Wednesday, 23 April 2025
ลัทธิประหลาด

'แพรรี่' กะเทาะเปลือก ลัทธิประหลาดเฟื่องฟู เพราะผู้คนรักสบาย เจ้าลัทธิสบช่อง!! ใช้สื่อโซเชียลสร้างศรัทธาเรียกสาวก

กลายเป็นอีกประเด็นที่เริ่มสร้างความหวั่นวิตกให้สังคมอย่างมาก เนื่องจากช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้มีลัทธิประหลาดเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น 'ลัทธิเชื่อมจิต' ที่อ้างว่าสามารถนำพาให้ลูกศิษย์ลูกหาเข้าถึงนิพพานได้อย่างง่ายดายด้วยการเชื่อมจิต หรือแม้แต่ 'ลัทธิคลื่นพลังบุญ' ที่บอกว่าสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยโดยไม่ต้องจ่ายยา แต่รักษาด้วยคลื่นพลังบุญ รวมไปถึง 'ลัทธิถวายตัว' ที่ให้ลูกศิษย์สาวมีสัมพันธ์กับพระที่เป็นอาจารย์ โดยอ้างว่าจะบรรลุธรรมขั้นสูงสุดนั้น

แน่นอนว่า หลายคนคงสงสัย ว่าทำไมผู้คนจึงพากันหลงเชื่อลัทธิดังกล่าวทั้งที่ไม่มีอะไรสมเหตุสมผลเลย ? และเราจะสามารถดำเนินกับผู้ที่แสวงหาประโยชน์จากการสร้างลัทธิเหล่านี้ได้หรือไม่ อย่างไร ?

โดย 'แพรรี่' ไพรวัลย์ วรรณบุตร เน็ตไอดอลที่โด่งดังมาจากการสอนธรรมะ วิเคราะห์ว่า เหตุที่ปัจจุบันมีลัทธิแปลก ๆ เกิดขึ้นมากมายนั้นเนื่องจากสังคมไทยเป็นสังคมที่ 'ความเชื่อ' สามารถขายได้ ยิ่งในยุคที่ศรัทธาคลอนแคลน ขาดผู้นำทางจิตวิญญาณที่จะนำพาผู้คนให้ยึดถือในหลักธรรมหรือแนวทางที่ถูกต้อง เมื่อมีปัญหาด้านเศรษฐกิจหรือปัญหาชีวิตผู้คนจึงต้องการทางลัดในการแก้ปัญหา ไม่ว่าจะทำให้บรรลุในทางธรรมหรือสมหวังในทางโลก โดยไม่ต้องเหนื่อยยากในการศึกษาธรรมะหรือทุ่มเททำงาน อาทิ แค่เชื่อมจิตก็บรรลุธรรม แค่อธิษฐานก็สำเร็จ มั่งคั่งร่ำรวย จึงเกิดลัทธิแปลก ๆ ขึ้นมาตอบสนองความต้องการดังกล่าว เช่น จ่ายเงินค่าคอร์สแล้วพาไปนิพพานได้ กราบไหว้บูชาโน่นนี่แล้วสำเร็จ หรือที่เรียกกันว่า 'สายมู'

ปัจจุบันผู้นำทางศาสนาที่จะเป็นแกนหลักให้ผู้คนนั้นเหลือน้อย เวลาที่มีประเด็นเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนา ก็ไม่เห็นใครนอกจากพระพยอม กัลยาโณ สายธรรมะที่เน้นการปฏิบัติ แม้จะมี แต่ก็เหลือไม่มาก และส่วนใหญ่ท่านไม่ออกมามีแอ็กชันต่อสังคม ส่วนใหญ่มักปลีกวิเวก ไม่ออกสื่อ เน้นการสั่งสอนลูกศิษย์ลูกหาที่เข้าไปพบเท่านั้น ซึ่งอาจจะมีลูกศิษย์ลูกหาบางกลุ่มที่นำคำสอนของท่านมาเผยแพร่ในสื่อโซเชียล อย่าง สายพุทธวจนะ แต่ก็มีน้อย จึงไม่เป็นที่แพร่หลาย สู้กระแสของลัทธิต่าง ๆ ที่ใช้สื่อโซเชียลเป็นช่องทางในการโปรโมตไม่ได้

