Wednesday, 3 July 2024
อุทัยธานี

อุทัยธานี - แก้ปัญหาภัยแล้ง ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อส่งเสริมการเกษตร อำเภอทัพทัน

ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ ดร. อลงกต วรกี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี  จังหวัดอุทัยธานี พร้อมหน่วยข้าราชการและผู้อำนวยการ  ศูนย์อำนวยการ จิตอาสาพระราชทาน จังหวัดอุทัยธานี ดำเนินการร่วมตรวจประเมินผลการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ประจำปี 2564 ร่วมกับ พันโท ผดุงศักดิ์ ปิ่นเกตุ หัวหน้าชุดประเมินผลภัยแล้งที่ 9​ และคณะ สถานที่ ณ โครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร  บ้านสวนขวัญ ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ บ้านสวนขวัญ หมู่ที่ 13 ตำบลตลุกดู่  อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี 

ทั้งนี้นาง ปรียารัตน์ ลานพลอย ท้องถิ่นอำเภอทัพทัน  นาย สุรศักดิ์ ภักดี ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลหนองกระทุ่ม  และจิตอาสาพระราชทานจังหวัดอุทัยธานี​ รวมทั้งสิ้น 78 คน ดำเนินการร่วมตรวจประเมินผลการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง เพื่อส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ และพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรด้วยเครื่องสูบน้ำไฟฟ้าแบบจุ่มใต้น้ำ พร้อมการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ตำบลตลุกดู่  อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี 


ภาพ/ข่าว  ภาวิณี  ศรีอนันต์

อุทัยธานี - จัดงานเกษตรอินทรีย์ฯ ปี 2 ชูไฮไลต์ “กัญชาพืชเศรษฐกิจใหม่” ครั้งแรก เพื่อเกษตรกรและนักท่องเที่ยว

จังหวัดอุทัยธานี โดยสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดอุทัยธานี เทศบาลเมืองอุทัยธานี และภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ร่วมกันจัดงาน “เกษตรอินทรีย์ วิถีอุทัย ปี 2… เกษตรปลอดภัย คือความภูมิใจของเรา” ระหว่างวันที่ 9 -10 เมษายนนี้ ณ ตรอกโรงยา อ.เมือง จ.อุทัยธานี พร้อมกระตุ้นและขับเคลื่อน “เกษตรอินทรีย์และเกษตรปลอดภัย” ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของจังหวัดให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทั้งประชาชนในจังหวัด และนักท่องเที่ยว รวมทั้งชูไฮไลต์ “กัญชาพืชเศรษฐกิจใหม่” ผ่านนิทรรศการ และเสวนาเกี่ยวกับกัญชาในทุกมิติ เพื่อมุ่งให้ความรู้แก่เกษตรกร รวมทั้งผู้ที่สนใจการปลูกกัญชาทางการแพทย์ ตลอดจนการนำเปลือก ลำต้น เส้นใย กิ่งก้าน ใบ และราก ไปใช้ เพื่อให้นโยบาย "กัญชาเสรี" ถูกนำไปใช้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งนับเป็นมิติใหม่ที่ประเทศไทยได้เริ่มเปิดกว้างในเรื่องกัญชาโดยมีหน่วยงานของรัฐกำกับ 

สำหรับไฮไลต์ในครั้งนี้ คือนิทรรศการ “เกษตรอินทรีย์ วิถีอุทัย” และ “กัญชาพืชเศรษฐกิจใหม่ที่เกษตรกรไทยต้องรู้” ครั้งแรกของจังหวัดอุทัยธานี โดยจะขนต้นกัญชาที่ปลูกได้จริงในจังหวัดอุทัยธานีมาจัดแสดง พร้อมฟังเสวนา “กัญชาทางเลือกใหม่ของเกษตรกรไทยจริงหรือ” โดยเกษตรกรผู้ปลูกกัญชา หน่วยงานภาครัฐ และกูรูด้านกัญชาที่จะมาร่วมพูดคุย และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในทุกมิติเกี่ยวกับการปลูกกัญชาที่ถูกต้องตามกฎหมาย

นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี กล่าวว่า แม้จังหวัดอุทัยธานีจะเป็นจังหวัดเล็ก ๆ แต่เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพและความโดดเด่นด้านการเกษตร และการท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ เนื่องจากมีความอุดมสมบูรณ์และมีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่หลากหลาย โดยเฉพาะภาคการเกษตรที่ถือว่ามีความสำคัญกับจังหวัดอุทัยธานีเป็นอย่างมาก เห็นได้จากทิศทางหรือนโยบายการพัฒนา รวมถึงการขับเคลื่อนด้านการเกษตร และอุตสาหกรรมการเกษตรมาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตภาคการเกษตร สร้างมูลค่าเพิ่มภายใต้ “เกษตรปลอดภัย เกษตรอินทรีย์” ควบคู่กับพัฒนานวัตกรรมอุตสาหกรรมแปรรูปเกษตรและสิ่งเหลือใช้จากภาคเกษตรให้มีความหลากหลาย สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ซึ่งเป็นเทรนด์ที่สำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อม 

“ปีที่แล้วเราจัดงานเกษตรอินทรีย์วิถีอุทัยขึ้นเป็นครั้งแรก นับว่าได้รับการตอบรับและประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดงาน ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ได้รณรงค์ ส่งเสริมเกษตรกร ให้หันมาผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย โดยลด ละ เลิก การใช้สารเคมี ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม และพยายามส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาใช้องค์ความรู้ใหม่ ๆ จากธรรมชาติ และเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม เรายังพยายามผลักดันให้เกษตรกรพัฒนาการผลิตไปสู่ “เกษตรอินทรีย์” ซึ่งถือว่ามีความปลอดภัยต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมสูงสุด ตามนโยบายภาครัฐ ตลอดจนพยายามเชื่อมโยงเรื่องเกษตรกับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ที่สำคัญในขณะนี้มีกระแสพืชเศรษฐกิจใหม่อย่าง “กัญชา” เข้ามา ซึ่งกัญชาทางการแพทย์จะต้องปลูกแบบอินทรีย์เท่านั้น ทำให้เกษตรกรในจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งมีองค์ความรู้เรื่องเกษตรอินทรีย์เป็นอย่างดีอยู่แล้ว สามารถต่อยอดไปปลูกพืชกัญชาซึ่งถือเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ได้ง่ายขึ้น และคาดว่ากัญชาจะเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ที่สร้างรายได้แก่ประชาชนในจังหวัดในอนาคต”

สำหรับงาน “เกษตรอินทรีย์ วิถีอุทัยปี 2” นอกจากความรู้ด้านการเกษตรแล้ว ผู้เข้าชมงานยังสามารถเลือกซื้อสินค้าเกษตรคุณภาพจากกลุ่มเครือข่ายเกษตรอินทรีย์วิถีอุทัย ที่จะนำสินค้าเกษตรปลอดภัย สินค้าเกษตรอินทรีย์ และสินค้าเกษตรแปรรูปที่ขึ้นชื่อของจังหวัด ผลผลิตสด ๆ จากไร่มาให้นักท่องเที่ยวเลือกช้อป เลือกชิมอย่างจุใจในที่เดียว อาทิเช่น พืชผักสวนครัวพื้นบ้าน และผักสลัด, ข้าวอินทรีย์ และเห็ดอินทรีย์, ผลไม้ ได้แก่ ส้มโอ มะม่วง, ผลิตภัณฑ์จากปลาแรด GI จากแม่น้ำสะแกกรัง เช่น ปลาแรดทอดกระเทียม ปลาแรดแดดเดียว แหนมปลาแรด ไส้กรอกปลาแรด ปลาแรดหยอง ซาลาเปาไส้ปลาแรด, ข้าวเกรียบปลาแรด น้ำพริกปลาแรด ทอดมันปลาแรด ห่อหมกปลาแรด, ไข่ไก่ นมพาสเจอร์ไรซ์ 

พลาดไม่ได้กับเมนูสุดฮอตจากวิสาหกิจชุมชนสุขฤทัยเกษตรปลอดภัย และเครือข่ายเกษตรกรกลุ่มต่างๆ เช่น ยำผักกูดกัญชา ข้าวไข่เจียวกัญชา ขนมจีนกัญชา ก๋วยเตี๋ยวกัญชา ผัดกะเพราหมูป่า ชวนชิมน้ำชากัญ ขนมปังเฮฮา สังขยาหัวเราะ จมูกข้าวยิ้ม ขนมกงกัญ และคุ้กกี้สมายด์ ฯลฯ พร้อมไฮไลต์เด็ด การสาธิตเมนูสร้างสรรค์จากกัญชา มาให้นักท่องเที่ยวได้ทดลองชิม อาทิ เมนูแรดอารมณ์ดี และเตี๋ยวรักกัญ (ชา) กิจกรรมแข่งขันกินข้าวเหนียวมะม่วง รวมทั้งกิจกรรมการแสดงดนตรี การแสดงทางวัฒนธรรม ภายใต้มาตรการวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) รองรับสถานการณ์โควิด – 19 อย่างเคร่งครัด

