Monday, 21 April 2025
ศุภณัฐ_อภิญญาณ

‘ดร.นิว’ ตอกหน้า ‘สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล’ กุเรื่อง ‘วังวชิราลงกรณ์คอมเพล็กซ์’ หลอกสาวก

ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ "ดร.นิว" นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า นิทานล้างสมองเด็กของ "สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล" เรื่อง #วังวชิราลงกรณ์คอมเพล็กซ์ ดูเหมือนจะปัญญาอ่อนพอ ๆ กับ นิทานหลอกเด็กไปติดคุกของ "ปิยบุตร แสงกนกกุล" เรื่อง #สมบูรณาญาสิทธิราชย์จำแลง เพราะมันช่างห่างไกลจากความเป็นจริงเสียเหลือเกิน

สำนักพระราชวัง เผยแพร่แบบจำลอง อุทยานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ หรือสนามม้านางเลิ้งเดิม ในพื้นที่ ๒๙๗ ไร่ 

'ดร.นิว' ยกเคส 'ทานตะวัน' ถูกถอนประกัน-เผชิญกรรมโดดเดี่ยว การหลอกใช้ซ้ำๆ จาก 'ผู้ใหญ่ 3 นิ้ว' ที่ไม่ต้องเฉียดคุกเอง

ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ 'ดร.นิว' นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีศาลอาญามีคำสั่งเพิกถอนการประกันตัวของ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ นักกิจกรรมวัย 20 ปี อดีตสมาชิกกลุ่มทะลุวัง ผู้ต้องหาคดีดูหมิ่นแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตาม ป.อาญา มาตรา 112 ว่า...

สู้เพื่อคนรุ่นใหม่หรือหลอกใช้คนรุ่นใหม่ให้สู้เพื่อตัวเอง?

การถูกเพิกถอนการประกันตัวของน้องตะวัน จนทำให้ต้องกลับเข้าเรือนจำในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงชะตากรรมอันโดดเดี่ยวของคนรุ่นใหม่สามนิ้ว ซึ่งเป็นเพราะบรรดาผู้ใหญ่สามนิ้วที่เป็นแกนนำตัวจริงคอยแต่เอาตัวรอด ดีแต่ปล่อยให้คนรุ่นใหม่สามนิ้วออกหน้าทำผิดติดคุกติดตะรางแทนตัวเองมาโดยตลอด

การต่อสู้เพื่อคนรุ่นใหม่ จึงเป็นเพียงแค่การหลอกลวงของผู้ใหญ่สามนิ้ว ที่คอยฉกฉวยผลประโยชน์จากการเดิมพันอนาคตของคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นการทำร้ายคนรุ่นใหม่เสียเอง การต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมจึงไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเท่าเทียมแต่อย่างใด หากแต่เป็นการเอารัดเอาเปรียบอย่างน่ารังเกียจ

ขณะที่คนรุ่นใหม่สามนิ้วกล้าเปิดหน้าชนจนทำผิดติดคุกติดตะราง ผู้ใหญ่สามนิ้วกลับขยันแต่คอยยั่วยุและชี้นำทางความคิด โดยไม่กล้าเสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง ไม่กล้าเสี่ยงต่อการละเมิดกฎหมายจนต้องโทษคดีอาญาใดๆ ตลอดจนจ้องหาจังหวะโหนความโชคร้ายของคนรุ่นใหม่ซ้ำ เพียงเพื่อยกระดับในการชุมนุม

‘ดร.นิว’ ชำแหละ 9 ข้อแถโง่ๆ ที่ฟังไม่ขึ้นของ ‘พรรคก้าวไกล’ ฟาด!! เล่นแง่กฎหมายไปเรื่อย ตีความเข้าข้างตัวเองได้ ในทุกกรณี

(4 ส.ค. 67) ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความระบุว่า …

ชำแหละ 9 ข้อแถโง่ๆ ที่ฟังไม่ขึ้นของพรรคก้าวไกล

ข้อ 1. ศาลรัฐธรรมนูญจะไม่มีอำนาจในการวินิจฉัยยุบพรรคได้อย่างไรในเมื่อมีการบัญญัติไว้ใน พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ผ่านมาก็มีการยุบพรรคที่ทำผิดให้เห็นๆ กันอยู่ แล้วถ้าพรรคก้าวไกลทำผิด ทำไมจะยุบไม่ได้?

