Sunday, 8 June 2025
วาติกัน

โป๊ปฟรานซิสอาจสละตำแหน่ง หลังประชวรหนัก ตามรอยโป๊ปเบเนดิกต์

มีรายงานว่าพระคาร์ดินัลบางส่วนเริ่มกล่าวถึงความเป็นไปได้ที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสอาจพิจารณาสละตำแหน่ง หลังจากพระองค์ทรงพระประชวรด้วยโรคปอดบวม และยังคงอยู่ภายใต้การดูแลของคณะแพทย์

เมื่อวันที่ (20 ก.พ.68) ที่ผ่านมา วาติกันออกแถลงการณ์ระบุว่าอาการของพระสันตะปาปาฟรานซิสมีแนวโน้มดีขึ้นเล็กน้อย การทำงานของหัวใจเป็นปกติ และสามารถเสวยพระกระยาหารเช้าได้ อย่างไรก็ตาม คณะแพทย์ยังคงเน้นย้ำว่าการรักษาโรคปอดบวมในผู้สูงวัยจำเป็นต้องใช้เวลาติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจกินเวลาหลายสัปดาห์

ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดคำถามว่าพระสันตะปาปาจะสามารถปฏิบัติภารกิจในฐานะประมุขแห่งคริสตจักรคาทอลิกต่อไปได้หรือไม่ ท่ามกลางความไม่แน่นอนนี้ พระคาร์ดินัลบางท่านได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า พระองค์อาจพิจารณาสละตำแหน่ง เช่นเดียวกับกรณีของอดีตสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ซึ่งเคยลาออกเนื่องจากปัญหาสุขภาพ

แม้ว่าจนถึงขณะนี้จะยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่กระแสข่าวเกี่ยวกับอนาคตของพระสันตะปาปาฟรานซิสกำลังได้รับความสนใจจากทั้งสื่อมวลชนและผู้นับถือศาสนาคาทอลิกทั่วโลก

จับตาพระคาร์ดินัล ตัวเต็งสืบทอดประมุขคาทอลิก หลังโป๊ปฟรานซิสประชวรหนัก พระอาการทรงตัว

(26 ก.พ.68) สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสยังคงอยู่ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ หลังทรงเข้ารับการรักษาด้วยอาการปอดบวมทั้งสองข้างมาเป็นวันที่สี่ วาติกันแถลงเมื่อวันอังคาร (25 ก.พ.) ว่าพระอาการของพระองค์ทรงตัว ไม่มีภาวะแทรกซ้อนเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

ขณะนี้พระองค์มีพระชนมายุ 88 พรรษา และประทับอยู่ที่โรงพยาบาลเจเมลลีในกรุงโรมเป็นคืนที่ 12 ซึ่งเป็นระยะเวลาการรักษาที่ยาวนานที่สุดในรอบเกือบ 12 ปีแห่งสมณสมัยของพระองค์

"พระอาการทางคลินิกของพระองค์ยังคงอยู่ในภาวะที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด แต่ระบบไหลเวียนโลหิตยังคงเสถียร" วาติกันระบุในแถลงการณ์ อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจากวาติกันเผยว่า สมเด็จพระสันตะปาปายังสามารถเสวยพระกระยาหารและเคลื่อนไหวภายในห้องพักได้ตามปกติ

แม้ยังอยู่ระหว่างรักษาพระองค์ พระสันตะปาปายังคงปฏิบัติภารกิจบางประการ โดยมีการประชุมกับพระคาร์ดินัลปิเอโตร ปาโรลิน และคณะผู้ช่วยของพระองค์เมื่อวันจันทร์ (24 ก.พ.) เพื่อหารือเกี่ยวกับกระบวนการแต่งตั้งบุคคลเป็นนักบุญ รวมถึงตำแหน่งที่ต้องได้รับการอนุมัติจากพระองค์

มีรายงานเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนี ของอิตาลี ได้เข้าเฝ้าพระองค์ที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้วาติกันเคยรายงานว่าพระองค์มีภาวะไตบกพร่องเล็กน้อย แต่ยืนยันว่าปัญหาดังกล่าว "ไม่น่าเป็นห่วง" ซึ่งในแถลงการณ์ล่าสุดไม่ได้กล่าวถึงภาวะนี้อีก