อุทัยธานี - หน่วยทหารยื่นมือช่วยชาวบ้าน แก้ปัญหาน้ำท่วม กำจัดผักตบชวาในลำคลอง เขาฆ้องชัย หมู่ 11 บ้านวังหน้าศาล ต.ประดูยืน อ.ลานสัก

ณ ลำคลองเขาฆ้องชัย บ้านวังหน้าศาล หมู่ 11 ต.ประดู่ยืน อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี โดยมี นาวาเอกเอกปิ่นแก้ว สาระปัญญา รองผู้บังคับบัญชาหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 15 พร้อมหน่วยข้าราชการในพื้นที่ ที่ขาดไม่ได้ ก็คือความร่วมมือของชาวบ้าน ที่ร่วมใจกัน ดำเนินการแก้ไขปัญหาผักตบชวาบ้านวังหน้าศาล และขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล และแนวทางการดำเนินการ บูรณาการ เพื่อแก้ไขปัญหาผักตบชวาให้เกิดความเรียบร้อย เป็นรูปธรรม เกิดความต่อเนื่องอย่างยั่งยืนให้ประชาชนในพื้นที่ ที่ได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำรักษาความสะอาดและจัดเก็บขยะมูลฝอยในพื้นที่สาธารณะ คูคลอง ปัจจุบันปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะปัญหาน้ำเน่าเสีย และสิ่งปฏิกูลจากการปล่อยลงแม่น้ำลำคลอง สารเคมี การสะสมของวัชพืชต่าง ๆ ส่งผล ให้คุณภาพน้ำต่ำลง คูคลอง ตื้นเขิน ไม่สามารถระบายน้ำได้ทันเมื่อฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมตามมา


ภาพ/ข่าว ภาวิณี ศรีอนันต์ รายงาน

อุทัยธานี – คึกคัก !! ฉีดวัคซีนวันแรก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นให้กำลังใจชาวจังหวัดอุทัยธานี

เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 7 มิ.ย. 64 ณ บรรยากาศศูนย์กีฬาเยาวชนเทศบาลเมืองอุทัยธานี สถานที่ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับประชาชน และผู้สูงอายุ ประกอบด้วยโรคทางเดินหายใจ เรื้อรังรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตเรื้อรัง ระยะ 5 โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และโรคอ้วน โดยการจัดลำดับขั้นตอนเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรังโดยเริ่มจากการตรวจสอบเอกสารซักประวัติ วัดความดัน รับบัตรคิว ฉีดวัคซีนและรออีก 30 นาที หลังฉีดวัคซีน เพื่อดูอาการก่อนอนุญาตให้ประชาชนกลับบ้าน และรับใบนัดหมายฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ต่อไป

บรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบร้อย ผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนให้ความร่วมมือปฏิบัติตามขั้นตอนและตามมาตรการอย่างเคร่งคัด เพื่อให้กับประชาชน ทุกคนทุกกลุ่มเป้าหมายได้เข้าถึงวัคซีนที่มีคุณภาพปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรครวมทั้งช่วยลดความรุนแรงของโลก โดยแบ่งการฉีดวัคซีนเป็น 3 ระยะ ตามกลุ่มเป้าหมาย ระยะ 1 ปกป้องระบบสาธารณสุขของประเทศ ระยะ 2 ป้องกันการติดเชื้อและลดความรุนแรงของโรคในกลุ่มเสี่ยงสูง ระยะ 3 ฟื้นฟูขับเคลื่อนเศรษฐกิจสังคมและความมั่นคงของประเทศโดยกำหนด Kick Off การฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างเป็นทางการพร้อมกันทั่วประเทศไทย

ทั้งนี้ภายในงานได้มี นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาเป็นประธานการดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 พร้อมหน่วยข้าราชการ คณะแพทยของจังหวัดอุทัยธานี ได้มาให้กำลังใจกับประชาชนชาวจังหวัดอุทัยธานีในครั้งนี้


