Wednesday, 3 July 2024
เทพไท_เสนพงศ์

‘เทพไท’ มั่นใจ ‘ดร.เอ้’ เบียดชนะ ‘ชัชชาติ’ โวเป็นม้าตีนปลาย คะแนนพุ่งเร็ว 

เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความแสดงความเห็นประเด็นการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. โดย ระบุ เชื่อว่า สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นม้าตีนปลาย เอาชนะคู่แข่งได้

ดร.สุชัชวีร์ ม้าตีนปลาย เมื่อวานนี้ (19 ธันวาคม) มีผลสำรวจของสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของคนกรุงเทพฯ ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พบว่า ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่

อันดับ 1 รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ 56.72%
อันดับ 2 ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ 29.60%
อันดับ 3 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง 10.62%
อันดับ 4 รสนา โตสิตระกูล 2.26%
และคนอื่นๆ 0.80%

‘พงศ์สินธุ์’ ปฏิเสธ ‘เทพไท’ ยังไม่ได้รับการปล่อยตัววันนี้ ชี้ เคยยื่นขอพักโทษหลายครั้งแล้ว แต่สุดท้ายถูกปัดทิ้ง

(5 พ.ย. 66) นายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ น้องชายของนายเทพไท เสนพงศ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า…

คุณเทพไท จะได้รับการปล่อยตัววันไหน?
เงื่อนไขการพักโทษ หรือ อภัยโทษ?

ผมไม่ได้ไปเยี่ยมคุณเทพไทที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราชมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว จึงไม่ค่อยได้ทราบข่าวความเคลื่อนไหวของคุณเทพไทมากนัก แต่จากกระแสข่าวเรื่องการปล่อยตัวคุณเทพไทในสื่อโซเชียลว่า คุณเทพไทจะได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 5 พฤศจิกายน คือวันนี้นั้น

จากข้อเท็จจริงที่ผมรับทราบนั้น น่าจะเป็นวันเวลาที่คลาดเคลื่อน เพราะถ้าหากจะมีการปล่อยตัวในวันที่ 5 พ.ย.นี้ ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะวันอาทิตย์ เป็นวันหยุดราชการ การปล่อยตัวนักโทษในเงื่อนไขการพักโทษ ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เว้นแต่การปล่อยนักโทษที่ครบกำหนดวันคุมขังเท่านั้น เพราะการปล่อยโทษในเงื่อนไขการพักโทษนั้น จะต้องมีการติดกำไล EM จากกรมควบคุมประพฤติด้วย

ดังนั้น เมื่อวันนี้เป็นวันอาทิตย์เป็นวันหยุดราชการ คงไม่มีเจ้าหน้าที่ข้าราชการมาดำเนินการปล่อยตัวคุณเทพไทในวันนี้ ตามกระแสข่าวที่ปรากฏในสื่อโซเชียลอย่างแน่นอน

ส่วนการพูดถึงเงื่อนไขการปล่อยตัวที่จะเกิดขึ้นว่า จะเป็นการพักโทษ หรือการได้รับอภัยโทษนั้น ตามที่ผมเคยได้พูดคุยกับคุณเทพไท ซึ่งเคยยื่นขอพักโทษมาหลายครั้งแล้ว ตามเงื่อนไขการพักโทษที่เคยใช้กับกรณีของคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา มาแล้ว คือจำคุกได้ 1 ใน 3 ของโทษ แต่รับแจ้งจากกรมราชทัณฑ์ว่า ประกาศฉบับนั้นได้ยกเลิกไปแล้ว หลังจากใช้บังคับได้ไม่นาน

ต่อมาเมื่อคุณเทพไทถูกจำคุกครบ 1 ใน 2 ของโทษ คือครึ่งหนึ่งของโทษแล้ว ก็เคยยื่นขอพักโทษเช่นเดียวกัน แต่ได้รับคำตอบจากกรมราชทัณฑ์ว่าไม่มีเงื่อนไขของการประกาศพักโทษแต่ประการใด จึงได้รอคอยจนถึงวันต้องโทษจำคุกครบ 2 ใน 3 ตามเงื่อนไขของกรมราชทัณฑ์ที่ใช้กับนักโทษทั่วไป คุณเทพไทก็ขอใช้สิทธิตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ทุกประการ ไม่ได้ใช้สิทธิพิเศษแต่ประการใด

ดังนั้น การปล่อยตัวคุณเทพไท ถ้าจะมีก็ไม่ใช่วันที่ 5 พฤศจิกายนนี้อย่างแน่นอน แต่จะเป็นวันใดนั้น ทางครอบครัวกำลังรอให้เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์แจ้งมาก่อน และเงื่อนไขในการปล่อยตัวคุณเทพไทครั้งนี้ คือการพักโทษไม่ใช่การอภัยโทษครับ

