชอาณาจักร เพิ่ม 12.๐%

กลุ่ม CIS (รัสเซีย เบลารุส คาซัคสถาน อาร์เมเนีย มอลโดวา อาเซอร์ไบจาน คีร์กีซ อุซเบกิสถาน ทาจิกิสถาน เติร์กเมนิสถาน และยูเครน)

ลด 5.3% และตลาดอื่นๆ เพิ่ม 29.๐%

นี่คร่าวๆ นะครับ เพื่อจะบอก 2 อย่าง....

1.ให้เครดิตนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ นายสุชาติ ชมกลิ่น-นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์

และ ‘ข้าราชการพาณิชย์’ ทั้งกระทรวง

ท่องเที่ยวกับส่งออก เป็น ‘2 เครื่องยนต์’ ที่นำรายได้เข้ามาประคองเศรษฐกิจประเทศ ไม่ให้หัวปักทิ่มดิน เวลานี้!!

2.ปี 68 เศรษฐกิจ จะ ‘เผาจริง’ ทั้งโลก ....

ยิ่งทรัมป์แปลงการค้าเป็นอาวุธจี้หัวประเทศต่างๆ

บอก ‘ข้าจะเสนอในสิ่งที่พวกเจ้าต้องทำตาม’ ด้วยแล้ว

การส่งออก ‘ทั้งโลก’ มีปัญหาแน่นอน!!

นำสู่ปัญหาที่ไทยต้องคิด ว่าการใช้เงินในปี ๖๘ รัฐบาลจะแค่เอาตัวเองรอดหรือเอาประเทศรอด?

ผมอ่านที่ ‘The Publisher’ เขาโพสต์ เมื่อวาน มันเป็นเรื่องจริง ที่ต้อง ‘คิดหนัก’ ทุกฝ่าย

The Publisher
ย้อนดูการจัดงบประมาณของรัฐบาลเศรษฐา มาจนถึงรัฐบาลแพทองโพย
พบว่า มีการจัดงบประมาณ ‘ขาดดุลต่อเนื่อง’ อย่างมีนัยสำคัญ เริ่มจากปีงบประมาณ 2567  ขาดดุล 6.93 แสนล้านบาท
ปีงบประมาณ 2568 ขาดดุล 8.7 แสนล้านบาท
และปีงบประมาณ 2569 วางแผนขาดดุลอีก 8.6 แสนล้านบาท 
บวกดูแล้วพบว่าการจัดงบประมาณ 3 ปีของรัฐบาลเพื่อไทย รวมขาดดุลแล้วกว่า 2.4 ล้านล้านบาท

ทั้งๆ ที่มีเสียงเตือนจากหลายหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ อาทิ สภาพัฒน์ เตือนมาตั้งแต่การทำงบประมาณปี 67 ว่า "ต้องลดการขาดดุลลง ให้ต่ำกว่า 3% ของจีดีพี"

แต่การจัดงบประมาณของรัฐบาลเพื่อไทย สวนทางมาโดยตลอด ซึ่งขณะนี้ ขาดดุลเกิน 4%  ของจีดีพี ไปแล้ว

แน่นอนว่า ‘หนี้สาธารณะ’ จะพุ่งเป็นเงาตามตัว

หาก ‘ภาวะขาดดุล’ ยังดำรงอยู่เช่นนี้ ไม่มีการแก้ไข คาดการณ์ว่า ภายในปี 2572 ยอดหนี้สาธารณะจะแตะที่เพดาน 7๐%
ขณะที่การหารายได้เพิ่มยังไม่มีหนทางที่ชัดเจน!!

จึงไม่น่าแปลกใจที่เห็นความพยายามสร้างนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ ทั้ง ‘พันธบัตรดิจิทัล’

ซึ่งเปรียบเสมือนการ ‘สร้างเงินสกุลใหม่’ มาแข่งกับ ‘สกุลเงินบาท’ ไปจนถึงการ ‘ล็อกเป้า’

เล็งล้วง ‘ทุนสำรองระหว่างประเทศ’ มากระตุ้นเศรษฐกิจ
นี่คือทัศนคติที่น่าห่วง......

เป็นกับดักและความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทย ถ้ายังเดินตามรอยนี้ ไม่เพียงไม่ได้ตามเป้าเศรษฐกิจโต 4-5% 

อาจตามมาด้วยการ ‘ถูกลดเครดิต’ จากภาระหนี้ที่เกิดขึ้นด้วย

‘หนุมาน’ หาวเป็นดาว-เป็นเดือน แต่ ‘ไอ้ตัวมาร’ มันจะฮุบประเทศ สอยทั้งดาว-ทั้งเดือน ไปเป็นสร้อยสวมคอตระกูลมัน!! หนี้ประเทศล้นคอหอย ก็พลิกแพลงจะไปพิมพ์ ‘พันธบัตรดิจิทัล’ ทำให้ประเทศไทยมีเงิน 2 สกุล (ฉิบหายละทีนี้) จะเอาอะไรไปค้ำ ‘พันธบัตรดิจิทัล’ ล่ะ? ก็ทองคำ ‘หลวงตาพระมหาบัว’ ที่เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศนั่นไงล่ะ!!