ข้อ 2. ถ้าคิดว่าคำร้องของ กกต. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย พรรคก้าวไกลก็ต้องดำเนินการเอาผิดกับ กกต. ซึ่งเป็นอีกประเด็นหนึ่ง แต่ไม่ใช่ว่าจะสามารถนำมาแถให้พรรคก้าวไกลพ้นผิดไปได้

ข้อ 3. คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กรและคำวินิจฉัยที่ 3/2567 ก็มีความต่อเนื่องเป็นเรื่องเดียวกัน เพราะสืบเนื่องมาจากการที่พรรคก้าวไกลใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ก็แค่นำมาวินิจฉัยต่อไปว่าสมควรยุบหรือไม่ ไม่ใช่ข้อหาที่แตกต่างกันตามที่พรรคก้าวไกลแถแบบโง่ๆ

ข้อ 4. เมื่อบุคคลทำเกินมติพรรคถ้าพรรคไม่ยอมรับก็ต้องจัดการแต่เนิ่นๆ ในทุกกรณี แต่ทว่าพรรคก้าวไกลกลับไม่เคยจัดการใดๆ การอภิปรายบิดเบือนให้ร้ายในสภาก็เคยเกิดขึ้นหลายครั้ง แม้แต่ถวายพระพรก็ยังไม่มี แถมพรรคก้าวไกลยังออกหน้าประกันตัว สส. ผู้กระทำผิด ม.112 อย่างชัดเจนอีกด้วย

ข้อ 5. พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง ถือหลักป้องปรามในการยุบพรรค พรรคก้าวไกลใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองอย่างชัดเจนก็อาจเข้าข่ายโดนยุบพรรคเหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องรอให้พรรคก้าวไกลยุยงปลุกปั่นมวลชนหรือใช้กำลังในการล้มล้างเสียก่อน

ข้อ 6. ยุบหรือไม่ยุบเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ศาลรัฐธรรมนูญเป็นเพียงแค่ผู้วินิจฉัยเท่านั้น ส่วนจะสมควรแก่เหตุหรือไม่ก็เป็นดุลพินิจของศาล หากมองว่าการที่พรรคก้าวไกลสร้างความแตกแยกทางความคิดชี้นำไปสู่บั้นปลายของการล้มล้างซึ่งเต็มไปด้วยความรุนแรงและการสูญเสีย เพียงแต่ยังไม่ได้ปรากฏขึ้นเป็นรูปธรรมเท่านั้น การยุบพรรคก็ไม่ใช่สิ่งที่เกินเลยกว่าเหตุ เพื่อยับยั้งความรุนแรงก่อนที่อนาธิปไตยจะเกิดขึ้นมาทำลายประชาธิปไตย

ข้อ 7-9. พรรคก้าวไกลเล่นแง่แถกฎหมายไปเรื่อย เพราะถ้าคิดว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่สิทธิในการเพิกถอนสิทธิจริงก็ควรจบตั้งแต่ข้อ 7. ไม่ใช่แถไปจนถึงข้อ 9. ในลักษณะต่อรองเป็นขั้นๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพรรคก้าวไกลไม่รู้กฎหมายจริง หากแต่ตีความกฎหมายเข้าข้างตัวเองสุดๆ ในทุกกรณี

ดังนั้น หากดูเพียงผิวเผินด้วยความไม่รู้กฎหมายก็อาจมองว่าพรรคก้าวไกลเก่งฉกาจที่สามารถยกข้อต่อสู้ทางกฎหมายขึ้นมาได้ถึง 9 ข้อ แต่ทว่าความเป็นจริง พรรคก้าวไกลก็แค่ตีความกฎหมายเข้าข้างตัวเองแบบเด็กเอาแต่ใจ ไร้วุฒิภาวะ ไม่ได้ตั้งอยู่บนหลักการและความเป็นจริงแต่อย่างใด

ดร.ศุภณัฐ

4 สิงหาคม พ.ศ. 2567

'ดร.นิว' ติง!! 'พยานก้าวไกล' สอบตกตอนแก่ กระสันช่วยก้าวไกลพ้นยุบ ทั้งที่กฎหมายออกแบบมาในลักษณะป้องปราม ไม่ต้องรอ 'ยุยง-ล้มล้าง'

(5 ส.ค. 67) ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ 'ดร.นิว' นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ 'แนวทางกฎหมายวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล' ระบุว่า...

