Wednesday, 23 April 2025
อำนวยความสะดวก

โฆษก ตร. แถลงข่าวมาตรการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านจราจรช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566

เมื่อวันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2565 เวลา 11.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร., พ.ต.ท. ธเทพ ไชยชาญบุตร และ พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณ ปัญญา รอง โฆษก ตร. ได้แถลงข่าวมาตรการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านจราจรช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566

มาตรการการดำเนินการสำคัญช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565

1. การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ระดมกวาดล้างอาชญากรรมระหว่างวันที่ 20 – 29 ธ.ค.65 เพิ่มความเข้มในการออกตรวจจุดสุ่มเสี่ยงต่างๆ สืบสวนหาข่าวเชิงลึก ปิดล้อมตรวจค้น ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด แสวงหาความร่วมมือกับภาคประชาชน ประชาสัมพันธ์โครงการประชารัฐร่วมใจดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ (ฝากบ้าน 4.0) มาตรการสกัดกั้นและป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง และอำนวยความสะดวกและการคัดกรองบุคคลการเข้า-ออกประเทศ
2. การป้องกันเหตุในพื้นที่ มาตรการและแผนเผชิญเหตุในการป้องกันเหตุร้ายในสถานที่ต่างๆ จัดเตรียมชุดปฏิบัติการทางยุทธวิธี ชุดเคลื่อนที่เร็ว โดย รพ.ตร. บ.ตร. เตรียมความพร้อมในการสนับสนุน หน่วยความมั่นคงสืบสวนหาข่าว ประสานการปฏิบัติติดตามสถานการณ์ต่างๆ และให้ สตม.เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบการเข้า-ออกนอกราชอาณาจักรฯ 
3. มาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน การบังคับใช้กฎหมาย และอำนวยการจราจร
3.1 ห้วงเวลาและวิธีการดำเนินการ กำหนดช่วงการรณรงค์และการประชาสัมพันธ์ (1 – 21 ธ.ค.65) ช่วงก่อนควบคุมเข้มข้น 7 วัน (22 – 28 ธ.ค.65) ช่วงควบคุมเข้มข้น 7 วัน (29 ธ.ค.-4 ม.ค.66) ช่วงหลังควบคุมเข้มข้น 7 วัน (5 – 11 ม.ค.66) เน้นการบังคับใช้กฎหมายใน 10 ข้อหาหลัก โดยเฉพาะ 1) การขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด 2) ขับรถในขณะเมาสุรา 3) ไม่สวมหมวกนิรภัย 4) ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ฯลฯ และกำหนดให้มี จุดตรวจหลัก จุดบริการ และด่านชุมชน เพื่อร่วมกันดำเนินการตามแผนฯ

'พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร.' ลงพื้นที่ตรวจสอบ ร่วมสังเกตการณ์ และเร่งแก้ไขปัญหาจราจรติดขัดในกรุงเทพมหานคร รองรับการเปิดภาคเรียน มุ่งลดอุบัติเหตุและอำนวยความสะดวกให้แก่พี่น้องประชาชน

ตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีในการขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว โดยได้รับฟังสภาพปัญหาและแนวทางการพัฒนาของกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาการจราจร ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหารถโดยสารสาธารณะ แท็กซี่ และรถสามล้อ จอดกีดขวางส่งผลให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้โดยสาร และเกิดปัญหาการจราจรติดขัด ประกอบกับเป็นช่วงของการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 และเข้าสู่ฤดูฝนในบางพื้นที่อาจเกิดผลกระทบในด้านการจราจร

วันนี้ (15 พฤษภาคม 2567) เวลา 17.00 น. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และคณะ ลงพื้นที่ตรวจการจราจรบริเวณแยกปทุมวัน แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เพื่อรับฟังแนวทางการดำเนินการเพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรที่ติดขัดเป็นเวลานาน และเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดภาคเรียนการศึกษาของโรงเรียนส่วนใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ภายในสัปดาห์นี้เป็นต้นไป ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) ในการอำนวยความสะดวกการจราจรให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยให้ความสำคัญการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด เช่น พื้นที่ที่มีรถรับจ้างสาธารณะ รถขนส่งจอดกีดขวางพื้นผิวการจราจร และเส้นทางที่มีการจราจรติดขัดเป็นประจำในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครชั้นใน เพื่อรองรับช่วงการเปิดการศึกษาและบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดแบบต่อเนื่อง

โดย พล.ต.ท.กรไชย ฯ ได้ดูการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้า MBK และบริเวณใกล้เคียง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ และเป็นสถานที่ตั้งของสถานศึกษาหลายแห่งในบริเวณใกล้เคียง อยู่ในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น โดยจะประเมินสภาพการจราจรในช่วงเปิดภาคเทอม ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญส่งผลกระทบกับปัญหาการจราจรในภาพรวมทั้งระบบ 

