Tuesday, 22 April 2025
สามนิ้ว

'ดร.นิว' ชวน 'บิ๊กตู่' ทำบุญประเทศครั้งใหญ่ เร่งสร้าง 'อธิปไตยไซเบอร์' สกัดก๊วนกบฏ 3 นิ้ว

'ดร.นิว'ชวน 'บิ๊กตู่' ทำบุญประเทศครั้งใหญ่ เร่งสร้างอธิปไตยไซเบอร์ให้สำเร็จ ก่อนทุกอย่างจะสายเกินแก้ไข ซัดนายกฯ ไม่ได้สร้างคนให้มีคุณภาพแถมปล่อยให้ขบวนการกบฏสามนิ้วรุกคืบถึงห้องเรียน ย้อนถามใครเป็นคนต้องรับผิดชอบ

(13 ก.ค.65) ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า…

วันอาสาฬหบูชาปีนี้ ขอเชิญชวนนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ทำบุญประเทศครั้งใหญ่

เร่งสร้างอธิปไตยไซเบอร์ (Cyber Sovereignty) ให้เป็นผลสำเร็จ ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินแก้ไขไปมากกว่านี้

ล่าสุดเห็นนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ออกมาแถลงกลยุทธ์สามแกนสร้างอนาคต แล้วรู้สึกน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะยังคงไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนเหมือนเดิม

กี่ปีมาแล้วที่คุณแทบไม่ได้สร้างคนคุณภาพที่มีความคิดคุณภาพผ่านการศึกษาที่มีคุณภาพ แถมยังปล่อยให้ขบวนการกบฏสามนิ้วรุกคืบถึงห้องเรียน

'ศาสดาสามนิ้ว' ลากไส้โทนี่ เอาประโยชน์ตัวเองนำ เอาอิสรภาพมวลชน (ติดคุก) เป็นเครื่องมือ

(26 พ.ย. 65) นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ต้องหาคดี 112 ปัจจุบันลี้ภัยในประเทศฝรั่งเศส โพสตเฟซบุ๊ก วิพากษ์วิจารณ์นายทักษิณ ชินวัตร โดยมีรายละเอียดดังนี้

ทักษิณผิดตรงไหน?

ผมเขียนกระทู้นี้เพื่อให้เห็นชัดๆ ว่าในทัศนะของผม ทักษิณผิดตรงไหน

แฉ!! 'ซ้ายใหม่' บ่มเพาะให้ผู้คนรู้สึกเป็นเหยื่อ เพื่อรื้อระบบเก่าแล้วสร้างใหม่  ภายใต้ยุทธศาสตร์ 'ใส่ไฟ' เหมือนอวยเด็กหัดเดินแล้วล้ม เพราะพื้นมันไม่ดี

(16 พ.ค.67) จากเพจ 'ต.ตุลยากร' ได้โพสต์ข้อความในหัวข้อ 'วัฒนธรรมของการเป็นเหยื่อ' (Victimhood Culture) ระบุว่า...

สังคมไทยปัจจุบันนั้นกำลังถูกหล่อหลอมด้วยแนวคิดของนักวิชาการฝ่ายซ้ายใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ได้รับอิทธิพลทางความคิดจากสำนักแฟรงก์เฟิร์ต (เยอรมัน: Frankfurter Schule) 

แนวคิดหลักของสำนักนี้ ได้รับอิทธิพลและพัฒนาแนวคิดต่อยอดมาจากมาร์กซิสต์ เช่น วิพากษ์วิจารณ์ระบบทุนนิยม รวมถึงแนวคิดเรื่องการปลดปล่อยมนุษย์จากการกดขี่

ซึ่งผลข้างเคียงของการโหมประโคมเรื่องการกดขี่จากระบบ ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า 'วัฒนธรรมของการเป็นเหยื่อ' (Victimhood Culture)

คนที่ถูกบ่มเพาะความคิดจากฝ่ายซ้ายมักจะเกิดอาการที่คิดว่าตนเองเป็นเหยื่อของระบบ ไม่พยายามที่จะพัฒนาตนเองเพื่อมีชีวิตที่ดีกว่า โทษแต่ว่าที่ชีวิตตัวเองยังย่ำแย่อยู่อย่างนี้ก็เพราะระบบ ดังนั้นวิธีแก้ มีอย่างเดียวเท่านั้น ก็คือ รื้อถอนทำลายระบบปัจจุบัน แล้วสร้างใหม่

