Thursday, 4 July 2024
สลายขั้วการเมือง

‘ธนกร’ ยัน!! ‘รทสช.’ พร้อมทำงาน-สร้างประโยชน์ให้ ปชช. ย้ำ!! ถึงเวลาปรองดอง ร่วมมือกันขจัดภัยคุกความความมั่นคง

(18 ส.ค. 66) ที่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตจตุจักร กรุงเทพฯ นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณี มีกระแสข่าวว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ยังไม่สามารถตกลงโควตากับพรรคเพื่อไทยได้ ว่า ยังไม่ทราบ แต่ในส่วนของพรรครทสช.ไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งตนได้พูดคุยกับเลขาธิการพรรคทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยังไม่มีปัญหาอะไร

เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าพรรครทสช. จะขอโควตารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสามเก้าอี้และรัฐมนตรีช่วย 1 เก้าอี้ นายธนกร กล่าวว่า เราไม่ได้มีเงื่อนไขตรงนั้น และพรรคได้มอบหมายให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครทสช. และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค เป็นคนไปเจรจา และเท่าที่ฟังทุกอย่างไม่ได้มีปัญหาอะไร เราไม่ได้มีเงื่อนไขในเรื่องของกระทรวงต่าง ๆ ซึ่งพรรคยึดหลักสามารถทำงานให้กับประชาชน ได้อย่างเต็มที่พรรคก็ยินดี ย้ำว่าพรรคไม่ได้มีปัญหาอะไร ทั้งนี้ ในทางปฏิบัติเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรีควรที่จะพูดคุยกันให้จบก่อนที่จะมีการโหวตนายกฯ เพราะในหลักการของการเมืองเป็นแบบนี้ และการโหวตนายกฯ ในวันที่ 22 ส.ค.นี้จะต้องมีการพูดคุยประสานงานกันก่อน หากไม่มีการพูดคุยประสานงานกัน ตนคิดว่าก็อาจจะไม่จบ แต่ในพรรครทสช.จบแล้ว แต่พรรคอื่น ตนไม่รู้เพราะไม่ได้ไปก้าวล่วงเขา

เมื่อถามย้ำว่าได้มีการแจ้งหรือไม่ว่า 4 เก้าอี้รัฐมนตรีที่ได้ตามสูตรคณิตศาสตร์การเมืองมีกระทรวงอะไรบ้าง นายธนกร กล่าวว่า เรื่องตำแหน่งอะไรตนไม่ทราบ ทราบแค่ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของการแบ่งโควตากระทรวงอะไร และพรรครทสช. ไม่ได้ยึดตรงนั้นเป็นหลักตนคิดว่าพรรครทสช.มี สส. 36 คน สามารถทำงานให้กับประเทศได้อย่างเต็มที่ เพราะทุกคนเป็น สส. ที่เก่ง ดูได้จากการอภิปรายในสภาฯ ฉะนั้นในการบริหารงานพรรค รทสช. ยึดหลักตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ให้ไว้ในช่วงที่เป็นประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค รทสช. โดยเฉพาะการทำงานและสานงานต่อ ที่พล.อ.ประยุทธ์ได้ทำไว้แล้ว แม้วันนี้พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้อยู่ในพรรคแล้ว แต่ก็ได้วางโครงสร้างไว้กับพรรคและพวกเราก็ได้เดินต่อ

เมื่อถามอีกว่าการตั้งรัฐบาลสลายขั้วจะทำงานกันราบรื่นหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ตนคิดว่าวันหนึ่งก็ถึงเวลา ในการที่พรรคการเมืองแต่ละพรรค ได้สลายสีเสื้อและควรที่จะยึดประโยชน์ของประเทศด้วยความปรองดอง ซึ่งตนคิดว่ามันมีบางอย่างที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศมากกว่า ฉะนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ที่ทุกพรรคจะต้องร่วมมือกันทำงาน

เมื่อถามด้วยว่าในพรรค รทสช. ได้มีการแบ่งโควตาหรือไม่ว่าสัดส่วนจะต้องเป็นอย่างไร นายธนกร กล่าวว่า ทุกอย่างอยู่ที่คณะกรรมการบริหารพรรคเป็นหลัก

