Wednesday, 23 April 2025
เชื่อมจิต

'พวงเพ็ชร' สั่งสำนักพุทธตรวจสอบ พ่อ-แม่ ‘น้องไนซ์ เชื่อมจิต’ หากพบเข้าข่าย 'หลอกลวง-หาประโยชน์' สั่งฟันทันที

(24 เม.ย. 67) ที่ทำเนียบ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีประชาชนเรียกร้องให้สำนักงานพระพุทธศาสนาตรวจสอบ 'น้องไนซ์' เด็กอายุ 8 ขวบที่อ้างตัวเป็นบุตรพระพุทธเจ้า สอนธรรมมะด้วยการเชื่อมจิตที่ไม่มีอยู่ในคำสอน โดยได้สั่งการไปยัง นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ลงพื้นที่บ้านพักของครอบครัวเด็กอายุ 8 ขวบ พร้อมกับนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง เพื่อตรวจสอบโดยด่วนแล้ว ว่าการกระทำของเด็กอายุ 8 ขวบ เป็นอย่างไรและมีความเหมาะสมหรือไม่ 

นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า ได้สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาประสานงานกับ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมลงไปตรวจสอบโดยด่วน เนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้จะต้องเข้าไปตรวจสอบกับผู้ปกครองด้วยว่ามีการป้อนข้อมูลที่ผิดให้กับลูกหรือไม่ เพราะลำพังเด็กที่มีอายุยังน้อยน่าจะยังไม่มีการนึกคิดไตร่ตรองอะไรได้มาก รวมถึงตรวจสอบว่ามีใครอยู่เบื้องหลังเพื่อหวังหาประโยชน์จากน้องไนซ์หรือไม่

“ส่วนตัวมองว่าการที่นำเรื่องพระพุทธเจ้ามาอ้างอิงเช่นนี้ ไม่ตรงกับหลักคำสอนของพุทธศาสนา อีกทั้งทำให้ประชาชนหลงเชื่อ ดังนั้นจึงให้สำนักพุทธฯ ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ และหากมีประเด็นใดที่เข้าข่ายหลอกลวงประชาชน จะดำเนินการตามกฎหมายหรือมีพระภิกษุสามเณรรูปใดเข้าไปเกี่ยวข้องให้ดำเนินทันทีโดยไม่มีการละเว้น ขณะเดียวกันขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณก่อนรับฟังคำสอนดังกล่าวด้วย” นางพวงเพ็ชร กล่าว

'วราวุธ' ลั่น!! ปม 'น้องไนซ์' หากครอบครัวไม่ให้ความร่วมมือ จำเป็นต้องขอใช้อำนาจศาล เข้าตรวจสอบสภาพจิตใจเด็ก

(14 พ.ค. 67) ที่หน้าอาคารสุเมธตัวติเวชกุล มหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบุรี จ.เพชรบุรี นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยถึงกรณีน้องไนซ์ ว่า ขณะนี้กระทรวง พม. ได้ส่งทีมสหวิชาชีพ ทั้งในส่วนนักจิตวิทยา และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมบ้านของน้องไนซ์ ซึ่งได้ไปดูสภาพครอบครัว การประเมินทางสภาพจิตใจของทางครอบครัวและตัวเด็ก ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถเข้าไปพูดคุยกับตัวเด็กโดยตรงได้ 

ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้องจึงได้ทำเรื่องร้องขอไปยังศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ถ้าหากยังไม่ได้รับความร่วมมือ จำเป็นจะต้องขออนุญาตใช้อำนาจศาลในการมีคำสั่งเข้าไปพิจารณาถึงสภาพจิตใจของตัวเด็ก รวมถึงผู้ปกครองด้วย ต้องขอนำเรียนว่ามิติการทำงานของกระทรวง พม. โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกับในกรณีนี้ คือ กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) มีหน้าที่ในการปกป้องสิทธิและดูแลสวัสดิภาพของตัวเด็ก โดยที่ผ่านมาได้มีการเลี้ยงดู ได้มีการดำเนินการตามสิทธิที่เด็กคนหนึ่งพึงจะได้รับหรือไม่ ทั้งเรื่องการศึกษา การดูแลสภาพครอบครัว ด้านพัฒนาการ และการเลี้ยงดู ซึ่งหากเป็นไปตามกรณีที่กระทรวง พม. เราดูแลอยู่นั้น ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่อยู่ในขอบเขตของกฎหมายที่เขาไม่ได้ทำผิดอะไร

