Sunday, 8 June 2025
สถาบันกษัตริย์

‘เรื่องเพชรเท็จรายปี’ สีสันอันซ้ำซาก! จากปากพวก ‘คลับเห่า’!!! | MEET THE STATES TIMES EP.58

📌 ‘เรื่องเพชรเท็จรายปี’ สีสันอันซ้ำซาก! จากปากพวก ‘คลับเห่า’!!!
📌 เรื่องจริงที่ทุกคนรู้ ?? ยกเว้นพวก....คิดล้มเจ้า!!! 

👄 ในรายการ MEET THE STATES TIMES ข่าวคุยเพลิน

💻 ดำเนินรายการโดย หยก THE STATES TIMES

.

.

‘ดร.หิมาลัย’ ยกย่อง ‘น้องรินธารทอง’ แบบอย่างคนรุ่นใหม่เทิดทูนสถาบันกษัตริย์

(15 ส.ค. 66) ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์คลิป น.ส.รินธารทอง ลัทธศักดิ์ศิริ ที่ได้ทำคอนเทนต์ TikTok ถึงพระราชกรณียกิจ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อปวงชนชาวไทย เนื่องในวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม พร้อมระบุข้อความว่า 

“ขอขอบคุณ น้อง น.ส.รินธารทอง ลัทธศักดิ์ศิริ มัคคุเทศก์น้อย ที่เผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณของสถาบันกษัตริย์ ประเทศไทย ยังมีหวัง ช่วยกันครับ น้อง ๆ เริ่มจากถวายความเคารพ เพลงสรรเสริญพระบารมี ในโรงภาพยนตร์ แล้วส่งมาให้ลุง ช่วยกันรักษาประเทศไทยของเราครับ”

สำหรับ น.ส.รินธารทอง ลัทธศักดิ์ศิริ เป็นนักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนขอนแก่นวิทยายน ที่เป็นเยาวชนน้ำดี ที่เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์และจะแสดงความจงรักภักดีทุกครั้งที่มีโอกาส ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่หลายคนมองว่าไม่สำคัญ อย่างการยืนถวายความเคารพ เพลงสรรเสริญพระบารมี ไปจนถึงการเผยแพร่พระราชกรณียกิจอย่างต่อเนื่อง

ผลส้มพรุน!! หลังใส่เกียร์เดินหน้า 'ล้มสถาบันฯ-ปั่นหัวเด็ก' เกมสุดเหลี่ยมจากชั้น 14 ที่หลอกให้จนมุมจนหมดทางไป

ขึ้นชื่อว่าเด็ก ความเก๋าก็คงไม่เท่าผู้ใหญ่ ยิ่งเป็นเด็กเกเร ถือดี หลงตัวเอง อยากมีที่ยืนเท่ ๆ ในสังคมทั้ง ๆ ที่ไร้คุณสมบัติ ทำแต่สิ่งที่น่าเอือมระอา และคงคิดว่ามวลชนคนรุ่นใหม่ที่มีมากถึงสิบกว่าล้านเสียงจะช่วยคุ้มกะลาหัวได้ 

แต่เมื่อมาเจอผู้ใหญ่มากประสบการณ์ระดับหัวหน้าโจรปล้นชาติทุกก๊กยังเรียกพี่ มีดีกรีขนาดที่ 'หนีคดีไปรอบโลก' ก็ยังไม่มีใครเคยจับเข้ากรงขังบนแผ่นดินไทยได้ กลับมามอบตัวก็ไม่ต้องนอนคุกเลยสักวันเดียว ไม่เจ๋งจริงทำไม่ได้…สรตะแล้วก๊วนส้มทั้งผองแทบหาอื่นใดมาเทียบได้กับนักโทษระดับไฮคลาสคนนี้ (ยกเว้นความชั่วที่ไม่ห่างชั้น)

แต่ 'กระดูกโจร' มันคนละเบอร์!!

