Wednesday, 23 April 2025
เนติวิทย์

เพจ ‘ปราชญ์ สามสี’ แซะตรรกะ ‘เนติวิทย์’ ปมไม่อยากเรียนจบ เชื่อ! คิดใช้ ‘สถานะนักเรียน’ เคลื่อนไหว

เพจเฟซบุ๊ก "ปราชญ์ สามสี" โพสต์กรณีนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ยังไม่อยากเรียนจบการศึกษา ว่า เรียนผลาญเงินพ่อแม่ ไม่ต้องรีบจบ เพราะจบไปก็ทุกข์กับตัวเอง...อืม คงมีคนแอบเลี้ยง เนเน่ อยู่สินะครับถึงไม่ต้องรีบหางานทำ...เพราะอยู่เฉย ๆ ก็มีเงินกิน

ส่วนเรื่องเรียน จริง ๆ การเรียนหนังสือ ทำได้ตลอดแม้จะเรียนจบออกมาแล้วชีวิตก็ไม่ได้หยุดการเรียนรู้...

‘เนติวิทย์’ ยกแม่น้ำทั้งห้า หลังสลัดผ้าเหลือง อ้างติดอ่านสอบบาลี ลั่น!! สู้คดีไม่เกณฑ์ทหาร

(3 พ.ค. 66) ความคืบหน้ากรณีพระเนติวิทย์ จรณสมฺปนฺโน หรือ นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ต้องเข้ารับการคัดเลือกทหารกองเกินประจำปี 2566 แต่ไม่ได้เดินทางไปคัดเลือก ทางกองทัพบก แจ้งว่ากรณี ‘พระเนติวิทย์ จรณสมฺปนฺโน’ ในปีนี้อยู่ในบัญชีคนที่พ้นฐานะยกเว้นผ่อนผันของอำเภอเมืองสมุทรปราการ และจะต้องไปเข้ารับการตรวจเลือกตามหมายเรียกในวันที่ 9 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งพระเนติวิทย์ ไม่ได้ไปรายงานตัวเข้ารับการตรวจเลือกตามหมายเรียก ทางราชการจะปฏิบัติตามหลักการเดียวกัน คือ เมื่อเป็นผู้ขาดการตรวจเลือกและมีความผิดตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร มาตรา 27 ขั้นตอนต่อไปทางอำเภอจะมีหนังสือเชิญมาสอบสวนและให้ข้อมูล โดยไม่ได้มีการออกหมายจับ
.
ล่าสุด นายเนติวิทย์ โพสต์ภาพ พร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Netiwit Ntw ระบุว่า...
.
“ลาสิกขาและสอบได้ประโยค 1-2 ดังที่ผมได้เคยแจ้งขณะเป็นพระเนติวิทย์ ในถ้อยแถลงส่วนตัวว่า…
.
นับแต่รัฐประหาร 2557 ผมก็ตาสว่างเห็นการบังคับเกณฑ์ทหารเป็นเครื่องมือควบคุมคน สร้างความกลัว และระบบนี้เป็นอุปสรรคต่อความเจริญงอกงามของผู้คน ในสังคมและสร้างเสรีประชาธิปไตย แม้โดยส่วนตัวจะมีวิธีหลีกเลี่ยงได้มากมายโดยไม่ผิดกฎหมาย (เช่น เรียน รด.) แต่ก็คิดว่าวิธีนี้คนใช้เยอะแล้ว และเราก็ควรมีสิทธิศักดิ์ศรีชัดในฐานะมนุษย์ว่า เรามีเสรีภาพในการเลือกพัฒนาชาติในแบบของเราได้ เราไม่ควรต้องกลัวกับระบบไม่เป็นธรรม ผมก็ได้มีเจตนามุ่งมั่นและออกแถลงการณ์ตั้งแต่ตอนนั้น ซึ่งก็ผ่านมาถึง 9 ปีแล้วว่า จะไม่เข้าร่วมระบบเกณฑ์ทหาร แม้จะต้องโดนดำเนินคดีหรืออะไรก็ตามที
.
แม้ตอนนี้ ผมก็ไม่เคยเปลี่ยนความเชื่อ ความตั้งใจของตน โดยเฉพาะสิ่งที่เราทำเราต่อต้าน เมื่อพิจารณาอย่างแยบคาย เป็นสิ่งที่ดีกับคนรุ่นหลังจากเรา ที่พวกเขาจะได้ใช้ชีวิตอย่างปราศจากความกลัว สามารถรักชาติได้ดีขึ้น (เพราะเขามีสิทธิ์คิดสิทธิเลือก ไม่ใช่รักเพราะกลัวเกรง)
.
หากที่ผมไม่ไปที่หน่วยตรวจเลือดเกณฑ์ทหารเพื่อประกาศเจตนารมณ์นี้ด้วยตัวเองก็เพราะติดอ่านสอบบาลีประโยค1-2 ซึ่งตนก็ตั้งใจศึกษาบาลีมาถึง 4-5 เดือน อยากสอบซ่อมให้เรียบร้อยแล้วก็จะสึกออกมาต่อสู้ ไม่ได้ต้องการหลีกเลี่ยงจะใช้ผ้าเหลืองเพื่อหลบหนี แม้อยากจะบวชต่ออีกสักพักก็ตาม
.
ขณะนี้ก็สอบซ่อมเสร็จแล้ว ก็ไม่ได้ทำผิดที่เคยให้สัตย์ไว้ ก็ได้ลาสิกขาจากวัดญาณเวศกวัน ช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา และเมื่อวาน แม่กองบาลีก็ประกาศผลแล้วว่า พระเนติวิทย์สอบได้ประโยค 1-2