นายวราวุธ กล่าวว่า ส่วนในกรณีที่หลายคนมีความเป็นห่วงว่าจะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย เกี่ยวกับเรื่องการหลอกลวงนั้น ตนคิดว่ากระทรวง พม. ยังไม่มีองค์ความรู้มากพอในเรื่องนี้ ที่จะไปตัดสินว่าสิ่งที่ครอบครัวนี้ได้เผยแพร่ออกไปสู่สาธารณชนนั้น เป็นเรื่องที่หลอกลวงหรือไม่อย่างไร คงต้องขอให้หน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาพิจารณา ทั้งนี้ เราคำนึงถึงความปลอดภัย เรื่องพัฒนาการ และสิทธิของเด็กและเยาวชน

'สำนักพุทธฯ' ชี้!! ‘เชื่อมจิต’ ไม่มีในพระไตรปิฎก อีกทั้งยังขัดหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

(17 พ.ค. 67) หลังจากที่ ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม พร้อมด้วย ทนาย ดร.ประยุทธ ประเทศเสนา หรือมหาหมี รองประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม, ต้นอ้อ มูลนิธิเป็นหนึ่ง, อี้ แทนคุณ ตัวแทนผู้เสียหาย, ดร.อธิเทพ ผาทา, อ.รัก คำราม และ แพรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร และ พระวิเวก นามรุ่งโรจน์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.มนสิช ชุนดี รอง ผกก.(สอบสวน) กก.2 บก.บก.ปอท. แจ้งความเอาผิด นายพิชญะ, น.ส.นัฐพร พ่อแม่ของน้องไนซ์ อายุ 8 ปี พร้อมแอดมินเพจ หรือผู้ควบคุมเพจเฟซบุ๊ก นิรมิตเทวาจุติ, ผู้ใช้บัญชีติ๊กต็อก @niramittavajuti และบุคคลอื่นผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งใช้ชื่อของน้องไนซ์ นำเสนอบทความพร้อมคลิปวิดีโอบิดเบือน หรือเป็นเท็จนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หลายครั้งหลายหน

โดยแจ้งความในข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก, การเรี่ยไร และฉ้อโกง พร้อมกับเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ พม. เข้ามาดูแลปัญหาดังกล่าว

เมื่อวันที่ 17 พ.ค. นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงกรณีดังกล่าว ร่วมกับ นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)

นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า พศ.ไม่ได้นิ่งนอนใจ ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวมาตั้งแต่ต้น และมีทีมงานเฝ้าระวัง ได้รวบรวมข้อมูลรายละเอียดข่าวสารต่าง ๆ เรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคำสอนที่ผิดเพี้ยน เราได้กราบนมัสการพระมหาเถระ เพื่อขอคำแนะนำ ซึ่งพระมหาเถระได้ให้คำแนะนำ และขอให้ใช้สติ ทำให้รอบคอบ เพราะเรื่องนี้ละเอียดอ่อน เนื่องจากส่งผลกระทบต่อเด็กและครอบครัว

นายอินทพร กล่าวต่อว่า ตนได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่ง เป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลข่าวสาร การกระทำ ที่อาจจะเป็นภัย ผลกระทบต่อความมั่นคงต่อพุทธศาสนา แม้ พศ.จะไม่มีอำนาจห้าม ระงับ ยับยั้งกลุ่มบุคคลที่เผยแพร่พระธรรมคำสอนที่ผิดเพี้ยนไปจากพระไตรปิฎก แต่เราทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตลอด

นายอินทพร กล่าวต่อว่า หลังจากวันนี้ ตนจะนำเรื่องดังกล่าวเสนอเข้าที่ประชุมมหาเถรสมาคม เพื่อรับทราบส่วนทางที่ประชุมมหาเถรสมาคม มีมติให้ พศ.ดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้น ตนจะแจ้งความคืบหน้าอีกครั้งหนึ่ง