ความมืดบอดและเบาปัญญา ที่ดึงดันดื้อด้านแต่จะ 'ล้มล้างการปกครอง' เดินหน้าชั่วชนิดไม่ฟังเสียงหมาในรั้วพรรคเดียวกันเตือน หลงคิดว่า 'เหลี่ยมมหาภัย' จะช่วยผลักดันในทิศทางเดิน ผสานศึกให้แผนล้มสถาบันบรรลุผลสำเร็จ และกินรวบประเทศไทยเปลี่ยนสีจาก 'ขวานทอง' ให้กลายเป็น 'ขวานสีส้ม' แทน โถ โถ โถ 

ไม่เรียกฉลาดน้อย ก็ไม่รู้จะเรียกอะไรดี? 

การล้มล้างในสิ่งที่เป็นอยู่ ไม่ใช่ว่า 'เหลี่ยมสวรรค์ชั้น 14' จะไม่เคยคิด แต่เพราะคิดแล้วชีวิตพัง ไปต่อไม่เป็น รู้ซึ้งแล้วว่าแตะอะไรก็แตะได้ แต่อย่าริไปแตะในสิ่งที่ประชาชนคนไทยเขารักและคิดปกป้อง ไม่เช่นนั้นก็ยากจะอยู่แบบ 'รอดมือรอดทีนคนไทยรักสถาบัน' บนแผ่นดินทองผืนนี้ไปได้ 

ฉะนั้น เมื่อเหลี่ยมรู้ซึ้งในรสความเจ็บ เหลี่ยมถึงปล่อยให้ส้มเน่าสัมผัสถึงความพังพินาศนี้บ้าง!!

ผู้ใหญ่ที่รักและหวังดีกับเด็กน้อยจริง ๆ เขาจะเตือน ห้าม ฉุด และรีบดึงมือกลับ แม้จะเอามือตบกะโหลกแรง ๆ จนเจ็บเพื่อให้มีสติ นั่นก็เพราะห่วง ด้วยรู้ความจริงแท้ที่ว่าการเป็นคนไทยที่ถูกตราหน้าว่า 'ล้มล้างสถาบัน' ก็ไม่ต่างจากคน 'เนรคุณชาติแผ่นดิน'

คนแบบนี้คบได้ที่ไหน? 

คนรักกันจะไม่สนับสนุนให้ทำในเรื่องชั่ว ๆ เช่นนี้ ถ้าจะมี ก็คงมีแต่คนที่คิดร้ายต่อกัน แอบถือมีดไว้ข้างหลัง หวังจะแทงทีเผลอ เพื่อกำจัดให้พ้นทาง 

ดังนั้น ด้วยแผนที่สูงกว่าชนิดมาเหนือเมฆ จึงปล่อยให้ 'โจรไก่อ่อน' หลับตาวิ่งไปด้วยความคึกคะนองจนต้องสะดุดทีนตัวเองล้มกองบนผืนแผ่นดินขวานเดิม

โดนเหลี่ยมร้ายทิ่มมาก็หลายแผลแล้ว ไม่รู้ถึงวันนี้ 'ผลส้มพรุน' จนเน่าหมดทั้งต้นหรือยัง? 

ดินที่มันไม่ดี น้ำที่มันไม่สะอาด ปุ๋ยที่มันเป็นพิษ 

ปลูกต้นส้มใหม่อีกกี่ครั้ง ก็ได้ผลส้มลูกเดิม ๆ

‘ชาวเนปาล’ ประท้วงให้ ‘สถาบันกษัตริย์’ กลับมา หลังรัฐสภามีมติให้ยกเลิกไปเมื่อปี 2008

(11 เม.ย.67) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน เกิดการประท้วงขึ้นในเมืองหลวงกาฐมาณฑุของเนปาลเมื่อวันอังคาร โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตาและปืนฉีดน้ำกับกลุ่มผู้ประท้วงที่รุกล้ำเข้าในพื้นที่ที่ถูกปิดล้อม ด้านโฆษกตำรวจระบุว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ประชาชนชาวเนปาลเริ่มเห็นด้วยกับการนำระบอบกษัตริย์กลับมาใช้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งยังเรียกร้องให้มีการสถาปนาศาสนาฮินดูเป็นศาสนาประจำชาติ