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีกระแสข่าวออกมาเป็นระยะๆ ว่า วันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 นายเทพไท เสนพงศ์ พร้อม นายมาโนช เสนพงศ์ ติดมา 16 เดือน เหลือ 8 เดือน เข้าเกณฑ์ 2 ใน 3 ได้รับพักโทษ วันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน เวลา 09.00 น. โดยนายเทพไทจะวิ่งจากเรือนจำมาที่บ้านหัวถนน

'เทพไท' ยุติบทบาททางการเมือง เตรียมทำหนังสือแชร์ประสบการณ์ในเรือนจำ ลั่น!! เดินหน้าทำเพลง จัดรายการวิเคราะห์การเมือง ดูแล 'กาแฟเทพไท'

(10 พ.ย. 66) เทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยกับ 'ป้าจอย' ถึงทิศทางการทำงานการเมืองหลังได้รับอิสรภาพว่า มีคำถามเกี่ยวกับทิศทางการเมืองว่าจะเดินไปในแนวไหน?

“ผมได้คุยกับครอบครัวและตกผลึกว่า เรามีกับ 8 คนพี่น้อง ผมกับมาโนช ก็ต้องยุติบทบาททางการเมือง ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย”

ทั้งเทพไท และมาโนช เสนพงศ์ น้องชาย ถูกศาลตัดสินจำคุก 2 ปี ตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี วันนี้เทพไทในวัย 62 ย่าง 63 กว่าจะกลับมาทำงานการเมืองต่อได้ก็อายุย่าง 70 แล้ว จึงน่าจะยุติบทบาททางการเมืองยาว

เทพไท บอกอีกว่า มีการคุยกันว่า จะมีใครทำงานการเมืองต่อได้บ้าง ก็เหลืออยู่ 4 คนที่ทำงานการเมืองต่อได้ คนแรกคือ เชาร์วัศน์ เสนพงศ์ อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ยังมีพละกำลังทำงานการเมืองต่อได้

“อาจารย์เชาร์วัศน์ แนวโน้มยังติดอยู่กับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถ้าอภิสิทธิ์กลับมาเป็นหัวหน้าพรรค อ.เชาร์วัศน์ ก็คงจะอยู่ประชาธิปัตย์ต่อไป”

อีกคนคือ พงศ์สิน เสนพงศ์ อดีตผู้สมัคร สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ตอนนี้เป็นผู้ช่วยของ ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ ก็คงจะอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติต่อไป

น้องมุก จริยา เสนพงศ์ ทำงานอยู่กรีนพีช เป็นเอ็นจีโอ ทำงานด้านสิ่งแวดล้อม การเมืองภาคประชาชน เขาคุ้นเคยกับปิยบุตร แสงกนกกุล เรียนรุ่นเดียวกันที่ธรรมศาสตร์ พรรคก้าวไกลก็อยากให้เข้ามาช่วยทำงานการเมือง แต่เขาไม่สะดวก

เทพไท กล่าวอีกว่า น้องชายคนเล็ก ครรชิต เสนพงศ์ เขาเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลอยู่แล้ว ก็คงอยู่ก้าวไกลต่อไป 

“4 คนนี้จะทำงานการเมืองต่อไป สำหรับผมก็ไม่มีบทบาททางการเมืองแล้ว ก็จะยังคงเป็นที่ปรึกษา สนับสนุนการเมืองสุจริต ไม่ซื้อเสียง ไม่หากินกับยาเสพติด และฮั้วประมูล”

เทพไท เปิดเผยว่า อนาคตจะทำพ็อกเก็ตบุ๊กสักเล่ม ท่านชวนแนะนำให้เขียนประสบการณ์ชีวิตในคุก 16 เดือน เผยแพร่ให้กับประชาชน

เทพไท ย้ำว่าเตรียมทำงานเกี่ยวกับเพลง เข้าห้องอัดเสียง เนื่องจากตอนอยู่ในเรือนจำได้แต่งเพลงเกี่ยวกับเรือนจำไว้ 15 เพลง และอื่น ๆ อีก 20 เพลง

เทพไทบอกว่า ยังเตรียมจัดรายการวิเคราะห์การเมือง เพราะเคยมีประสบการณ์จัดรายการ 'สายล่อฟ้า' ซึ่งเป็นรายการที่มีเรตติ้งดีมาก แต่เป็นทีวีดาวเทียม ต่อไปอาจจะจัดบนทีวีดิจิทัล ก็ต้องดูว่ามีช่องไหนสนใจ และรูปแบบรายการจะเป็นอย่างไร แต่คงจะยังมี 'ล่อฟ้า' อยู่