นายบุญเชิด กิตติธรางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า เมื่อตรวจสอบข้อมูล ศึกษาที่รายละเอียดในพระไตรปิฎก ฟันธงกันตรงนี้ว่า ไม่ปรากฏการเชื่อมจิตแต่อย่างใด และการเชื่อมจิต ยังขัดหลักธรรมคุณ 6 ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีดำรัสไว้ให้เราให้ศึกษา และปฏิบัติ

ส่วนเชื่อมจิต เชื่อมได้หรือไม่นั้น นายบุญเชิด กล่าวว่า ในพระไตรปิฎกไม่มีครับ แต่จะมีบุคคลบอกว่าในพระไตรปิฎกมี ซึ่งพยายามเทียบเคียงว่า ในสมัยพุทธกาลเคยมีพระพุทธเจ้าตรัส หรือสนทนาธรรมกับพระอรหันต์เป็นการเทียบเคียง คำถามตามมาคือว่า คนที่กล่าวว่าเชื่อมจิตนั้นเป็นอรหันต์หรือไม่?

กรณีที่เด็กกล่าวอ้างว่ามีการเชื่อมจิต กล่าวอ้างว่าเป็นบุตรพระพทุธเจ้า หรือกล่าวอ้างใด ๆ ในเรื่องอภินิหาร เกี่ยวกับความเชื่อความศรัทธานั้น เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องไม่จริง นายบุญเชิด กล่าวว่า ไม่ปรากฏในพระไตรปิฎก เมื่อพระไตรปิฎกไม่มีปรากฏ คือ ไม่จริง และในพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท ไม่มีเรื่องแบบนี้ในพระไตรปิฎก แต่ถ้าในคติในพระพุทธศาสนาในมหายาน จะมีความเชื่อเรื่องนี้ แต่ในประเทศไทย เรายึดหลักความเชื่อในเถรวาทเท่านั้น

'แม่น้องไนซ์' วิ่งวุ่น!! ตามหาทนายดังๆ มาสู้คดี หลังหลากคู่กรณี เข้าแจ้งความเอาผิด ‘สำนักเชื่อมจิต’

(28 พ.ค.67) ยังคงเป็นประเด็นร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง สำหรับดรามาน้องไนซ์ ที่อ้างตัวเป็นลูกของพระพุทธเจ้า สอนธรรมะด้วยวิธีการเชื่อมจิต ซึ่งทางสำนักพระพุทธศาสนาเอง ก็ออกมาคอนเฟิร์มแล้วว่าสิ่งเหล่านี้ ไม่ได้มีระบุไว้ในพระไตรปิฎก

ขณะเดียวกัน ประเด็นที่สืบเนื่องมาจากข้อกังขาในลัทธิเชื่อมจิต ก็เรียกว่ามีสตอรี่ใหม่ ๆ ผุดขึ้นมาไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งทางครอบครัวของน้องไนซ์เอง ก็ไม่ยอมลดลาวาศอกเลยแม้แต่น้อย ทั้งออกมาตอบโต้เองทางโซเชียลมีเดีย แถมยังให้ทนายธรรมราช ดำเนินคดีทางกฎหมาย กับคนที่เกี่ยวข้องควบคู่กันไปอีกต่างหาก

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เหล่าตัวแทนองค์กรต่าง ๆ นำโดยทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ในฐานะประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ก็ได้บุกแจ้งความจับแบบกราวรูดทั้งสำนัก เนื่องจากเห็นว่าลัทธิดังกล่าว บ่อนทำลายพระพุทธศาสนา ขณะที่หนุ่ม กรรชัย พิธีกรชื่อดัง ได้ประกาศด้วยว่า ส่งทนายไปแจ้งความกับลัทธิเชื่อมจิตแล้ว พร้อมยืนยันว่า พ่อแม่กับน้องไนซ์มีความผิดตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก

ไม่เพียงเท่านั้น ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ก็เดินเครื่องถล่มเชื่อมจิตแล้วเช่นกัน โดยนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักพุทธฯ ได้มอบหมายให้ทางผู้อำนวยการนิติกร ของสำนักพุทธฯ รวบรวมพยานหลักฐาน เมื่อ 2 วันก่อน ซึ่งก็ได้รับรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีหลักฐาน ที่ส่อว่าการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าว เข้าข่ายนำข้อมูลอันเป็นเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยคณะทำงานได้เร่งถอดเทปย้อนหลัง รวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนแจ้งความดำเนินคดี ต่อ สภ.พุทธมณฑล ฐานความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ภายในสัปดาห์หน้า นอกจากแจ้งดำเนินคดีกับผู้ร่วมขบวนการลัทธิเชื่อมจิตแล้ว ยังเตรียมแจ้งเบาะแสประเด็นเดียวกันนี้ ไปยังตำรวจไซเบอร์ เพื่อให้ดำเนินการเอาผิดอีกช่องทางหนึ่งด้วย

