Sunday, 20 April 2025
ลอว์เรนซ์หว่อง

‘ลี เซียนลุง’ นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ปูทางให้ ‘ลอว์เรนซ์ หว่อง’ รัฐมนตรีคลัง วัย 49 ปี เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากเขา 

วันที่ 16 เมษายน 2565 รอยเตอร์สรายงานว่า “ลี เซียนลุง” นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ กล่าวว่า “ลอว์เรนซ์ หว่อง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเป็นผู้รับตำแหน่งต่อจากเขา

หว่อง ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคกิจประชาชน (PAP) รุ่นที่ 4 ซึ่งเป็นการปูทางให้เขาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ลี โพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า “แผนสำหรับลอว์เรนซ์คือให้เขารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนผม ไม่ว่าจะก่อนหรือหลัง (หาก PAP ชนะ) ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในปี 2568 และจะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากอย่างแน่นอน”

ลี ซึ่งเป็นลูกชายของ “ลี กวนยู” นายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงคโปร์ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกับบิดาของเขาตั้งแต่ปี 2547 เขามีส่วนสำคัญที่ทำให้สิงคโปร์กลายเป็นประเทศที่มั่งคั่งและมีเสถียรภาพ สามารถดึงดูดนักลงทุนและนักธุรกิจในภูมิภาค ที่เผชิญความวุ่นวายทางการเมืองบ่อยครั้ง

หว่อง อายุ 49 ปี เป็นผู้นำทางให้สิงคโปร์ผ่านการระบาดของโควิด-19 ในฐานะประธานร่วมของคณะทำงานเฉพาะกิจรับมือโควิด-19 เขาถูกจับตาจากนักวิเคราะห์ในฐานะผู้ที่จะสืบทอดตำแหน่งต่อจากลี ในวัย 70 ปี

เปิด 4 ประเด็นสำคัญ 'ลอว์เรนซ์ หว่อง' สื่อสารตรงไปตรงมากับประชาชนสิงคโปร์ ยอมรับความจริง สร้างความมั่นใจ ในวันที่โลกไม่เหมือนเดิม

(5 เม.ย. 68) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายกรัฐมนตรีลอว์เรนซ์ หว่อง ของประเทศสิงคโปร์ ประกาศเตือนประชาชนผ่านคลิปวิดีโอบนยูทูบ ‘@Lawrence_Wong’ ระบุว่า “เราไม่สามารถคาดหวังได้อีกว่า กฎกติกาที่เคยปกป้องประเทศเล็กๆ อย่างเรา จะยังดำรงอยู่เหมือนเดิม”

นายกรัฐมนตรีลอว์เรนซ์ หว่อง ระบุเพิ่มว่า “โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความจริงอันโหดร้ายที่ประเทศมหาอำนาจจะขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์ส่วนตน และใช้อำนาจทางเศรษฐกิจหรือแรงกดดันเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ…

“เราจะต้องเตรียมพร้อมทั้งทางจิตใจและการปฏิบัติ เพื่อไม่ให้ตกอยู่ในความประมาท เราไม่สามารถรอให้ภัยมาถึงหน้าประตูบ้านแล้วค่อยตั้งรับ ความเสี่ยงนั้นเป็นเรื่องจริง และเดิมพันในครั้งนี้สูงมาก”

นายกรัฐมนตรีลอว์เรนซ์ หว่อง กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบอย่างรุนแรงในเวทีการค้าโลก โดยระบุว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้สะท้อนว่า ยุคของโลกาภิวัตน์ที่ขับเคลื่อนด้วยกฎเกณฑ์และการค้าเสรีได้สิ้นสุดลงแล้ว และกำลังถูกแทนที่ด้วยโลกที่เต็มไปด้วย กำแพงภาษี การกีดกันทางการค้า และความไม่แน่นอน”

เขายกตัวอย่างการเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้นำในการส่งเสริมระบบการค้าพหุภาคีที่ยึดตามกฎ WTO (องค์การการค้าโลก) ว่า “ขณะนี้กลับกลายเป็นผู้นำในการบ่อนทำลายระบบนั้นด้วยการดำเนินนโยบายแบบทวิภาคีและตอบโต้เชิงภาษี สิ่งที่สหรัฐฯ ทำอยู่ไม่ใช่การปฏิรูประบบ WTO แต่เป็นการละทิ้งระบบที่พวกเขาเองเคยสร้างขึ้น”