เมื่อถามว่าชื่อแคนดิเดตนายกฯ ไม่ว่าจะเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน หรือน.ส. แพทองธาร ชินวัตร พรรครทสช. พร้อมจะยกมือโหวตให้ใช่หรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ตนคิดว่าถ้าเราตัดสินใจร่วมรัฐบาลแล้วก็อยู่ที่สิทธิ์ของพรรคแกนนำในการที่จะเสนอนายกฯ พวกเราก็พร้อมที่จะดำเนินการตามมติของพรรค ซึ่งก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

เมื่อถามย้ำว่าแต่ สว.ตั้งแง่เรื่องคุณสมบัติของนายเศรษฐา ตรงนี้จะราบรื่นหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า เราก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับนายเศรษฐา ซึ่งเขาก็ต้องอธิบาย และนายเศรษฐาก็ระบุว่าอธิบายได้ ดังนั้นทุกฝ่ายก็จะต้องฟัง ส่วนนายเศรษฐาควรที่จะต้องไปชี้แจงในสภาหรือไม่นั้น นายธนกร กล่าวว่า ก็แล้วแต่พรรค

'ดร.สุวินัย' รับ!! ปรากฏการณ์สลายขั้วเหลือง-แดง เป็นสิ่งที่ดี  ให้ความหวังและน่าชื่นชม ไม่ว่าจะมองจากแง่มุมใดก็ตาม

(21 ส.ค. 66) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Suvinai Pornavalai’ ระบุว่า…

ปรากฏการณ์สลายขั้วเหลือง-แดง เป็นปรากฏการณ์ที่ดี ที่ให้ความหวังและน่าชื่นชม...ไม่ว่าจะมองจากแง่มุมใดก็ตาม

ทุกข์ของคนไทยตอนนี้ก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว โดยเฉพาะทุกข์ทางเศรษฐกิจและทุกข์เรื่องทำมาหากินที่ยังฝืดเคือง

การมีข่าวดี ๆ ออกมา ที่ช่วยลดความขัดแย้งแตกแยกในหมู่คนไทยด้วยกันเอง จึงเป็นเรื่องที่น่าอนุโมทนาอย่างยิ่ง จงอย่าใจแคบ ความคิดก็อย่าคับแคบ มองภาพใหญ่ให้ออก มองป่าทั้งป่าให้ได้

ทุก ๆ วัน การดึงตัวเองไปอยู่ในมณฑลแห่งพลัง และโลกของผู้บำเพ็ญในจิตของตนก่อนเมื่อลืมตาตื่น คือกิจวัตรของผม

ฝึกฝนเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกเช้าค่ำ จนกระทั่งมันเป็นไปเอง

อย่างการนั่งฟัง (เห็นโพสต์) ‘เสียงทุกข์’ ของสรรพสัตว์ (หรือ กวนอิม 観音) ผ่านจอแท็บเลตของตัวเองทุกวันด้วยจิตผู้รู้…ก็เป็นอีกวิธีภาวนาที่ผมใช้เพื่อให้เกิดความตระหนักรู้ 

คนทั่วไปมักไม่รู้ว่า การรับรู้กับการตีความของเรานั้นเกิดขึ้นเกือบจะพร้อมกัน ทำให้คนเรามักมองโลกด้วย ‘จิตที่กะเกณฑ์’ ไว้ล่วงหน้าเสมอ

ผลก็คือคนเราได้สร้างสิ่งขวางกั้นระหว่างตัวเรากับ ‘ความเป็นจริงอย่างที่มันเป็น’ ขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

การเห็นอย่างบิดเบือนแล้วปักใจเชื่ออย่างนั้นเลย จึงหมายถึง การยึดมั่นถือมั่น คือหลงไปยึดสิ่งที่เรารับรู้ ซึ่งเข้ากันได้กับประสบการณ์ทางจิตอันจำกัดของเรา ทำให้เกิดการบิดเบือนการรับรู้อย่างตรงไปตรงมาหมายความว่า ตอนนั้นเราไม่มีความรู้ตัว หรือขาดสัมปชัญญะไปแล้ว

อวิชชาหรือความไม่รู้สึกตัว คือที่มาแห่งทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง 

ความทุกข์มากมายจนท่วมโลกขนาดไหน สุดท้ายมันก็มีแค่นี้แหละ คือความไม่รู้ตัว หรือไม่มีสัมปชัญญะ เมื่อฝึกภาวนาเห็นทุกข์ของผู้คนแบบนี้บ่อยเข้า บ่อยเข้า

วิราคะ หรือความเบื่อหน่ายในสังสารวัฏมันย่อมเกิดขึ้นเอง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top