พล.ต.ท.กรไชย ฯ กล่าวว่า วันนี้ได้สั่งการให้แต่ละพื้นที่วิเคราะห์สถานการณ์การจราจรในห้วงการเปิดภาคการศึกษาวันแรกทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็น ซึ่งถือว่าเป็นการปฏิบัติที่หน่วยปฏิบัติมีแนวทางดำเนินการอยู่แล้ว แต่อาจมีปัจจัยด้านอื่นที่ส่งผลทางอ้อม เช่น ปริมาณรถที่เพิ่มมากขึ้น สภาพอากาศ ฝนตก น้ำท่วมขัง หรือพื้นผิวการจราจรที่ซ่อมสร้าง เป็นต้น ทั้งนี้ ได้สั่งการให้เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรกว่า 4,000 นาย คอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรบริเวณหน้าสถานศึกษา ประสานการทำงานในพื้นที่ต่อเนื่องเพื่อรับรถเข้าเมือง เร่งระบายออกเมือง และบริหารสัญญาณไฟจราจรให้มีความสัมพันธ์กับปริมาณรถ ซึ่งสภาพการจราจรอาจจะมีติดขัดบ้างตามหน้าสถานศึกษาที่มีปัญหาการจราจรหนาแน่น โดยกำชับความร่วมมือระหว่างตำรวจ ผู้ปกครอง และสถานศึกษา ในการบริหารจัดจุดรับส่งนักเรียน-นักศึกษาอย่างเป็นระบบ มีการนำจิตอาสาจราจรมาช่วยในการอำนวยความสะดวกให้กับเด็กนักเรียน ผู้ปกครอง และผู้ใช้รถใช้ถนน บริเวณหน้าโรงเรียน โดยเฉพาะบริเวณทางข้ามทางม้าลาย พร้อมรณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้ผู้ปกครอง นักเรียน และนักศึกษา ปฏิบัติตามกฎจราจร โดยเฉพาะการใช้อุปกรณ์นิรภัยในการขับขี่ ได้แก่ การสวมหมวกนิรภัย การรัดเข็มขัดนิรภัย ตลอดจนขอความร่วมมือกับโรงเรียนและสถาบันการศึกษา ในการใช้มาตรการองค์กร เพื่อให้ผู้ปกครอง นักเรียน และนักศึกษา ปฏิบัติตามกฎจราจร ทั้งภายในและบริเวณโดยรอบพื้นที่ ทั้งนี้ ตำรวจจราจรได้มีการประสานงานกับสถานีตำรวจนครบาลข้างเคียง ให้ปล่อยสัญญาณไฟจราจรให้สัมพันธ์กัน และจะได้มีการประชุมเพื่อปรับแผนการอำนวยจราจรในภาพรวมทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดใหญ่ที่มีสภาพการจราจรหนาแน่นคล้ายกับพื้นที่กรุงเทพมหานครให้ดียิ่งขึ้น

พร้อมกันนี้ได้กำชับในการเพิ่มมาตรการกวดขันวินัยจราจรและอำนวยความสะดวก ขนส่งสาธารณะ การบริหารจัดการจราจรในภาพรวม รวมทั้งการรณรงค์เสริมสร้างวินัยจราจรร่วมกับโรงเรียนในพื้นที่อย่างเป็นระบบ พร้อมประสานงานภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เร่งติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มในจุดที่เป็นปัญหา เพื่อเสริมการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตลอดจนได้สั่งห้ามไม่ให้มีการเรียกรับประโยชน์โดยมิชอบเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด ซึ่งมีโทษทางวินัยและอาญาเป็นตัวกำกับผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว

นอกจากนี้ พล.ต.ท.กรไชย ฯ กล่าวว่า ขอฝากถึงผู้ขับรถโดยสารสาธารณะ รถประจำทาง ขอให้การจอดรับส่งผู้โดยสารในจุดที่กำหนด เพื่อไม่ให้กระทบกับปัญหาจราจรโดยรวม และฝากถึงผู้ขับรถโดยสารแท็กซี่ หรือรถตุ๊กตุ๊ก ว่า การเรียกเก็บค่าโดยสารขอให้อยู่ในอัตราที่เหมาะสม เป็นธรรมกับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ หากมีมิเตอร์ขอให้กดมิเตอร์เพื่อให้ราคาอยู่ในอัตราที่กำหนดในทุกกรณี เพื่อร่วมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ

‘ขสมก.’ เตรียมจัดเดินรถเฉพาะกิจ ‘ฟรี 5 เส้นทาง’ บริการประชาชนร่วมงานเฉลิมพระเกียรติฯ สนามหลวง