การที่นายสุรพล นิติไกรพจน์ ออกหน้าเป็นพยาน โดยอ้างว่าการกระทำของพรรคก้าวไกลไม่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ถ้านายสุรพลไม่โฉดเขลาเบาปัญญา ก็กระสันที่จะช่วยพรรคก้าวไกลจนหางส้มโผล่ เกิดความดัดจริตทางกฎหมายโดยไม่แหกตาดูความระยำตำบอนที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง 

นอกจากนายสุรพลจะเพิกเฉยต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 ซึ่งพรรคก้าวไกลใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง นายสุรพลยังอ่านและตีความกฎหมายไม่แตกฉาน เพราะเมื่ออ้างอิงถึงมาตรา 92 ของ พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง จะพบว่าเงื่อนไขการยุบพรรคการเมืองที่เกี่ยวเนื่องด้วยการล้มล้างการปกครอง มีอยู่ด้วยกัน 2 กรณี 

(1) กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 

(2) กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 

นับว่านายสุรพลมาสอบตกตอนแก่หมดสภาพศาสตราจารย์ทางกฎหมาย เพราะกฎหมายออกแบบมาในลักษณะป้องปราม ไม่จำเป็นต้องรอให้พรรคก้าวไกลยุยงปลุกปั่นมวลชนหรือใช้กำลังในการล้มล้างการปกครองเสียก่อนถึงจะสามารถยุบพรรคได้ แค่กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองก็เข้าข่ายยุบพรรคได้แล้ว 

แม้ว่าพรรคก้าวไกลอาจไม่ได้ใช้กำลังล้มล้างการปกครองโดยตรงตาม (1) แต่ทว่ากระทำการเซาะกร่อนบ่อนทำลายเคลื่อนไหวคู่ขนานกับม็อบสามนิ้วมาโดยตลอด อีกทั้งสมาชิกของพรรคจำนวนไม่น้อยยังเคยแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ มิหนำซ้ำหัวหน้าพรรคยังออกหน้าช่วยประกันตัว สส. ซึ่งกระทำผิด ม.112 อย่างชัดเจนอีกด้วย 

เห็นได้ชัดว่าทั้งเจตนาและพฤติการณ์ของพรรคก้าวไกลส่อไปในทาง (2) ทั้งสิ้น การกระทำของพรรคก้าวไกลอันใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง จึงเข้าข่ายกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคตามมาตรา 92 (2) ของ พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง 

อย่างไรก็ตามการวินิจฉัยยุบพรรคเป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ มิอาจก้าวล่วงได้ แต่ในฐานะประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการที่พรรคก้าวไกลใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความรุนแรงไปสู่อนาธิปไตยล้มล้างประชาธิปไตยเสียเองในที่สุด จึงขอแสดงจุดยืน 1 สิทธิ์ 1 เสียง สนับสนุนยุบพรรคก้าวไกล 

#1สิทธิ์1เสียงสนับสนุนยุบพรรคก้าวไกล 

'ดร.นิว' ชำแหละ!! 'ปิยบุตร' เปลือกนอกการละคร ภายในเลือดเย็นสูง สักวันจะถูกพวกเดียวกันที่ตาสว่าง 'ชำระแค้น-รุมประชาทัณฑ์'

(9 ส.ค. 67) ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า…

สักวันปิยบุตรจะถูกพวกเดียวกันรุมประชาทัณฑ์

นายปิยบุตรน่าจะคลุ้มคลั่งแล้วที่ออกมายั่วยุให้ยกเลิกความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงยุบศาลรัฐธรรมนูญไปให้พ้นทาง เจตนาส่อให้เห็นว่านายปิยบุตรไม่ได้เคารพหลักวิชาหรือหลักการประชาธิปไตยอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว หากแต่เป็นอนาธิปไตยตกขอบหัวรุนแรง เนื้อแท้ของนายปิยบุตรจึงเป็นเพียงแค่อาชญากรในคราบนักวิชาการ หรือเรียกได้ว่า ‘อาชญากรทางวิชาการ’