ขณะเดียวกัน พระคาร์ดินัลหลุยส์ ตาเกล ได้นำการสวดภาวนาเพื่อพระสันตะปาปาที่จัตุรัสนักบุญเปโตร โดยมีผู้ศรัทธาจำนวนมากเข้าร่วม และพิธีนี้จะจัดขึ้นทุกวันตลอดสัปดาห์นี้

ภาวะปอดบวมสองข้างเป็นภาวะติดเชื้อที่ทำให้ปอดอักเสบและส่งผลกระทบต่อระบบหายใจ วาติกันเผยว่าการติดเชื้อครั้งนี้เกิดจากเชื้อจุลินทรีย์หลายชนิด ซึ่งทำให้การรักษามีความซับซ้อน

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ซึ่งทรงดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2013 มีประวัติสุขภาพที่เปราะบาง โดยทรงเคยป่วยเป็นเยื่อหุ้มปอดอักเสบในวัยเยาว์และต้องผ่าตัดปอดบางส่วนออก ทำให้ทรงมีความเสี่ยงต่อโรคปอดมากกว่าปกติ

ด้านพระคาร์ดินัลออสการ์ โรดริเกซ มาราเดียกา พระสหายชาวฮอนดูรัสของพระองค์ ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ลา รีพับบลิกา ของอิตาลีว่า "ผมเชื่อว่ายังไม่ถึงเวลาที่พระองค์จะเสด็จสู่สวรรค์"

ข่าวการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทำให้ผู้ศรัทธาจากทั่วโลกมารวมตัวกันเพื่ออธิษฐานขอให้พระองค์มีพระพลานามัยแข็งแรง โดยในกรุงบัวโนสไอเรส บ้านเกิดของพระองค์ มีการจัดพิธีสวดภาวนาที่พลาซ่าคอนสติทิวชัน ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระองค์เคยประกอบพิธีมิสซาในอดีต

ขณะที่ คาร์ลา ราเบซซานา พระญาติของพระองค์วัย 93 ปี ที่อาศัยอยู่ในอิตาลี เปิดเผยว่าครอบครัวมีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของพระองค์ ส่วนพระคาร์ดินัลทิโมธี โดแลน แห่งนิวยอร์ก กล่าวระหว่างพิธีมิสซาที่แมนฮัตตันว่า "พระองค์ทรงมีสุขภาพอ่อนแอมากและอาจใกล้จะสิ้นพระชนม์"

การสืบตำแหน่งพระสันตะปาปา

ในฐานะประมุขแห่งนครรัฐวาติกันและพระสันตะปาปาองค์ที่ 266 แห่งคริสตจักรคาทอลิก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2013 ทรงมีปัญหาสุขภาพหลายประการในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับเข่าและเส้นประสาทไซแอติก ซึ่งทำให้ต้องใช้รถเข็นหรือไม้ค้ำยันบ่อยครั้ง

หากพระองค์ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ต่อไป การประชุมเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่จะเกิดขึ้นตามกระบวนการดั้งเดิม โดยคณะคาร์ดินัลจะประชุมลับและลงคะแนนเสียงในโบสถ์ซิสติน

เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงขยายวาระการดำรงตำแหน่งของพระคาร์ดินัลจีโอวานี บาททิสทา เร ซึ่งมีหน้าที่เตรียมการประชุมลับดังกล่าว

แม้จะยังไม่มีการกำหนดผู้สืบทอดที่แน่ชัด แต่ตามธรรมเนียมแล้ว พระสันตะปาปามักได้รับเลือกจากคณะคาร์ดินัล โดยรายชื่อบุคคลที่อาจได้รับการพิจารณา ได้แก่

พระคาร์ดินัลปิเอโตร ปาโรลิน เลขาธิการแห่งรัฐของวาติกัน

พระคาร์ดินัลปีเตอร์ เติร์กสัน จากกานา อดีตประธานสภาสันติภาพและความยุติธรรมแห่งวาติกัน

พระคาร์ดินัลหลุยส์ ตาเกล จากฟิลิปปินส์ ผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญในสำนักวาติกัน

‘โป๊ปฟรานซิส’ ผู้นำแห่งศรัทธา สิ้นพระชนม์อย่างสงบ ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ท่ามกลางความโศกเศร้าของคริสตชน