ถ้าพูดให้เห็นภาพก็คือ เด็กหัดเดินแล้วล้ม พ่อแม่โทษว่าที่ลูกล้มนั้นเพราะพื้นไม่ดี ต้องทุบทิ้งแล้วสร้างใหม่

แต่ปัญหาคือ ใช่ว่าทุกคนที่คิดเช่นนั้น หลายคนที่เริ่มต้นจากจุดเดียวกัน ในระบบเดียวกัน กลับมีชีวิตที่ดี โดยไม่ต้องโทษคนอื่น

ดังนั้นหากขบวนการฝ่ายซ้ายต้องการให้คนเห็นด้วยว่าระบบที่มีอยู่นี้ไม่ดี ก็จำเป็นที่จะต้องแสดงให้เห็นถึง 'เหยื่อ' ที่ถูกกดขี่จากระบบอย่างชัดเจน

เมื่อหา 'เหยื่อ' ที่ชัดเจนมาแสดงไม่ได้ ก็เกิดกระบวนการสร้าง 'เหยื่อ' ขึ้นมา แล้วนำโหนเพื่อบอกชาวโลกว่าระบบที่มีอยู่นั้นย่ำแย่

'เหยื่อ' ที่ถูกสร้าง จึงเป็นเพียงเบี้ยตัวหนึ่งบนกระดานของพวกซ้ายใหม่เท่านั้นเอง

ขอประณามทุกผู้คนที่อยู่เบื้องหลังกระบวนการสร้างเหยื่อเหล่านี้ครับ

ที่มา: https://www.facebook.com/share/p/sxU25qQCazyCrAxY/?mibextid=oFDknk

เมื่อเหล่า 'ก๊วนสามนิ้ว' พากัน 'หนีคดี' 'พรรคล้มล้างการปกครอง-ปลุกปั่น' เงียบกริ๊บ!!

หลายท่านคงจะทราบกันดีแล้วว่า พรรคบาปหนาที่เดินหน้า ‘ล้มล้างการปกครอง’ หนึ่งเดียวในประเทศไทย ผู้อยู่เบื้องหลังการปลุกปั่น ล้างสมอง และหลอกใช้ ‘เด็กวัยรุ่นสามกีบ’ ที่อยากมีตัวตน ไปจนถึง ‘วัยผู้ใหญ่ใจแตก’ ที่อยากได้ที่ยืนเท่ ๆ ในสังคม ส่งเสริมให้ไปกระทำผิดมาตรา 112 ตลอดหลายปีที่ผ่านมาจนต้อง ‘ติดคุก’ ไปจำนวนไม่น้อยนั้น เมื่อศาลท่านมีเมตตาให้ประกันตัว แต่ผู้กระทำผิดไม่เคยสำนึก กลับมีพฤติกรรมทำผิดซ้ำ ๆ บ่อย ๆ จนต้องเดินคอตกเข้าไปอยู่ในคุกตาราง

พรรคบาปหนาก็มักจะฉวยใช้การติดคุกซ้ำของ ‘เหล่าคนจิตสำนึกด้วน’ เหล่านี้ กัดเซาะทำลายกระบวนการยุติธรรมไทย เลยเถิดไปถึงด่าทอสถาบันพระมหากษัตริย์ว่าโหดเหี้ยม ใจร้าย เป็นสิ่งที่ผิดปกติ และมีปัญหา ควรรื้อถอนมาตรา 112 ให้หมดหายไปจากประเทศไทย

แต่ไม่เคยพูดความจริงให้ครบด้านว่า ศาลมีเมตตากับนักโทษ 112 ทุกคน ได้ให้ประกันตัวไปแล้ว แต่แทบจะ 100% มักจะออกจากคุกมากระทำผิดซ้ำ จึงต้องกลับไปใช้ชีวิตในคุกดังเดิม 

ทุกครั้งที่ศาลให้ประกันตัวผู้กระทำผิด 112 เราจะไม่เคยเห็น ‘พรรคสามกีบ’ พูดขอบคุณที่ศาลท่านมีเมตตา แต่ทุกครั้งที่ศาลไม่ให้ประกันตัวอีกแล้วจากการกระทำผิดซ้ำ ๆ ก็จะช่วยกันป่าวประกาศทันทีว่ามาตรา 112 นั้นคือยาพิษ เป็นภัยร้ายกับประชาชนคนไทยทุกคน ถ้าไม่ยกเลิก หรือปรับแก้ให้โทษอ่อนลง ก็ควร ‘นิรโทษกรรม’ ผู้กระทำผิด 112 เพื่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจะได้เบาบาง

