Thursday, 24 April 2025
อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ

กระบี่-อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุฯ ถึงกระบี่แล้ว

กระบี่ จัดพิธีรับพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวก จากจังหวัดอุบลราชธานี ถึงจังหวัดกระบี่แล้วเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ก่อนจะอัญเชิญไปประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ วัดมหาธาตุวชิรมงคล เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะได้ ระหว่างวันที่ 15-18 มีนาคมนี้

เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา เครื่องบิน ซี 130 ของกองทัพอากาศ ขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ได้เดินทางจากท่าอากาศยานทหาร กองบิน 21 อุบลราชธานี ถึงท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ ก่อนที่จะอัญเชิญไปประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ วัดมหาธาตุวชิรมงคล เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมี นางปอโลมี ตริปาฐี อุปทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายสมชาย หาญภักดีปฏิมา ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ รวมทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดกระบี่ ต้อนรับ

จากนั้น ผู้แทนจากอินเดียวได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะลงจากเครื่องบินไปประกอบพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์
และเจริญชัยมงคลคาถา ณ ห้องรับรอง ภายในสนามบิน โดยมีพระสงฆ์ และฝ่ายไทยและอินเดียร่วมพิธี ก่อนจะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ก่อนอัญเชิญไปประดิษฐานยังห้องมั่นคงภายใน ณ วัดมหาธาตุวชิรมงคล หรือ วัดบางโทง ตำบลนาเหนือ อำเภออำอ่าวลึก จังหวัดกระบี่ และในวันที่ 15 มีนาคม 2567 เวลา 07.00 น.ทางจังหวัดได้จัดขบวนอัญเชิญยิ่งใหญ่ บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 415 สายนาเหนือ - พนม ประกอบด้วย ขบวนช้างเทิดพระเกียรติ และนางรำมโนราห์กว่า 600 คน ข้าราชการ และประชาชนกว่าพันคน ร่วมในขบวน และในเวลา 12.00 น.จะเปิดให้ประชาชนได้เข้ากราบสักการะ ตั้งแต่วันที่ 15-18 มีนาคมนี้

ทั้งนี้ การเข้าสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ ทางจังหวัดกระบี่ จะเปิดให้พุทธศาสนิกชนเข้ากราบสักการะ ณ บริเวณพระวิหาร โดยจะจัดเตนท์ให้บริการประชาชน และเปิดให้ประชาชนสามารถเข้าไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุได้รอบละ 100 คน ตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น. และในทุกๆ ช่วงเย็นเวลา 18.00 – 19.00 น. จะมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์เสริมสิริมงคลให้กับศาสนิกชนที่เข้ากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ซึ่งจะหยุดพักไม่อนุญาตให้ขึ้นสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุฯ บนพระวิหารแต่บริเวณเจดีย์พุทธคยาและภายในเจดีย์จะเปิดให้ประชาชนเข้าไปไหว้สักการะพระพุทธเมตตา และสักการะบูชาพระพุทธรูปบริเวณรอบๆ เจดีย์ได้ และจะปิดการเข้าสักการะในเวลา 20.00 น. และขอความร่วมมือประชาชนที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้แต่งกายด้วยชุดสุภาพ งดเว้นสีดำ โดยคาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมสักการะฯ ประมาณวันละ 100,000 คน นอกจากนี้ ในทุกๆ ช่วงค่ำตลอดระยะเวลา 15-18 มีนาคม 2567 จะมีการส่องไฟเสริมความสวยงามให้กับเจดีย์พุทธคยา อีกด้วย..

ข้อมูลข่าว / ภาพ 
มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่ รายงาน 

กระบี่ จัดขบวนช้าง 10 เชือก อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ ขึ้นประดิษฐานบนวิหาร วัดบางโทง

กระบี่ จัดริ้วขบวนช้าง 10 เชือก พร้อมนางรำกว่า 600 คน อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวก ขึ้นประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ภายในวิหารมณฑป วัดมหาธาตุวชิรมงคล พร้อมเปิดให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะเป็นสิริมงคล 15-18 มีนาคมนี้ ขณะที่ พุทธศาสนิกชนต่างสวมใส่ชุดขาวจับจองพื้นที่กันเพื่อกราบสักการะอย่างเนืองแน่น

เทปโทรทัศน์ บรรยากาศที่วัดมหาธาตุวชิริมงคล อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ ในวันนี้ได้จัดขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวก อย่างยิ่งใหญ่ มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ภายในวิหารมณฑป วัดมหาธาตุวชิรมงคล เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีอัญเชิญ

สำหรับขบวนประกอบด้วย ขบวนช้าง 10 เชือก ขบวนนางรำกว่า 600 ชีวิต และขบวนธงชาติไทย ธงชาติอินเดีย ธงธรรมจักร ธงฉัพพรรณรังสี ขบวนรถบุษบกประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ และขบวนเฉลิมพระเกียรติฯ โดยได้เคลื่อนขบวนจากถนนทางหลวงหมายเลข 415 สายนาเหนือ - พนม ผ่านถนนทางเข้ามายังทางเข้าวัด เพื่ออัญเชิญขึ้นประดิษฐานสู่พระวิหารมณฑป
ให้ประชาชนได้สักการะ ระหว่างวันที่ 15-18 มีนาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น.ซึ่งเมื่อขบวนเข้ามายังภายในบริเวณวัดพุทธศาสนิกชนที่มารอต้อนรับได้กล่าว สาธุๆ พร้อมกัน ดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณวัด 

จากนั้น ขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ เคลื่อนถึงหน้าเจดีย์พุทธคยาและหยุดที่หน้าเจดีย์
ภัณฑารักษ์พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินเดีย คนที่ 1 ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมสัมพุทธเจ้า และภัณฑารักษ์พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินเดีย คนที่ 2 ได้อัญเชิญพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวก ลงจากรถบุษบก เข้าสู่พระวิหารเพื่อประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ก่อนจะเปิดให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าสักการะในเวลา 12:00 น. ของวันนี้

ขณะที่ บรรยากาศโดยทั่วไปภายในวัดยังคงมีพุทธศาสนิกชนจาก 14 จังหวัดภาคใต้สวมใส่ชุดขาวหลั่งไหลเดินทางมาเพื่อร่วมสักการะพระบรมสารีริกธาตุฯ และพระอรหันตธาตุ อย่างเนืองแน่น คุณลุงโอภาส คงคชวัน อายุ 81 ชาวอำเภอชัยบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี เดินทางมาพร้อมกับนางอารีย์ ศิริรัตน์ อายุ 80 ปี และลูกๆหลานอีก 8 คน เล่าให้ฟังว่ารู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมากที่ได้มีโอกาสมากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวก ซึ่งหลังจากที่ทราบข่าวก็เตรียมตัวมาเป็นอย่างดีแม้อายุมากแล้วแต่ก็ตื่นมาตั้งแต่ตีสองเพื่อเดินทางมาที่วัดบางโทงแห่งนี้ พร้อมทั้งกล่าว่า เกิดมาชาติหนึ่งต้องได้สักการะพระบรมสารีริกธาตุ เป็ญบุญยิ่งนักที่ท่านมาถึงบ้านเรา พุทธศาสนิกชนที่มาร่วมสักการะพระบรมสารีริกธาตุฯ 2 คน

ทั้งนี้ การเข้าสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ ทางจังหวัดกระบี่ จะเปิดให้พุทธศาสนิกชนเข้ากราบสักการะ ณ บริเวณพระวิหาร โดยจะจัดเตนท์ให้บริการประชาชน และเปิดให้ประชาชนสามารถเข้าไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุได้รอบละ 250 คน ตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น. และในทุกๆ ช่วงเย็นเวลา 18.00 – 19.00 น. จะมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์เสริมสิริมงคลให้กับศาสนิกชนที่เข้ากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ซึ่งจะหยุดพักไม่อนุญาตให้ขึ้นสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุฯ บนพระวิหารแต่บริเวณเจดีย์พุทธคยาและภายในเจดีย์จะเปิดให้ประชาชนเข้าไปไหว้สักการะพระพุทธเมตตา และสักการะบูชาพระพุทธรูปบริเวณรอบๆ เจดีย์ได้ และจะปิดการเข้าสักการะในเวลา 20.00 น. และขอความร่วมมือประชาชนที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้แต่งกายด้วยชุดสุภาพ งดเว้นสีดำ โดยคาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมสักการะฯ ประมาณวันละ 100,000 คน นอกจากนี้ ในทุกๆ ช่วงค่ำตลอดระยะเวลา 15-18 มีนาคม 2567 จะมีการส่องไฟเสริมความสวยงามให้กับเจดีย์พุทธคยา อีกด้วย

ข้อมูลข่าว / ภาพ
มโนธรรม ใจหาญ กระบี่  รายงาน 

ความคืบหน้าการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) มาประดิษฐานในประเทศไทย เมื่อระหว่างวันที่ 14 - 16 พฤศจิกายน 2567