ท่านเจ้าคุณฯ ได้ให้โอวาทตอนลาสิกขา คือ หลักอธิษฐานธรรม 4 ได้แก่

1.) ไม่พึงประมาทปัญญา
2.) พึงมั่นคงและมุ่งมั่นในสัจจะ
3.) พึงเพิ่มพูนจาคะการให้
4.) พึงศึกษาสันติ สันติภาพภายในและโลกไร้สงคราม

ตอนนี้ก็กลับมาเป็นคฤหัสถ์ เป็นผู้ครองเรือน เป็นผู้หนึ่งที่มั่นใจยิ่งขึ้นทุกทีว่า พระธรรมคำสอนสองพันกว่าปีนี้สามารถมีประโยชน์ต่อตนและผู้อื่น และประโยชน์ในการพัฒนาสังคม ได้สัมผัสสุขอิงอามิสและไม่อิงอามิสความไม่เบียดเบียน จะนำเอาธรรมมาประยุกต์และเผยแพร่

‘เนติวิทย์’ ขอพรเสด็จพ่อ ร.5 คุ้มครอง ‘หยก-กลุ่มนักเรียนเลว’ ให้ปฏิรูปการศึกษาไทยสำเร็จ พร้อมขอพระองค์ดลใจน้องๆ เรียนต่อจุฬา

เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 66 นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นักเคลื่อนไหวกิจกรรมทางการเมือง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า…

“วันนี้เวลา 18 นาฬิกา 15 นาที ผมได้เดินทางไปสักการะพระบรมรูปเสด็จพ่อ ร.5 ที่ลานพระบรมสองรัชกาลของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี (โดยยืน มิได้หมอบกราบแต่อย่างใด เพราะจะขัดพระบรมราชโองการของพระองค์)

ในการนี้ผมได้ขอพรเสด็จพ่อ ขอให้พระบารมีคุ้มครองรักษาน้องหยกและนักเรียนเลวคนอื่นๆ ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาไทยให้ประสบความสำเร็จ

ขอให้พระองค์ดลใจน้องๆ เหล่านี้ให้มาศึกษาต่อที่จุฬาฯ เพื่อสืบสานพระราชปณิธานของพระองค์ในการทำให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่รับฟังเสียงของนิสิตนักศึกษาและชุมชน ไม่ให้มีใครต้องถูกไล่ที่อีก รวมถึงรับใช้สังคมและประชาชนอย่างที่ควรจะเป็นซึ่งผู้บริหารจุฬาฯ ไม่เคยทำได้ ไม่เคยเป็นแบบอย่างได้ และคงไม่สนใจจะทำด้วย”

