Tuesday, 22 April 2025
สวอุปกิต

‘โรม’ ข้องใจ!! ‘ส.ว.อุปกิต’ รู้รายละเอียดออกหมายจับ เชื่อ!! มีคนในคอยช่วย จี้!! ศาลฯ ออกมาชี้แจงข้อมูล

(27 มี.ค. 66) ที่พรรคก้าวไกล รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงถึงความคืบหน้ากรณี ส.ว. อุปกิต ปาจรียางกูร หรือ ‘ส.ว.ทรงเอ’ ผู้มีความเกี่ยวพันกับ ทุน มิน ลัต ผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่จากเมียนมา ยื่นฟ้องดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ อดีตสารวัตร กองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ต่อศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง โดยกล่าวหาว่า พ.ต.ท.มานะพงษ์ ได้ใช้เอกสารหลักฐานที่มีการแปลเป็นเท็จในการยื่นขอหมายจับอุปกิต

ต่อกรณีดังกล่าว รังสิมันต์ตั้งข้อสงสัยว่า ส.ว.อุปกิต ทราบได้อย่างไร ว่าเอกสารที่ พ.ต.ท.มานะพงษ์ไปยื่นต่อศาลเพื่อขอออกหมายจับตัวเองมีรายละเอียดอะไรบ้าง เพราะโดยปกติแล้วคนที่ทราบ มีแค่ตำรวจกับศาลเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจึงคิดเป็นอื่นไม่ได้เลย นอกจากว่ามีคนอยู่เบื้องหลังที่คอยให้ความช่วยเหลือ ส.ว.อุปกิต อยู่ตลอดเวลา และทำให้ตำรวจน้ำดีที่พยายามทำคดีนี้ กลายเป็นคนที่ถูกดำเนินคดีเสียเอง

เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าวันนั้นไม่เกิดการถอนหมายจับ คำถามคือถ้าปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ หากวันข้างหน้ามีพ่อค้ายาเสพติดที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพล ตำรวจน้ำดีที่ไหนจะกล้าทำคดีแบบนี้อีก ทั้งนี้ แม้ตนจะเชื่อมั่นว่า พ.ต.ท.มานะพงษ์ จะสามารถสู้คดีได้ด้วยพยานหลักฐานต่าง ๆ และเจตนาที่บริสุทธิ์ในการทำหน้าที่ แต่ก็ไม่ควรที่ พ.ต.ท.มานะพงษ์ จะต้องถูกดำเนินคดีเช่นนี้

รังสิมันต์ยังแถลงต่อไป ว่าในกรณีนี้ ทางศาลก็ควรออกมาชี้แจงด้วย ว่าในศาลมีใครเอาข้อมูลที่มีการยื่นขอหมายจับ ไปบอก ส.ว.อุปกิต ด้วยหรือไม่ ไม่เช่นนั้น ส.ว.อุปกิต จะนำหลักฐานมาร้องทุกข์กล่าวโทษกับ พ.ต.ท.มานะพงษ์ได้อย่างไร

นอกจากนี้ หลักฐานที่อ้างว่ามีการแปลไม่ถูกต้องนั้น เท่าที่ตนตรวจสอบได้ พบว่าหลักฐานจำนวนมากเป็นภาพจากการแชต ที่ภาษาอังกฤษไม่ได้ยาก และยังมีหลักฐานที่เป็นแชตภาษาไทยด้วย ซึ่งส่วนที่มีการแปลผิดนั้น ไม่ใช่สาระสำคัญที่จะทำให้ข้อเท็จจริงว่า ส.ว.อุปกิตเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดและการฟอกเงินถูกลบล้างไปได้แต่อย่างใด และตนยังยืนยันได้ว่าจากหลักฐานที่มีอยู่นั้น สามารถนำไปดำเนินคดีและออกหมายจับ ส.ว.อุปกิต ได้

