Saturday, 21 June 2025
เกาเข่า

'จีน' ปูพรมแดง หนุน!! เด็ก ม.ปลาย 13.42 ล้านคน สอบ 'เกาเข่า' อย่างราบรื่น สะท้อนการสร้างชาติให้เข้มแข็งด้วยระบบการศึกษาที่เข้มข้น-แข็งแรง

(9 มิ.ย.67) จากเฟซบุ๊ก 'Sompob Pordi' ของ นายสมภพ พอดี นิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ 'เกาเข่า' ระบุว่า...

เมื่อวันศุกร์และเสาร์ที่ผ่านมา แทบทุกอย่างในเมืองจีนหยุดสนิท เพื่อให้นักเรียนมัธยมปลาย 13.42 ล้านคนได้สอบเกาเข่าอย่างราบรื่น ปราศจากอุปสรรค เพื่อนำผลไปสมัครเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่สามารถรับนักศึกษาปีหนึ่งได้ประมาณ 10 ล้านคน 

ปีนี้มีจำนวนนักเรียนเข้าสอบสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ มากกว่าปีที่แล้วกว่า 500,000 คน ซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และความทะเยอทะยานมากขึ้นที่จะมีชีวิตที่ดีผ่านการศึกษาที่สูงขึ้น

การสอบเกาเข่า นักเรียนทุกคนทั้งประเทศจะต้องสอบวิชาหลัก 3 วิชาเหมือนกัน คือ ภาษาจีน คณิตศาสตร์ และภาษาต่างประเทศ ส่วนวิชาเลือกก็ขึ้นกับว่าต้องการเรียนต่อสาขาอะไรในระดับมหาวิทยาลัย

จีนสร้างชาติให้เข้มแข็งด้วยระบบการศึกษาที่เข้มข้น แข็งแรง

ส่วนบางประเทศที่ทำลายระบบการศึกษาด้วยการกระทำที่โง่บัดซบสารพัด เช่น ห้ามลงโทษนักเรียนที่ทำผิด/ทุจริต ห้ามไม่ให้นักเรียนที่สอบไม่ผ่านต้องเรียนซํ้าชั้น ยกเลิกระเบียบวินัยเช่นเครื่องแบบ ทรงผม ปล่อยให้ ... เข้าโรงเรียนไปหลอกเด็กนักเรียน ฯลฯ เราคงคาดเดาอนาคตได้ไม่ยากอะไร

ชีวิตจริงของผู้ออกข้อสอบ ‘เกาเข่าจีน’ ต้องตัดขาดจากโลก นาน 1 เดือนเต็ม

(10 มิ.ย. 68) ก่อนการสอบ “เกาเข่า” หรือสอบเข้ามหาวิทยาลัยของจีนจะเริ่มขึ้นในแต่ละปี ซึ่งมีกลุ่มคนสำคัญที่ต้อง “หายตัวไปจากโลก” นานถึงหนึ่งเดือนเต็ม และไม่ใช่อาชญากร แต่คือ “ผู้ออกข้อสอบ” ซึ่งต้องรับหน้าที่สำคัญในการออกข้อสอบให้เป็นธรรม ปลอดการรั่วไหล ยุติธรรมที่สุดสำหรับนักเรียนหลายสิบล้านคนทั่วประเทศ พวกเขาเหล่านี้ต้องเซ็นสัญญารักษาความลับ และถูกนำตัวไปกักบริเวณทันทีแบบลับๆ

ในช่วงกักตัว ผู้ออกข้อสอบจะถูกยึดโทรศัพท์ ห้ามใช้คอมพิวเตอร์ และตัดขาดจากอินเทอร์เน็ตโดยสิ้นเชิง แม้แต่ครอบครัวก็ไม่สามารถติดต่อได้ พวกเขาอาจบอกได้เพียงว่า “ไปทำงานนอกสถานที่” เพื่อปิดบังจุดประสงค์ที่แท้จริง ความเงียบงันและการตัดขาดนี้เป็นมาตรการที่เข้มงวดเพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อสอบ ซึ่งถือเป็น “วาระแห่งชาติ” ของจีน โดยที่ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ยังไม่เคยเกิดข้อสอบรั่วแม้แต่ครั้งเดียว

ผู้ออกข้อสอบต้องทำงานภายใต้การจับตาของกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง ร่างข้อสอบผิดพลาดเล็กน้อยก็ต้องเผาทิ้งทันที พวกเขายังต้องเตรียมข้อสอบ 2 ชุด ทั้งชุดจริงและชุดสำรอง โดยแม้แต่ตัวผู้ออกข้อสอบเองก็ไม่รู้ว่าจะเลือกใช้ชุดไหน การมีระบบสำรองเช่นนี้ทำให้สามารถรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น โรคระบาด หรือเหตุฉุกเฉินได้ทันท่วงที