(21 เม.ย. 68) สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ในช่วงค่ำของวันจันทร์ (21 เม.ย.) ตามเวลาท้องถิ่นว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส หรือ โป๊ปฟรานซิส ประมุขคริสตจักรโรมันคาทอลิก ได้สิ้นพระชนม์ลงอย่างสงบ ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ท่ามกลางความโศกเศร้าของคริสตชนทั่วโลก

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ซึ่งมีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ แบร์โกกลิโอ ประสูติเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2479 (ค.ศ. 1936) ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ทรงได้รับการสถาปนาเป็นพระสันตะปาปาลำดับที่ 266 เมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 (ค.ศ. 2013) ต่อจากสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ที่ทรงสละตำแหน่ง ทรงเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกจากทวีปอเมริกาใต้ และองค์แรกจากภายนอกยุโรปในรอบกว่า 1,200 ปี

ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีแห่งการทรงงาน โป๊ปฟรานซิสเป็นที่จดจำในฐานะผู้นำทางจิตวิญญาณที่เรียบง่าย อ่อนน้อม และมุ่งมั่นในการปฏิรูปคริสตจักร ทรงยึดหลักแห่งความเมตตา การให้อภัย และความเท่าเทียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของมนุษย์ทุกศาสนา

หนึ่งในสาส์นที่ทรงเน้นย้ำเสมอ คือ ความห่วงใยต่อคนยากไร้และผู้ถูกกดขี่ในสังคม พระองค์ทรงเดินทางเยือนประเทศต่างๆ กว่า 50 ประเทศ รวมถึงประเทศในภูมิภาคเอเชีย เพื่อสร้างสะพานแห่งสันติภาพและความเข้าใจระหว่างวัฒนธรรม

ทางสำนักวาติกันจะมีการประกาศกำหนดการพระราชพิธีฝังพระศพอย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้ โดยมีผู้นำระดับโลกและผู้นับถือศาสนาคริสต์คาทอลิกทั่วโลกร่วมไว้อาลัย

“เราจำพระองค์ได้ในฐานะศิษยาภิบาลแห่งประชากรของพระเจ้า ผู้ทรงรักและฟังเสียงของผู้อ่อนแอที่สุดในหมู่เรา” คำแถลงจากวาติกันระบุ

‘วาติกัน’ เปลี่ยนพิธีสาร!! เพื่อให้ ‘เซเลนสกี’ ได้นั่งแถวหน้า ในพิธีศพของ ‘สมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิส’

(27 เม.ย. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Jaroensook Limbanchongkit Pone’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

หนังสือพิมพ์ The Telegraph ของอังกฤษระบุว่ากฎทางการทูตกำหนดให้ผู้นำโลกต้องนั่งตามลำดับตัวอักษรตามชื่อประเทศในภาษาฝรั่งเศส ซึ่งเป็นภาษาทางการทูตแบบดั้งเดิม ตามกฎเหล่านี้ เซเลนสกีน่าจะได้นั่งในแถวที่สามหรือถอยหลังลงไป

ตรงกันข้าม เขานั่งแถวหน้า ห่างจากทรัมป์ 11 ที่นั่ง ซึ่งนั่งอยู่ทางขวาของเขา
วาติกันไม่ปฏิเสธว่าได้มีการเปลี่ยนแปลงพิธีการดังกล่าว "ผมเชื่อว่าพวกเขาได้เติมเต็มตำแหน่งที่ว่างแล้ว" โฆษกวาติกัน มัตเตโอ บรูนี กล่าวกับเดอะเทเลกราฟ

ระหว่างเซเลนสกีและทรัมป์มีประธานาธิบดีของอินเดีย ฮังการี กาบอง รวมถึงมาครงกับภริยาของเขา และประธานาธิบดีของฟินแลนด์ อเล็กซานเดอร์ สตับบ์

ในภาษาฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกาถูกเรียกว่า États-Unis โดยเริ่มด้วยตัวอักษร E ผู้ที่นั่งทางขวาของทรัมป์และเมลาเนีย ภริยาคือ ประธานาธิบดีเอสโตเนีย อลาร์ คาริส และกษัตริย์เฟลิเปแห่งสเปน (Espagne ในภาษาฝรั่งเศส)