และต้องบอกว่า งานงอกอย่างต่อเนื่อง เมื่อนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ เปิดเผยว่า ทางกระทรวง พม. โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ขออุทธรณ์กรณีที่เกิดขึ้น อยากให้ทางศาลรับเคสน้องไนซ์เป็นกรณีเร่งด่วน ซึ่งหากการอุทธรณ์ของกระทรวง พม.ได้ผล ศาลก็จะนัดไต่สวนทันที

ที่ผ่านมาแม้คณะสหวิชาชีพ และเจ้าหน้าที่ของกระทรวง พม. จะเจอตัวน้องไนซ์ แต่การที่จะพูดคุยเพื่อประเมินสภาพจิตใจของตัวน้อง ยังไม่สามารถทำได้ ซึ่งหากศาลไต่สวนฉุกเฉิน เราจะดำเนินการคุ้มครองได้สองกรณี คือ 

1.ขอให้ผู้ปกครองของน้องไนซ์ หยุดหาประโยชน์จากตัวน้องไนซ์ 

และ 2.ให้ผู้ปกครองเข้าร่วมวางแผนกับทีมงาน และเจ้าหน้าที่ในการเลี้ยงดูน้องไนซ์ 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตอนนี้ ศาลจะไม่ได้รับเรื่องไว้เป็นกรณีฉุกเฉิน แต่ภายในสัปดาห์นี้ทาง จะมีการยื่นคำร้องไต่สวนฉุกเฉินอีกครั้ง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของกระทรวง พม. ที่อยากจะให้มีการไต่สวนเป็นกรณีฉุกเฉินเร่งด่วน

งานนี้บอกเลยว่าหนักมากสำหรับคนที่เป็นทนายความให้ฝั่งเชื่อมจิต เพราะยิ่งกว่าพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก ซึ่ง ‘เพจอีซ้อขยี้ข่าว’ ได้โพสต์แชตหลุด 2 หน้า อ้างว่าเป็นแชตของทางกลุ่มเชื่อมจิตทักหาทนายความคนหนึ่ง โดยเป็นการติดต่อไปหาเพื่ออยากให้ว่าความให้ พร้อมบอกด้วยว่า พวกเราอยากมีทนายเก่ง ๆ ขณะที่ทางเพจเขียนแคปชันประกอบว่า “แชทหลุด…ลัทธิเชื่อมจิตติดต่อหาทนายชื่อดังระดับประเทศมาดูแลแทนทนายคนเดิมเพราะกลัวจะแพ้คดีเหมือนที่ผ่านๆ มา” / “แฉต่อ วิ่งวุ่นเปลี่ยนทนาย แต่คนเดิมก็เก่งนะโดยเฉพาะปาก”

นอกจากนี้ทางเพจยังได้โพสต์ข้อความในคอมเมนต์ด้วยว่า…

-ทนายคนนี้ดังนะคะ เอ่ยชื่อมาทุกคนรู้จัก สื่อทุกสำนักเอาไปตีข่าวได้ค่ะ ของแทร่

-ไม่ต้องมาสตอ ว่าเป็นแชทปลอมนะคะ เพราะมีแชทฉบับเต็ม 10 หน้าจ้า

-ลืมบอกค่ะ พี่ทนายเค้าไม่เอาด้วยค่ะ ไม่ต้องมาจีบ ไม่ต้องมาถาม ถึงคิวว่างก็บอกไม่ว่าง เค้าไม่เอาค่ะ

-ประเด็นคือ สังเกตนะคะว่าแชทมาจากทางไหน ฉันอ่ะวงในของแทร่ ปล.แอดมินเทอมีหนอนค่ะ ไปเสาะเอาเอง รู้หน้าไม่รู้ใจ ต่อหน้าดีลับหลังส่งข้อมูลให้เพจ น้องบอกเรื่องนี้ป่ะคะแม่