รังสิมันต์ยังกล่าวต่อไป ว่าทั้งนี้ ตนยังคงรอความชัดเจนจากอัยการอยู่ ว่าจะมีการยื่นฟ้องต่อ ส.ว.อุปกิต หรือไม่ หลังจากที่ตนได้ไปติดตามที่สำนักงานอัยการมาก่อนหน้านี้ และได้รับคำตอบว่าสิ้นเดือนนี้จะมีความชัดเจนในคดีของ ส.ว.อุปกิต ซึ่งตนอยากให้ทั้งสื่อมวลชนและสาธารณชน ร่วมกันติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด อย่าปล่อยให้คดีนี้เงียบหายไปเหมือนที่ผ่านมา ที่เรามีวัฒนธรรมการลืมเลือนคดีที่เกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง ยิ่งเมื่อเป็นคดีที่เกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ตั้งใจทำงานแล้ว ยิ่งไม่ควรปล่อยให้เงียบหายไปเด็ดขาด

“คดีนี้ ทุนมินลัต และอีกหลาย ๆ คน ถูกออกหมายจับ ดำเนินคดี และคัดค้านการประกันตัวไปแล้ว ทุกคนที่เกี่ยวข้องได้รับการดำเนินการตามกฎหมายหมด แล้วทำไมเหลือเพียง ส.ว.ทรงเอ คนเดียวที่ได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจากบุคคลอื่น หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นการทำลายความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ จึงอยากให้อัยการคิดถึงเรื่องนี้ให้ดี ไม่เช่นนั้นสังคมก็จะยังคงตั้งคำถามต่อไป” รังสิมันต์กล่าว

นอกจากนี้ รังสิมันต์ ยังได้ตอบคำถามสื่อมวลชน กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้อยู่ในลำดับบัญชีรายชื่อของพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยระบุว่า สำหรับพรรคก้าวไกลเอง เราให้ความสำคัญกับการที่นายกรัฐมนตรีต้องมีที่มาจาก ส.ส. มาโดยตลอด เพราะเป็นหลักการที่มาจากการต่อสู้ของประชาชนในเดือนพฤษภาคม 2535 ที่สละชีวิตของคนจำนวนมากเพื่อยืนยันหลักการเรื่องนี้ จนได้ถูกบรรจุในรัฐธรรมนูญ 2540 ว่านายกรัฐมนตรีต้องเป็น ส.ส. แต่รัฐธรรมนูญ 2560 ที่มาจากเผด็จการ กลับทำลายการต่อสู้ของประชาชนและทำลายหลักการนี้ลง เหลือเพียงให้แต่ละพรรคเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ 3 คน โดยไม่ต้องเป็น ส.ส.

‘โรม’ จี้ ‘หน่วยงานรัฐ’ ทำหน้าที่อย่างซื่อตรง พร้อมดักคอ ‘ส.ว.อุปกิต’ อย่าเล่นนอกกติกา

(11 เม.ย.66) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ระบุถึงการแถลงข่าวครั้งที่ 2 ของ ส.ว.อุปกิต ปาจรียางกูร ที่งัดเอาข้อมูลว่าบัญชีม้าในคดีฟอกเงินยาเสพติดนั้นมีการโอนเงินไปยังบัญชีอื่น ๆ ของทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลอีกถึง 86 บัญชี ทำไมมีแค่ตนคนเดียวที่ถูกกล่าวโทษ ถ้ารังสิมันต์ โรม ไม่ได้เลือกปฏิบัติ ไม่คิดกลั่นแกล้ง ไม่หวังผลทางการเมือง ก็ขอให้ไปตรวจสอบ 86 บุคคล/บริษัทเหล่านั้นด้วย