ประธานาธิบดีไมเคิล ดี. ฮิกกินส์ของไอร์แลนด์ นั่งอยู่ทางขวาของเซเลนสกี ซึ่งเป็นหลักฐานเพิ่มเติมว่าระเบียบการนั่งปกติได้รับการปรับเปลี่ยนโดยเจตนาเพื่อให้เซเลนสกีได้มีตำแหน่งที่โดดเด่นยิ่งขึ้น

ในที่อื่นๆ กฎเกณฑ์ดูเหมือนจะได้รับการปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด: ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา ฮาเวียร์ ไมลีย์ นั่งทางด้านขวาสุดของแถวหน้า ถัดจากทหารรักษาพระองค์สวิสที่ยืนอยู่

ในเวลาเดียวกัน นักการเมืองอิตาลีวิพากษ์วิจารณ์การแต่งกายของ Zelensky ที่ไม่เป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติ และวิพากษ์วิจารณ์การประชุมทางการเมืองในระหว่างพิธีศพอีกด้วย

‘ชูศักดิ์ ศิรินิล’ ผู้แทนพิเศษรัฐบาลไทย ร่วมถวายเกียรติ ในพิธีพระศพของ สมเด็จพระสันตะปาปา ณ นครรัฐวาติกัน

(27 เม.ย. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาลไทย ได้เข้าร่วมพิธีพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกและนครรัฐวาติกัน ณ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน ที่จัดขึ้นวานนี้ (วันเสาร์ที่ 26 เมษายน 2568) เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นนครรัฐวาติกัน ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย เป็นเวลา 5 ชั่วโมง  

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้แทนรัฐบาลไทย พร้อมด้วยนางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ (ว่าที่) เอกอัครราชทูตประจำนครรัฐวาติกัน และนายธเนศ กิตติธเนศวร เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เข้าร่วมพิธีพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิสที่จตุรัสเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน ขณะที่นายธัชสิทธิ์ ประสิทธิรัตน์ อุปทูตฯ ประจำนครรัฐวาติกัน เข้าร่วมในส่วนของคณะทูตานุทูต

เมื่อคณะเดินทางถึงมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ นายชูศักดิ์ ศิรินิล และคณะได้เข้าพบพระคาร์ดินัล ปิเอโตร ปาโรลิน (Pietro Parolin) เลขาธิการสันตะสำนักในสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส

พิธีปลงพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส จัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติบริเวณจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ โดยเริ่มขึ้นในเวลา 10.00 น. และเสร็จสิ้นเมื่อเวลา 12.10 น. โดยมีพระคาร์ดินัลโจวานนี บัตตีสตา เร (Carinal Giovanni Battista Re) ประธานพระคาร์ดินัลทั่วโลก เป็นประธานในพิธี

พิธีพระศพเริ่มต้นด้วยการเคลื่อนย้ายโลงพระศพจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ออกมายังหน้าวิหาร บริเวณลานด้านหน้า เพื่อประกอบพิธีปลงพระศพ จากนั้นเป็นพิธีกรรมทางศาสนา โดยมีการสวดมนต์เป็นภาษาละตินและภาษาหลักต่าง ๆ เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีของพระสันตะปาปา ผู้ทรงยึดมั่นในความเมตตาและความยุติธรรม โดยไม่มีเครื่องประดับหรือการตกแต่งที่หรูหราเกินจำเป็น ตามพระประสงค์ที่ระบุไว้ในพินัยกรรม ที่ต้องการให้งานศพสะท้อนความถ่อมตน ให้เน้นความเรียบง่ายและการมีส่วนร่วมของสาธารณชน ก่อนที่จะมีการเคลื่อนย้ายพระศพไปฝังที่วิหาร Santa Maria Maggiore Basilica ในกรุงโรม

พิธีในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมจากกว่า 150 ประเทศ/องค์การระหว่างประเทศ รวมถึงเชื้อพระวงศ์ ประมุขของรัฐและผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลจำนวนมาก และยังมีประชาชนผู้ศรัทธาอีกกว่า 2 แสนคนเข้าร่วม อาทิ สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งสเปนเจ้าชายแห่งเวลส์ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาประธานาธิบดีฝรั่งเศสประธานาธิบดีบราซิลประธานาธิบดีอาร์เจนตินาประธานาธิบดียูเครนประธานาธิบดีสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร นายกรัฐมนตรีสวีเดน และนายกรัฐมนตรีฮังการี เป็นต้น