แม้สิงคโปร์จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากอัตราภาษีในระดับต่ำ ประมาณ 10% จากโครงสร้างใหม่ของสหรัฐฯ แต่นายหว่องเตือนว่า “ผลกระทบเชิงระบบจะลึกและกว้างกว่านั้นมาก โดยเฉพาะหากประเทศอื่น ๆ เลือกดำเนินรอยตามแนวทางเดียวกัน ประเทศเล็กอย่างเราเสี่ยงที่จะถูกบีบ ถูกมองข้าม และถูกทิ้งไว้ข้างหลังในระบบที่ไม่เอื้อให้กับผู้เล่นขนาดเล็ก”

นายกสิงคโปร์ เน้นย้ำ จุดแข็งของประเทศ คือ ความสามัคคีและเงินสำรอง แม้ภาพรวมของโลกตอนนี้จะมีความน่ากังวล แต่นายหว่องกล่าวย้ำว่า “สิงคโปร์ยังคงมี ‘ข้อได้เปรียบเชิงโครงสร้าง’ ที่ทำให้ประเทศสามารถตั้งรับและปรับตัวได้อย่างแข็งแกร่ง”

“เรามีเงินสำรองที่มั่นคง เรามีความเป็นเอกภาพภายในประเทศ และเรามีความมุ่งมั่นที่จะยืนหยัดในหลักการของเรา” เขากล่าว “เราจะยังคงเสริมสร้างขีดความสามารถของเรา และขยายเครือข่ายความร่วมมือกับประเทศที่มีแนวคิดสอดคล้องกัน”

เขายังย้ำถึงความจำเป็นในการตระหนักรู้ต่อความเสี่ยงรอบด้าน ทั้งในระดับการค้า การเมือง และความมั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเรียกร้องให้ประชาชนทุกคนมีสติ เตรียมพร้อม และไม่ประมาทต่อคลื่นความเปลี่ยนแปลงที่กำลังซัดเข้ามา

ทางด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Aksornsri Phanishsarn ว่า…

“#ผู้นำสิงคโปร์ 🇸🇬 นายกฯ สิงคโปร์ #ไม่ชะล่าใจ ออกทีวี เน้นพูดอย่างจริงใจ พูดตรงจุดตรงใจในสิ่งที่ประชาชนกังวล/ต้องการความมั่นใจ (ไม่พูดเยิ่นเย้อ ไม่ใช้สำนวนลิเก ไม่บ้าประดิษฐ์คำ) สรุป 4 ประเด็น ตามนี้ค่ะ

1) ยอมรับปัญหา this troubled world โลกถูกปั่นป่วนไม่เหมือนเดิม กล้าพูดความจริงกับประชาชน #ไม่โลกสวย 

2) #ยอมรับความจริง เศรษฐกิจสิงคโปร์มีขนาดเล็ก small and open economy ยังไงก็ต้องพึ่งพาเศรษฐกิจโลก เสี่ยงสูงต่อปัจจัยภายนอก

3) #สร้างความมั่นใจ ในศักยภาพของสิงคโปร์ หากเกิดวิกฤต สิงคโปร์ก็ยังมี #ทุนสำรอง reserves มากพอ (มากติดอันดับ 10 ของโลก) ไว้ใช้ยามฉุกเฉินจำเป็น และจะ #สร้างเครือข่าย ความร่วมมือกับประเทศที่มีแนวคิดเหมือนกัน 

4) ขอให้เตรียมใจ be mentally prepared ขอให้มี resolute and united แล้วเราจะผ่าน #โลกที่เต็มไปด้วยปัญหา นี้ไปด้วยกัน 🇸🇬 #เน้นความสามัคคีแน่วแน่  ของคนในชาติ

คลิกฟังคลิปเต็ม นายกฯ Lawrence Wong ของสิงคโปร์ 🇸🇬 04.04.2025 https://youtu.be/A3hS93y7C0I?feature=shared


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top