Saturday, 7 June 2025
สถานบันเทิงครบวงจร

"รรท.ผู้ช่วยฯอ้อ"ร่วมประชุม คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (entertainment complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ

วันนี้ (8 พ.ย.66) เวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมกรรมาธิการ CB406 อาคารรัฐสภา แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผบช.ภ.6 รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร. (ปป 5 , สส 3) เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.(ปป) ได้มอบหมายให้ตนพร้อมด้วย ตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ - สอท. โดยมี พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รอง ผบช.สอท. เป็นตัวแทน- สยศ. โดยมี พ.ต.อ.สุรพงษ์ เหมือนเผ่าพงษ์ รอง ผบก.ผอ. และ พ.ต.ท.ภูมิพัฒน์ ชัยจันทร์ รอง ผกก.ปป.ผอ. เป็นตัวแทน- กมค. โดยมี พ.ต.อ.กมล เอื้อจารุพร ผกก.กลุ่มงานกฎหมาย เป็นตัวแทน

ร่วมเป็นตัวแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุม คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (entertainment complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ ครั้งที่ 2/2566 โดยมี นาย จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ เป็นประธานการประชุม "รรท.ผช.ผบ.ตร.กล่าว"

อนุ กมธ.พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการตั้งสถานบันเทิงครบวงจร สผ. แถลงสรุปผลการศึกษา แนะวางมาตรการดูแลสภาพปัญหารอบด้าน

8 ก.พ.67 - อนุ กมธ.พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการตั้งสถานบันเทิงครบวงจร สผ. แถลงสรุปผลการศึกษา เผยคนส่วนใหญ่เห็นด้วย แนะ 3 แนวทางลดปัญหาการลงทุนของรัฐ พร้อมวางมาตรการดูแลสภาพปัญหารอบด้าน ขณะเตรียมนำเสนอรายงานฉบับสมบูรณ์ต่อ กมธ.วิสามัญฯ พิจารณาต่อ

นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ อนุกรรมาธิการ ในคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการตั้งสถานบันเทิงครบวงจร ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะ แถลงถึงสรุปผลการพิจารณาศึกษา โดยกล่าวว่า อนุ กมธ. ได้ดำเนินการพิจารณาศึกษาถึงผลกระทบทั้งเชิงบวก เชิงลบ รวมถึงแนวทาง และมาตรการการป้องกันและการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการตั้งสถานบันเทิงครบวงจรในภาพรวม โดยพิจารณาถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นใน 6 ด้าน 

ได้แก่ ด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม การศึกษา และด้านศาสนาและจริยธรรม สำหรับรูปแบบของการตั้งสถานบันเทิงครบวงจร มีวัตถุประสงค์หลัก คือ การส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ การหารายได้เข้ารัฐ การส่งเสริมการท่องเที่ยวและการกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่น รวมถึงเพื่อแก้ไขปัญหาการพนันผิดกฎหมาย ซึ่งการลงทุนต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก จึงอาจมีปัญหาด้านงบประมาณที่รัฐจะต้องจัดหามาใช้ในการลงทุนดังกล่าว 

ดังนั้น แนวทางที่จะช่วยลดปัญหาในการลงทุน จึงอาจมีได้ใน 3 แนวทาง คือ รัฐเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด ซึ่งอาจอาจส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณของประเทศได้ แต่ข้อดีคือรัฐสามารถจะควบคุมและกำกับดูแลการดำเนินงานได้เองทั้งหมด หรือรัฐดำเนินงานร่วมกับเอกชนในรูปแบบการลงทุนร่วมกัน กรณีนี้รัฐอาจจะไม่ต้องรับผิดชอบความเสี่ยงในการลงทุนเองทั้งหมด และยังสามารถจะควบคุมและกำกับดูแลการดำเนินงานได้เองอีกด้วย หรือการให้สัมปทานหรือให้ใบอนุญาตกับเอกชนตามระยะเวลาที่กำหนด กรณีนี้ รัฐไม่ต้องรับความเสี่ยงในการลงทุนเองทั้งหมด ส่วนการควบคุมและกำกับดูแลการดำเนินงานอาจต้องกำหนดเงื่อนไขและข้อจำกัดต่าง ๆ รวมถึงขั้นตอนการตรวจสอบไว้ในใบอนุญาตให้รัดกุม