งานนี้ไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่าทางเชื่อมจิตต้องออกมาเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน

‘หนุ่ม กรรชัย’ โพสต์ขยี้!! เรื่อง ‘หมา’ ที่มีอาการหางจุกตูด ลั่น!! พบได้เมื่อรู้สึกหวาดกลัว หลังบุกปะทะครอบครัวเชื่อมจิต

(4 มิ.ย.67) หลังจากที่บุกไปสน.ทองหล่อ เผชิญหน้าครอบครัวเชื่อมจิต รวมทั้งตะโกนท้า ‘ธรรมราช สาระปัญญา’ ให้ออกมาเจอ อย่าเก่งแต่ในโซเชียล โดยหลังจากที่ ‘หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย’ ได้ฟ้องทั้งครอบครัวเชื่อมจิตและทนายธรรมราช ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ทั้งส่วนตัวและส่วนของบริษัท ซึ่งทั้งหมดเข้ามารับทราบข้อกล่าวหา ในวันที่ 3 มิ.ย. เป็นการมาก่อนกำหนดเดิม ที่ตำรวจมีหมายเรียกให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 5 มิ.ย. ซึ่งออกหมายเรียกเป็นครั้งที่สอง

หลังจากบรรยากาศที่ สน.ทองหล่อมาคุยอยู่ไม่น้อย เหตุตำรวจไม่ยอมให้หนุ่ม กรรชัย เข้าไปเผชิญหน้าตรง ๆ กับคู่กรณี ต่อมาเฟซบุ๊กหนุ่ม กรรชัย ได้โพสต์ข้อความเดือด ๆ ขยี้ต่อ ซึ่งระบุว่า…

“เมื่อหางลดต่ำลงจนซุกอยู่ระหว่างขาหรืออาจเรียกว่าหางจุกตูด เป็นอาการที่สามารถพบได้ในหมาที่รู้สึกหวาดกลัว ซึ่งโดยในสังคมของหมาที่อยู่ร่วมกันเป็นฝูง การที่หมามีพฤติกรรมแบบนี้อาจหมายถึงการกลัวหรือพร้อมหนี และบางตัวอาจปัสสาวะราด #ขอบพระคุณเจ้าของภาพและความรู้ดี ๆ ครับ”

ท่ามกลางแฟนคลับเข้าไปเมนต์กันเป็นจำนวนมาก อาทิ ครูกะปิสู้ ๆ , ใจกากแต่ปากเก่ง พรุ่งนี้ลุยต่อ, โรงพักเพื่อประชาชน แต่ประชาชนเข้าไปเยี่ยวไม่ได้ ฯลฯ

เพจดังโพสต์คลิป 'อ.น้องไนซ์' ฝึกตำรวจเชื่อมจิต ด้านชาวเน็ตเอือม!! หมดกันที่พึ่งของประชาชน

(4 มิ.ย. 67) เพจ 'อีซ้อขยี้ข่าว3' ได้โพสต์คลิปวิดีโอ อาจารย์น้องไนซ์กำลังสอนกลุ่มชาย แต่งกายคล้ายตำรวจ นั่งสมาธิเชื่อมจิต พร้อมแคปชันที่มีข้อความระบุว่า "อะไรกันเนี๊ยะ คุณตำรวจ‼"

จากนั้นเพจ 'อีซ้อขยี้ข่าว3' ยังได้คอมเมนต์แจงใต้โพสต์ดังกล่าวอีกด้วยว่า "ไม่ใช่ วันนี้นะ โรงพักไหนไม่รู้, สำนักงานตำรวจน่าจะงานเข้าค่ะ เกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้ยังไง ทำไมตำรวจถึงมีความเชื่อด้านพุทธศาสนาผิดๆ แบบนี้ได้"

ด้านชาวเน็ตส่วนใหญ่ที่ได้เห็นคลิปก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก เช่น ข้าราชการทำแบบนี้ได้หรอ / ถ้าเป็นกลุ่มโยงกัน คือ จะฮามาก รอดราม่า / กลัวที่สุด คือ เห็นญาติตัวเองในคลิป / นิพพานกันหรือยังคะ สน.นี้ / โอ้ยหมดกันที่พึ่งประชาชน / การศึกษาไม่ได้ช่วยอะไรเลยจริงๆ นะครับ ที่พวกคุณเรียนมา / สน.เชื่อมจิต โดนเด็กปั่น /สน.ไหนเนี่ย / โอ้ยจะรั่ว / เป็นต้น