ทบ.เปิดขั้นตอนดำเนินคดี 'เนติวิทย์' ต่อต้านไม่จับใบดำใบแดงในการเกณฑ์ทหาร

(5 เม.ย.67) รายงานข่าวจากกองทัพบก เปิดเผยถึงกรณี นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล พร้อมเพื่อน 2 คน เดินทางมาประกาศอารยะขัดขืนต่อต้านไม่จับใบดำใบแดงในการเกณฑ์ทหาร ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นขั้นตอนตามกฎหมายปกติ คือบุคคลการไม่รับการตรวจเลือก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ก็จะแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยเรื่องดังกล่าวจะมีขั้นตอนกระบวนการ ในการพิจารณา ผู้ที่ไม่มาตรวจเลือกทหารฯ ทางกรรมการตรวจเลือก จะต้องมีการประชุมหลังจากเสร็จสิ้นการตรวจเลือกแล้ว ในช่วงเดือนพฤษภาคม ว่ามีคนที่ไม่มาตรวจเลือกจำนวนเท่าใด ที่ไม่ได้เข้ารับตรวจเลือกว่าแต่ละเคสใครมีเหตุมีผลอย่างไร ที่ไม่มาเข้ารับตรวจเลือก

“ส่วนของนายเนติวิทย์ คงไม่มีเหตุผลในการที่จะไม่ถูกดำเนินคดี เพราะไม่สามารถบอกเหตุผลที่ไม่เข้ารับการตรวจเลือกได้ เนื่องจากภาพข่าวที่ออกมาเห็นชัดแล้วว่า ที่ไม่เข้ารับการตรวจเลือกด้วยเหตุผลในการอารยะขัดขืน ซึ่งไม่สามารถทำได้ โดยหลังจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าแจ้งความดำเนินคดีแล้ว เรื่องดังกล่าวก็จะไปอยู่ในขบวนการชั้นศาล ศาลท่านก็จะตัดสินลงมาว่าอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น“ รายงานข่าวกองทัพบก ระบุ

‘ประธานกลุ่มประชาภักดิ์ฯ’ แจ้งความ ‘เนติวิทย์และพวก’ หลังกระทำ ‘อารยะขัดขืน’ หลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร

เมื่อวานนี้ (8 เม.ย. 67) นายทรงชัย เนียมหอม ประธานกลุ่มประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน นำเอกสารคำร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล และพวก ตาม ป.อาญา มาตรา 116 (2) (3) ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 50 (2) (5) ยื่นต่อ พันตำรวจเอกอิศราพงศ์ จินา ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรห้วยยอด จังหวัดตรัง กรณีนายเนติวิทย์และพวกรวม 3 ราย ร่วมกันกระทำการอ้าง ‘อารยะขัดขืน’ หลีกเลี่ยงเพื่อให้ตนไม่ต้องเข้ารับการคัดเลือกทหารประจำปี 2567

ทั้งนี้ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรห้วยยอด พร้อมฝ่ายสอบสวนได้เข้าร่วมรับเรื่องร้องทุกข์กล่าวโทษฯ และร่วมกันสอบคำให้การอย่างละเอียด ใช้เวลาการสอบคำให้การกว่า 3 ชั่วโมง

โดยนายทรงชัยกล่าวว่า ชุดสอบสวนของ สภ.ห้วยยอด สอบคำให้การผมยิ่งกว่าผู้ต้องหาเสียอีก แต่เข้าใจเพราะหากผิดพลาดจุดไหนคนที่ซวยคือผม ต้องขอบคุณผู้กำกับกับ รองผู้กำกับ และพนักงานสอบสวน ที่ให้ความใส่ใจต่อคดีที่กระทบต่อความมั่นคงของราชอาณาจักรไทย ส่วนผมก็แจ้งชุดสอบสวนแล้วว่าไม่ขอถอนแจ้งความทุกกรณีตราบจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

