Wednesday, 23 April 2025
อนุทิน_ชาญวีรกุล

'เสี่ยหนู' สวน 'แม้ว' แขวะภท.เจาะอีสานไม่เข้า ยัน!! ไปทุกภาค ของพวกนี้อยู่ที่ประชาชน

(17 ส.ค. 65) ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายรัฐมนตรี ระบุว่าพรรคภูมิใจไทยกำลังเจาะพื้นที่ภาคอีสาน แต่ปรากฏว่าทำไม่ได้ เพราะพรรคเพื่อไทยมีความแข็งแรงในพื้นที่ว่า... 

“ท่านพูดแบบนั้นเหรอ ผมไม่ได้ทราบรายละเอียด ยืนยันว่าเราไม่ได้พยายามเจาะพื้นที่ใคร เราทำหน้าที่พรรคการเมือง ไปใต้ก็ไป ไปเหนือก็ไป ในพื้นที่ กทม. แม้ไม่มีฐานเสียง เราก็พยายามอยู่ เราเป็นพรรคการเมืองต้องนำเสนอให้มากที่สุด ยิ่งเป็นสูตรหาร 100 ก็ต้องส่งผู้สมัครส.ส.ทุกเขตมากหน่อย ขอย้ำว่าเราทำหน้าที่พรรคการเมือง ในสิ่งที่พรรคการเมืองทั่วไปทำ ของพวกนี้อยู่ที่ประชาชน” 


ที่มา: https://www.thaipost.net/politics-news/202346/

‘เสี่ยหนู’ แจงพบ ‘บิ๊กตู่-บิ๊กป๊อก’ นัดหมายล่วงหน้า ชี้!! ไม่มีคุยการเมือง แค่ส่องพระ ไม่กลัวถูกโยงเลือกข้าง

อนุทิน​ แจง​ ภาพดอดพบ​ พลเอกประยุทธ์​-พลเอกอนุ​พงษ์​ ที่กระทรวงกลาโหมนัดหมายล่วงหน้า​ นำแพทย์ผิวหนังรีเช็กอาการสะเก็ดแผลภูมิแพ้หลังมือ​ พร้อมทานมื้อเที่ยงกะเพราไก่ไข่ดาว ไม่มีคุยการเมือง แค่ส่องพระ ​ไม่กลัวถูกโยงเลือกข้าง​ เข้าป่ารอยต่อหลายครั้ง​แล้ว

นายอนุทิน​ ชาญวีรกุล​ รอง​นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข​ กล่าวถึงการพบพล.อ ประยุทธ์ ​จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม​ และพลเอกอนุพงษ์​ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย​ ที่กระทรวงกลาโหม​ ว่า​ เป็นการนัดหมายล่วงหน้า เพื่อนำแพทย์จากสถาบันโรคผิวหนัง ติดตามอาการ หลังจากที่ พล.อ ประยุทธ์ เข้ารับการรักษา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่บริเวณหลังมือ เป็นสะเก็ดแผลจากอาการภูมิแพ้​ผิวหนังเก่า​ และคัน​ ซึ่งอาการหายแล้ว เพียงแต่ต้องใช้ยาทาหลังจากนี้​ โดยไม่ได้มีการพูดคุยถึงสถานการณ์บ้านเมืองแต่อย่างใด ซึ่งตนได้เดินทางไปช่วงเวลาใกล้เที่ยง พล.อ ประยุทธ์ จึงชวนรับประทานอาหารด้วยกันเป็นข้าวกะเพราไก่ไข่ดาว

โดยพลเอกประยุทธ์​ ได้บอกว่าเมื่อวานการประชุมคณะรัฐมนตรี ท่านก็อยู่ร่วม ตอนที่ตนพูดเรื่องอสม. ซึ่งท่านก็ชมว่าดี​ ชี้แจงดี​ พร้อมฝากให้ช่วยประคับประคอง ดูแลร้ฐบาล ช่วยพลเอกประวิตร​ วงษ์สุวรรณ​ รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี ทำงานในช่วงที่ พลเอกประยุทธ์ ยังปฏิบัติงานไม่ได้