ทั้งนี้ ประเทศเนปาล ซึ่งประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐมาตั้งแต่ปี 2008 ในเวลานั้นรัฐสภาได้ลงมติให้ยกเลิกสถาบันกษัตริย์ การเปลี่ยนแปลงการปกครองของรัฐบาลในครั้งนั้นเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสันติภาพที่กินเวลานานนับทศวรรษ เพื่อยุติสงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศ และทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 16,000 คน

การชุมนุมประท้วงเมื่อวันอังคารจัดขึ้นโดยกลุ่มชาตินิยมฮินดูและระบอบกษัตริย์ พรรครัสตรียาประชาตันตรา ซึ่งปัจจุบันก่อตัวเป็นพรรคที่ใหญ่เป็นอันดับห้าในรัฐสภา โมฮัน เชรษฐา-โฆษกพรรคสรุปข้อเรียกร้องของพรรค นั่นคือ ‘การรื้อฟื้นสถาบันกษัตริย์ รัฐฮินดู และการยกเลิกระบอบสหพันธรัฐ’

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พรรครัสตรียาประชาตันตรา ได้ให้คะแนนสำนักนายกรัฐมนตรีเนปาล 40 คะแนน พร้อมนำเสนอบันทึกข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ ซึ่งพวกเขายังได้แถลงประเด็นชี้ขาดเพิ่มเติมด้วย อีกทั้งยังเรียกร้องให้มีการต่อต้านการคอร์รัปชันและดำเนินมาตรการเพื่อให้เกิดธรรมาภิบาล

อย่างไรก็ตาม สมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทระ กษัตริย์องค์สุดท้ายของเนปาล เสด็จขึ้นครองราชย์ครั้งที่สองเมื่อปี 2001 จนถึงขณะนี้ทรงยังไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศ รวมถึงการเรียกร้องให้มีการเรียกร้องให้มีการนำสถาบันกษัตริย์กลับคืนมาอีกครั้ง

ชาวเนปาลนับหมื่น แห่รับ ‘สมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทระ’ พร้อมเรียกร้องให้ฟื้นฟูสถาบันกษัตริย์อีกครั้ง

กลุ่มสนับสนุนสถาบันกษัตริย์นับหมื่นรวมตัวกันที่สนามบินเพื่อมาต้อนรับสมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทระ กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งเนปาล อดีตกษัตริย์เนปาลที่ถูกโค่นอำนาจเมื่อปี 2008 ซึ่งได้เดินทางกลับกรุงกาฐมาณฑุ

พร้อมเรียกร้องให้คืนสถาบันกษัตริย์ที่ถูกโค่นอำนาจไป ท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชนต่อสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจของประเทศ

เมื่อวันอาทิตย์ ผู้สนับสนุนของสมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทระ ประมาณ 10,000 คน รวมตัวกันใกล้ทางเข้าหลักของสนามบินนานาชาติตริภูวันในกรุงกาฐมาณฑุ ขณะพระองค์เสด็จกลับจากการเดินทางไปเนปาลตะวันตก

“ขอให้พระองค์ทรงกลับมาเถิด ทรงกลับมาเป็นกษัตริย์ มาช่วยประเทศชาติ กษัตริย์ที่รักของเรา จงทรงพระเจริญ เราต้องการสถาบันกษัตริย์” ประชาชนพากันตะโกน

สมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทระ วัย 77 ปี ได้ขึ้นครองราชย์เมื่อปี 2001 หลังจากพี่ชายของเขา Birendra Bir Bikram Shah และครอบครัวของเขาถูกสังหารในเหตุการณ์สังหารหมู่ที่คร่าชีวิตสมาชิกราชวงศ์ไปเกือบหมด

พระองค์ทรงปกครองประเทศในฐานะประมุขแห่งรัฐตามรัฐธรรมนูญ โดยไม่มีอำนาจบริหารหรืออำนาจทางการเมืองจนถึงปี 2005 เมื่อพระองค์ได้เข้ายึดอำนาจเบ็ดเสร็จโดยกล่าวว่าเพื่อปราบกบฏเหมาอิสต์ที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์