เห็นชัดว่า ‘กลุ่มคนสามกีบ’ ไม่เคยยอมรับว่าตนเองได้กระทำผิด เมื่อทำผิดแล้วก็ไม่ยอมรับคำตัดสินของศาล เมื่อแก้ไขคำตัดสินไม่ได้ก็คิดจะล้มล้างกฎหมาย เมื่อล้มกฎหมายไม่ได้ก็รวมหัวกันขอให้ ‘นิรโทษกรรม’ ช่างเป็นพรรคการเมืองที่สุดแสนจะ ‘วิปลาส’ ติดอันดับต้น ๆ ของโลก 

ในวันที่ศาลใจดีให้โอกาส ‘นักโทษสามกีบ’ ซึ่งเป็น ‘เหยื่อที่แท้จริง’ ของพรรคล้มล้างการปกครองได้รับการประกันตัวออกมา แต่เหล่า ‘สามกีบสิ้นคิด’ ก็ใช้อิสระที่ตนเองได้รับจากศาลพากัน ‘หนีคดี’ ไปแล้วหลายคน 

ปากที่เคยพ่นว่าตนนั้นมีอุดมการณ์ในการต่อสู้ จึงเป็นได้เพียง ‘ราคาคุย’

ว่าแต่ ‘นักโทษสามกีบ’ จะ ‘หนีคดี’ ได้ นั่นก็เพราะได้ประกันตัว ทำไมไม่เห็น ‘พรรคสามกีบ’ หรือ ‘พรรคล้มล้างการปกครองไทย’ ออกมาพูดชมเชยศาลว่าใจดีสักครั้งเลย 

อยู่แบบสร้างภาพ ผลักแต่ความชั่วให้คนอื่น โกหกคนโง่ไปวัน ๆ มันดูกันออกง่าย ๆ ครับ

'คำผกา' โต้!! 'ด้อมส้ม' หยุดสร้างวาทกรรมติดคุกยุคเพื่อไทย ชี้!! เคยได้ประกันตัวแล้ว แต่ก็ยังทำผิดเงื่อนไขกันเอง

(3 ก.ค.67) นางสาวลักขณา ปันวิชัย หรือ แขก คำผกา กองเชียร์พรรคเพื่อไทย อดีตผู้ดำเนินรายการสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี (VOICE TV) ปัจจุบัน เป็นผู้ดำเนิน รายการคุยคลายข่าว ออกอากาศผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) กรมประชาสัมพันธ์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า…

สร้างวาทกรรมภาพจำเหมารวมว่า ใครต่อใครติดคุกในรัฐบาลนี้ คนนั้นคนนี้ไม่ได้ประกันในรัฐบาลนี้ทั้ง ๆ ที่ข้อเท็จจริงคือ มีทั้งคนได้ประกันตัวและไม่ได้ประกันตัว

เมื่อมีข่าวคนได้ประกันตัว ดิฉันจึงต้องการย้ำว่า เวลามีคนได้ประกันตัว ก็ช่วย recognized ด้วยว่ามันมี เรื่องการตายของบุ้ง เป็นความผิดของรัฐบาลที่ตรงไหน? 

ได้ประกันตัวแล้วทำผิดเงื่อนไข และตั้งเจตจำนงเสรีต่อสู้ด้วยการอดอาหาร ซึ่งรบ. ก็เคารพเจตจำนงค์นั้น

ใช่ค่ะ ดิฉันเชียร์รัฐบาล แล้วดิฉันก็ยืนยันว่า มีจำนวนคนได้ประกันตัวมากกว่าที่ไม่ได้ประกัน สิ่งนี้เป็น fact ค่ะ

ส่วนที่ถอนประกันตัวเอง หรือทำผิดเงื่อนไข รบ. ก็น่าหนักใจค่ะ

ส่วนคนที่ยังอยู่ในคุกโดยไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ต้องช่วยกันต่อสู้ ส่งเสียงต่อไปค่ะ แค่การมาตามด่าคำผกา ไม่ได้ช่วยให้ใครได้ความยุติธรรม และจำนวนนักโทษทางความคิดในคุกก็ช่วยให้บางองค์กรทำมาหากินกับประเด็นสิทธิมนุษยชนได้เรื่อย ๆ

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก น.ส.เบนจา อะปัญ กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม หรือ กลุ่ม 3 นิ้ว โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Benja Apan ระบุว่า…

อย่าใช้โอกาสแบบนี้ พิมพ์แบบนี้ เพื่อยกเครดิตให้ร้าบานเลย เพราะ…

1 แปลว่าศาลไม่อิสระ? depend on ร้าบาน?