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกและนครรัฐวาติกัน พระสันตะปาปา องค์ที่ 266 ได้สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2568 ณ ที่ประทับ (Casa Sabta Marta) ในนครรัฐวาติกัน ด้วยพระชนมายุ 88 พรรษา โดยทรงเป็นผู้นำทางศาสนาที่ได้รับการเคารพอย่างสูงจากประชาคมระหว่างประเทศ ทรงอุทิศพระองค์ในการส่งเสริมสันติภาพ ความเมตตา และการสร้างความปรองดองและส่งเสริมสันติภาพในทั่วทุกมุมโลก จนได้รับการยกย่องว่า เป็นพระสันตะปาปาของผู้ยากไร้ (Pope of the Poor) โดยทรงปฏิบัติภารกิจจนถึงช่วงสุดท้าย เพื่อประทานพรให้แก่ประชาชนที่จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ ในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส ได้เคยเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 20 – 23 พฤศจิกายน 2562 และได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี รวมถึงได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

โดยในโอกาสที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิสสิ้นพระชนม์ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้มีสารแสดงความเสียใจถึงประธานคณะพระคาร์ดินัลทั่วโลก เพื่อแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสิ้นพระชนม์ของ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส ผู้เป็นดั่งดวงประทีปแห่งความเมตตากรุณา ความอ่อนน้อมถ่อมตน และจริยธรรม พร้อมกับนับถือความมุ่งมั่นของสันตะสำนักแห่งนครวาติกัน ภายใต้การนำของสมเด็จพระสันตะปาปาในการส่งเสริมสันติภาพ และความเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยการเสด็จเยือนประเทศไทยของพระองค์เมื่อปี 2562 ยังคงเป็นความทรงจำที่มีค่าของประชาชนไทย

อนึ่ง ในช่วงเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 คณะผู้แทนพิเศษได้พบกับ พระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช ที่นครรัฐวาติกันด้วย 

โดยภารกิจในครั้งนี้มีผู้แทนจากนครรัฐวาติกันมารับที่สนามบิน และมีรถตำรวจนำขบวน อำนวยความสะดวกคณะผู้แทนพิเศษของรัฐบาลไทยตลอดภารกิจ

เกิดอะไรขึ้นภายหลังการสิ้นพระชนม์ของ ‘สมเด็จพระสันตะปาปา’ พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์เพื่อเลือกผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวคาทอลิกทั่วโลก

(27 เม.ย. 68) จากการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา ทำให้ตำแหน่งประมุขผู้นำสูงสุดของชาวคาทอลิกทั่วโลกว่างลง จึงเป็นเหตุการณ์สำคัญของวาติกันอีกครั้งที่จะจัดให้มีการเลือกสมเด็จพระสันตะปาปา (Pope) พระองค์ใหม่ในคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกขึ้น เป็นกระบวนการที่มีชื่อเรียกว่า Conclave (คองเคลฟ) ซึ่งมีความสำคัญมาก เพราะพระสันตะปาปาเป็นผู้นำสูงสุดของศาสนจักรคาทอลิกทั่วโลก และมีบทบาทสำคัญทั้งทางจิตวิญญาณและการบริหารงานต่างๆของศาสนจักร 

ใดๆdigest ขอนำท่านผู้อ่านไปรู้จักกับกระบวนการที่เกิดขึ้นภายหลังจากการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปารวมไปถึงพิธีสำคัญของโลกพิธีหนึ่งมี่มีความสำคัญมากกับผู้คนนับพันล้านคนทั่วโลกกันครับ 

เมื่อพระสันตะปาปาสิ้นพระชนม์ จะเกิดกระบวนการที่เป็นระเบียบและสืบทอดกันมายาวนานในศาสนจักรคาทอลิก เพื่อจัดการช่วงเวลาสำคัญนี้ ทั้งด้านจิตวิญญาณ พิธีกรรม และการบริหารซึ่งสามารถแบ่งสิ่งที่เกิดขึ้นออกเป็น 3 ระยะหลัก ๆ ดังนี้