‘พม.’ สั่งพ่อแม่เด็กเชื่อมจิต ห้ามนำลูกไปแสวงหากำไร พร้อมย้ำให้คำนึงถึงสิทธิ - เสรีภาพของเด็กเป็นหลัก

(4 มิ.ย.67) ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เด็กชายวัย 8 ขวบ ที่อ้างว่าตัวเองสอนธรรมะด้วยวิธีการเชื่อมจิตได้ พร้อมพ่อ-แม่ และทนายความ ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ขอให้ พม.มีคำสั่งคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กชายวัย 8 ขวบคนดังกล่าวจากการถูกใส่ร้าย

ต่อมา เวลา 09.40 น. ครอบครัวของเด็กพร้อมด้วยนายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความ ได้นำเอกสาร 1 ชุด เข้าพบเจ้าหน้าที่ พม.โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงเดินทางกลับ โดยไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด

ต่อมา นางอภิญญา ชมภูมาศ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน พม. เปิดเผยภายหลังร่วมพูดคุยกับพ่อแม่และเด็กรวมทั้งทนายความ ว่า วันนี้พ่อและแม่ของเด็กได้นำหนังสือมายื่นต่อเจ้าหน้าที่เพื่อให้ตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ พม.จ.สุราษฎร์ธานี สืบเนื่องจากที่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปที่บ้านของเด็ก 8 ขวบ และเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง ส่วนรายละเอียดอยู่ในเอกสาร จากการพูดคุยกับพ่อแม่เด็ก ได้มีคำสั่งให้พ่อแม่ยุติการนำลูกไปแสวงหากำไร ให้คำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพของเด็กเป็นหลัก ซึ่งทางพ่อแม่รับปากว่าจะดูแลเด็กเป็นอย่างดี

นางอภิญญา กล่าวว่า จากการพูดคุยกับพ่อแม่และเด็ก 8 ขวบดูปกติดี ไม่มีปัญหาอะไร บรรยากาศเป็นไปด้วยความผ่อนคลาย หลังจากนี้จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนในการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป

ส่วนกรณีที่พ่อแม่เด็กยื่นขอให้ไต่สวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ พม.จ.สุราษฎร์ธานี เป็นกรณีฉุกเฉินนั้น ปรากฏว่าศาลได้ตอบกลับมาว่าจะไต่สวนเป็นกรณีปกติ ขณะนี้ทาง พม.อยู่ระหว่างรวบรวมเอกสาร เพื่อไปยื่นต่อศาลในวันไต่สวนวันที่ 17 มิ.ย.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นางอภิญญาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนอยู่นั้น พ่อแม่พร้อม 8 ขวบและทนายความได้ขึ้นรถตู้ออกไปจาก พม.ทันที ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยบอกกับผู้สื่อข่าวว่าจะออกมาแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นก่อน โดยอ้างว่าเด็ก 8 ขวบและครอบครัวถูกใส่ร้ายจากสื่อและกลุ่มผู้ไม่หวังดี ใส่ร้ายว่าเป็นลัทธิทำให้ได้รับความเสียหาย อับอาย ลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

ขณะที่เฟซบุ๊กเพจ ทนายธรรมราช The Lawyer of legality มีการโพสต์ข้อความว่า “กำลังเดินทางไปกองปราบปราม เพื่อมอบหลักฐานข้อเท็จจริง ให้กับ บก.ปอท.”

กระจ่าง!! 'คลิปตร.นั่งเชื่อมจิต' ว่อนเน็ต ถูกวิจารณ์ยับ ที่แท้แค่อยากทดลองเชื่อมจิต สุดท้ายก็ไม่เกิดอะไรขึ้น

เมื่อวานนี้ วันที่ 4 มิถุนายน 2567 จากกรณีที่โลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปจากเพจ อีซ้อขยี้ข่าว 3 โพสต์กลุ่มชายหัวเกรียนแต่งกายคล้ายตำรวจนั่งสมาธิ โดยมีเด็กชายหน้าตาคล้ายน้องไนซ์ เจ้าลัทธิเชื่อมจิต อายุ 8 ขวบใช้นิ้วสัมผัสไปที่หน้าผากคล้ายกำลังเชื่อมจิต พร้อมระบุข้อความว่า ‘อะไรว่ะเนี๊ยะ คุณตำรวจ!!’

