Tuesday, 22 April 2025
วันเฉลิมพระชนมพรรษา

'บิ๊กแก้ว' ประธานจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2565​ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล

เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2565 ที่กองบัญชาการกองทัพไทย​ (บก.ทท.) พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธานจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2565​ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ตลอดจนเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างสมพระเกียรติ ซึ่งตลอดระยะเวลา ที่ผ่านมาพระองค์ทรงอุทิศพระวรกายในการประกอบพระราชกรณียกิจต่าง ๆ นานัปการ ทั้งในด้านการศึกษา ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ด้านสังคมสงเคราะห์ ด้านการต่างประเทศ ด้านเกษตรกรรม ด้านการศาสนา ด้านการกีฬา ด้านการทหาร และด้านการบิน

ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 

ภ.2 ร่วมบริจาคโลหิต เนื่องใน วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี

ตำรวจภูธร ภาค 2 จัดกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความดีด้วยหัวใจ” ดำเนินกิจกรรมจิตอาสาบริจาคโลหิต " เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุธิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ที่ หอประชุมชั้น 2 ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี  พลตำรวจโท สมประสงค์  เย็นท้วม/ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมข้าราชการตำรวจ เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมจิตอาสา เราทำความดีด้วยหัวใจ ดำเนินกิจกรรมจิตอาสาบริจาคโลหิต เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี" โดยมีนายชัยพร แพภิรมย์รัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายเพิ่มสิน คณิตวานนท์ ประธานกต.ตร.สภ.คลองกิ่ว พร้อมด้วย ผกก.สภ.ทุก สภ. ตัวแทนแต่ละ สภ. และแม่บ้านตำรวจ ภ.จว.ชลบุรี เข้าร่วมการจัดกิจกรรม ตำรวจภูธรภาค 2  ได้นำกำลังพลมาร่วมกันบริจาคโลหิต เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี" เนื่องจากสภาวะปัจจุบันโลหิตในคลังสภากาชาดไทย เกิดภาวะขาดแคลน ทางตำรวจภูธรภาค 2 ต้องการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งกำลังพลทุกนายที่ร่วมบริจาคโลหิต ล้วนมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง มีความเต็มใจเสียสละและตั้งใจที่จะมาร่วมกันบริจาคโลหิตในครั้งนี้

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645

‘พล.ท.นันทเดช’ ชี้ 4 เหตุผลสำคัญ ทำให้ไทยอยู่ได้อีกนาน คนทั้งประเทศมี ‘พระเจ้าอยู่หัวพระองค์เดียวกัน’ อยู่ในจิตสำนึก

(29 ก.ค. 67)  พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ ‘สถาบันพระมหากษัตริย์ กับ ประเทศไทย ในอนาคต ตอนที่ 1’ ระบุว่า...

สถาบันพระมหากษัตริย์ กับ ประเทศไทย ในอนาคต ตอนที่ 1

นอกจากเรื่องสงครามนิวเคลียร์แล้ว สถานการณ์ต่างๆในประเทศไทย และของโลก ในปัจจุบัน ได้ทำให้พวกเราหลายคนกังวลว่า อีกไม่นานประเทศไทยอาจจะกลายเป็น ‘ประเทศที่ล้มเหลว’ (Failed State)ในอนาคตอันใกล้นี้ได้ !!

ผมขอยืนยันว่าประเทศไทยจะไม่มีทางเป็น Failed State แน่นอน จากเหตุผลที่ไม่เข้าเงื่อนไขหลายประการ ได้แก่

1.เงื่อนไขสำคัญของการเป็นรัฐล้มเหลว คือการที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมพื้นที่บางส่วนของประเทศได้ ซึ่งรัฐบาลไทย แม้จะขี้โกงขนาดไหน ก็ยังเป็นคนไทย ไม่กล้าปล่อยให้พื้นที่ไหนขาดการควบคุม  และประชาชนคนไทยก็ไม่ได้โง่ เพียงแต่ส่วนใหญ่อยากอยู่สงบๆ และเรียบง่าย  แต่ถ้ามีเรื่องเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติแล้ว คนไทยก็ไม่เคยนิ่งเฉยสักครั้งเลย ส่วนเหตุความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น  ถ้าจะแก้ไขปัญหากันอย่างจริงจัง ก็ย่อมทำได้ แต่ผู้คนเหล่านั้น ก็คือ คนไทย ตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ   ประกอบกับการที่ทุกคนเป็นประชาชนที่มีพระเจ้าอยู่หัวพระองค์เดียวกันอีก ดังนั้น ฝ่ายทหาร จึงมักใช้วิธีการพูดคุยกัน  เป็นหลัก ก่อนการใช้ความรุนแรงปราบปราม