(17 พ.ย. 67) นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการประสานการดำเนินโครงการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐานในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ได้นำคณะเดินทางไปยังกรุงปักกิ่ง โดยมีนายวัฒนา เตียงกูล ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายธเนศ กิตติธเนศวร เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายชัยยง จันทวีภากร คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมเดินทางด้วย พร้อมคณะทำงานฝ่ายไทย ประกอบด้วย นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายภูมินทร ปลั่งสมบัติ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาการแทนปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมด้วยผู้แทนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการต่างประเทศ กองทัพอากาศ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง และสำนักงานผู้ช่วยทูตทหารอากาศ ในการเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งครั้งนี้ สืบเนื่องจากนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้นายชูศักดิ์ ศิรินิล ในฐานะประธานกรรมการประสานการดำเนินโครงการฯ เป็นผู้แทนรัฐบาลไทย เดินทางมาร่วมประชุมกับหัวหน้าคณะทำงานฝ่ายจีน เพื่อร่วมเตรียมการและสำรวจสถานที่ประกอบพิธีที่เกี่ยวข้องกับการอัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว พร้อมทั้งได้ขอทราบผลสรุปและความคืบหน้าการจัดทำร่างความตกลงและติดตามข้อมูลจากการประชุมร่วมกันของคณะทำงานทั้งสองฝ่ายที่ประเทศไทย เมื่อวันที่ 11 – 12 ตุลาคม 2567 เพื่อที่ฝ่ายไทยจะได้ประสานงานและเตรียมการที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมกับวาระโอกาสสำคัญที่ทั้งสองประเทศจะร่วมกันเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - จีน

โดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล ได้นำคณะเดินทางไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ณ   วัดหลิงกวง และนมัสการพระอาจารย์ฉางจ้าง รองประธานพุทธสมาคมจีน เจ้าอาวาสวัดหลิงกวง และหารือเกี่ยวกับแนวทางการประกอบพิธีอัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว โดยเจ้าอาวาสวัดหลิงกวง ได้นำสาธิตพิธีอัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว เพื่อให้คณะผู้แทนฝ่ายไทยได้บันทึกวิธีการและขั้นตอนปฏิบัติอย่างละเอียด เนื่องจากเมื่ออัญเชิญพระเขี้ยวแก้วมาถึงประเทศไทยแล้ว คณะทำงานฝ่ายไทยต้องมีหน้าที่อัญเชิญไปประดิษฐานยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ซึ่งก่อสร้างมณฑปรองรับไว้แล้ว โดยจะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามวิธีการและขั้นตอนที่ทางวัดหลิงกวงกำหนดไว้ หลังจากนั้นเจ้าอาวาสวัดหลิงกวงได้นำคณะเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติ กรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีอัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว  ขึ้นเครื่องบินมายังประเทศไทย ซึ่งพิธีจะจัดขึ้นในวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ทั้งนี้ เพื่อซักซ้อมและแนะนำขั้นตอนการปฏิบัติ จากนั้นในช่วงเย็นของวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 คณะผู้แทนฝ่ายไทยและคณะผู้แทนฝ่ายจีนได้ประชุมหารือในรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ตรงกันอันจะนำไปสู่การทำความตกลงร่วมในการอัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ณ ห้องรับรอง ท่าอากาศยานนานาชาติ กรุงปักกิ่ง

เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2567 นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้นำคณะเดินทางไปยังสำนักงานกิจการศาสนาแห่งชาติจีน (NRAA) เพื่อหารือข้อราชการกับนายเฉิน     รุ่ยเฟิง ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการศาสนาแห่งชาติจีนเกี่ยวกับการอัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว หลังจากนั้นคณะทำงานฝ่ายจีนได้จัดเลี้ยงอาหารรับรองให้กับคณะทำงานฝ่ายไทย และในช่วงเย็นของวันเดียวกัน นายชูศักดิ์ ศิรินิล ได้นำคณะเดินทางกลับประเทศไทย ในการเยือนกรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ครั้งนี้ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายก ได้กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติและประทับใจในการให้การต้อนรับของฝ่ายจีนมาก ที่ได้ให้เกียรติและอำนวยความสะดวกทุกอย่าง ตั้งแต่เดินทางถึงกรุงปักกิ่งจนกระทั่งเดินทางกลับประเทศไทย โดยทางการจีนได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เกี่ยวข้องกับกิจการศาสนามาต้อนรับและอธิบายเกี่ยวกับความสำคัญของพระพุทธศาสนาในประเทศจีนตลอดการเยือนเป็นเวลาสามวัน ตนในนามของผู้แทนรัฐบาลไทย จึงขอขอบคุณผู้บริหารสำนักงานกิจการศาสนาแห่งชาติจีนและคณะทำงานฝ่ายจีนทุกคน และหวังว่าการอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วมาประดิษฐานยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวงในระหว่างวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 จะเป็นไปอย่างยิ่งใหญ่ สมพระเกียรติและในฐานะที่พระเขี้ยวแก้วเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าสูงสุดอย่างหนึ่งของประเทศจีนและของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนมาร่วมสักการะพระเขี้ยวแก้วในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อเป็นการร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - จีน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top