ฝากให้คิดกัน ประเทศตอนนี้ ‘เหลือน้ำมันก้นถัง’ แล้ว รัฐบาลก็ยังขอด-ยังขุดเอาไปผลาญ แจกโน่น-ประชานิยมนี่ หว่านโปรยทุกครั้งที่ลงไปตะแล็ดแต๊ดแต๋ต่างจังหวัด

วานซืน รัฐมนตรีช่วยคลัง บอก

จะออก ‘สลากการกุศล’ งวดละ 11 ล้านฉบับ เป็นเวลา 2 ปี เอาเงิน 10,000 ล้านบาทไปทำ ‘โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุนการศึกษา’

พูดให้ชัดลงไปก็สิ้นเรื่อง ว่าเอาไปทำ ประชานิยม!!

ย้อนกลับไปที่พาณิชย์ซักหน่อย ที่ผมยกตัวเลขการส่งออกมาให้ดูนั้น ท่านทราบมั้ย เป็นการทำงานของหน่วยงานไหน?

สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ที่ ‘นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์’ เป็นผู้อำนวยการฯ นั่นแหละ

แล้วใครกำกับ-รับผิดชอบหน่วยงานนี้?

รมช. ‘สุชาติ ชมกลิ่น’

ที่นักข่าวตั้งฉายา ‘รัฐมนตรีโลกลืม’ คู่กับ ‘รมช.นภินทร’ นั่นเอง!!

นอกจาก สนค.แล้ว รมช.สุชาติ ยังได้รับการแบ่งงานให้คุม ‘กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ’ และ ‘สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน)’ ด้วย

ถ้า ‘โลกลืม’ หมายถึง รมช.ไม่ทำงาน ก็คงไม่มีเนื้องานเช่นนี้มาแถลง

ฉะนั้น ที่นักข่าวทำเนียบฯ ตั้งฉายา ‘รัฐมนตรีโลกลืม’ น่าจะเป็นอย่างที่ ‘รมช.นภินทร’ ท่านย้อนนักข่าว ว่า

“ผมอยากฝากสื่อประจำทำเนียบรัฐบาลว่า  ลองพูดคุยกับสื่อประจำกระทรวงพาณิชย์บ้าง ว่าผมทำงานอะไรบ้าง เนื่องจากผมไม่จำเป็นต้องมาแถลงที่ทำเนียบฯ เพราะไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำเนื่องจากเป็นงานกระทรวง สำหรับ รมช.สุชาตินั้น...
ท่านดูแลงาน กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ด้วย เผอิญโลกที่สองของผม คือพวกเว็บข่าวสารต่างๆ

จึงเห็นภาพ-ข่าว ‘รมช.สุชาติ’ เดินทางไปเจรจาการค้า ไปเปิดตลาดการค้าตามประเทศโน้น-นี้ ไม่เว้นแต่ละเดือน
นั่นก็ช่างเถอะ

รัฐมนตรีก็ ‘ทำงาน-เอางาน’ นักข่าวเขาก็ ‘ทำข่าวเป็นงาน’ ขำๆ รายปีกันไป อย่าไปซีเครียด ตรงนี้ตะหาก....

ที่ผมจะบอกให้ท่าน ‘รัฐมนตรีสุชาติ’ ได้ปลื้มปริ่ม

คือผมมีมิตรสหายอดีต ‘ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่’ กระทรวงพาณิชย์หลายคน ว่างๆ ก็นั่งซดกาแฟแกล้มนินทาโน่น-นี่กันตามประสา

เขาบอกว่า ‘ข้าราชการในกระทรวง เขาชมรัฐมนตรีสุชาติกันมาก’

"ชมเรื่องอะไร?" ผมถาม
ผู้ใหญ่ท่านนั้นบอกว่า "ข้าราชการเขาชมรัฐมนตรีสุชาติน่ารัก ไม่ถือตัว และให้เกียรติข้าราชการมาก ชี้แจงอะไรท่านก็รับฟัง ทำงานจริงจัง"

นี่คือ แผ่นทอง ที่ยากนัก-ยากหนา อันข้าราชการจะปิดให้ นักการเมืองคนไหน ผมจึงมาเอาหน้ากับท่านรัฐมนตรีว่า ‘นักข่าวลืม’ นั่นโลกมายา

‘ข้าราชการพาณิชย์’ เขาไม่ลืมและชื่นชมท่าน นั่นตะหาก คือโลกจริง!!

เปลว สีเงิน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top