ในประเด็นนี้ตนทราบว่าทาง ส.ว.อุปกิตก็ไปยื่นข้อมูลให้กับทางอัยการด้วยเช่นกัน ซึ่งหากท่านต้องการช่วยชี้เบาะแสเผื่อว่าจะมีใครกระทำผิดฟอกเงินค้ายาอีกหรือไม่นั้น ก็เป็นสิทธิของท่านที่จะกระทำได้ แต่หากว่าทำไปเพียงเพื่อจะซัดผมว่าปฏิบัติต่อท่านอย่างไม่เป็นธรรมนั้น ผมก็ต้องขอเรียนต่อ ส.ว.อุปกิตว่าการที่ผมมาพูดอภิปรายเรื่องฟอกเงินค้ายาเสพติดได้นั้น จำเป็นต้องมีหลักฐานสนับสนุนหลาย ๆ อย่างมาประกอบกัน อย่างความเชื่อมโยงทางการเงินก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถ้าลำพังมีแค่หลักฐานนี้อย่างเดียวเช่นที่ท่านอ้างถึง 86 บุคคล/บริษัทนั้น ก็คงยังไม่เพียงพอที่จะอภิปรายได้ ท่านก็เคยพูดเองมิใช่หรือว่าคนที่ค้ายาเขาไปซื้อขายอะไรใดๆ ไม่ได้หมายความว่าร้านค้าเหล่านั้นจะต้องเป็นผู้ฟอกเงินทั้งหมดเสมอไป (แต่จะต้องพิจารณาเป็นกรณีไป)

ในกรณีของ ส.ว.อุปกิต หากว่าหลักฐานมีแค่เรื่องเส้นทางการเงินระหว่างผู้ค้ายากับเครือบริษัท Allure เพียงแค่นี้เท่านั้น ผมคงไม่เอามาอภิปรายตั้งแต่แรก แต่ที่ผมตัดสินใจเอามาอภิปรายก็เพราะมีหลักฐานอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น ข้อความแชต หรือคำให้การของทุนมินลัตและคนอื่น ๆ ที่โดนจับไปก่อนหน้านี้ ที่ผมพิจารณาแล้วเห็นว่าหนักแน่นเพียงพอที่จะต้องพูดออกมาให้สังคมได้ตระหนักและช่วยการติดตามกระบวนการคดีไม่ให้เตลิดออกนอกลู่นอกทางได้

ซึ่งเรื่องข้อความแชต วันนี้ ส.ว.อุปกิตก็ยังพูดเหมือนเดิมว่าแปลผิดแปลมั่ว ตนก็เคยบอกไปแล้วว่าข้อความที่คุยกันมันเป็นศัพท์ขั้นพื้นฐานมาก ๆ ไม่ได้เกินความเข้าใจของคนเคยเรียนภาษาอังกฤษมา ยังอ้างว่าคุยกันเรื่องโรงปูนบ้าง เรื่องทองบ้าง ผมก็เคยบอกไปแล้วว่านั่นแค่ส่วนนอกเรื่องน้อยนิดที่ปะปนมา แชตส่วนใหญ่คุยเรื่องการคุมงาน Allure ทั้งนั้น พอมารอบนี้มีอ้างเพิ่มเติมด้วยว่าตำรวจไปตัดต่อแชตเก่า ๆ ของตนเพื่อมาใส่ร้าย ผมว่าก็รอติดตามในคดีต่อไปแล้วกันว่ามันจะใช่อย่างที่ท่านอ้างไหม

ส่วนที่กล่าวหาว่าเอาเรื่องหลายเดือนก่อนมาพูดตอนนี้เพราะเป็นขบวนการหวังผลการเมือง พยายามโยงมาถึงพรรคที่ผมสังกัด ก็ต้องย้ำอีกครั้งว่าผมตั้งใจเอาเรื่องนี้มาพูดในวาระอภิปรายทั่วไปเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งตัวผมไม่มีอำนาจอะไรเลยที่จะไปกำหนดได้ว่าจะอภิปรายกันเมื่อไหร่ ทีแรกยังเคยนึกว่าจะมีในช่วงเดือนธันวาคม 2565 ด้วยซ้ำ อีกอย่างคือเรื่องนี้ก็ต้องใช้เวลาเตรียมข้อมูลด้วย ไม่ใช่ว่าเกิดเหตุ 2-3 แล้วจะให้รีบพูดเลยได้ และผมเชื่อว่าสังคมมีวิจารณญาณพอที่จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นเป็นแค่การป้ายสีเลื่อนลอย หรือเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือกันแน่