2.โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่เป็นส่วนประกอบของรัฐชาตินั้น ประเทศไทยยังมีอยู่ครบถ้วน ทั้ง ด้านการศึกษา การสาธารณสุข การคมนาคม ฯลฯ ซึ่งแม้องค์กรเหล่านี้จะไม่เข็มแข็งนักเพราะต้องลู่ตามลมการเมือง แต่เราก็มี ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คอยคัดท้ายอยู่  ส่วนองค์กรทางด้านความมั่นคงส่วนใหญ่ ยังเข็มแข็ง พอที่จะป้องกันประเทศได้ หรือสามารถตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ ว่า ‘ทหารมีไว้ทำไม’

3.ปัจจุบันประเทศไทยไม่มีสงครามกลางเมือง หรือ การก่อการร้าย เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับการควบคุมได้ (หลังแจกเงินดิจิตอลแล้วค่อยมาพูดกันอีกที) ส่วนเรื่องสิทธิมนุษยชนของไทยนั้น  ดีเยี่ยมกว่าทุกประเทศในเอเซีย การตกงานแม้จะเริ่มสูงขึ้น ถึงกับมีข่าวการตกงานกันแทบทุกวัน  แต่ถ้าไม่เลือกงาน ก็ยังพอไหว สิ่งที่น่าวิตกมากสุด คือ เรื่องของการคอรัปชั่น ที่กำลังก้าวขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ตรงนี้ดูเหมือนคนไทยจะคุ้นชินกันไปซะแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วงไยพอควรทีเดียว

4.จุดแข็งของประเทศไทย คือ คนไทยเรามี สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ในจิตสำนึก แม้พระองค์จะอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่พระองค์ก็ทรงงานช่วยเหลือประชาชนอยู่ตลอดเวลา ไม่มีวันหยุด ไม่เหมือนนักการเมือง ที่มีวาระการทำงาน หมดวาระก็เลิกทำ   พระองค์จึงต่างกับนักการเมือง ที่สามารถทรงงานแก้ไขปัญหาของประชาชนได้ อย่างต่อเนื่อง และ ยังเป็นสถาบันหลักของชาติเพียงสถาบันเดียวในปัจจุบัน  ที่นักการเมืองขี้โกงทั้งหลาย และผู้ที่คิดร้ายต่อประเทศ  ยังต้องพะวงหน้าพะวังหลังอยู่  เนื่องจากรู้ดีว่า เบื้องหลังพระองค์ยังมีประชาชนจำนวนมหาศาลที่ ยืนอยู่เคียงข้างพระองค์ อย่างเงียบๆ อยู่ตลอดเวลา

ดังนั้นประเทศไทยยังอยู่ได้อีกนานครับ ไม่ต้องหนีไปไหน แต่ “ความเจริญก้าวหน้าอาจจะชะลอคงที่อยู่ ไม่รุดหน้าไปเหมือนประเทศอื่นๆ”แค่นั้น ซึ่งจะส่งผลทำให้คนไทยจะจนลงเรื่อยๆ คนชั้นกลางที่เคยเป็นผู้ออกมารักษาผลประโยชน์ของชาติ ก็จะลดน้อยลงไป

การทุจริตก็จะกลายเป็นเรื่องปกติ ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะแก้ได้หรือไม่ก็อยู่ที่ตัวเราเองด้วยครับ คิดเสียว่าในอนาคตน่าจะดีขึ้นก็ได้ครับ

ข้อเขียนเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา

‘สมเด็จพระสังฆราช’ มีพระดำรัสถวายพระพร ‘สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง’ ขอตั้งกัลยาณจิตถวายพระพรชัยมงคล ให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

(11 ส.ค. 67) เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระดำรัสถวายพระพรแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2567 ความว่า ...

ศุภมงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา ของสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ได้เวียนมาบรรจบ อีกคำรบหนึ่ง อาตมภาพในนามคณะสงฆ์ ขอตั้งกัลยาณจิตถวายพระพรชัยมงคล ให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงมุ่งมั่นบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อพสกนิกรมาเนิ่นนานกว่า 7 ทศวรรษ ทรงถึงพร้อมด้วยพระราชจริยวัตรอันสอดคล้องต้องด้วยธรรมะของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในข้อ ‘ทาน’ ซึ่งหมายถึง การให้ การแบ่งปัน การเสียสละ และการเอื้อเฟื้อ อันเป็นคุณธรรมสำคัญแห่งพุทธาทิบัณฑิตทั้งหลายมานับแต่โบราณกาล แม้สมเด็จพระบรมศาสดาจารย์ ก็ทรงสั่งสมพระทานบารมีมาแล้วนับอเนกอนันต์ชาติ อันว่าการให้ตามหลักพระพุทธศาสนานั้น จำแนกได้เป็นหลายสถาน กล่าวคือ ‘อามิสทาน’ การให้วัตถุสิ่งของ ‘ธรรมทาน’ การสั่งสอนอบรมคุณธรรมเพื่อนำออกจากทุกข์ การให้กำลังใจ และการให้วิชาความรู้ ‘อภัยทาน’ การให้ชีวิต การช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากให้ทุเลาทุกข์ภัย การยกโทษให้ผู้คิดร้าย พูดร้าย หรือทำร้าย โดยไม่พยาบาทอาฆาตจองเวร ครั้นพิเคราะห์ให้ลึกซึ้งถึงพระราชจริยวัตรและพระราชกรณียกิจของสมเด็จบรมบพิตร ย่อมเห็นประจักษ์ได้ว่าพระองค์ทรงบำเพ็ญทานทุกชนิดอย่างสม่ำเสมอ สมด้วยพระราชสมัญญา ‘แม่ของแผ่นดิน’ ผู้พร้อมเสียสละให้ทั้งอามิสทาน ธรรมทาน และอภัยทานแก่สรรพชีวิต ซึ่งทรงเพ่งพินิจว่าล้วนเป็น “ลูก” ของพระองค์ โดยไม่เลือกที่รักผลักที่ชัง ทั้งนี้ ก็ด้วยอานุภาพแห่งพระมหากรุณาธิคุณ

เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ขอปวงประชานิกร จงสโมสรสมานฉันท์ พร้อมเพรียงกันบูชาพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยการให้ปันแก่กันและกันอย่างจริงใจ เพื่อความผาสุกของลูกหลานไทยจักบังเกิดขึ้นได้ สมดังพระราชหฤทัยปรารถนา

ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และพระราชกุศลธรรมจริยา โปรดอภิบาลรักษาสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ให้ทรงบริบูรณ์ด้วยจตุรพิธพรชัย เสด็จสถิตเป็นกำลังพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเป็นมิ่งขวัญแห่งราชอาณาจักรไทย ตลอดกาลนานเทอญ

‘พรรคประชาชน’ ไร้แบนเนอร์ ‘ถวายพระพร’ ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ตอกย้ำ!! คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ‘ล้มล้างการปกครอง-เซาะกร่อนบ่อนทำลาย’

(12 ส.ค. 67) เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2567 พรรคการเมืองหลักทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ พรรคชาติไทยพัฒนา รวมทั้งพรรคเล็กพรรคน้อย ต่างทำแบนเนอร์ถวายพระพร ผ่านเพจของพรรค อย่างพร้อมเพรียงกัน ในขณะที่พรรคประชาชน ไม่ปรากฏแบนเนอร์ถวายพระพรแต่อย่างใด

ทั้งนี้นับแต่มีการก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ มาถึงพรรคก้าวไกล ก็ไม่ปรากฏมีการทำแบนเนอร์ถวายพระพรในวันสำคัญของราชวงศ์แม้แต่ครั้งเดียว และไม่มีคำอธิบายใดๆทั้งสิ้น นำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์ถึงแนวคิดของพรรคอนาคตใหม่ ก้าวไกล รวมทั้งพรรคประชาชนว่า ไม่ต้องการสถาบันพระมหากษัตริย์ ตอกย้ำด้วยคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่วินิจฉัยว่าการแก้ม.112 ของพรรคก้าวไกล เป็นการล้มล้างการปกครอง รวมถึงคดียุบพรรคก้าวไกล ล้วนแสดงให้เห็นถึงเป้าหมายของพรรคนี้ว่าไม่ต้องการการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต้องการตัดสถาบันพระมหากษัตริย์ออกจากระบอบการปกครอง

ผบ.พัน ร.7 กรม.ร.3 พล.นย.นำกำลังพลในสังกัด ร่วมลงนามถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2567

วันที่ 13 ส.ค. 67 น.ท.เมธา คงเจริญ ผบ.พัน.ร.7 กรม ร.3 พล.นย. พร้อมด้วยข้าราชการและพลทหารในสังกัด ร่วมลงนามถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2567 ผ่านระบบออนไลน์ ณ บริเวณ บก.พัน.ร.7 กรม ร.3 พล.นย. ค่ายมหาสุรสิงหนาท ต.ตะพง อ.เมืองระยอง จ.ระยอง
เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนชาวไทย
โดยผ่านระบบออนไลน์ ที่เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์ www.royaloffice.th ระหว่างวันที่ 11 – 13 สิงหาคม 2567 ตามที่รัฐบาลเชิญชวนคนไทยร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2567

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top