2 บุ้งเสียชีวิตในคุกก็ร้าบานนี้

3 อานนท์ ขนุน เก็ท ฯลฯ ก็ติดคุกในร้าบานนี้

4 การยกฟ้อง แปลว่าผลงานร้าบาน?

การพิมพ์แบบนี้ การเอาคดียิบย่อยมายกความดีความชอบแบบนี้เหมือนเอาใบบัวมาปิด ส่วนคดีที่มีปัญหาจริง เป็นปัญหามาหลายทศววรษ คดีที่คนติดคุกกันจริง คือคดี 112

ขอบคุณที่ยกฟ้องคดีค่ะ แต่อยากเห็นนิรโทษกรรมรวม 112 ในร้าบานนี้มากกว่า

เข้าใจว่าเชียร์ร้าบาน แต่การพูดแบบนี้ก็อย่าลืม **ดอกจัน** ตัวใหญ่ ๆ ว่ามันยังมีคนที่ติดคุกในร้าบานนี้เพราะคดีการเมืองเหมือนกัน

Please please please

‘พรรคสามนิ้ว’ มุ่งล้มเจ้า เอาพม่า ขี้ข้าฝรั่ง แต่กินเงินเดือนจากภาษีของ..คนไทย

(1 ต.ค. 67) แล้วก็มาถึงวันนี้จริง ๆ วันที่คนไทยจำนวนไม่น้อยเริ่มจะทนไม่ไหวกับพฤติกรรม 'กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา' ของพรรคการเมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องการปลุกปั่นเด็ก และหลอกต้มผู้ใหญ่ที่คิดไม่เป็นให้ออกไป 'ชูสามนิ้ว' เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองเลว ๆ ของตนเอง จนต้องติดคุกในคดี 112 นับไม่ถ้วน

บางคนก็หนีไปต่างประเทศเป็นที่เรียบร้อย 'โรงเรียนสามกีบ' แล้ว 

แม้กระทั่งคนจากจำนวน '14 ล้าน' ที่เคยสนับสนุน ก็ตื่นจากความผิดพลาดในอดีตกันไม่น้อย ด้วยเคยหลงเชื่อ 'เด็กเมื่อวานซืน' ที่อวดอ้างว่าจะมาเปลี่ยนแปลงประเทศให้ไปในทางที่ดี เพราะคือ “คนรุ่นใหม่” แต่สิ่งที่เผยให้เห็นพฤติกรรมมาตลอดก็คือ มุ่งแต่ทำลายสถาบัน คิดแต่ล้มเจ้าล้มแผ่นดิน หวังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ดีลลับกับตะวันตก ไม่มีสักนิดที่จะเผยนโยบายในทางสร้างสรรค์ให้ประชาชนได้อยู่ดีกินดี 

หนำซ้ำในวันที่หลายจังหวัดกำลังน้ำท่วมใหญ่ คนไทยจำนวนมากไร้ที่อยู่ ไร้อาหาร แต่ 'พรรคส้มสามกีบ' ก็ยังด้อยค่าหน่วยงานที่ออกหน้าเสียสละมาช่วยเหลือเกื้อกูลคนไทยด้วยกัน

เป็นนักการเมืองไทยที่ไร้ความสามารถยังไม่พอ ยังแล้งน้ำใจ ไร้เมตตาธรรม วัน ๆ คิดจ้องแต่จะกัดเซาะดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ไม่เคยมีความคิดหรือสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมให้สังคมไทยเลยแม้แต่น้อย 