ภาพ/ข่าว ภาวิณี ศรีอนันต์

อุทัยธานี – นักเรียนเฮ !! เปิดเทอมวันแรก พบไอเดียเจ๋ง ด่านประตูเครื่องวัดอุณภูมิอัตโนมัติ ได้ตัวเดียวครบขั้นตอน เสริมความรู้กับโรคโควิด-19

เมื่อเวลา 07.00 น. ของวันที่ 14 มิ.ย. 64 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังโรงเรียนลานสักวิทยา ต.ลานสัก อ.ลานสัก ไปพบกับไอเดียเจ๋งของคุณครู ด้วยตู้เครื่องวัดอุณภูมิอัตโนมัติ ได้ตัวเดียวครบขั้นตอน ด้วยการล้างมือเจลแอลกอฮอล์ และสแกนคิวอาร์โค้ดด้วยมือถือเพื่อเสริมความรู้ด้านโรคโควิด ได้ทั้งหมดในตัวเดียวกัน และยังช่วยตรวจได้อย่างรวดเร็ด โดยไม่ต้องมีคนมายืนเฝ้าที่เครื่อง โดยโรงเรียนลานสักวิทยา ได้ประดิษฐ์ขึ้นมา เพื่อใช้ในการคัดกรองนักเรียนก่อนเข้าโรงเรียน เพื่อนักเรียน และคณะครู และผู้ที่ผ่านไปผ่านมาอยากจะเข้าพบปะติดต่อกับราชการทางโรงเรียน

โดยนายภาณุพงศ์ มั่นพรม ผู้อำนวยการโรงเรียนลานสักวิทยา พร้อมครูและบุคลากรจำนวน 54 คน รวมนักเรียนจำนวน 779 คน ส่วนบรรยากาศภายในโรงเรียน ได้มีการเปิดภาคเรียนเป็นวันแรก โรงเรียนลานสักวิทยา ได้ตระหนักถึงความปลอดภัยให้กับนักเรียนและบุคลากรทางโรงเรียน ผู้ปกครอง ก่อนเปิดภาคเรียนทางโรงเรียนก็ได้เตรียมความพร้อมของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเข้มงวด ตั้งแต่การประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ปกครองเพื่อความมั่นใจกับทางโรงเรียน ทั้งนี้ทางโรงเรียนลานสักได้มีรูปแบบการเรียนแบบผสมผสาน 2 รูปแบบ คือการเรียนแบบออนไซต์ และออนไลน์ ในช่วงป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นอีกโรงเรียนที่สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครองและสร้างความปลอดภัยให้กับนักเรียน โดยผ่านประตูเครื่องวัดอุณภูมิแบบอัตโนมัติ รวมถึงล้างมือเจล และสแกนมือถือยิงคิวอาร์โค้ดแสดงวิธีการปฏิบัติและเพิ่มความรู้ให้กับนักเรียนเกี่ยวกับโรคโควิด-19 โดยผ่านเครื่องการ์ด ไม่ตก ชกตลอด เครื่องเดียวได้ครบขั้นตอน


ภาพ/ข่าว  ภาวิณี ศรีอนันต์

อุทัยธานี - จัดกิจกรรมจิตอาสาภัยพิบัติ อำนวยความสะดวก และดูแลการดำเนินงานฉีดวัคซีนโควิด-19

ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ ดร. อลงกต วรกี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ร่วมกับ นาย จงโปรด เขตต์กรณ์ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ ดำเนินการจัดกิจกรรมจิตอาสาภัยพิบัติ อำนวยความสะดวก และดูแลการดำเนินงานฉีดวัคซีนโควิด-19 จังหวัดอุทัยธานี ณ ศูนย์กีฬาเยาวชนเทศบาลเมืองอุทัยธานี ตำบลอุทัยใหม่ อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี

ดำเนินการ โดยมีผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด 19 รวมจำนวน 290 คน  โดยมีประชาชนจังหวัดอุทัยธานี มีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี และเกิดความจงรักภักดี สถาบันชาติ สถาบันศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์


ภาพ/ข่าว  ภาวิณี ศรีอนันต์ รายงาน

อุทัยธานี - เจ้าอาวาสวัดสั่งปิดด่วน!! หลังชาวบ้านแห่มารักษา ลูบน้ำมันหลวงพ่อองค์ดำ รักษาโรคภัยไข้เจ็บ ก่อนที่จะเกิดคลัสเตอร์ครั้งใหม่

เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 64 เวลา 09.00.น.ณ วัดหายทรายงาม หมู่ 8 ต.ระบำ อ.ลานสัก โดยพระใบฏีกาประครอง สีลธมโม เจ้าอาวาสวัดหาดทรายงาม ได้เปิดเผย ว่าขณะนี้ได้มีการแพร่ระบาดขึ้นมาใหม่ ทำให้ประชาชนหวาดกลัวกับโรคระบาดของโควิด ครั้งล่าสุด ที่พบในเมืองไทย นอกจากนี้การที่พระสงฆ์ต้องรับกิจนิมนต์ต่าง ๆ เช่นในงานศพของผู้ป่วย ก็ทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้พระติดเชื่อได้ง่าย เนื่องด้วยสถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ทางวัดหาดทรายงาม จากการรักษาหลวงพ่อองค์ดำ ที่เล่าขานตามตำนาน และความเชื่อ ของพระพุทธเจ้าด้วยการใช้น้ำมันงา มาทาตรงที่เจ็บปวด จึงขอไม่ให้พุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไปกราบไหว้ เป็นการชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลายลง และจางลง ทั้งนี้ทางเจ้าอาวาสวัดหาดทรายงาม ได้ห่วงใยประชาชนในพื้นที่ และนอกพื้นที่

ทั้งนี้ทางวัดหาดทรายงาม ได้ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ และร่วมแนวทางมาตราการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด ส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง ตลอดจนการดำรงชีพของประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติดังกล่าว

ซึ่งก่อนนี้ ได้มีชาวบ้านต่างทั่วสารทิศ ได้เข้ามากราบไหว้หลวงพ่อพระพุทธเจ้าองค์ดำ หรือพระพุทธเจ้าหมอยา  แห่งนาลันทา สร้างในสมัยพระเจ้าเทวาปาล ณ วัดหายทรายงาม โดยสร้างจากนิลดำทั้งองค์ หน้าตักกว้าง 3.5 เมตร  ซึ่งชาวบ้านนับถือและศรัทธา ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บของพระพุทธเจ้าองค์ดำเป็นอย่างมาก เป็นความเชื่อ ความร่ำลือของชาวบ้านว่าหากชาวบ้านหรือผู้สูงอายุ เด็กเล็กหรือคนในครอบครัวเกิดเจ็บป่วย ก็จะนำน้ำมันเนยมาอฐิฐานจิตให้ท่านรักษาโรคแล้วนำน้ำมันมาทา และชโลมให้ทั่วองค์ท่านก่อน แล้วถึงจะมาลูบน้ำมันเนยนั้นกลับมาทาตัวเองหรือคนเจ็บ จะช่วยทำให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ กินข้าวได้ แข็งแรง และอ้วนท้วนสมบูรณ์ จึงถวายพระนามว่า หลวงพ่อน้ำมัน

(เสียงสัมภาษณ์ พระใบฏีกาประครอง สีลธมโม เจ้าอาวาสวัดหาดทรายงาม)


ภาพ/ข่าว  ภาวิณี ศรีอนันต์ รายงาน  

 

อุทัยธานี - ถึงยุคที่ผีต้องมารีวิวสิ้นค้าแล้วหรอ! !ผีหลวงขาวทอง ช่วยแม่ค้าออนไลน์สมใจทุกรายเป็นที่นิยมในโลกออนไลน์

เมื่อเวลา 14.00.น. ของวันที่ 9 ก.ค.64 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยัง ณ ศาลเจ้าพ่อเสือ ต.หนองไผ่แบน อ.เมือง จ.อุทัยธานี โดยไปพบกับนายวงเกษม ศาสตระคมฤทธิ์ อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นเป็นร่างเจ้าแม่ขาวทอง พร้อมทีมงานจำนวน 4 คน ที่คอยดูแลเจ้าแม่ขาวทอง