ทั้งนี้ คณะอนุกรรมาธิการได้มีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ต่อกรณีการจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจร คาสิโน และการพนันออนไลน์ ซึ่งประชาชนโดยส่วนใหญ่เห็นด้วย แต่ก็มีบางส่วนที่ยังมีข้อกังวลใจอยู่บ้าง เช่น ยังมีเว็บพนันออนไลน์เถื่อนเกิดขึ้นมากมาย จะมีมาตรการป้องกันอย่างไร ซึ่งคณะอนุกรรมการได้ศึกษา เพื่อเป็นการป้องกันและปิดกั้นเว็บพนันออนไลน์เถื่อนซึ่งมีอยู่ในปัจจุบัน และอาจเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต จึงเสนอแนะให้นำเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม Ai Machine Learning 

เพื่อใช้ในการค้นหาและทำการปิดกั้นเว็บพนันออนไลน์เถื่อนเชิงลึกอย่างจริงจัง อีกทั้งศึกษาให้นำเอาเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม มาช่วยในการคัดกรองผู้เข้าเล่น และจัดการควบคุมเรื่องด้านการเงิน และจัดเก็บภาษีให้กับประเทศ ซึ่งการพิจารณาศึกษาดังกล่าว คณะอนุกรรมาธิการ ได้มีข้อเสนอแนะเพิ่มจำนวน 10 ข้อต่อกรณีนี้ พร้อมเห็นว่า หากจะมีการตั้งสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ควรจะมีมาตรการดูแลสภาพปัญหาต่าง ๆ 

โดยเฉพาะปัญหาทางด้านสังคม มีมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบเชิงวัฒนธรรม รวมถึงบริบทของการดำรงวิถีชีวิตและวิถีอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมในพื้นที่ ตลอดจนการใช้มาตรการทางกฎหมายและมาตรการทางสังคม เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน โดยมองถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในภาพรวม การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ อย่างไรก็ตาม คณะอนุ กมธ. จะได้นำเสนอรายงานฉบับสมบูรณ์ ให้กับ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรฯ สภาฯ ได้พิจารณา ต่อไป

‘นายกฯ’ สั่งเดินหน้า ‘กาสิโน’ ในไทยให้เป็นรูปธรรม คาด!! เก็บภาษีปีแรกไม่น้อยกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท

(4 มิ.ย.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า นายกรัฐมนตรี สั่งการในที่ประชุมครม.เรื่องการติดตามการดำเนินการสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยสั่งการกระทรวงการคลัง ให้นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒ์ รมช.คลัง ไปดำเนินการศึกษา เร่งรัดการดำเนินการเรื่องสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อให้มีแนวทางในการดำเนินการให้เป็นรูปธรรมต่อไป ตลอดจนมอบหมายให้กระทรวงการคลัง เป็นผู้ยกร่างกฎหมายพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานบันเทิงครบวงจร โดยนำร่างพ.ร.บ.ฉบับที่กรรมาธิการได้พิจารณามาประกอบความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมติครม.ที่เคยมีไว้ เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 พร้อมทั้งจัดทำแผนการออกกฎหมายลำดับรองลงไปที่เกี่ยวข้อง และให้นำเสนอครม.ในโอกาสต่อไป ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามขั้นตอนการเสนอกฎหมายตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด

“เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือ สถานบันเทิงครบวงจร มีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก เพราะถ้าพูดถึงมูลค่าของธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ทั่วโลก เมื่อปี 2565 มีมูลค่าสูงถึง 1.5.ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทยตก 54 ล้านล้านบาท และคาดว่าปี 2571 มูลค่าทางเศรษฐกิจจะเติบโตเป็น 2.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 79 ล้านล้านบาท ปัจจุบันประเทศ หรือเขตปกครองพิเศษที่ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรใหญ่ที่สุดคือมาเก๊าซึ่งประชากร 6.9 แสนคน แต่ทำธุรกิจได้ 3.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสูงมาก ลำดับรองลงมาคือลาสเวกัส 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ สิงคโปร์ 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เกาหลีใต้ 3.2 แสนล้าน ฟิลิปปินส์  2.1 แสนล้าน เวียดนาม 1.8 แสนล้าน อินโดนีเซีย 1.8 แสนล้าน ประเทศไทย 0 บาท จะเห็นว่าประเทศในเอเชีย ในรอบบ้านเราไปไกลกว่าเราเยอะ นอกเหนือจากนี้ประเทศญี่ปุ่นมีแผนจะผุดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ขึ้นมาอีก 3 แห่ง ในเร็ว ๆ นี้ ทั้งโอซาก้า นางาซากิ และฟุกุโอกะ ประเทศไทยต้องเร่งหน่อยถ้าหากจะมีรายได้ทางนี้” นายชัย กล่าว