เทพไทบอกอีกว่า อย่างอื่นก็คงจะมีทำธุรกิจอยู่บ้าง โดยทำ 'กาแฟเทพไท' ให้บริการคอกาแฟบ้านเรา หลังจากนี้ก็จะทำอยู่ 3-4 เรื่องนี้

‘เทพไท’ ฟาด ‘อุ๊งอิ๊ง’ ตระบัดสัตย์-หักหลังปชช. ภาคภูมิใจกับดีลลับ ‘ทักษิณ’ ยก!! ‘ชวน-อภิสิทธิ์’ เป็นตัวอย่าง ให้ความสำคัญ ‘สัจจะวาจา’ มากกว่าอำนาจ

(4 พ.ค.67) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กระบุข้อความว่า

จงภูมิใจกับการจัดตั้งรัฐบาลแบบข้ามขั้วต่อไป

เมื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ‘อุ๊งอิ๊ง’ กล่าวในงานอีเวนต์  ‘10เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม10’ ว่า พรรคเพื่อไทยตัดสินใจถูกตั้งรัฐบาลผสม บอกลูกพรรคอย่าสนวากรรมทำให้ เหมือนผิดคำสัญญาประชาชน นั้น ต้องยอมรับความจริงว่าเป็นความพยายามของพรรคเพื่อไทย ที่จะเข้าสู่อำนาจรัฐให้ได้ โดยมีการดีลลับกัน ระหว่างนายทักษิณกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม จนสมประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย หรือที่เรียกกันว่า ฮั้วอำนาจทางการเมืองกันลงตัว

เมื่อต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ก็เหมือนกับคุณอุ๊งอิ๊งบอกว่า ตัดสินใจถูกต้องแล้ว และไม่สนคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนว่า จะไม่จับมือร่วมรัฐบาลกับพรรค2ลุง ซึ่งเป็นการประกาศบนเวทีหาเสียง จากปากคุณอุ๊งอิ๊ง นายเศรษฐา ทวีสิน  แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และน.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค เป็นการตระบัดสัตย์และหักหลังประชาชน

ถ้ามั่นใจว่าประชาชนลืมง่าย และสามารถนำผลงานมาเรียกศรัทธาคืนจากประชาชนได้ ก็ขอให้รอดูผลการเลือกตั้งในครั้งต่อไปก็แล้วกัน เพราะคำพูดของนักการเมือง มีความสำคัญเป็นสัจจะวาจาที่ให้ไว้กับประชาชน เมื่อพูดไปแล้วก็ต้องทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ ประชาชนก็จะเสื่อมศรัทธาและจะลงโทษเอง อยากให้ดูการรักษาสัจจะของนักการเมืองอย่างน้อย 2 คน คือ

1.นายชวน หลีกภัย ซึ่งเคยประกาศเป็นสัญญาประชาคมในการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2539 ว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้อันดับ1 ก็จะไม่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา พรรคประชาธิปัตย์แพ้พรรคความหวังใหม่ 2 เสียง จากเหตุไฟฟ้าดับตอนนับคะแนนที่จังหวัดปทุมธานี นายชวนก็เปิดโอกาสให้พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคความหวังใหม่จัดตั้งรัฐบาล และเป็นนายกรัฐมนตรีทันที

2.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งได้ประกาศไว้ในการ หาเสียง เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ว่า จะไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ มีมติด้วยเสียงข้างมาก ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล สนับสนุนให้พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง นายอภิสิทธิ์ก็แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง ลาออกจากการเป็นส.ส.ในทันที ทั้งที่สามารถหลีกเลี่ยงการขานชื่อ สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้ โดยการรับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่นายอภิสิทธิ์ ยึดหลักบาป 7 ประการ ของมหาตมะ คานธี คือ
1.เล่นการเมืองโดยไม่มีหลักการ
2.หาความสุขสำราญโดยไม่ยั้งคิด
3.ร่ำรวยเป็นอกนิษฐ์โดยไม่ต้องทำงาน
4.มีความรู้มหาศาลแต่ความประพฤติไม่ดี
5.ค้าขายโดยไม่มีหลักศีลธรรม
6.วิทยาศาสตร์เลิศล้ำแต่ไม่มีธรรมแห่งมนุษย์
7.บูชาสูงสุดแต่ไม่มีความเสียสละ