โดย ศาลเจ้าพ่อเสือจังหวัดอุทัยธานี เป็นแหล่งท่องเที่ยวประจำจังหวัด และเป็นสถานที่สำคัญ ที่นักท่องเที่ยวเข้ามากกราบไหว้ขอพรเป็นจำนวนมากแต่ในช่วงสถานการณ์ covid ที่ระบาดขึ้นระลอกใหม่ ทางศาลเจ้าพ่อเสือจึงปิดทำการชั่วคราว ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน 2564 ที่ผ่านมา ดังนั้น จึงขาดการติดต่อกับทางกลุ่มผู้มีความศรัทธาต่อศาลเจ้าพ่อเสือแห่งนี้ ทีมงานจึงจัดทําช่อง TikTok ขึ้นมาชื่อว่า ช่องผีหลวงขาวทอง เพื่อเป็นช่องทางในการพูดพบปะทักทายและตอบคำถามชี้แนะแนวทางข้อคิดให้กับกลุ่มผู้มีความศรัทธาในศาลเจ้าพ่อเสือ และองค์ประทับที่ชื่อว่าองค์เจ้าแม่ขาวทอง โดยจะทำการไลฟ์สดในช่องติ๊กตอกเป็นประจำทุกวันตั้งแต่เวลา 3 ทุ่ม ถึง ตี 2 รวมประมาณ 5 ชั่วโมง 

แต่ช่วงที่ผ่านมาได้มีกลุ่มผู้ศรัทธาซึ่งประกอบกิจการต่าง ๆ ในหลายจังหวัดได้ขอให้เจ้าแม่ขาวทองช่วยแนะนำร้านอาหารของตัวเองหรือที่เรียกว่าช่วยรีวิวร้านค้า  รีวิวสินค้า เจ้าแม่จึงช่วยรีวิวแนะนำให้กลุ่มลูก ๆ ให้รู้จักสินค้า จากนั้นจึงมีการขอให้ช่วยรีวิวมาจำนวนมาก  อีกทั้งมีกระแสที่ดราม่ามั้ง ตลกมั่ง ครายเครียดให้กับแม่ค้าพ่อค้าออนไลน์ เพื่อเป็นการพูดคุยกันและตอบโต้กัน กันในกลุ่มผู้รับชมในช่อง TikTok จึงเป็นที่มาของช่องผีหลวงขาวทอง ที่วัยรุ่นนิยมเป็นส่วนมากของจังหวัดอุทัยธานีและต่างจังหวัด ซึ่งมีคนดูอยู่หลายหมื่นคนที่เข้ามารับชม


ภาพ/ข่าว  ภาวิณี ศรีอนันต์

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บินด่วนนำทีมจับกุม ปลัดอำเภอ และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ห้วยคต สมรู้ร่วมคิดจ้างวานเผาเสาไฟฟ้าผู้รับเหมาเสียหาย ในพื้นที่ สภ.ห้วยคต จว.อุทัยธานี

จากกรณีช่วงระหว่างวันที่ 19 - 20 พ.ย. 65 ที่ผ่านมา เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายได้ลักลอบวางเพลิงเผาเสาไฟฟ้าส่องสว่างจำนวน 28 ต้น เหตุเกิดที่บริเวณถนนสายห้วยช้าง-คูคต ต.ห้วยคต อ.ห้วยคต จว.อุทัยธานี พื้นที่รับผิดชอบของ สภ.ห้วยคต ภ.จว.อุทัยธานี ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลได้นำเสนอไปแล้วนั้น กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ทำหน้าที่ควบคุมดูแลสั่งการการสืบสวนสอบสวนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นคดีที่สร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนในพื้นที่ มีความเกี่ยวเนื่องกับคดีอื่น ๆ อีกหลายคดีในลักษณะเดียวกันนี้ อีก 9 เหตุการณ์ ใน 7 พื้นที่ 2 จังหวัด ซึ่งมีลักษณะพฤติการณ์ในคดีใกล้เคียงกัน อาจมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งทางธุรกิจ เกี่ยวข้องกับการประมูลงานในระดับท้องถิ่น และอาจมีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำผิด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย ผกก.ตม.จว.ตราด, พ.ต.อ.ศักยะ แสงวรรณ ผกก.สส.บก.น.3 พร้อมด้วยทีมงานพนักงานสืบสวน ตามคำสั่ง ตร.ที่ 587/2565 รวบรวมพยานหลักฐานโดยละเอียด และเร่งรัดการสืบสวนหาผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว

จากการสืบสวนทราบว่า หลังจากเกิดเหตุคดีเผาเสาไฟฟ้าจำนวนหลายต้น ต่อมาเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 65 นายอนุชา หรือบีม อายุ 19 ปี ได้เดินทางมามอบตัวต่อ พงส.สภ.ห้วยคต และให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ ก่อเหตุวางเพลิงเผาเสาไฟฟ้าส่องสว่างดังกล่าวด้วยตนเองจริง และได้ก่อเหตุแต่เพียงผู้เดียว พงส.จึงได้แจ้งข้อกล่าวหานายอนุชาฯ หรือบีม ว่าได้กระทำความผิดฐาน “วางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น, ทำให้เสียทรัพย์” ซึ่งจากกรณีดังกล่าว ทีมงานพนักงานสืบสวนฯ พบข้อพิรุธต้องสงสัยหลายประการ จึงได้ทำการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม ทำให้ทราบว่าพฤติการณ์ตามที่นายอนุชาฯ หรือบีม ให้การรับสารภาพกับ พงส.สภ.ห้วยคต ดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริง นำไปสู่รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมและยื่นคำร้องต่อศาลอาญา เพื่อขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่ได้ร่วมก่อเหตุในคดีดังกล่าวเพิ่มเติม ได้แก่

1. นายสุรสีห์ หรือปลัดแมว หรือ ป.แมว อายุ 45 ปี ปลัดอำเภอห้วยคต ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1/2566 ลงวันที่ 2 ม.ค.66
2. นายวิรัตน์ หรือต้อม อายุ 34 ปี พนักงานราชการ ตำแหน่งเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า วนอุทยานห้วยคต ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 2/2566 ลงวันที่ 2 ม.ค. 66 

ซึ่งได้ร่วมกันกระทำความผิดฐาน 'ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และซ่องโจร' 

‘ชาดา’ ทิ้งงานตักบาตรเทโว สวมบทฮีโร่บุกช่วยหญิงสูงวัย หลังติดอยู่ในอาคารระหว่างเกิดเหตุไฟไหม้กลางเมืองอุทัยธานี

(30 ต.ค. 66) เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลเมืองอุทัยธานีพร้อมด้วย ตำรวจ สภ.เมืองอุทัยธานี ได้รับแจ้งเกิดเหตุไหม้อาคารซึ่งเป็นตึก 3 ชั้น ใจกลางเมืองอุทัยธานี บ้านตั้งอยู่ที่ถนนวงศาโรจน์ เขตเทศบาลเมืองอุทัยธานี อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี โดยทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเทศบาลเมืองอุทัยธานี ระดมกำลังกว่า 100 นาย และรถดับเพลิงกว่า 10 คัน เข้าเร่งฉีดน้ำเพื่อสกัดเพลิงไม่ให้ลุกลามไหม้อาคารข้างเคียง

จากการตรวจสอบพบว่า ภายในบ้านหลังเกิดเหตุนั้น มีผู้ติดอยู่ภายใน 2 ราย เป็นคู่สามีภรรยา ทราบชื่อคือ นายณัฐนัย (สงวนนามสกุล) อายุ 76 ปี และนางสายใจ (สงวนนามสกุล) ติดอยู่ภายในห้องนอนชั้น 3 โดยระหว่างนั้นได้มี นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี เขต 1 ซึ่งกำลังต้อนรับนักท่องเที่ยวในงานประเพณีตักบาตรเทโว อยู่ที่บริเวณห้าแยกวิทยุ ซึ่งมีการแสดงโต๊ะหมู่บูชาประดับงาช้าง ได้รีบบุกเข้าไปภายในอาคารหลังดังกล่าวเพื่อเข้าไปช่วยเหลือนำตัวนางสายใจ ที่ยังคงติดอยู่ในห้องนอนชั้น 3 ส่วนนายณัฐนัย ผู้เป็นสามี ได้วิ่งออกมาขอความช่วยเหลือ จึงทำให้ทั้งคู่ปลอดภัยจากเหตุการณ์นี้

ท่ามกลางบรรยากาศที่ผู้เป็นสามี พร้อมด้วยครอบครัว ญาติ พี่น้อง ของผู้ประสบเหตุการณ์เข้ามาโผกอดกันด้วยความโล่งใจ พร้อมกับขอบคุณนายชาดา และ ส.ส.เจเศรษฐ์ ที่เข้ามาให้การช่วยเหลือโดยไม่กลัวอันตราย

ส่วนเพลิงที่ลุกไหม้นั้น ขณะนี้สงบลงแล้ว และไม่พบการลุกลามไปยังอาคารข้างเคียงแต่อย่างใด ส่วนสาเหตุ คาดว่าน่าจะมาจากไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งต้นเพลิงเกิดขึ้นที่บริเวณชั้น 1 ของอาคาร โดยสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ที่แท้จริง ต้องขอทางเจ้าหน้าที่เข้ามาทำการตรวจสอบที่แน่ชัดอีกครั้ง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top