'เด็ก ม.ดังภาคอีสาน' เอะใจ!! รุ่นพี่ชวนไปค่ายจิตอาสา แต่เหมือนเข้าลัทธิ ชักจูงไปร่วมกิจกรรมแปลก อ้าง!! แลกชั่วโมงกิจกรรม ‘กยศ.’ ได้

(16 ก.ค.67) จากกรณีมีการเผยแพร่คลิปที่มีการโพสต์ในกลุ่ม ‘น้องใหม่ มมส 68’ ซึ่งผู้ใช้เฟซบุ๊กได้โพสต์ข้อความพร้อมคลิปข้อความว่า “เตือนภัยนะคะ เราโดนรุ่นพี่หลอกบอกว่าจะเป็นค่ายจิตอาสาแต่พอมาถึงเค้าให้ทำอะไรไม่รู้มีคำสอนแปลก ๆ ที่ต่างจากศาสนาพุทธ และก็ให้ทำอะไรพวกนี้ด้วย กินเจด้วย”

โดยในคลิป มีการทำกิจกรรมอยู่ภายในวิหารจีน พร้อมกับบอกให้ผู้เข้าค่ายกราบ โดยมีเสียงผ่านไมโครโฟนว่า กราบจี้กง 3 กราบ, กราบพระโพธิสัตว์ 3 กราบ, กราบจอมเทพ 3 กราบ เป็นต้น

ซึ่งภายหลังจากที่คลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็มีการเข้ามาคอมเม้นท์เป็นจำนวนมากว่า เคยไปตอนเรียนปี 1 มีการบอกว่าเป็นค่ายจิตอาสา แต่พอไปแล้วก็กลายเป็นเหมือนไปเข้าลัทธิอะไรสักอย่าง ซึ่งคอมเมนต์บางส่วนมีการบอกว่าจะได้ชั่วโมงจิตอาสาของ กยศ. แต่พอไปจริง ๆ แล้ว ก็ไม่ได้อะไรเลย ชั่วโมง กยศ. ก็ไม่ได้ 

โดยกิจกรรมดังกล่าว เป็นกิจกรรม Volunteens boost up เติมพลังนักจิตอาสา จัดขึ้นวันที่ 13-14 สิงหาคม 2567 ที่จังหวัดมุกดาหาร ในโบรชัวร์บอกว่า จะได้ชมวิวเมือง กิจกรรมฐานสนุก เจอเพื่อน 10 สถาบัน ผู้เข้าร่วมจะได้เกียรติบัตรนักจิตอาสา แชร์ประสบการณ์ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ร่วมกับเพื่อนต่างมหาวิทยาลัย และทัศนศึกษาชมความงดงามวัดภูมโนรมย์

ล่าสุด รองศาสตราจารย์ ดร.ประยุกต์ ศรีวิไล ผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า ทางมหาวิทยาลัยมหาสารคาม รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยกองกิจการนิสิต ได้รวบรวมสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งตอนนี้ยังไม่ทราบว่ามีนิสิตที่เข้าร่วมจำนวนกี่คน สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายให้กับนิสิตหรือไม่ หรือมีใครหลอกลวงนิสิตให้เข้าร่วมกิจกรรมนี้  ซึ่งหากมีนิสิตที่ถูกหลอกลวงให้ไปร่วมกิจกรรมนี้ ให้แจ้งมาที่กองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เพื่อที่จะได้รวบรวมหลักฐานต่าง ๆ ถ้าหากเป็นบุคคลภายนอก จะได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ แต่หากเป็นนิสิตหรือบุคคลภายในมหาวิทยาลัยฯ ก็จะดำเนินการลงโทษทางวินัยตามระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ประเด็นหลักที่ถูกกล่าวอ้างมาเชิญชวนนิสิตคือ การเข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับชั่วโมง กยศ.