คลิปทำเอาชาวเน็ตวิจารณ์จำนวนมาก และสงสัยว่าข้าราชการตำรวจเหล่านี้อยู่โรงพักไหน เพราะก่อนหน้านี้เพิ่งเกิดเรื่องที่ สน.ทองหล่อ เมื่อกลุ่มลัทธิเชื่อมจิต นำโดยนายพิชญะ น.ส.นัฐพร พ่อแม่น้องไนซ์ และนายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความ รับทราบข้อกล่าวหาคดีที่ หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรรายการโหนกระแส ฟ้องข้อหาร่วมกันดูหมิ่นด้วยการโฆษณา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ที่ สน.ทองหล่อ แล้วเกิดการกระทบกระทั่งกับคู่กรณีบนโรงพัก

ล่าสุดทางด้านเพจบิ๊กเกรียน365 ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า ตามคลิปภาพที่ปรากฏเป็น ผกก.สภ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี พาลูกน้องที่เลื่อมใสศรัทธา มานั่งสมาธิเชื่อมจิต
ต่อมามีรายงานด้วยว่า ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง พ.ต.อ.อรุณพงษ์ ภารพบ ผกก.สภ.กาญจนดิษฐ์​ จ.สุ​ราษฎร์​ธานี ซึ่งเจ้าตัวได้ชี้แจงเบื้องต้นว่า เป็นภาพเก่า ตั้งแต่กันยายนปีที่แล้ว ได้เชิญเด็ก 8 ขวบมาที่ห้องทำงานจริง อ้างให้ลูกน้องไปทดลองว่าเชื่อมจิตได้จริงหรือไม่ สุดท้ายก็เชื่อมจิตไม่ได้ ไม่เกิดอะไรขึ้น

ขณะที่ทางด้านนางสาวชลดา ชนะศรีรัตนกุล ผู้อำนวยการ พมจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่าจากที่มีข่าวว่าทางแม่เด็กเชื่อมจิตจะแจ้งความเจ้าหน้าที่บางคนนั้น ก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร หากเขาอยากจะแจ้งอะไรก็แจ้งได้ เพราะทางเจ้าหน้าที่มั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด มีแต่จะหาวิธีป้องกันคุ้มครองเด็ก เพราะเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ และจำเป็นอย่างยิ่ง

‘ทนายอนันต์ชัย’ นำทัพ บุกแจ้งความ ‘กลุ่มเชื่อมจิต’ เอาผิดอีก 6 ข้อหา หลังไลฟ์ขู่!! จะเอาพวกตนติดคุก

(25 มิ.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้าล่าสุด ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม พร้อมด้วย นางชลิดา พะละมาตย์ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง และนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ได้เดินทางเข้ามาเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มเชื่อมจิตเพิ่มเติม โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มประกอบด้วย 1.เด็กเชื่อมจิต 2.กลุ่มแอดมิน จำนวน 60 คน และ 3.ทนายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความของกลุ่มเชื่อมจิต

ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า สำหรับวันนี้ที่ตนเดินทางมาเพราะต้องการแจ้งความเอาผิดกับเด็กเชื่อมจิต, ทนายธรรมราชและแอดมิน 60 คน โดยที่ผ่านมาไม่เคยมีใครแจ้ง แต่เมื่อวานนี้ทางเด็ก เชื่อมจิตได้มีการไลฟ์สดเปิดหน้า และได้มีการขู่ว่าจะแจ้งความดำเนินคดีและให้พวกเราติดคุก ในวันนี้ตนจึงนำหลักฐานต่าง ๆ มาเอาผิดทางกลุ่มเชื่อมจิตรวมทั้งสิ้น 6 ข้อหา คือ ตามพ.ร.บ.คอมฯ / ประมวลกฎหมายอาญา ม.341,343,83,84,86,90,91 / พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน / พ.ร.บ. ควบคุมการเรี่ยไร มาตรา 5 และมาตรา 8 / พ.ร.บ. ควบคุมการขอทาน มาตรา 13 / และประมวลกฎหมายรัษฎากร มาตรา 40 (8), 37 ทวิ / เอาผิดเด็กเชื่อมจิต ทั้งหมด 19 กรรม

‘ทั้งนี้แม้กฎหมายระบุว่าเด็กกระทำผิดไม่ต้องรับโทษ แต่หากมีการตรวจสอบและพบว่าพ่อแม่ของเด็กกระทำผิด ก็จะต้องมีหน่วยงานเข้ามาควบคุมและแยกตัวของผู้ปกครองออกจากเด็ก โดยจะต้องอยู่ในการควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่ พม.’