ศาลรับคดี ‘สว.อุปกิต’ ฟ้อง ‘โรม’ หมิ่นประมาท  ปมอภิปรายในสภาฯ เรื่อง ‘เช็กบิลไทยดำ-จีนเทา’

(11 ก.ค. 66) ที่ห้องพิจารณา 909 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คดีดำอ.468/2566 ที่นายอุปกิต ปาจริยางกูร วุฒิสมาชิก (ส.ว.) ยื่นฟ้องนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในความผิดฐานหมิ่นประมาทฯ

กรณีช่วงคืนวันที่ 15 ก.พ. 2565 ในการอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีนายรังสิมันต์ ได้อภิปรายในหัวข้อ ‘เช็กบิลไทยดำ-จีนเทา’ โดยมีเนื้อหาพาดพิง ใส่ความให้ผู้อื่นเข้าใจว่า นายอุปกิต มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งล้วนเป็นเท็จทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง พร้อมกับเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาทด้วย

โดยวันนี้ทั้งนายอุปกิต ปาจรียางกูร และนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โจทก์และจำเลยไม่ได้มาศาล แต่มอบหมายให้ทนายความมาฟังคำสั่งแทน

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การอภิปรายและนำคลิปวิดีโอมาเปิดในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ของนายรังสิมันต์ โรม จำเลยซึ่งมีหน้าที่และเอกสิทธิ์คุ้มครองตามกฎหมายอยู่แล้ว แต่การที่จำเลยนำคลิปวิดีโอในการอภิปรายดังกล่าวนั้น ออกมาเผยแพร่ทางช่องทั้ง YouTube และ Facebook ซึ่งเป็นสื่อโซเชียล ถือว่าเข้าข่ายหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา คดีมีมูลจึงมีคำสั่งประทับรับฟ้อง พร้อมให้เจ้าหน้าที่ศาลมีหมายแจ้งให้จำเลยทราบนัด เพื่อมาสอบคำให้การจำเลยและตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 21 ส.ค. เวลา 09.00 น.

‘สว.อุปกิต’ เผย ศาลฯ ให้ประกันตัว ‘โรม’ คดีฟ้องหมิ่นฯ นัดใหม่ปีหน้า โต้!! ‘ด้อมส้ม’ ฟ้องเพื่อปกป้องศักดิ์ศรี ไม่ใช่ปิดปาก ลั่น!! เอาผิดถึงที่สุด

(5 ธ.ค. 66) นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ที่ผ่านมา ศาลอาญา รัชดาฯ นัดตนและนายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล สอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐานคดีซึ่งตนฟ้องนายรังสิมันต์ ข้อหาหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท โดยคดีนี้นายรังสิมันต์ เคยใช้เอกสิทธิ์ สส.เลื่อนนัดสอบคำให้การ จากวันที่ 21 ส.ค. 2566 มาเป็นวันที่ 4 ธ.ค. แทน โดยนายรังสิมันต์ ใช้ตำแหน่ง สส.ประกันตัวเองสู้คดี ขณะที่ศาลกำหนดวันสืบพยานโจทก์วันที่ 10 ต.ค.2567 และสืบพยานจำเลย วันที่ 11 ต.ค.2567

“นายรังสิมันต์ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้หมิ่นประมาท อ้างเป็นการทำหน้าที่ สส.โดยเป็นการอภิปรายในสภาฯ ซึ่งผมก็ไม่ได้ฟ้องนายรังสิมันต์ในกรณีนี้ แต่ฟ้องในประเด็นที่นายรังสิมันต์นำข้อมูลมาหมิ่นประมาท ทั้งผ่านการไลฟ์ตามสื่อโซเชียล และใช้เป็นประเด็นหาเสียงตามเวทีต่างๆ ซึ่งยืนยันจะเอาผิดถึงที่สุดให้เป็นคดีตัวอย่าง” นายอุปกิตระบุ