1. การยืนยันการสิ้นพระชนม์ โดยพระคาร์ดินัลคาเมอเลงโก (Camerlengo)ซึ่งรับหน้าที่ดูแลศาสนจักรระหว่างที่ไม่มีพระสันตะปาปา จะเป็นผู้ยืนยันว่าพระสันตะปาปาสิ้นพระชนม์แล้วอย่างเป็นทางการ โดยธรรมเนียมดั้งเดิม (ในอดีต) คาเมอเลงโกจะเรียกชื่อพระสันตะปาปา 3 ครั้งเพื่อดูว่ามีการตอบหรือไม่ ปัจจุบันจะใช้วิธีทางการแพทย์ประกอบด้วย เมื่อตรวจสอบแล้วว่าแน่ชัด คาเมอเลงโกจะสั่ง ทำลายแหวนประจำตำแหน่งของพระสันตะปาปา หรือที่รู้จักกันในนามแหวนแห่งชาวประมง (Ring of the Fisherman) เพื่อป้องกันการปลอมแปลงเอกสารในนามพระองค์

2.  การประกาศ Sede Vacante และการดูแลศาสนจักร Sede Vacante แปลว่า “ที่นั่งว่าง” เป็นช่วงเวลาที่ตำแหน่งพระสันตะปาปาว่างลง และในช่วงเวลานี้ตราประจำตำแหน่งขององค์พระสันตะปาปาจะเปลี่ยนชั่วคราว โดยมีภาพร่ม (ombrellino) และกุญแจสองดอกไขว้กันโดยในช่วงเวลานี้พระคาร์ดินัลทั้งโลกจะได้รับการแจ้งให้เดินทางมายังกรุงวาติกัน และไม่มีใครสามารถออกกฎหมายศาสนาใหม่ หรือเปลี่ยนแปลงอะไรในเชิงนโยบายจนกว่าจะมีพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่

3. พิธีฝังพระศพและการเตรียม Conclave โดยในช่วงพิธีฝังพระศพร่างของพระสันตะปาปาจะถูกนำไปวางไว้ที่มหาวิหารนักบุญเปโตร เพื่อให้ประชาชนร่วมไว้อาลัยและมีการประกอบพิธีศพอย่างสมเกียรติ ซึ่งโดยทั่วไปจะมีพิธีที่เรียกว่า Novemdiales ซึ่งคือพิธีภาวนา 9 วัน เพื่ออุทิศให้พระสันตะปาปาหลังจากนั้น พระศพจะถูกฝังในถ้ำใต้มหาวิหารนักบุญเปโตร หรือสถานที่อื่นตามแต่อดีตพระสันตะปาปาได้ทรงแสดงเจตจำนงไว้ก่อนสิ้นพระชนม์

จากนั้นการเตรียมการเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่ (Conclave) ก็จะเริ่มขึ้น

ความสำคัญของ Conclaveต่อชาวคริสตชนคาทอลิกกว่า 1.3 พันล้านคนทั่วโลก 

1. พระสันตะปาปาคือผู้สืบตำแหน่งต่อจากนักบุญเปโตร ซึ่งเป็นอัครสาวกของพระเยซูและถือว่าเป็นพระสันตะปาปาองค์แรก จึงถือว่าเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณที่สำคัญอย่างยิ่งของชาวครทอลิกทั่วโลก 

2. เมื่อพระสันตะปาปาองค์ก่อนสิ้นพระชนม์หรือสละตำแหน่ง ต้องมีการเลือกองค์ใหม่โดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดความว่างเปล่าในผู้นำและรักษาเสถียรภาพของศาสนจักร และเป็นการรักษาเอกภาพของศาสนจักรเอาไว้ 

3. เป็นกระบวนการที่แสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์และเอกภาพของศาสนจักร
เพราะการเลือกต้องผ่านการพิจารณาโดยพระคาร์ดินัล ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากพระสันตะปาปาองค์ก่อน เป็นกระบวนการที่ต้องใช้การอธิษฐานขอการนำทางจากพระผู้เป็นเจ้า

กระบวนการของ Conclave อย่างเป็นลำดับ มีอะไรบ้าง

1. เกิดภาวะ"Sede Vacante"(ตำแหน่งว่างของพระสันตะปาปา) ขึ้นเมื่อพระสันตะปาปาองค์ก่อนสิ้นพระชนม์หรือสละตำแหน่ง  พระคาร์ดินัลคาเมอเลงโก (Camerlengo) ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนจะรับผิดชอบการบริหารศาสนจักรชั่วคราวจนกว่าจะได้พระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ 