(4 ก.ค.67) ดร.มนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตนได้มอบหมายให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จัดรถโดยสารให้บริการฟรี เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนเดินทางไปร่วมงานมหรสพสมโภชเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ ท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ 11-15 กรกฎาคม 2567 ซึ่งเป็นไปตามนโยบาย ‘ราชรถยิ้ม’ ของกระทรวงคมนาคม ในการสนับสนุนให้พี่น้องประชาชนใช้บริการรถโดยสารด้วยรอยยิ้มและมีความสุข 

โดยนายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า ขสมก. ได้เตรียมจัดเดินรถโดยสารเฉพาะกิจให้บริการฟรี (จอดรับ-ส่งทุกป้าย) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการเดินทางไปร่วมงานมหรสพสมโภชฯ ระหว่างวันที่ 11-15 กรกฎาคม 2567 ณ สนามหลวง จำนวน 5 เส้นทาง ให้บริการตั้งแต่เวลา 12.00-22.00 น. โดยมีจุดจอดรับ-ส่ง บริเวณหน้าศาลฎีกา ดังนี้…

1) อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ฝั่งเกาะพญาไท)
2) สายใต้ใหม่
3) หมอชิต 2
4) วงเวียนใหญ่
5) เดินรถเป็นวงกลม เส้นทางสนามหลวง - ท่าช้าง - ท่าเตียน

นอกจากนี้ ขสมก. ได้จัดเจ้าหน้าที่สายตรวจพิเศษ และนายตรวจประจำจุดจอดรับ-ส่ง เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจร และดูแลความปลอดภัย หากประชาชนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้บริการรถโดยสารประจำทาง ข้อมูลเส้นทางรถโดยสารประจำทาง สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center โทร. 1348 ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00 - 22.00 น.   

ทั้งนี้ งานมหรสพสมโภชฯ จัดโดยกระทรวงวัฒนธรรม มีการจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมและการแสดงดนตรีเฉลิมพระเกียรติฯ แบ่งเป็น 2 เวที คือ เวทีกลาง จัดแสดงวันที่ 11-15 กรกฎาคม 2567 เวลา 18.30 - 22.00 น. อาทิ การแสดงมหาดุริยางค์ไทยแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ การแสดงโขนสด และการแสดงละครนอกเฉลิมพระเกียรติฯ ส่วนเวทีย่อย จัดแสดงวันที่ 12 - 14 กรกฎาคม 2567 เวลา 17.00 - 18.30 น. อาทิ การแสดงของสมาคมศิลปะพื้นบ้าน การแสดงรำวงพื้นบ้าน รวมทั้งมีตลาดวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติฯ จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารไทย อาหารพื้นถิ่น มีการสาธิตอาหารในรูปแบบตลาดย้อนยุค และการสาธิตภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เช่น นวดไทย ทำว่าวไทย เป็นต้น

เชียงใหม่-ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ระดมเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกผู้โดยสารอย่างเต็มที่ โดยยังคงให้บริการได้ตามปกติ หลังจากเกิดเหตุระบบไอทีล่มหลายแห่งทั่วโลก

นาวาอากาศโท รณกร เฉลิมแสนยากร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวว่า จากกรณีระบบปฏิบัติการของ Microsoft ล่มทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อการให้บริการของสายการบินและสนามบินในหลายประเทศ ตั้งแต่เวลาประมาณ 14.00 น. เป็นต้นมา ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) ได้ดำเนินการตรวจสอบระบบของสนามบินอย่างละเอียดแล้ว พบว่าไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว แต่มีสายการบินที่ประสบปัญหาในการใช้ระบบเช็กอินคือ สายการบินไทยแอร์เอเชีย ซึ่งได้ปรับเปลี่ยนมาใช้ระบบเช็กอินแบบ Manual แทน ส่งผลให้มีผู้โดยสารรอเช็กอินเป็นจำนวนมาก  ทชม.ได้ระดมเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร แจกน้ำดื่ม รวมทั้งได้เปิดเคาน์เตอร์เช็กอินให้กับสายการบินไทยแอร์เอเชียเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการผู้โดยสาร 
          
และล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. ระบบเช็กอินของสายการบินไทยแอร์เอเชีย ก็ยังไม่สามารถใช้งานได้ ส่งผลให้มีเที่ยวบินที่ได้รับผลกระทบแล้วจำนวน 16 เที่ยวบิน เป็นเที่ยวบินขาเข้าจำนวน 6 เที่ยวบิน และเที่ยวบินขาออกจำนวน 10 เที่ยวบิน ซึ่งระยะเวลาที่ล่าช้าอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ 
          
ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ขออภัยในความไม่สะดวก ขอความร่วมมือผู้โดยสารเดินทางมาถึงท่าอากาศยานให้เร็วกว่าปกติ โดยขอให้เผื่อเวลาล่วงหน้าอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนเวลาเครื่องบินออก ทั้งนี้ หากผู้โดยสารต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้บริการในด้านต่างๆ 

และหากมีข้อสงสัยหรือต้องการติดต่อสอบถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0 5392 2000 ต่อ 2100 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top