นายอุปกิต กล่าวยืนยันว่า การฟ้องคดีหมิ่นประมาทไม่ใช่เป็นการฟ้องปิดปากเหมือนที่บรรดาด้อมส้มพยายามสร้างกระแส แต่เป็นการปกป้องเกียรติยศศักดิ์ศรี และเป็นเรื่องกฎแห่งกรรม ที่ใครก็ตามที่ใส่ร้ายใส่ความคนอื่นก็ต้องได้รับผลกรรมที่ตนเองก่อขึ้น ดังนั้น การที่ศาลรับฟ้องไม่ว่าจะเป็นกรณีนายรังสิมันต์ หรือกรณีตนฟ้องนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ หมิ่นประมาทเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท แสดงว่า ‘คดีเหล่านี้มีมูล’

“ฝากไปถึงคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเข้ามาเป็นนักการเมือง ย้อนไปพิจารณาดูสิ่งที่ผมเคยพูดถึงทฤษฎีสมคบคิด การป้ายสีทางการเมืองเพื่อหวังคะแนนนิยมให้ได้ชนะการเลือกตั้ง วันนี้อาจจะมีอาชีพใหม่ที่มีการสมคบระหว่างเจ้าหน้าที่กับบรรดานักการเมือง บรรดานักร้อง นักแฉ ที่ออกมาเคลื่อนไหวเปิดโปงเรื่องต่างๆ แต่จริงๆ แล้วหวังจะได้เงินส่วนแบ่ง 25% จากกฎหมายใหม่คดียาเสพติดหรือไม่ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องเลวร้ายมาก” นายอุปกิต กล่าว

‘สว.อุปกิต’ ลุยฟ้อง ‘โรม’ หมิ่นประมาทอีกคดี เรียกค่าเสียหาย 20 ล้าน ยัน!! ถูกกลั่นแกล้ง ไม่ได้ฟ้องปิดปาก พร้อมเอาผิดคนใส่ร้ายถึงที่สุด

(19 ธ.ค. 66) ที่ศาลอาญา รัชดาฯ ห้องพิจารณาคดี 910 ศาลนัดฟังคำสั่ง คดีหมายเลขดำที่ อ1743/2566 ที่นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภาฟ้อง นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เรียกค่าเสียหาย 20 ล้านบาท เป็นคดีที่ 2 โดยศาลมีคำสั่งให้คดีมีมูล ประทับรับฟ้อง อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ นายรังสิมันต์ ไม่ได้เดินทางมาศาล โดยมอบหมายทนายความมาฟังคำสั่งศาลและศาลนัดสอบคำให้การ/ตรวจพยานหลักฐาน ในวันที่ 12 ก.พ. 2567 เวลา 09.00 น.

นายอุปกิต กล่าวว่า ได้ฟ้องร้องนายรังสิมันต์ รวม 3 คดี โดยคดีแรกฟ้องหมิ่นประมาทเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท ศาลนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 10 ต.ค. และสืบพยานจำเลย วันที่ 11 ต.ค. 2567 คดีที่สองเรียกค่าเสียหาย 20 ล้านบาท ซึ่งศาลก็รับฟ้อง ส่วนอีกคดีฟ้องต่อศาลแพ่ง ข้อหาละเมิด เรียกค่าเสียหาย 20 ล้านบาท และยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว

“ขอเรียกร้องไปยังนายรังสิมันต์ว่า เมื่อถึงคราวที่ตัวเองตกเป็นจำเลย ก็ควรเปิดโอกาสให้กระบวนการยุติธรรมได้ทำหน้าที่ ไม่ควรด้อยค่า สร้างกระแสว่าเป็นการฟ้องปิดปาก” นายอุปกิต ระบุ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top