Sunday, 8 June 2025
เจจูแอร์

‘Jeju Air’ ออกแถลงการณ์!! แสดงความเสียใจ เหตุเครื่องบินไถลรันเวย์ พร้อมรับผิดชอบต่อเหตุการณ์

(29 ธ.ค. 67)  คิมอีแบ ประธานผู้บริหาร Jeju Air ออกแถลงการณ์ ออกแถลงการณ์ กรณีเครื่องบินไถลรันเวย์ เกิดเพลิงไหม้ และเกิดระเบิดจนทำให้มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตจำนวนมาก โดยแถลงการณ์ มีเนื้อหา ดังนี้

สายการบิน Jeju Air ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขออภัยเป็นอย่างสูงต่อผู้โดยสารทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจในสายการบินเจจูแอร์มาโดยตลอด

เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2567 เวลา 09 น.03 น.เที่ยวบินที่ 7C2216 เส้นทางกรุงเทพฯ-มูอัน ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ขณะลงจอดที่สนามบินนานาชาติมูอัน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง และเราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้เสียชีวิตทุกท่าน รวมถึงญาติพี่น้องผู้สูญเสีย ขณะนี้เรากำลังรอผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ไม่ว่าสาเหตุจะมาจากอะไร ในฐานะประธานบริษัท ขอรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ และขอสัญญาว่า Jeju Air จะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยและครอบครัวของผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ รวมถึงจะร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในการสืบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ให้กระจ่างชัด ขอแสดงความเสียใจอีกครั้งต่อผู้เสียชีวิต และขอส่งกำลังใจให้กับครอบครัวของผู้สูญเสียทุกท่าน

เปิดไทม์ไลน์สุดท้าย 'เจจูแอร์' พบชนนกจริง เผยก่อนเกิดเหตุ บิน 13 เที่ยวใน 48 ชม.

(30 ธ.ค. 67) กรณีสายการบินเจจูแอร์ 7C2216 ที่เผชิญเหตุโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ขณะลงจอดที่สนามบินนานาชาติมูอัน ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (29 ธ.ค.)   จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 179 ราย รายงานข่าวจากสำนักงานการบินพลเรือนเกาหลีระบุว่า เครื่องบินโบอิ้งรุ่น  737-800 ที่เกิดเหตุ  พบว่ามีการใช้งานหนักถึง 13 เที่ยวบินภายในเวลาเพียง 48 ชั่วโมงก่อนอุบัติเหตุ โดยเส้นทางบินครอบคลุมทั้งภายในประเทศ เช่น มูอัน เกาะเชจู และอินชอน รวมถึงเส้นทางระหว่างประเทศ เช่น ปักกิ่ง กรุงเทพฯ โกตาคินาบาลู นางาซากิ และไทเป

นอกจากนี้ เครื่องบินลำนี้ถูกใช้ในเที่ยวบินเช่าเหมาลำสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ จัดโดยบริษัทท่องเที่ยวในเมืองกวางจู ซึ่งมีการเดินทางไป-กลับระหว่างหลายประเทศในช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่ผ่านมา

ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินแสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้งานเครื่องบินที่อาจมากเกินไปในช่วงเวลาเร่งด่วนของเทศกาลท่องเที่ยว โดยเฉพาะเที่ยวบินเช่าเหมาลำที่เพิ่มขึ้นในช่วงสิ้นปี และเป็นที่จับตามองว่า การใช้งานเครื่องบินอย่างเข้มข้นในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุหรือไม่

ขณะที่กระทรวงกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานดับเพลิงของเกาหลีใต้ได้เปิดเผยไทม์ไลน์เหตุการณ์สุดท้ายของเที่ยวบิน 7C2216 ซึ่งระบุเวลาท้องถิ่นดังนี้

08:54 น. หอบังคับการบินสนามบินมูอันอนุญาตให้เครื่องบินลงจอดบนรันเวย์ 01 ซึ่งทำมุม 10 องศาทางตะวันออกเฉียงเหนือ

08:57 น. หอบังคับการบินแจ้งเตือน "ระวัง พบฝูงนก"

08:59 น. นักบินแจ้งว่าเครื่องบินชนกับฝูงนก และส่งสัญญาณฉุกเฉิน “เมย์เดย์” พร้อมขอบินวนเพื่อลงจอดใหม่

09:00 น. เครื่องบินเริ่มบินวน และขอเปลี่ยนรันเวย์ลงจอดไปยังรันเวย์ 19

09:01 น. หอบังคับการบินอนุญาตให้ลงจอดที่รันเวย์ 19

09:02 น. เครื่องบินแตะพื้นรันเวย์ 19 ที่ระยะประมาณ 1,200 เมตรจากความยาวรันเวย์ทั้งหมด 2,800 เมตร

09:02:34 น. หอบังคับการบินส่งสัญญาณ "Crash Bell" แจ้งเตือนหน่วยกู้ภัยและดับเพลิง

09:03 น. เครื่องบินไถลออกนอกรันเวย์และชนเข้ากับกำแพง

09:10 น. กระทรวงคมนาคมได้รับรายงานอุบัติเหตุจากเจ้าหน้าที่สนามบิน

09:23 น. ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุชาย 1 ราย และนำส่งหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน

09:38 น. ประกาศปิดสนามบินมูอัน

09:50 น. ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุรายที่สองจากส่วนหางของเครื่องบิน

จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นว่า นักบินของเครื่องบินที่ประสบเหตุได้แจ้งขอความช่วยเหลือเนื่องจากถูกนกชนเมื่อเวลา 8.59 น. และได้บินวนกลับ (ขึ้นบินโดยไม่ลงจอด - Go Around) ซึ่งสัญญาณที่ส่งออกไปในเวลานั้นเป็นสัญญาณถูกนกชนครั้งแรกและครั้งเดียว ในเวลา 08.57 น. หรือ 2 นาทีก่อนนักบินส่งสัญญาณฉุกเฉิน หอควบคุมการบินสนามบินมูอันได้แจ้งเตือนเกี่ยวกับกิจกรรมของนกในบริเวณใกล้สนามบิน และอีก 2 นาทีต่อมา นักบินได้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือพร้อมตะโกนว่า “เมย์เดย์ เมย์เดย์ เมย์เดย์” จากนั้นจึงแจ้งว่า “นกชนเครื่องบิน นกชนเครื่องบิน นกชนเครื่องบิน กำลังบินวน”

‘เกาหลีใต้’ เผย!! กล่องดำ ‘เจจูแอร์’ หยุดทำงาน 4 นาที ก่อนเครื่องพุ่งไถล ชี้!! แหล่งกำเนิดพลังงานทั้งหมดบนเครื่องบิน ไฟสำรอง อาจถูกตัด

(11 ม.ค. 68) กล่องบันทึกข้อมูลการบิน (flight data recorder) และกล่องบันทึกเสียงในห้องนักบิน (cockpit voice recorder) ของเครื่องบินเจจูแอร์ (Jeju Air) ที่ประสบอุบัติเหตุเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. หยุดทำงานราว ๆ 4 นาทีก่อนที่เครื่องบินจะลื่นไถลรันเวย์ไปชนกับกำแพงคอนกรีตที่สนามบินนานาชาติมูอัน ตามข้อมูลจากกระทรวงคมนาคมเกาหลีใต้วันนี้ (11 ม.ค.)

พนักงานสอบสวนอุบัติเหตุเครื่องบินตกที่คร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือรวม 179 คน และถือเป็นโศกนาฏกรรมทางการบินครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลีใต้ เตรียมที่จะวิเคราะห์เพิ่มเติมว่าอะไรเป็นสาเหตุทำให้ ‘กล่องดำ’ ทั้ง 2 ใบหยุดทำงานไปเฉยๆ ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนั้น

ทางกระทรวงระบุว่า กล่องบันทึกเสียงภายในห้องนักบินถูกนำมาตรวจวิเคราะห์เบื้องต้นในเกาหลีใต้ และเมื่อพบว่าข้อมูลบางส่วนหายไป จึงได้มีการส่งไปยังห้องแล็บของคณะกรรมการความปลอดภัยขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ (NTSB) เพื่อตรวจสอบโดยละเอียด

ด้านกล่องบันทึกข้อมูลการบินที่เสียหายก็ถูกส่งไปตรวจวิเคราะห์ในสหรัฐฯ แล้วเช่นกัน

เที่ยวบิน 7C2216 ของเจจูแอร์ซึ่งออกเดินทางจากกรุงเทพมหานครไปยังสนามบินมูอันในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของเกาหลีใต้ ลงจอดในสภาพที่ล้อไม่กาง ก่อนจะลื่นไถลหลุดรันเวย์ไปชนกับกำแพงคอนกรีตจนเกิดระเบิดไฟลุกท่วม คร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือไป 179 คน และมีเพียงลูกเรือ 2 คนที่นั่งอยู่ในส่วนท้ายเครื่องเท่านั้นที่รอดมาได้

นักบินผู้ควบคุมเครื่องได้แจ้งไปยังหอควบคุมการบินว่าเครื่องบิน ‘พุ่งชนนก’ และประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินราวๆ 4 นาทีก่อนที่เครื่องจะชนเข้ากับกำแพงคอนกรีตปลายรันเวย์

ทั้งนี้ หอควบคุมการบินเองได้มีการแจ้งเตือน ‘กิจกรรมของนก’ บริเวณรอบๆ สนามบิน ก่อนที่เครื่องบินลำนี้จะส่งสัญญาณ Mayday ประมาณ 2 นาที และหลังจากที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว นักบินได้ตัดสินใจยกเลิกการลงจอด และนำเครื่องกลับไปบินวน 1 รอบ

อย่างไรก็ตาม แทนที่จะบินวนจนครบรอบ เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ลำนี้กลับหักเลี้ยวอย่างกะทันหัน และตรงเข้าไปยังรันเวย์เดี่ยวของทางสนามบินมูอันจากทิศทางตรงกันข้าม ก่อนจะลงจอดในสภาพที่ท้องเครื่องบินครูดไถลไปกับพื้นด้วยความเร็วสูง

ซิม ไจดง (Sim Jai-dong) อดีตพนักงานสอบสวนอุบัติเหตุของกระทรวงคมนาคมเกาหลีใต้ ระบุว่าการค้นพบว่ากล่องดำหยุดทำงานในช่วงไม่กี่นาทีสุดท้ายถือว่าน่าประหลาดใจ และสะท้อนว่าแหล่งกำเนิดพลังงานทั้งหมดบนเครื่องรวมถึงไฟสำรองอาจถูกตัด ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก

กระทรวงคมนาคมเกาหลีใต้แถลงว่า ข้อมูลอื่นๆ ที่มีอยู่จะถูกนำมาใช้ในกระบวนการสอบสวน พร้อมยืนยันว่าจะตรวจสอบต้นตอของอุบัติเหตุครั้งนี้อย่างโปร่งใส และแชร์ข้อมูลให้ครอบครัวของเหยื่อได้ทราบ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top