ตลอดระยะเวลานานกว่า 10 ปี นายปิยบุตรคอยยุยงปลุกปั่นสร้างความขัดแย้งและความแตกแยก มักสร้างวาทกรรมเซาะกร่อนบ่อนทำลายความมั่นคงในด้านต่าง ๆ ของประเทศไทย เดินตามตูดภรรยาชาวฝรั่งเศส มุ่งบิดเบือนให้ร้าย สร้างความเข้าใจที่ผิด ๆ ตลอดจนสร้างความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งล้วนแต่เป็นการแบ่งแยกประชาชนไปสู่การล้มล้างการปกครองทั้งสิ้น

ถ้าได้ประมือกับนายปิยบุตรและมีโอกาสเปิดโปงการบิดเบือนต่าง ๆ ของเขาอยู่เป็นประจำ ก็จะทราบได้ว่าคำแถลงปิดคดีของนายพิธา ตลอดจนข้อแถโง่ ๆ ทั้ง 9 ข้อของก้าวไกลที่ฟังไม่ขึ้นเลยแม้แต่น้อย น่าจะมาจากหัวสมองอันสกปรกโสมมของนายปิยบุตรทั้งสิ้น ทั้งความเป็นวาทกรรมสำนวนโวหารอันพิลึกพิลั่น ทั้งความเลวชาติในการบิดเบือนตีความกฎหมายแถทุกอย่างเข้าข้างตัวเองแบบข้าง ๆ คู ๆ

นับว่านายปิยบุตรมีความโดดเด่นอย่างมากในการเป็นอาชญากรทางวิชาการ เป็นนักปลุกปั่นตัวยงที่คอยชี้นำทางความคิดให้สาวกไร้สมองทำผิดติดคุกติดตะรางแทนตัวเอง แต่ระยะหลังบรรดาสาวกเริ่มฉลาดขึ้น ถ้าแกนนำจัดตั้ง ไม่ถอดใจ ไม่ลี้ภัย ก็ติดคุก ต่างเห็นความระยำตำบอนของเขาที่คอยชี้นำสาวกไม่ต่างจากไพร่และทาส ขณะที่ตัวเองมุดหัวอยู่ใต้กระโปรงและจิบไวน์อยู่บนหอคอยงาช้าง

ตอนนายปิยบุตรเป็นอาจารย์ นักศึกษาทำผิดติดคุกติดตะราง ตอนนายปิยบุตรเป็นมาเป็นนักการเมือง แกนนำและมวลชนม็อบสามนิ้วก็ทำผิดติดคุกติดตะราง เปลือกนอกนายปิยบุตรอาจเสแสร้งแสดงละครเป็นคนดีแต่ภายในมีความเลือดเย็นสูงมาก มันค่อนชัดเจนว่านายปิยบุตรต่อสู้เพื่อคนอื่นหรือหลอกใช้คนอื่นให้ต่อสู้เพื่อตัวเอง? สักวันนายปิยบุตรจะถูกพวกเดียวกันที่ตาสว่างรุมประชาทัณฑ์

ท้ายที่สุด เมื่อรู้ว่านายปิยบุตรหลอกใช้ทางความคิด ชี้นำให้ทำผิดติดคุกติดตะรางแทนตัวเอง ก็จะโกรธแค้นเกินกว่าที่จะให้อภัยกันได้ ไม่เพียงเท่านั้น บรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองที่ลูก ๆ โดนนายปิยบุตรล้างสมองหลอกใช้ก็เช่นเดียวกัน เพราะชุดความคิดของนายปิยบุตรเปลี่ยนลูก ๆ ของพวกเขาให้ก้าวร้าวรุนแรงจนเกิดปัญหาภายในครอบครัว พวกเขาได้แต่กดข่มความคั่งแค้น รอคอยวันที่จะชำระสะสาง

ดร.ศุภณัฐ
8 สิงหาคม พ.ศ. 2567
#ประชาธิปไตยTheseries by ดร.ศุภณัฐ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top