พระองค์สั่งยุบรัฐบาลและรัฐสภา จำคุกนักการเมืองและนักข่าว และตัดการติดต่อสื่อสาร ประกาศภาวะฉุกเฉิน และใช้กองทัพปกครองประเทศ

การเคลื่อนไหวดังกล่าวจุดชนวนให้เกิดการประท้วงบนท้องถนนครั้งใหญ่ จนในปี 2006 สมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทระ ต้องส่งมอบอำนาจให้กับรัฐบาลหลายพรรค

รัฐบาลดังกล่าวได้ลงนามในข้อตกลงสันติภาพกับกลุ่มเหมาอิสต์ ซึ่งยุติสงครามกลางเมืองยาวนานกว่าทศวรรษที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายพันคน

ในปี 2008 พระองค์ได้ลงจากบัลลังก์หลังจากรัฐสภาลงมติให้ยกเลิกระบอบกษัตริย์ฮินดูที่ปกครองมายาวนาน 240 ปีของเนปาล ทำให้ประเทศกลายเป็นสาธารณรัฐฆราวาส

แต่ตั้งแต่นั้นมา เนปาลมีรัฐบาล 13 ชุด และหลายคนในประเทศ เริ่มรู้สึกหงุดหงิดกับสาธารณรัฐนี้ พวกเขาบอกว่าเนปาลไม่สามารถสร้างเสถียรภาพทางการเมืองได้ และโทษว่าเป็นต้นเหตุของเศรษฐกิจที่ตกต่ำและการทุจริตคอร์รัปชันที่แพร่หลาย

'ความไร้ความสามารถของนักการเมือง’ ผู้เข้าร่วมการชุมนุมกล่าวว่าพวกเขาหวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองเพื่อหยุดยั้งประเทศไม่ให้เสื่อมถอยต่อไป Thir Bahadur Bhandari วัย 72 ปี กล่าวกับสำนักข่าว Associated Press ว่า "เราอยู่ที่นี่เพื่อสนับสนุนกษัตริย์อย่างเต็มที่และรวมตัวสนับสนุนพระองค์เพื่อให้พระองค์ได้ขึ้นครองบัลลังก์อีกครั้ง" 

ในบรรดาคนนับหมื่นที่มาครั้งนี้ มีช่างไม้วัย 50 ปีชื่อ Kulraj Shrestha ซึ่งเคยเข้าร่วมการประท้วงต่อต้านกษัตริย์เมื่อปี 2006 แต่เปลี่ยนใจแล้วและตอนนี้กลับมาสนับสนุนสถาบันกษัตริย์

“สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นกับประเทศคือการทุจริตคอร์รัปชันครั้งใหญ่ และนักการเมืองที่อยู่ในอำนาจทุกคนไม่ได้ทำอะไรเพื่อประเทศเลย” Kulraj Shrestha ให้สัมภาษณ์กับ AP “ผมเข้าร่วมการประท้วงที่ล้มล้างสถาบันกษัตริย์ด้วยความหวังว่ามันจะช่วยประเทศได้ แต่ผมคิดผิด และประเทศชาติยิ่งตกต่ำลง ผมจึงเปลี่ยนใจ”

สมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทระ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นต่อข้อเรียกร้องให้คืนสถาบันกษัตริย์ แม้จะมีการสนับสนุนเพิ่มมากขึ้น แต่โอกาสที่พระองค์จะกลับคืนสู่อำนาจนั้นริบหรี่

Lok Raj Baral นักวิเคราะห์การเมือง กล่าวกับสำนักข่าว AFP ว่าเขาไม่เห็นความเป็นไปได้ที่สถาบันกษัตริย์จะฟื้นคืนมา เพราะสถาบันกษัตริย์เป็น “แหล่งที่มาของความไม่มั่นคง”

“สำหรับกลุ่มที่ไม่พอใจบางกลุ่ม การกระทำดังกล่าวได้กลายเป็นการส่งสัญญาณถอดใจ เนื่องจากความไร้ความสามารถของนักการเมืองที่กลายเป็นคนเห็นแก่ตัวมากขึ้น ความหงุดหงิดดังกล่าวได้แสดงออกมาผ่านการชุมนุมและการเดินขบวนดังกล่าว” เขากล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top