ห้วงเวลาที่คนไทยด้วยกันกำลังขาดที่พึ่งพิง แต่กลับมีแนวคิดจะให้สังคมไทยโอบอุ้มคนพม่า ไม่รู้ว่าเอา “นิ้วโป้งเท้า” จากขาเน่า ๆ ที่เอาไว้ราน้ำข้างใดคิด ในหัวจิตหัวใจจึงไร้แนวทาง ที่จะทำให้สังคมไทยดีขึ้นได้เลย ถือเป็นพรรคการเมืองที่ไม่ต่างจากขยะ ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งรายวัน และไร้ประโยชน์ต่อสังคมไทย และโลกใบนี้ 

การได้เกิดเป็นคน ได้มีชีวิต มีหน้าที่การงาน มีเงินเดือนจากภาษีของประชาชน แต่กลับมุ่งทำร้ายสถาบัน และพี่น้องคนไทยด้วยกัน ตามสถิติไม่เคยมีที่ชีวิตจากนี้จะจบสวย อาจจะไม่เชื่อว่าแผ่นดินไทยนี้ศักดิ์สิทธิ์นัก จึงไม่เคยปล่อยให้ 'ขี้ข้าต่างชาติ' ชูคอผงาดได้โดยไม่ได้รับผลกรรม 

นับเวลาถอยหลังกันได้เลย 

‘บอย ธัชพงศ์’ ออกมาร่ายยาวถอดบทเรียนช่วงนำ ‘ม๊อบสามนิ้ว’ ชี้ข้อผิดพลาดของตน คือ ‘ด้อยค่าความคิดต่าง’

(7 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธัชพงศ์ แกดำ หรือ บอย หนึ่งในแกนนำม๊อบสามนิ้วเมื่อช่วง พ.ศ. 2562 ได้ออกมาร่ายยาวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถอดบทเรียนจากการเคลื่อนไหวเมื่อช่วง พ.ศ. 2562 ว่า

ช่วงสถานการณ์ม็อบ ความผิดพลาดของผม คือ ใช้วิธีการด้อยค่าความคิดต่าง 

ทั้งทางโซเชียลและตอนขึ้นเวทีปลุกระดม ด่าหยาบคาย ประชดประชัน เสียดสี ร่างกาย ความคิดผมพร้อมปะทะ ต่างกรรม ต่างวาระของแต่ละสถานการณ์ 

ผมมาสรุปบทเรียนว่า “ผมขยายความคิดให้คนคิดต่างทดลองเชื่อ หรือ คิดตามไม่ได้เลย และบางครั้งก็ผลักมิตรเป็นศัตรู” 

น่าเสียดายเวลา กลับกลายเป็นว่า ผมทำเพื่อตนเองเท่านั้น คือ เพื่อแค่ยืนหยัดเหตุผลและหลักการตัวเองให้กับคนที่คิดเหมือนกันอยู่แล้ว ยอมรับในตัวผมเท่านั้น หรือ บางครั้งก็หลุดหัวร้อนประจานตัวเอง ผลักมิตรเป็นศัตรู ขยายความคิดกับคนเห็นต่างไม่ได้เลย

จนเมื่อช่วงหลังผมได้มีโอกาสเรียนรู้กระบวนการของ “ฟาสามัญชน” และได้เป็นวิทยากรนำกระบวนการ ไปใช้ปฏิบัติ เพื่ออำนวยความสะดวกในที่ประชุมและการอบรมบ่อยๆ 

ผมได้ทบทวนตัวเองว่า “ผมควรใช้ท่าทีนอมน้อมรับฟังและประคับประคองความคิดต่าง ให้เกียรติและแลกเปลี่ยนอย่างมีวุฒิภาวะ เพื่อโอกาสแห่งความเป็นไปได้ ในการทำให้คนคิดต่างจะทดลองเชื่อและคิดตามเราในอนาคต หรือ บางสถานการณ์ก็เพื่อรักษามิตรที่มีเป้าหมายเดียวกัน เพียงแค่วิธีคิดต่างกันให้ร่วมทำงานเดินไปด้วยกันต่อได้“

ไม่มีความจำเป็นที่ต้องให้คนที่คิดเหมือนเราอยู่แล้วยอมรับเหตุผลหลักการเราเท่านั้น แต่เราต้องช่วยรักษาคุณค่าของหลักการและขยายความคิดให้กับคนเห็นต่างให้ได้ เพื่อให้การแสดงความคิดเห็นของเราไม่เสียของไปกับปรากฏการณ์นั้นๆ