แต่สำหรับกิจกรรมจิตอาสา กยศ. นั้นทางมหาวิทยาลัยฯ กำหนดว่า ต้องเป็นกิจกรรมที่มีผู้รับผิดชอบโครงการ รับรองกิจกรรม ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วม ซึ่งทางเพจกองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้มีการโพสต์แจ้งเตือนนิสิต ไม่ให้หลงเชื่อ อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ มหาวิทยาลัยได้เร่งดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อนิสิตของมหาวิทยาลัย

ขณะที่นิสิตสาวรายหนึ่งที่เคยเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนเคยมีประสบการณ์เข้าร่วมค่ายที่กำลังเป็นกระแสนี้ โดยขณะนั้นตนเรียนอยู่ชั้น ม.4 ผ่านมาแล้วเกือบ 10 ปี เคยไปร่วมกิจกรรมแบบนี้ 1-2 ครั้ง ให้ฟิลแบบค่ายคุณธรรม โดยเธอเล่าว่า คุณครูเป็นคนพาไป ซึ่งตอนนั้นที่ไปไม่ได้คิดอะไร เพราะว่าไปกับเพื่อน ฟิลไปค่าย ไปสถานธรรม ในค่ายจะให้กินเจ มีการกราบตามที่ปรากฎในคลิปที่ลงในโซเชียล ตอนนั้นไม่ได้รู้อะไร แต่พอมาเห็นคลิปที่มีการส่งต่อกันมาก็ เอ๊ะ เริ่มงงว่ามันเป็นยังไง อิหยังวะ

โดยกิจกรรมก็จะมีการกราบ มีการให้ทานเจ มีคำสอนเรื่อง กราบพระ กราบเทพเจ้า กี่ครั้งกี่ครั้งก็ว่าไป ซึ่งก็ไม่ได้มีการบังคับหรืออะไร อาหารเจก็โอเค ให้นอนที่สถานธรรม พอเสร็จจากกิจกรรมก็มีการ์ดเจ้าแม่กวนอิมมาให้ แล้วบอกว่าให้เก็บไว้ แต่ถ้ากินเนื้อก็จะอาเจียน ส่วนตัวก็เลยไม่เอาการ์ดไว้กับตัว และตนเองก็ทานเนื้อสัตว์ ซึ่งในขณะที่เพื่อน ๆ ที่เคยไปด้วยกันก็ทานเนื้อสัตว์กันหมดทุกคน ก็ไม่ได้มีอาการอะไร

ผบ.ตร.ลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก ตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญ สภ.นครชุม และโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนอาทรอุทิศ กำชับขยายผลคดียาเสพติด และให้ดูแลเด็กนักเรียนให้มีความรู้ความสามารถ มีจิตอาสา ยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

วันนี้ (16 กรกฎาคม 2567) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รอง ผบช.ประจำ สนง.ผบ.ตร. ลงพื้นที่บ้านน้ำกุ่ม ต.น้ำกุ่ม อ.นครไทย จ.พิษณุโลก

เพื่อตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญข้าราชการตำรวจ สภ.นครชุม และโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนอาทรอุทิศ โดยมีผู้แทนจาก สภ.นครชุม นำโดย พ.ต.ท.สุรศิลป์ สมศรี สารวัตรสถานีตำรวจภูธรนครชุม และโรงเรียนตระเวนชายแดนอาทรอุทิศ นำโดย ร.ต.ท.นพดล เพ็ญสุภา ครูใหญ่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนอาทรอุทิศ รับการตรวจเยี่ยม 

ผบ.ตร.ได้กำชับนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการสืบสวนปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง และให้สืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครชุม ในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชน

ในส่วนของ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนอาทรอุทิศ ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำครูตำรวจตระเวนชายแดนให้อบรมสั่งสอนเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ ให้มีความรู้ความสามารถ มีจิตอาสา และยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ รวมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับโทษภัยของการพนันและยาเสพติด

พร้อมกันนี้ ผบ.ตร.ได้ให้กำลังใจและมอบสิ่งของบำรุงขวัญ และเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวน 1 ชุด เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครชุม และมอบรถจักรยานให้กับนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนอาทรอุทิศ จำนวน 25 คัน ด้วย

จับ 'ลัทธิประหลาด' บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ สร้างเรื่องหลอกลวงให้คนนับถือ แถมมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง

(13 ก.ย. 67) ผู้สื่อข่าวจังหวัดกาญจนบุรีรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา นายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหากลุ่มคนบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ พร้อม นายอนันต์ โพธิ์พันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) / นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า / นายพนัชกร โพธิบัณฑิต ผู้อำนวยการส่วนยุทธการด้านป้องกันและปราบปราม ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการพิเศษ ผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (พญาเสือ) / นายคุณากร บุญเกื้อสง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ / นายศิริรัตน์ บำรุงเสนา นายอำเภอศรีสวัสดิ์ / พ.ต.อ.มานะ สำราญวงศ์ ผู้กำกับสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี / พ.ต.ชาญณรงค์ อินลา ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือน กองพลทหารราบที่ 9 เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สนธิกำลังตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 13 เจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอศรีสวัสดิ์ ตร.บก.ปทส. และกองพลทหารราบที่ 9 ลงพื้นที่ ปฏิบัติการตรวจยึดพื้นที่และดำเนินการจับกุมกลุ่มคนบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ท้องที่ บ้านองหลุ หมู่ 3 ตำบลนาสวน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี

นายวีระ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากพบกลุ่มคนไม่มีสัญชาติบุกรุกบริเวณตำบลนาสวน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ โดยตั้งเต็นท์กระโจมใต้ต้นไม้เพื่อเป็นที่พักอาศัย ทราบว่ามีอาวุธปืนไว้คอยปกป้องคุ้มครองตนเอง พฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง และมีการประสานให้สมาชิกเข้ามาในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์มากขึ้นเป็นระยะ

โดยปฏิบัติการครั้งนี้ พบกลุ่มคนกะเหรี่ยงในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ จำนวน 30 คน ประกอบด้วย ผู้ชาย 11 คน ผู้หญิง 10 คน และเด็ก 9 คน พร้อมของกลาง อาทิ ปืน 5 กระบอก เสื้อเกราะ อาวุธมีด ดาบ เลื่อยยนต์ อุปกรณ์เครื่องมือก่อสร้าง วิทยุสื่อสาร โทรศัพท์มือถือ ซึ่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นกลุ่มลัทธิประหลาดที่หลอกลวงให้คนนับถือ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมของเจ้าลัทธิประหลาด อีกทั้งประชาชนในพื้นที่ไม่เห็นด้วย สร้างปัญหา ความหวาดกลัวให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ และเป็นภัยต่อความมั่นคง

ทั้งนี้จะส่งผู้ต้องหาที่กระทำผิด ไปยังสถานีตำรวจภูธรศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ในข้อกล่าวหา 

1. พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ฐานยึดถือหรือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ตามมาตรา 19 (1) ประกอบมาตรา 41 ฐานเก็บหา นำออกไป กระทำด้วยประการใด ๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพ ซึ่งไม้ ดิน หิน ตามมาตรา 19 (2) ประกอบมาตรา 42 ฐานเข้าไปดำเนินกิจการใด ๆ เพื่อหาผลประโยชน์ ตามมาตรา 19 (6) ประกอบมาตรา 44 ฐานนำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์หรือจับสัตว์ หรืออาวุธใด ๆ เข้าไป ตามมาตรา 19 (7) ประกอบมาตรา 45 ฐานเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 20 ประกอบมาตรา 47

2. พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ฐานความผิดเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 11 ประกอบมาตรา 62 และ3.พระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช 2484 ฐานก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า ตามมาตรา 54,55 ประกอบมาตรา 72 ตรี

กรณีดังกล่าวนี้ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้มอบหมายให้นายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหากลุ่มคนบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อเป็นการรักษาผืนป่าให้คงอยู่ตลอดไป และขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันดำเนินการจนประสบผลสำเร็จ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่ามียูทูบเบอร์ชาวกะเหรี่ยง รายหนึ่งได้กล่าวเอาไว้ในยูทูบ ว่า หัวหน้าที่ถูกจับกุมมีหน้าที่คล้ายผู้ที่หลอกชาวกะเหรี่ยงทำบัตร โดยอ้างว่าสามารถเดินทางได้ 196 ประเทศ ชาวกะเหรี่ยงที่หลงเชื่อเสียเงินไปคนละ 5,000 บาท หลายราย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top