นายชัย กล่าวต่อว่า คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ได้คำนวณเบื้องต้นว่าถ้าเรามีเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ลงทุนในเมืองไทย จะมีรายได้ไหลเข้ามามากมายมหาศาล และปีแรกจะสามารถเก็บภาษีได้ไม่น้อยกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท

'อาจารย์อุ๋ย-ปชป.' จี้!! ทบทวน ‘คาสิโนถูกกฎหมาย’ บ่อนทำลายพระพุทธศาสนา-ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 67

(5 มิ.ย.67) จากกรณีล่าสุดที่โครงการสถานบันเทิงครบวงจร หรือ Entertainment Complex ซึ่งจะมีการเปิดคาสิโน หรือบ่อนพนันถูกกฎหมายเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในอีกสองสัปดาห์นั้น นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรืออาจารย์อุ๋ย นักวิชาการด้านกฎหมายและอดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กว่า...

รัฐธรรมนูญ 2560 หมวด 6 มาตรา 67 วรรค 2 กำหนดให้รัฐพึงส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาทเพื่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญา และต้องมีมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทําลายพระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด

นอกจากนี้ ในสิงคาลกสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง 11/182/140 ยังกำหนดโทษของการพนันไว้ 6 ประการว่า 'โทษในการประกอบเนือง ๆ ซึ่งการพนัน อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ผู้ชนะย่อมก่อเวร 1 ผู้แพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ที่เสียไป 1 ความเสื่อมทรัพย์ในปัจจุบัน 1 ถ้อยคำของคนเล่นการพนัน ซึ่งไปพูดในที่ประชุม ฟังไม่ขึ้น 1 ถูกมิตรอมาตย์หมิ่นประมาท 1 ไม่มีใครประสงค์จะแต่งงานด้วย 1' และการพนันยังเป็นหนึ่งในอบายมุข 6 ซึ่งหมายถึงวิถีชีวิต 6 อย่าง แห่งความโลภ และความหลงที่ทำให้เกิดความเสื่อม ความฉิบหายของชีวิต อันประกอบด้วย การดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน เที่ยวดูดการละเล่น เล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตร และเกียจคร้านการงาน 

ดังนั้น การที่รัฐบาลพยายามผลักดันให้มีบ่อนการพนันถูกกฎหมาย อันเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนกระทำในสิ่งที่ขัดต่อหลักธรรมของพระพุทธศาสนา ทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อมถอยลง แทนที่จะส่งเสริมและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ จึงเป็นการกระทำที่ละเมิดต่อรัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าว 

นอกจากนี้หากจะอ้างเรื่องเศรษฐกิจเป็นเหตุผลในการทำคาสิโนถูกกฎหมายตามโมเดล มาเก๊า สิงคโปร์ หรือกัมพูชานั้น ผมมองว่า ฟังไม่ขึ้น เพราะมาเก๊าและ สิงคโปร์ก็เป็นเกาะเล็ก ๆ ไม่มีทรัพยากร ส่วนประเทศไทยมีของดีและสถานที่ดี ๆ มากมายที่หากมีการพัฒนาและบริหารจัดการอย่างเป็นระบบแล้วจะสามารถดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยวได้อีกมาก โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งบ่อนการพนัน ส่วนกัมพูชาก็มีบ่อนปอยเปตมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 แต่ก็ไม่ได้ทำให้ระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 

ผมจึงอยากฝากให้รัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลคิดให้รอบด้าน นอกเหนือไปจากการกดเครื่องคิดเลขเพื่อหาตัวเลขทางเศรษฐกิจแต่เพียงอย่างเดียว เพราะความสูญเสียทางสังคม ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาหนี้ครัวเรือน ฯลฯ ที่อาจจะเกิดจากการมีบ่อนคาสิโน เป็นสิ่งที่ไม่อาจประเมินเป็นตัวเงินได้ และไม่สามารถเยียวยาแก้ไขให้กลับเป็นดังเดิมได้ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งผู้ที่จะแบกรับปัญหาเหล่านี้ก็คือลูกหลานของเราและของท่านผู้อนุมัติโครงการนี้นั่นเอง ด้วยความปรารถนาดี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top