แต่ผมก็ยังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ ยังต้องปรับปรุงตัวเองและทำต่อไป เพราะยังมีรายละเอียดหลากหลายวิธีการที่น่าสนใจ และต้องศึกษาอีกเยอะ

โดยเฉพาะจัดการวุฒิภาวะทางอารมณ์ตัวเอง เพื่ออดทนต่อความคิดต่างให้ได้ ก่อนที่จะออกไปแลกเปลี่ยนกับคนคิดต่างได้อย่างมีวุฒิภาวะ ผมยังต้องปรับปรุงตัวเองอีกเยอะเลย

นักเขียนชื่อดัง ชี้ ประชาธิปไตยแบบ 'สามนิ้ว' ไม่มีจริง หลังสหรัฐฯ ที่ยกเป็นต้นแบบถูก ‘ทรัมป์‘ สั่งจำกัดขยะแห่งเสรีภาพส่วนเกิน

(24 ม.ค. 68) นายปฏิพล อภิญญาณกุล นักเขียนชื่อดัง เผยแพร่บทความลงบนเฟซบุ๊กชื่อ Padipon Apinyankul มีเนื้อหาดังนี้ ประชาธิปไตยแบบ 'สามนิ้ว' .. ไม่มีจริง

สหรัฐอเมริกา เป็นประเทศเสรีที่คนกลุ่มหนึ่งยกย่องจนเกินเหตุ  ปั้นแต่งลวง ว่าด้วยเสรีภาพ สามารถแสดงออก ขู่ ด่า เรียกร้อง และต่าง ๆ นานาได้เสรี

ประชาธิปไตยแบบ 'สามนิ้ว' คืออะไร  ? .. 

คือความคิดเฉพาะกลุ่ม ที่ว่า ปัจเจกชนเป็นใหญ่กว่าสาธารณชน และปัจเจกชนมีสิทธิเสรีภาพ มากกว่ากฎหมายที่เขียนเอาไว้ 

แล้วโยงว่า กฎหมายที่เขียนไม่ตรงกับสิ่งที่ตนคิด จึงไม่ใช่กฎหมายประชาธิปไตย

จริง ๆ แล้ว ประชาธิปไตย 100 % ไม่เคยเกิดขึ้นจริงบนโลกใบนี้ เพราะ มันจะทำให้เกิดความวุ่นวาย ทุกคนจำมีเสรีภาพเท่าที่ข้อจำกัดของกฎหมายขีดกรอบเอาไว้

สังคมที่ดี ประเทศที่อยู่ได้ ต้องมีประชาธิปไตยที่เหมาะสม ที่ถูกออกแบบโดยมีกลวิธีควบคุม บังคับ .. ไม่ใช่เป็นแบบประชาธิปไตย 100 %

โดนัลด์ ทรัมป์ คือสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นถึงการพุ่งเป้าแก้ปัญหาประชาธิปไตย ที่ให้เสรีภาพมากเกินไปของสหรัฐอเมริกาในช่วงเวลาที่ผ่านมา  

ได้สร้างปัญหาขยะทางสังคม ขยะทางการบริหาร ขยะทางการเงินและทางการเมือง นานไว้จนแก้ไม่ได้

ทรัมป์จึงลงมือ จำกัดขยะแห่งเสรีภาพส่วนเกินต่าง ๆ เหล่านั้น 

เริ่มต้นจาก ถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีส เกี่ยวกับการลดโลกร้อน.. 

สหรัฐเป็นเมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ พลังงานถ่านหิน พลังงานไฟฟ้า พลังงานอื่น ๆ คือสิ่งที่สหรัฐต้องใช้

ควบคู่กัน สหรัฐกำลังพิจารณาระงับรถยนต์ไฟฟ้าของจีน เพราะรถยนต์ไฟฟ้าจีนเข้ามาตีตลาดสหรัฐ จนรถยนต์สันดาป (รถที่ใช้น้ำมัน) ของสหรัฐขายไม่ออก

การถอนตัวจากข้อตกลงโลกร้อน .. บวกกับการปิดกั้นรถยนต์ไฟฟ้า เท่ากับทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์สันดาปของสหรัฐฟื้นจากซากศพ

ช่วยโลกร้อน แต่อุตสาหกรรมของสหรัฐแตก ประชาชนสหรัฐเดือดร้อน แล้วจะช่วยโลกร้อนทำไม .. 