ก่อนเดินกลับ นายทรงชัยทิ้งท้าย “น้องเนเน่ก็รู้ดีทุกอย่างนี่ว่าการกระทำนั้นผิดกฎหมาย แต่ทำไมถึงทำ น้องเรียนมาร่วม 8 ปี น้องต้องมีความรู้มากเพราะเรียนมากกว่าเพื่อนคนอื่น พี่ไม่รู้ว่าน้องเรียนเสริมด้านหมวดวิชาไหนบ้าง ป่านนี้ไม่จบเสียที ความเห็นพี่ขอฝากถึงน้อง น้องออกมาทำกิจกรรมแบบนี้นานมากหลายปีแล้วนะ น้องเรียนให้จบแล้วมาลงสมัครเลือกตั้ง เข้าไปเป็น สส. แล้วอยากแก้กฎหมายอะไรก็ไปแก้ในสภาเถอะ ตรงนั้นเขาทำเรื่องฝ่ายนิติบัญญัติโดยตรง อะไรที่เห็นว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อประชาชนไปตรงนั้น เสนอตรงนั้น ไม่ผิดกฎหมายแน่นอน”

‘เนติวิทย์’ โอด!! ไม่รู้ว่าควรขำหรือเศร้า วัฒนธรรมการลงโทษในจุฬาฯ ที่ยังคงอยู่

(12 ก.พ. 68) จากกรณี คณะกรรมการจัดงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์ – จุฬาฯ ครั้งที่ 75 ได้ประชุมร่วมกันทั้งธรรมศาสตร์และจุฬาฯ เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดงาน ที่สมาคมธรรมศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยครั้งนี้สมาคมธรรมศาสตร์ฯ เป็นเจ้าภาพ ซึ่งการแข่งขันจะมีขึ้นในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 ณ สนามศุภชลาศัยกรีฑาสถานแห่งชาติ ทั้งนี้ นับเป็นการจัดการแข่งขันฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งแรกในรอบ 5 ปี หลังจากห่างหายไปตั้งแต่ปี 2563 และกิจกรรที่เป็นไฮไลท์อย่างหนึ่งของงานครั้งนี้คือเชียร์ลีดเดอร์ ซึ่งถือว่าเป็นกิจกรรมที่สร้างสีสันให้กับงานบอลประเพณีมาตลอด

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 6 ก.พ. นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล อดีตนายกสโมสรนิสิตจุฬา ออกมาโพสต์ข้อความ สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในการฝึกซ้อมของหลีดและคฑากรจุฬาฯที่ยังคงมีการลงโทษที่ไม่เหมาะสมและระบบอาวุโสที่ควรจะหมดไปได้แล้ว พร้อมวอนไปถึงผู้บริหารของมหาวิทยาลัยควรเข้ามาจัดการและเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Netiwit Chotiphatphaisal’ ว่า

"ไม่รู้ว่าควรขำหรือเศร้า ช่วงนี้เดินไปศาลเจ้าแม่ฯ บ่อยๆ ลัดหน้าจาม9 ไปทะลุออกประตูตลาดสามย่าน ก็จะเห็นพวกคฑากรและหลีดซ้อมอยู่ตรงหนัาจาม9 ตลอด วันนึงน้องที่เดินไปด้วยชวนหยุดยืนดูเขาซ้อม เราก็คิดว่าคงไม่มีอะไร สักพักรุ่นพี่ก็สั่งรุ่นน้องวิดพื้น หรือกระโดด เพราะทำคฑาตก ไม่น่าเชื่อว่ามีคนกำลังยืนอยู่และพื้นที่สาธารณะด้วย เขาก็กล้าทำโทษรุ่นน้อง เลยเอากล้องขึ้นมาถ่ายคลิปเป็นหลักฐาน พวกเขาเห็นคนถ่ายคลิป (โดยเฉพาะจากตัวร้ายอย่างผม) แทนที่จะหยุดก็ยังคงใส่ทำโทษท่าทางต่างๆต่อไป เหมือนจะโชว์ให้เราเห็นด้วยซ้ำ

