Thursday, 24 April 2025
หมอปาย

'หมอปาย' ขอบคุณทุกกำลังใจจากคนไทย หลังถูกชาวต่างชาติทำร้าย พร้อมดีใจ!! ที่ช่วยยืนหยัด ‘เพื่อความยุติธรรม - ทวงคืนหาดสาธารณะ’

(4 มี.ค. 67) จากกรณีแพทย์หญิงรายหนึ่งออกมาร้องขอความเป็นธรรม ถูกชายต่างชาติที่เป็นเจ้าของศูนย์อนุรักษ์ช้างเตะหลังขณะนั่งบันไดชมจันทร์หน้าวิลล่าแห่งหนึ่ง บริเวณชายหาดภูเก็ต แถมยังถูกหญิงไทยซึ่งเป็นภรรยาของฝรั่งคนดังกล่าวด่ากราด อ้างมีตำรวจยศใหญ่คอยดูแลอยู่เบื้องหลัง ขณะที่คู่กรณีโต้ลั่นไม่ได้เตะ แค่สะดุดแล้วเท้าไปโดนหลัง

แม้ฝรั่งและภรรยาจะออกมาขอโทษแล้ว แต่ ชาวภูเก็ต ได้มีการเคลื่อนไหวนัดรวมพลังกันในวันที่ 3 มีนาคม ทวงคืนหาดบนพื้นที่สาธารณะ หลังเกิดเหตุการณ์ชาวต่างชาติเตะแพทย์หญิงที่ภูเก็ต ล่าสุดเทศบาลตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง ติดประกาศคำสั่งให้รื้อถอนแนวบันไดและสิ่งปลูกสร้าง ที่รุกล้ำชายหาดพื้นที่สาธารณะ ภายใน 30 วัน ภายหลังตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และพบว่าบริษัทเอกชนเจ้าของวิลล่า สร้างแนวบันไดไม้และคอนกรีต ลานนั่งเล่นไม้ แนวกำแพงกันดินหินกล่องรุกล้ำชายหาด ขณะที่ชาวบ้านป่าคลอก และใกล้เคียง เมื่อเห็นประกาศ ต่างพากันมาถ่ายรูปบริเวณบันไดจุดเกิดเหตุกันไม่ขาดสาย โดยบอกว่าอยากเก็บไว้เป็นที่ระลึกก่อนถูกรื้อถอนนั้น ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก ‘Phuket Times ภูเก็ตไทม์’ โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า ‘หมอปาย’ ขอขอบคุณชาวภูเก็ต และคนไทยทั้งประเทศ ยืนหยัดเพื่อความยุติธรรม ทวงคืนหาดสาธารณะ

โดยหมอปายระบุข้อความว่า “ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นค่ะ รู้สึกกำลังใจดี ที่ได้กำลังใจจากคนภูเก็ต+คนไทย หนูรู้สึกดีใจและขอบคุณทุกคนมากๆ เลยค่ะ ที่ยืนหยัดเพื่อความยุติธรรมและทวงคืนหาดสาธารณะของพวกเราคืนค่ะ”

‘พ่อหมอปาย’ ยัน!! ไม่รับเงินต่างชาติสกปรก หลังมีสายนิรนามโทรเสนอเงินก้อนโต หวังจบคดี

(10 เม.ย.67) จากกรณี Mr.URS BEAT FEHR หรือ เดวิด อายุ 45 ปี เจ้าของปางช้างดังใน จ.ภูเก็ต เตะ แพทย์หญิงคนหนึ่ง ซึ่งไปนั่งเล่นตรงบันไดที่ลาดลงมาบริเวณชายหาดที่ต่อลงมาจากวิลล่า หมายเลข 23 เพราะคิดว่าเป็นบันไดของชายหาด โดยแพทย์หญิงได้รับบาดเจ็บและเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมขอความเป็นธรรมจากสังคมที่โดนทำร้าย ทั้งนี้ ชาวต่างชาติคนดังกล่าวอ้างว่าไม่ได้ตั้งใจเตะแพทย์หญิง แต่สะดุดบันไดล้มลง

จนกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ ลามถึงขั้นตรวจสอบวิลล่าหรู หรือ จนถึงขั้นตรวจสอบปางช้างที่ เดวิลเป็นเจ้าของ หรือการเพิกถอนหนังสือเดินทาง เป็นต้น

ล่าสุดวันนี้ เพจ ‘Phuket Times ภูเก็ตไทม์’ โพสต์ข้อความระบุว่า

“ฉาว! #ฝรั่งเตะหมอ มีสายนิรนามโทรขอเคลียร์เงินก้อนโตให้จบคดี ด้านพ่อหมอปาย ยันไม่รับเงินต่างชาติสกปรก วันนี้เข้าพบอัยการสูงสุด ส่งทนายยื่นฟ้อง 295 เอง ล่าสุด ฝรั่งสู้คดี ยังปฏิเสธ บอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”

ศาลยกฟ้อง ‘เดวิด’ ฝรั่งเตะหมอปาย ยกผลประโยชน์ความสงสัยให้จำเลย

(3 ก.ย. 67) จากคดี หมอปาย หรือ พญ.ธารดาว จันทร์ดำ ถูกนายเดวิด ชาวสวิตเซอร์แลนด์และเจ้าของปางช้างภูเก็ต ทำร้ายร่างกายด้วยการเตะเข้าบริเวณหลัง ขณะนั่งบริเวณบันไดหน้าวิลล่าหรู ริมชายหาดยามู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เหตุเกิดขึ้นเมื่อเดือน ก.พ.2567 ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น 

สำหรับความคืบหน้า ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลมีคำพิพากษาในคดีนี้ โดยยกฟ้องนายเดวิด จำเลยในคดีนี้ เนื่องจากยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้กับจำเลย

คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา เมื่อ พญ.ธารดาว จันทร์ดำ หรือหมอปาย เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายเดวิด ชาวสวิตเซอร์แลนด์ อายุ 45 ปี ข้อหาทำร้ายร่างกายบริเวณชายหาดยามู จ.ภูเก็ต จนเกิดกระแสการขับไล่นายเดวิดออกจากพื้นที่

ต่อมาวันที่ 5 มี.ค. นายศรัทธา ทองคำ รองผวจ.ภูเก็ต รักษาราชการแทนผู้ว่าฯ ลงนามในหนังสือด่วนที่สุดถึง ผกก.ตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต ให้พิจารณาเพิกถอนวีซ่านายเดวิดโดยเร่งด่วน โดยให้เหตุผลว่า จ.ภูเก็ตพิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของ นายเดวิด มีพฤติการณ์เป็นที่น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม หรือจะก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุขและความเรียบร้อยของประชาชน

จากนั้นวันที่ 7 มี.ค. พ.ต.อ.ปริญญา กลิ่นเกษร รอง ผบก.ตม.1 ในฐานะรองโฆษก สตม. เปิดเผยว่า เมื่อคืนวันที่ 6 มี.ค. พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6 ลงนามอนุมัติเพิกถอนวีซ่าของนายเดวิดตามที่ ตม.จว.ภูเก็ต เสนอแล้ว

โดยเห็นว่าการกระทำของนายเดวิด มีพฤติการณ์เป็นที่น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม หรือจะก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุขและความเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งเข้าเงื่อนไขตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ตามพฤติการณ์ที่ได้รับการยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ว่าราชการจังหวัด และ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต

แต่นายเดวิด มอบอำนาจให้ผู้แทนยื่นคำร้องขออุทธรณ์คำสั่งเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรต่อคณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมืองอีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top