เพื่อหลีกเลี่ยงผลประโยชน์ทับซ้อน มีข้อห้ามชัดเจนว่า ผู้ออกข้อสอบจะต้องไม่มีญาติหรือบุตรหลานที่สอบเกาเข่าในปีเดียวกัน และห้ามสอนนักเรียนระดับ ม.6 โดยเด็ดขาด บางคนถึงขั้นถอนตัวจากหน้าที่ออกข้อสอบด้วยตนเอง เช่น ศาสตราจารย์รายหนึ่งที่ขอยกเลิกการเป็นผู้ออกข้อสอบ เนื่องจากบุตรชายจะเข้าร่วมสอบในปีนั้น ข้อมูลยังเผยว่า กว่า 90% ของผู้ออกข้อสอบต้องยอมถูกโยกย้ายตำแหน่งชั่วคราว เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้ตั้งใจ

แม้ผู้ออกข้อสอบจะดูเหมือนมีอำนาจในการกำหนดอนาคตของนักเรียน แต่พวกเขาเองก็ต้องรับผิดชอบต่อคุณภาพของข้อสอบ หากข้อสอบยากเกินไปจนคะแนนเฉลี่ยต่ำลง กระทรวงศึกษาธิการจะเรียกทีมออกข้อสอบมาหารือทันที เช่นในปี 2021 ที่ข้อสอบคณิตศาสตร์บางมณฑลยากเกินไป ทีมออกข้อสอบต้องออกมาขอโทษต่อสาธารณชน และแนวข้อสอบก็ถูกปรับในปีถัดมา เพื่อความสมดุล

เบื้องหลังข้อสอบที่ยุติธรรม คือการเสียสละเสรีภาพ ความสะดวกสบาย และแม้แต่โอกาสในหน้าที่การงานของกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่ยอม “หายตัวไป” เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสเริ่มต้นอย่างเท่าเทียม ผู้ออกข้อสอบไม่ได้แข่งขันเพื่อชื่อเสียงหรือผลตอบแทน แต่คือผู้พิทักษ์ “ความฝัน” ที่ซ่อนอยู่ในกระดาษคำตอบของนักเรียนจีนทุกคน

เด็กสาวบ้านนาจีน ใช้ไม้คานหาบกระเป๋ากลับบ้าน หลังสอบเกาเข่า สะท้อนความมุ่งมั่นเข้ามหาวิทยาลัย

(21 มิ.ย. 68) คลิปไวรัลจากเมืองกุ้ยหลิน มณฑลกวางสี ประเทศจีน เผยภาพ 'หลิว' นักเรียนมัธยมที่เพิ่งสอบเกาเข่าเสร็จ กำลังเดินกลับบ้านลำพังในเสื้อผ้าธรรมดา โดยใช้ไม้คานหาบกระเป๋าสัมภาระเดินกลับบ้านอย่างไม่อายใคร ขณะที่เพื่อนนักเรียนส่วนใหญ่มีผู้ปกครองขับรถมารับถึงที่ กลายเป็นภาพเรียบง่ายแต่กินใจผู้ชมทั่วจีน

หลิวเล่าว่าถุงใบโตบรรจุผ้าห่มหนา ถึงสามผืนเพราะเธอขี้หนาว ส่วนที่ดูเหมือนเธอเดินคนเดียวจริง ๆ นั้น มีแม่ขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังพร้อมกระเป๋าลาก โดยการสอบเกาเข่าครั้งนี้เธอบอกว่าถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตนักเรียนจีนทุกคน

ขณะที่ครูประจำชั้นเผยว่า หลิวมาจากชนบท ขยัน และสู้ไม่ถอย ข่าวดังทำให้ชาวเน็ตร่วมเอาใจช่วย เจ้าของร้านชาในเฉิงตูเสนองานพิเศษช่วงปิดเทอม ส่วนทางด้านอดีตศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยอู่ฮั่น ประกาศพร้อมสนับสนุนค่าเล่าเรียน

อย่างไรก็ตาม หลิวขอบคุณน้ำใจทุกฝ่ายแต่ปฏิเสธเงินช่วยเหลือ เพราะอยากอยู่ใกล้แม่ที่บ้าน เนื่องจากพ่อและพี่ชายออกไปทำงานต่างถิ่น เหลือเพียงสองแม่ลูกดูแลกัน เธอบอกว่าครอบครัวให้ความรักเท่าเทียม “แม้ครอบครัวจะไม่ได้มีสิ่งสวยหรูเหมือนคนอื่น แต่การได้อยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่นก็เหมือนมีช่อดอกไม้ที่สวยที่สุดอยู่แล้ว”

ช่วงปิดเทอมหลิวตั้งใจตั้งแผงขาย 'เหลียงเฟิ่น' วุ้นถั่วเย็นริมทางเพื่อเก็บเงิน และหวังเข้าคณะศึกษาศาสตร์เป็นครูในอนาคต ชาวเน็ตพากันอวยพร  “คานไม้ไผ่ของเธออาจหนัก แต่ก้าวเดินมั่นคงยิ่งกว่าคำพูดใด ขอให้หนทางข้างหน้าบานสะพรั่ง”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top