อีกวันนึงก็เจอพวกรุ่นพี่สั่งหลีดจุฬาฯวิ่งรอบสนามจุ๊บ 3 รอบ ท่ามกลางคนมากมาย นี่มันเป็นเรื่องปกติไปแล้วหรือไง ก็เลยเดินเข้าไปถามพวกรุ่นพี่ คิดว่าพวกนี้มันต้องเด็กกว่าเราแน่ ก็เราเรียนถึง 8ปีเลยนี่ ผมบอกเขาว่าผมรหัส 59 น่ะ คุณรหัสอะไร รุ่นพี่ตอบกลับว่าผมรหัส 52 (คือเข้าจุฬาฯปี 2552) แค่นั้นผมก็อึ้งไปเลย ไม่ใช่ว่ากลัวอาวุโสอะไร แต่โอ้โหคิดเล่นๆน่ะ ยังมีคนเป็นบ้ากับมหาลัยได้มากกว่าผมอีกหรือ แหม คนก็มาด่าแต่เราเป็นมาเฟียสามย่าน หรือ เสี้ยนหนามของจุฬาฯก็ไม่รู้ (น่าให้รางวัลเชิดชูเกียรติพวกนี้จริงๆ) และอีกความคิดนึงที่ซีเรียสก็คือ ทำไมนิสิตรุ่นใหม่ถึงสยบยอมกับรุ่นพี่พวกนี้ได้ขนาดนี้ โอ้ บางคนเรียนคณะรัฐศาสตร์ด้วย โอ้ ระบบการศึกษาสิบกว่าปีที่ผ่านมา โอ้ อาจารย์ในมหาวิทยาลัยสอนอะไร โอ้ human agency โอ้ human dignity นิสิตไม่ตั้งคำถามกับพวกเขาเลยหรือไงที่สั่งวิ่งสั่งลุกนั่ง จนหลายๆคนหอบกินก็ยังทำตามคำสั่งต่อไป

กลับมาอีกประเด็นเชิงเทคนิคหน่อยก็คือ หลีดจุฬาฯ คฑากร มันจะโทษรุ่นพี่พวกนี้ไปเสียทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะระบบมันเลิกไปแล้ว 3-4 ปี และระบบมันฟังก์ชั่นนี้อยู่แล้วที่จะต้องทำตามคำสั่งอย่างเสียมิได้ เลยถูกกดดันให้ยกเลิกไปดีกว่าจะมาปรับปรุงที่ไม่มีทางเปลี่ยนได้จริงๆ

ที่มันกลับมาก็เพราะผู้บริหารจุฬาฯชุดปัจจุบันอยากให้มี (แบรนดิ้งไงล่ะ หลีดคฑากรคือแบรนด์ที่มหาลัยอยากให้สังคมรับรู้ ไม่ใช่คนอย่างพิรงรองหรือนักวิชาการเก่งๆ) ไม่งั้นมันจะซ้อมแบบนี้ได้หรือ ถ้าผมหรือใครไปขอซ้อมทำม๊อบประท้วง รปภ ไม่มาจับตาดูทุกวินาทีแล้วหรือ รวมถึงอาจไม่ให้พื้นที่ด้วย มันจะระดมรุ่นพี่กลับมาได้ยังไงถ้าไม่ถูกขอร้อง และผู้บริหารมหาลัยก็มีส่วนร่วมคัดตัวหลีดและคฑากรด้วยนี่ ผู้บริหารบางคนยิ้มแกล้มปรี่้เลยว่านี่คือการรื้อฟื้นสิ่งสำคัญที่หายไปกลับมา ดังนั้น ผู้บริหารนี่แหละที่เปิดพื้นที่อยากให้พวกนี้กลับมา และต้องรับผิดชอบด้วย

สุดท้าย ไม่อยากให้ใครสิ้นหวัง มันไม่มีอะไรเลย! ระบบมันยกเลิกไม่ยากเลย ผู้บริหารจุฬาฯบอกให้ยกเลิกได้ ออกมาพูดได้เลย อย่าลอยตัว พูดได้ไม่เอาแบบนี้แล้วในงานบอล นิสิตจุฬาฯทุกคนก็ช่วยกันผลักดันได้ เห็นลงโทษแบบนี่ก็ร้องเรียน ออกมาพูดเลย องค์กรนิสิตต่างๆก็กดดันอย่างต่อเนื่อง ไม่ให้พื้นที่ในสื่อ/หรือไปร่วมคัดเลือก อาจารย์ก็บอกนิสิตให้ตั้งคำถามในห้องเรียน - ผมไม่เชื่อว่ามันยากจะเปลี่ยนจะเลิก- เพราะมันเคยยกเลิกไปแล้วด้วย - ถ้าเราไม่ทำให้มันเป็นเรื่องธรรมดา normalization ถูกจับตาเฝ้ามองตลอด หลีดคฑากรอันแสนโหดนี่ก็จะเป็นเรื่องอดีตอีกครั้ง"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top