เด่นสุด ซึ่งเป็นที่กรี๊ดกร๊าด เจี๊ยวจ๊าว ก็คือ 'การยกเลิกความหลากหลายทางเพศ' หรือยกเลิก LGBTQI+  

ทรัมป์ เซ็นกฎหมายให้หน่วยงานของรัฐทั้งหมดยอมรับเพียงแค่ 2 เพศ คือ 'ชาย และ หญิง'

การออกเอกสารต่าง ๆ บัตรประชาชน พาสปอร์ต ฯลฯ  ต้องระบุเพียง ชาย หรือ หญิงจะระบุช่องความหลากหลายทางเพศ แบบสมัยโจ ไบเดน.. ไม่ได้ 

และทรัมป์ยังรณรงค์ให้องค์กรเอกชน บริษัทเอกชน ทำตามนี้.. 

ความหลากหลายทางเพศ คือส่วนเกินเกะกะทำให้ประชาธิปไตยวุ่นวาย ในสายตาทรัมป์

ไม่แค่นั้น ยังมีการตรวจสอบการใช้เงินภาษีของรัฐ ว่าต้องไม่เอาไปส่งเสริม หรือสนับสนุน เกี่ยวกับกิจกรรมอัตลักษณ์ทางเพศต่าง ๆ

นี้ไง คือประเทศประชาธิปไตย ที่กลุ่มสามนิ้วเคยยกย่อง และอ้างเอาเป็นตัวบทแม่แบบ

สังคมต้องมีขอบกำหนด เหมือนกรอบรูป หรือขอบหนังสือ ล้นขอบก็เลอะเทอะ .. เช่นเดียวกับสิทธิเสรีภาพ

ประชาธิปไตยเกินไป ก็มีปัญหา .. พบว่ามีผู้ลี้ภัย ผู้หนีเข้ามา เต็มประเทศ ไร้บ้านนอนข้างถนนเต็มไปหมด

ทรัมป์จึงประกาศจะจัดการไล่ออกไป กั้นพรมแดน 

มีบางนักวิเคราะห์ บอกว่า ทรัมป์มีแนวคิดแบบจักรวรรดินิยม .. 

บ้างวิเคราะห์ไปไกลถึงกับว่า ความคิดการต้องการควบคุมทุกอย่างของทรัมป์ คล้ายกับ สีจิ้นผิง ปธน.ของจีน

นักวิเคราะห์เช่นนี้ คงเป็นหนึ่งในพวกประชาธิปไตยแบบ 'สามนิ้ว' .. .. น่าขันยิ่ง

การเปรียบเทียบแนวคิดของทรัมป์ ไปในทิศทางกับสีจิ้นผิง เป็นลักษณะของ อคตินิยม  

... คือเมื่อฝ่ายที่ตนยกขึ้นเชิดชูเป็นสัญลักษณ์ในใจ ทำไม่ได้ ทำไม่ดี ไม่ถูกใจตน .. ก็หาเรื่องโยงใยเข้ากับฝ่ายที่ตนเองไม่ชอบ เพื่อด้อยค่า

ประมาณพวกขี้แพ้ น้อยใจ แล้วประชด

หรือถ้าคิดเล่น ๆ ในมุมกลับ เพื่อตอบโต้นักวิเคราะห์พวกนั้น ว่า

ทรัมป์อยู่ในประเทศส้ม แต่ทรัมป์ดันเป็นสลิ่ม

ส้มเอาแต่เรียกร้อง แต่ไม่ยอมทำ ถึงทำก็ไร้ความสามารถ .. สลิ่มทรัมป์จึงอึดอัดกับวิถีทางของประเทศตนเอง

เมื่อทรัมป์ เห็นสีจิ้นผิงไปไหนมาไหน แลดูยิ่งใหญ่ .. แต่ไฉนตัวเอง ยิ่งดู ยิ่งต่ำ

ทรัมป์จึงยอมรับไม่ได้ ..

เพราะสีจิ้นผิงไปไหนมาไหน มีแต่คนยกมือขึ้น 5 นิ้ว โบกทักทาย

แต่ทรัมป์ไปไหนมาไหน เห็นคนยกแต่นิ้วกลาง ทักทาย

ไม่เอาแล้วประชาธิปไตย .. 
ทรัมป์จึงอยากลองเป็นคอมมิวนิสต์บ้าง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top