ขอให้พรรคเพื่อไทย จงภูมิใจกับการเป็นรัฐบาลต่อไปเถิด ถ้าคิดว่าผลงานช่วงเป็นรัฐบาล 4 ปีนี้สามารถเรียกคะแนนนิยมคืนได้ 10 เต็ม ตามที่ประกาศไว้ ถือเป็นความโชคดีไป ขอให้ยืนยันและภูมิใจในการตัดสินใจหักหลังประชาชน กระโดดข้ามขั้วจัดตั้งรัฐบาล ว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว

จะตัดสินใจถูกหรือผิดในการจัดตั้งรัฐบาลแบบข้ามขั้ม อย่าคิดเอง เออเอง รอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ในการเลือกตั้งครั้งหน้าดีกว่า

‘เทพไท’ เชื่อ!! หากการเมืองพลิกขั้ว 'ก้าวไกล' ไม่จับ ‘เพื่อไทย’ เพราะหวังแบ่งขั้วชัด และมั่นใจได้เปรียบในศึก ‘เลือกตั้ง’

(7 มิ.ย. 67) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “ก้าวไกล” ประกาศไม่จับมือ “เพื่อไทย” เป็นรัฐบาล มีแต่ได้กับได้

การที่นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลประกาศชัดว่า ถ้านายเศรษฐา ทวีสิน หลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และมีโอกาสพลิกขั้ว พรรคก้าวไกลจะไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทยร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นการประกาศท่าทีการเมืองที่ชัดเจนมาก เพราะการแสดงจุดยืนไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล ส่งผลดีต่อพรรคก้าวไกล หลายประการ คือ

1.เป็นการตอกย้ำจุดยืนที่ชัดเจน นับว่าเป็นจุดแข็งของพรรคก้าวไกล ที่ไม่เคยตระบัดสัตย์ ซึ่งเป็นการกระทบไปยังพรรคเพื่อไทย ที่ไม่รักษาสัญญาประชาคมตอนหาเสียง ที่ให้ไว้กับประชาชน

2.การประกาศไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทย ทำให้เกมต่อรองอำนาจระหว่างพรรคเพื่อไทยกับกลุ่มอนุรักษ์นิยมชัดเจนขึ้น โดยพรรคเพื่อไทยไม่สามารถนำไปต่อรองกับกลุ่มอนุรักษ์นิยมได้ ถ้าดีลล่ม พรรคเพื่อไทยจะอ้างไปจับมือกับพรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาลไม่ได้

3.การประกาศไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทย ถ้าหากการเมืองถึงทางตัน จำเป็นต้องยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ พรรคก้าวไกลมีความพร้อม และได้เปรียบมากกว่าพรรคการเมืองทุกพรรค เพราะการเลือกตั้งทุกครั้ง พรรคก้าวไกลใช้เงินทุนในการหาเสียงน้อยที่สุด ในขณะที่พรรคการเมืองอื่น ใช้เงินทุนมหาศาล ระดับหลัก 1,000 ล้านบาท ถึง10,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการซื้อเสียง

4.กระแสทางการเมืองในตอนนี้ ถ้าประเมินจากผลโพลของสำนักต่างๆ พรรคก้าวไกลมีกระแสความนิยมสูงลิ่ว นำพรรคการเมืองอื่นหลายช่วงตัว ถ้าเลือกตั้งเร็วขึ้นเท่าไหร่ พรรคก้าวไกลได้เปรียบมากขึ้นเท่านั้น

5.ถ้าผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ มีมติยุบพรรคก้าวไกลจริง ถ้ามีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ขึ้นมา คะแนนสงสาร คะแนนความเห็นใจที่ถูกรังแกทางการเมือง จะเทให้พรรคการเมืองใหม่ ที่มาจากพรรคก้าวไกลแบบแลนด์สไลด์

6.เป็นการตอบข้อสงสัยของสังคมที่เข้าใจว่าพรรคก้าวไกลเป็นพรรคฝ่ายค้าน ที่ค้านไม่จริง แต่เป็นพรรคฝ่ายคอย เพื่อรอร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย มีดีลฮ่องกงกับนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อประกาศชัดเช่นนี้ เป็นการตอบคำถามกับข้อสงสัยกับสังคมได้ชัดเจน

“ผมคิดว่าแกนนำของพรรคก้าวไกล ได้คิดอย่างรอบคอบแล้วว่า การประกาศจุดยืนไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาล มีแต่ได้กับได้ เป็นการตอกย้ำการแบ่งขั้วทางการเมืองที่ชัดเจน ได้ประกาศเป็นคู่ต่อสู้ทางการเมือง ในสนามเลือกตั้งครั้งต่อไป” นายเทพไท ระบุ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top