เมื่อถามว่าในวงสนทนา พลเอกอนุพงษ์ ได้พูดคุยอะไรหรือไม่​ นายอนุทินกล่าวว่า ส่วนใหญ่ ตนเป็นคนชวนคุยคนเดียว ตนก็ขี้คุยของตนไปเรื่อย

เมื่อถามถึงสุขภาพจิตใจของพลเอกประยุทธ์ เป็นอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า ดี​ ไม่มีอะไร ท่านก็ทำงานตามหน้าที่ของท่าน ซึ่งใช้เวลาร่วมกันในการรับประทานอาหารไม่นาน 30 -​ 40 นาที 

นายอนุทิน​ ยังกล่าวด้วยว่า การเข้าไปพบ พลเอกประยุทธ์ ในครั้งนี้ไม่ได้มีการนัดหมายกับพลเอกอนุพงษ์​ ล่วงหน้าแต่อย่างใด ตนก็ไปตามการนัดหมายล่วงหน้า เพื่อนำแพทย์ที่เชี่ยวชาญเข้าไปตรวจเช็กอาการ

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการเข้าไปพบพลเอกประยุทธ์​ และพลเอกอนุพงษ์ จะทำให้ถูกโยงเลือกข้างทางการเมืองหรือไม่​ นายอนุทินกล่าวว่า​ โอ๊ย​ จะไปผูกอะไร​ ก็เหมือนขณะนี้ถ้าใครมาหาตนตอนใกล้เที่ยง ก็ชวนทานข้าว เท่านั้นเอง

'อนุทิน' ย้ำ!! ลูกพรรคหน้าต้องดำผิวต้องกร้านเข้าสภาให้ได้ ด้านชาวขอนแก่น ถือป้ายเชียร์ 'เสี่ยหนู' ให้เป็นนายกฯ

ภายหลังการสัมมนาพรรคภูมิใจไทยสัญจร ที่ จ.ขอนแก่น ช่วงเย็นวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมรับประทานอาหารเย็น ร่วมกับรัฐมนตรี และส.ส.ของพรรค โดยนายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่งว่า...

"พรรคภูมิใจไทยมีแต่คนไหลเข้า ยังไม่เห็นคนไหลออก และอย่าให้มีคนแรก เพราะจะถูกพวกเราโห่จนกลับบ้านไม่ถูก เนื่องจากเราสำเร็จมาด้วยกัน ทำงานมาด้วยกัน พลวัตการขับเคลื่อนของเราเปรียบเสมือนสิ่งที่หมุนรอบ ซึ่งหากหมุนไปเรื่อยๆ ในทางฟิสิกส์จะเกิดเป็นแรงดูด จึงขอให้หมุนไปแบบนี้ หมุนด้วยความเร่ง ความตั้งใจ ความจริงใจต่อประชาชน แรงดูดจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น จึงถูกแล้วที่เขาพูดว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคดูด แต่ดูดด้วยผลงาน ดูดด้วยความนิยม"

นายอนุทิน ย้ำด้วยว่า ขอให้คืนนี้ (23 ก.ย.) เป็นคืนสุดท้ายที่ส.ส. และว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรคจะสนุกสนานกัน เพราะนับจากวันนี้ หน้าต้องดำ ผิวต้องกร้าน ต้องได้รับคะแนนนิยม ความเชื่อมั่นจากประชาชน แล้ววันรุ่งขึ้นหลังการเลือกตั้งเราจะฉลองอย่างยิ่งใหญ่

“พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคติดดิน ต่อให้ฝนตกหนักแค่ไหน หัวหน้าพรรคจะยืนเคียงข้างลูกพรรค เราตากแดด ตากลม ตากฝน ได้หมด ขออย่างเดียวให้ได้เดินเข้าสภา 6 เดือนต่อจากนี้ เราจะอยู่ในโหมดของการต่อสู้จนกว่าจะชนะ และเอาส.ส.ตัวเป็นๆ เข้าสภาเท่านั้น และเราจะชนะอย่างแน่นอน” นายอนุทิน กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรคแกนนำที่ประกาศตัวพร้อมเป็นนายกฯ เลยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า "พรรคต้องมีการขับเคลื่อน ทำให้ประชาชนมั่นใจ ไว้วางใจว่าพรรคทำงานที่เป็นประโยชน์ให้ประชาชนมากที่สุด การที่จะไปถึงจุดนั้นได้ต้องมี ส.ส.เยอะ ก็จะผลักดันทุกอย่างง่ายขึ้น ก็จะไม่มีอุปสรรคอะไร ไม่ไปเป็นเหยื่อของเกมการเมืองจากใคร แต่เอาไว้ถึงวันนั้นก่อน ต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ซึ่งประชาชนเห็นแล้วว่าถ้าทำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มที่ แต่แทนที่สิ่งเหล่านั้นจะได้รับการสนับสนุนจากบรรดาผู้คนการเมืองด้วยกัน กลับมีการบล็อก เตะตัดแข้งตัดขา ซึ่งทำให้เกิดผลเสียต่อประชาชน