'ศาลฯ' สั่งห้ามผู้ปกครองนำ 'น้องไนซ์' ออกสอนเชื่อมจิตทุกช่องทาง พร้อมให้นำตัวไปพบแพทย์สุขภาพเด็กและวัยรุ่น ภายใน 15 วัน

(28 ส.ค. 67) ที่ศาลเยาวชนและครอบครัว จ.สุราษฎร์ธานี คณะผู้พิพากษา ออกบัลลังก์ อ่านคำสั่งในคดี คส.2/2567 คดีที่ พมจ.สุราษฎร์ธานี เป็นผู้ร้องให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองสวัสดิภาพ น้องไนซ์ ห้ามไม่ให้ น.ส.นัฐพร (ขอสงวนนามสกุล) แม่น้องไนซ์ กับพวกรวม 2 คน โดยขอให้ศาลมีคำสั่ง 

1.ห้ามนำกิจกรรมไลฟ์สดอันเกี่ยวกับการเชื่อมจิต

2.ห้ามเผยแพร่คำสอนทางพุทธศาสนาอันเป็นการบิดเบือน หรือผิดเพี้ยนจากหลักทางพระพุทธศาสนา และไม่ปรากฏหลักฐานในพระไตรปิฎก

3.ห้ามใช้สื่อต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเด็กในการดำเนินกิจกรรม (เชื่อมจิต) ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย รวมถึงภาพเคลื่อนไหว หรือสื่ออื่น ที่เป็นการยืนยันถึงตัวเด็ก 

4.ห้ามจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมจิต 

5.ออกคำสั่งกำหนดมาตรการ หรือวิธีการเพื่อเป็นการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามที่ศาลเห็นสมควร

ซึ่งศาลได้มีคำสั่งตามคำร้องของ พม. ให้นำเด็กไปตรวจสุขภาพที่สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น ภาคใต้ ภายใน 15 วันหลังจากคำสั่งศาลและให้ตรวจ 2 ครั้งภายใน 6 เดือนและให้แพทย์รายงานต่อศาลทราบด้วย 

ห้ามนำเด็กทำกิจกรรมไลฟ์สดเกี่ยวกับการเชื่อมจิต เผยแพร่คำสอนทางพุทธศาสนาอันเป็นการบิดเบือนหรือผิดเพี้ยนจากหลักทางพระพุทธศาสนาและไม่ปรากฏหลักฐานในพระไตรปิฎก,

ห้ามใช้สื่อต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเด็กในการดำเนินกิจกรรมเชื่อมจิตไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายรวมถึงภาพเคลื่อนไหวหรือสื่ออื่นที่เป็นการยืนยันถึงตัวเด็ก และ ออกคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการเพื่อเป็นการคุ้มครองกับ พม.

เนื่องจากพนักงานเจ้าหน้าที่อำนาจอยู่แล้วเนื่องจากได้รับการแต่งตั้งจากรัฐมนตรีโดยไม่ต้องรอให้ศาลสั่งในการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก หากไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษจำคุก

ด้าน น.ส.ชลลดา ชนะศรีรัตนกุล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ในรายละเอียดคำสั่งศาล เราไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก

น.ส.ชลลดา กล่าวต่อว่า ซึ่งหลังจากนี้ พมจ.จะได้ร่วมกับผู้ปกครองในการปฏิบัติตามคำสั่งศาล โดยเฉพาะการวางแผนการเลี้ยงดูในทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านสังคม การศึกษา และการนำเด็กไปทำกิจกรรม ซึ่งศาลได้กำชับผู้ปกครองให้ดำเนินการตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด หากไม่ปฏิบัติตามก็จะมีความผิดตามกฎหมาย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top