2. จัดการนัดประชุม Conclave ที่วาติกัน
ซึ่งพระคาร์ดินัลที่มีอายุต่ำกว่า 80 ปีจากทั่วโลกจะถูกเรียกให้มาชุมนุมกันภายใน 15-20วันหลังจากตำแหน่งว่างลง แต่ละรูปมีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งได้จนกว่าจะได้พระสันตะปาปาพระองค์ใหม่

3. พระคาร์ดินัลผู้มีสิทธิ์เลือก (Electors) จะเข้าไปในโบสถ์น้อยซีสทีน (Sistine Chapel)ซึ่งตั้งอยู่ภายในวาติกัน

พิธีเริ่มด้วยคำว่า "Extra omnes!" (ทุกคนออกไป!) เหลือเฉพาะผู้มีสิทธิ์เลือกเท่านั้น

4. กระบวนการลงคะแนนจะต้องได้เสียง 2ใน 3 ของผู้มีสิทธิ์ทั้งหมดจึงจะถือว่าได้รับเลือก  โดยมีการลงคะแนนวันละ 2 ครั้งเช้า-บ่าย  และหากยังไม่สามารถเลือกได้ จะมีการเผาบัตรเลือกตั้งพร้อมสารเคมีทำให้เกิดควันสีดำ (Fumata nera)เพื่อแสดงว่ายังไม่มีผู้ได้รับเลือก

และหากเลือกได้แล้ว ควันจะเป็นสีขาว (Fumata bianca) พวยพุ่งออกจากปล่องควันของโบสถ์น้อยซิสทีนพร้อมเสียงระฆังสัญญาณ

5. จะมีการถามผู้ได้รับเลือกว่า “ยอมรับหรือไม่” และ “จะใช้พระนามใด”
 เมื่อผู้ได้รับการเลือกตั้งได้ยอมรับแล้ว จะถือเป็นพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่อย่างเป็นทางการทันที และจะสวมชุดขาวออกมาแสดงตัวที่ระเบียงหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร (St. Peter’s Basilica)

ความสำคัญและลึกซึ้งทางจิตวิญญาณของพิธี Conclave นั้น ไม่ใช่เพียงแค่การเลือกผู้นำองค์กร หากแต่เป็น การอธิษฐานขอการนำทางจากพระเจ้าเพื่อให้ได้ผู้นำที่พระเจ้าทรงเลือกไว้ รวมทั้ง Conclave นั้นดำเนินการด้วย การประชุมแบบปิดล้อม (con-clave มีความหมายตรงตัวว่า “ด้วยกุญแจ") แสดงถึงการละจากโลกภายนอก เพื่อมุ่งสู่ความเงียบและการไตร่ตรอง

กล่าวโดยสรุป Conclave ก็คือการเลือกพระสันตะปาปาใหม่ผ่านการอธิษฐาน ไตร่ตรอง และลงคะแนนเสียง โดยพระคาร์ดินัลที่มีสิทธิ์ โดยเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ทรงนำทางในกระบวนการนี้นั่นเอง โดย Conclave ครั้งล่าสุดที่กำลังจะถูกจัดให้มีขึ้นในครังนี้ พระคาร์ดินัลชาวไทยที่มีสิทธิ์เข้าร่วมการประชุมเพื่อเลือกพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ในปี 2025 คือ พระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช โดยท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นพระคาร์ดินัลโดยสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสในปี ค.ศ. 2015 และยังมีอายุต่ำกว่า 80 ปี จึงมีสิทธิ์เข้าร่วมลงคะแนนเสียงตามกฎของวาติกัน

พระคาร์ดินัลเกรียงศักดิ์ ถือเป็นบุคคลสำคัญของคริสตจักรคาทอลิกไทยทีเตรียมบินไปวาติกัน เลือกตั้งพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่โดยในการเลือกตั้งครั้งนี้ ท่านจะเป็นหนึ่งในคณะพระคาร์ดินัลประมาณ 120–135 องค์ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนในพิธี Conclave เพื่อเลือกพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ที่จะถูกจัดขึ้นอย่างลับสุดยอดนั่นเอง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top