“เราไม่หวั่นไหวอะไร บางคนตัดสินใจทำแบบนี้กับพรรคภูมิใจไทยเพราะไม่ต้องมีการพึ่งพาอะไรกันแล้ว ไม่ต้องมีอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่มีการผ่านกฎหมายสำคัญแล้ว เลยปฏิบัติกับเราแบบนี้ ก็ไม่เป็นไร เราถือว่าประชาชน คือหลักชัยของเรา เรายังมุ่งมั่นทำงานต่อ ที่ผ่านมาพรรคเราเป็นแบบนี้ เราไม่เคยยุ่งกับใคร ถ้าพรรคอื่นทำประโยชน์กับประชาชนเราก็พร้อมสนับสนุนเสมอ แต่เวลาพรรคเราจะทำประโยชน์ให้ประชาชนทำไมพรรคอื่นต้องมาขัดแข้งขัดขา การต่อสู้กันทางการเมืองไม่ควรเอาสิ่งที่ประชาชนพึงจะได้มาขัดขวาง แต่โชคดีเรามองสถานการณ์ว่าสิ่งนี้จะเกิด จึงเตรียมการป้องกันไว้ก่อน ยืนยันว่า แม้ พ.ร.บ.จะไม่ผ่านสภา แต่การใช้ประโยชน์ของกัญชา ถ้าอยู่ภายใต้กรอบของกระทรวงสาธารณสุขจะไม่มีข้อจำกัด”

'อนุทิน' ชี้ เลือกตั้งรอบหน้า หวังกวาด 120 ส.ส. ลั่น!! พร้อมนั่งเก้าอี้นายกฯ ทำงานเพื่อปชช. สุดกำลัง

เมื่อวันที่ (6 ต.ค. 65) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นความคาดหวังของพรรคในการเลือกตั้งรอบหน้าที่จะต้องได้ส.ส. อย่างน้อย 120 เสียง ว่า เป็นพรจากผู้ใหญ่ และเป็นเป้าหมายของพรรค ท่านพูดก็แปลว่าพรรคภูมิใจไทย มีศักยภาพที่จะทำได้ เรื่องแบบนี้เราไม่ล้อเล่น มันต้องพยายามเต็มที่ จะผ่อนเครื่องไม่ได้ ส่วนจะมาจากไหนนั้น ก็ต้องมาจากการทำงานหนักของพรรคภูมิใจไทย ที่หมายถึงส.ส.ของพรรค และสมาชิกพรรคทุกคน ต้องลงพื้นที่เข้าชาร์จปัญหา การทำนโยบาย อย่าไปมองว่าต้องทำเฉพาะที่หาเสียงไว้ แต่อะไรที่เป็นประโยชน์ ก็ต้องทำด้วย ยกตัวอย่างเรื่องฟอกไตฟรี นี่ไม่เคยเป็นนโยบายของพรรค แต่ด้วยความเป็นรมว.สาธารณสุข พบว่าผู้ป่วยฟอกไต จ่ายครั้งละ 1.5 พันบาท อาทิตย์หนึ่งฟอก 2 ครั้ง จ่าย 3 พันบาท ไหนจะค่าเดินทางอีก ภาระของประชาชนก็ต้องหาทางช่วย ประเทศไทย มีนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ต้องทำให้ได้แบบนั้นจริง ๆ มีความสามารถจะช่วยได้ ก็ต้องหาทาง ตอนนี้ ทำสำเร็จแล้ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top