Thursday, 24 April 2025
วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า

16 มิถุนายน พ.ศ. 2518 วันสถาปนา ‘วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า’ สถาบันผลิตแพทย์ทหารแห่งเดียวในประเทศไทย

‘วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า’ เป็นสถาบันผลิตแพทย์ทหารแห่งเดียวในประเทศไทย ก่อตั้งเป็นสถาบันแพทยศาสตร์ลำดับที่ 7 ของประเทศ จากกระแสพระบรมราโชวาทของ ‘พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร’ โดยดำเนินงานร่วมกับโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า กรมแพทย์ทหารบก และดำรงสถานะสถาบันสมทบของ มหาวิทยาลัยมหิดล

เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2518 วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้าได้รับอนุมัติเข้าสมทบกับ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อประสาทปริญญา แพทยศาสตรบัณฑิต ทำให้การก่อตั้งวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้ามีความสมบูรณ์ กระทรวงกลาโหมจึงมีคำสั่งลงวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2518 ให้วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า เป็นหน่วยขึ้นตรงกรมแพทย์ทหารบก และอนุมัติให้เปิดดำเนินการได้ จึงถือเอาวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2518 เป็นวันสถาปนาวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า

ทั้งนี้ วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้าใช้หลักสูตรของทบวงมหาวิทยาลัย ซึ่งใช้เวลาในการศึกษา 7 ปี  ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 ถึงปี พ.ศ. 2523 จนมีการเปลี่ยนหลักสูตรการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิตเป็น 6 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 ถึงปัจจุบัน

วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้ามีการพัฒนาทั้งทางด้านวิชาการและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนการสอน อาทิเช่น สนับสนุนการวิจัยให้แก่นักเรียนแพทย์ทหาร ตลอดจนอาจารย์แพทย์ทั้งชั้นปีคลินิก และให้ทุนการศึกษาแก่ผู้มีผลการเรียนดีไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ การสนับสนุนการศึกษาต่อและดูงานต่างประเทศของอาจารย์และนักเรียนแพทย์ทหาร การก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ สระว่ายน้ำ อาคารหอพัก โรงประกอบเลี้ยงและซักรีด ทั้งยังหาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เพื่อให้เพียงพอต่อการเรียนการสอน และการเรียนรู้ของนักเรียนแพทย์ทหาร 

นอกจากนี้ วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้าได้ผลิตบัณฑิตแพทย์ทหาร ซึ่งได้จัดสรรให้แก่เหล่าทัพต่าง ๆ ทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กองบัญชาการกองทัพไทย รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุข กระจายไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือกำลังพล ครอบครัว ตลอดจนประชาชนที่อยู่ห่างไกล หรือพื้นที่เสี่ยงภัย ซึ่งเป็นการบรรเทาการขาดแคลนแพทย์ในกองทัพ และในชนบทของประเทศได้เป็นอย่างดี

‘นศ. แพทย์พระมงกุฎฯ’ นำทีมคว้าแชมป์ระดับนานาชาติ แข่งเขียนโปรแกรมควบคุมหุ่นยนต์ผู้ช่วยนักบิน NASA

(13 พ.ย. 67) “นศ.แพทย์ฯพระมงกุฎฯ” นำทีมเยาวชนไทยคว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขันเขียนโปรแกรมควบคุมหุ่นยนต์ผู้ช่วยนักบินอวกาศของ NASA ในรายการ Kibo Robot Programming Challenge รอบสุดท้าย 

วันนี้ (13 พ.ย. 2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแข่งขัน Kibo Robot Programming Challenge เป็นการแข่งขันเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อควบคุมหุ่นยนต์ Astrobee หุ่นยนต์ผู้ช่วยนักบินอวกาศของ NASA ให้ปฏิบัติภารกิจบนสถานีอวกาศตามที่วางแผนไว้ โดยมีการแข่งขันจริงบนโมดูลคิโบะของสถานีอวกาศนานาชาติ ภายใต้การควบคุมดูแลของ ฌานเน็ตต์ เจ. เอปส์ นักบินอวกาศของ NASA ซึ่งประเทศไทยเรามีตัวแทนไปแข่งขันคือทีมแอสโทรนัต(Astronut) โดยมี ธรรญธร ไชยกายุต นักศึกษาชั้นปีที่ 1 วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า กองทัพบก เป็นหัวหน้าทีมฯ และมีสมาชิกในทีมประกอบด้วย ชิษณุพงศ์ ประทีปพงศ์ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล, ชยพล เดชศร นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ สิรวิชญ์ แพร่วิศวกิจ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดยมี ปริทัศน์ เทียนทอง นักวิชาการอาวุโส ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นผู้ดูแลทีม

ทั้งนี้ ทีมแอสโทรนัต (Astronut) เป็นตัวแทนเยาวชนไทยเข้าแข่งขันรอบสุดท้ายกับตัวแทนเยาวชนจาก 13 ประเทศทั่วโลก ณ ศูนย์อวกาศสึคุบะ องค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น หรือ JAXA เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน โดยแต่ละทีมที่เข้าแข่งขันต้องออกแบบการเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์ในสภาวะแรงโน้มถ่วงต่ำ เพื่อไปทำภารกิจตามที่ได้รับมอบหมายได้อย่างครบถ้วนและใช้เวลาได้น้อยที่สุด โดยผลปรากฏว่าทีมแอสโทรนัตของประเทศไทยสามารถคว้าอันดับ 1 ด้วยคะแนน 253.09 คะแนน ตามด้วยอันดับ 2 ทีมตัวแทนจากฟิลิปปินส์ 250.88 คะแนน และอันดับ 3 เป็นของตัวแทนจากบังกลาเทศ 153.92 คะแนน โดย โนริชิเงะ คะไน นักบินอวกาศของ JAXA มาร่วมให้ความเห็นระหว่างการแข่งขัน และมอบรางวัลแก่ตัวแทนเยาวชนไทย โดยการแข่งขัน Kibo Robot Programming Challenge ในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 5 โดยมีผู้เข้าแข่งขันรวมกว่า 661 ทีมจาก 35 ประเทศทั่วโลก ก่อนคัดเลือกเหลือ 13 ทีมในรอบสุดท้าย

นายธรรญธร ไชยกายุต นักศึกษาชั้นปีที่ 1 วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า หัวหน้าทีมแอสโทรนัต กล่าวว่า พวกเราดีใจเป็นอย่างมากที่สามารถคว้าชัยชนะมาได้จากความตั้งใจและความพยายามของทีมพวกเรา แม้จะเจอปัญหาซึ่งเกิดจากสภาพแวดล้อมจริงในสถานีอวกาศนานาชาติ แต่พวกเราได้เตรียมรับไว้ก่อนอยู่แล้ว จึงทำให้สามารถบรรลุภารกิจได้สำเร็จและยังคงทำเวลาได้ดี การที่ได้นำโค้ดที่พวกเราพัฒนาไปใช้จริงในสถานีอวกาศนานาชาตินับเป็นประสบการณ์อันทรงคุณค่า ซึ่งพวกเราจะนำประสบการณ์เหล่านี้ไปปรับใช้และต่อยอดในงานอื่นๆ ต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top