Sunday, 20 April 2025
ยูโร2024

‘หอการค้าฯ’ ชี้!! บอลยูโรดันเงินสะพัด 8.7 หมื่นล้าน แต่ 6.7 หมื่นล้าน จะมาจากการเดิมพันพนันบอล

(11 มิ.ย.67) นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ในช่วงฟุตบอลยูโร 2024 จะมีการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ 20,575 ล้านบาท และมีการใช้จ่ายนอกระบบเศรษฐกิจ หรือจากการเดิมพันพนันบอล 67,044 ล้านบาท ส่งผลให้ช่วงยูโร 2024 จะสร้างเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจไทย 87,620 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับการแข่งขันฟุตบอลยูโรครั้งก่อน และมากกว่าฟุตบอลโลกในปี 2022 ที่มีเงินสะพัด 75,000 ล้านบาท

ขณะที่ ผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงฟุตบอลยูโร จากกลุ่มตัวอย่างกว่าพันคนทั่วประเทศพบว่าส่วนใหญ่จะใช้จ่ายมากกว่ายูโรครั้งก่อน โดยกิจกรรมที่มีการใช้จ่ายมากที่สุดคือ การซื้ออาหารและเครื่องดื่ม เฉลี่ยประมาณ 3,700 บาทต่อคน การทานอาหารและเครื่องดื่มที่ร้านอาหารประมาณ 4,497 บาทต่อคน และการซื้อสินค้าของที่ระลึกทีมบอล 2,475 บาทต่อคน

นอกจากนี้ยังพบว่าพฤติกรรมการเล่นพนันบอลเพิ่มสูงขึ้น โดยกลุ่มตัวอย่าง 35.6% บอกว่าตัวเองจะเล่นพนันบอล ส่วนใหญ่พนันเป็นเงินสด โดยเฉลี่ยใช้เงินประมาณ 2,000 บาทต่อนัด หรือเฉลี่ยคนละ 23,574 บาทตลอดฤดูกาล ทีมที่คนไทยส่วนใหญ่เชียร์ 3 อันดับแรกคือ อังกฤษ, เยอรมนี และฝรั่งเศส ขณะที่ทีมที่คาดการณ์ว่าจะได้แชมป์ 3 อันดับแรกประกอบด้วยอังกฤษ, ฝรั่งเศส และสเปน ตามลำดับ

นอกจากนี้ เมื่อเจาะลึกไปถึงกลุ่มผู้บริโภคพบว่า สื่อที่ใช้ในการรับชม ฟุตบอลยูโร 2024 ในปีนี้ TV เป็นสื่อที่กลุ่ม Baby Boom ใช้รับชมมากที่สุด โดยกลุ่มดังกล่าวจะใช้ในการรับชมกับครอบครัว ขณะที่การรับชมผ่าน Website และ ผ่าน APP สตรีมมิ่งจะเป็นที่นิยมของกลุ่ม Gen X และ Gen Z

สิ่งที่น่าสนใจของพฤติกรรมผู้บริโภคในการรับชมฟุตบอลยูโร 2024 ในปีนี้ คือ คนไทยส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการใช้สถานที่รับชมฟุตบอลนอกบ้านลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงฟุตบอลโลกปี 2022 ‘บ้าน’ เป็นสัดส่วนที่คนไทยมีการรับชมมากที่สุด อยู่ที่ 65.9% เพิ่มขึ้นจาก ฟุตบอลโลก2022 ที่มีสัดส่วน 34.6%

ขณะที่ร้านอาหารมีสัดส่วนการรับชมอยู่เพียง 5.7% ลดลงจาก ฟุตบอลโลก 2022 ที่มีสัดส่วน 20.7 ด้าน ลานกิจกรรม มีสัดส่วนการรับชมอยู่ 5.9% ลดลงจากฟุตบอลโลก 2022 ที่มีสัดส่วน 22.4 และ สถานบันเทิง มีสัดส่วนการรับชมอยู่ที่ 2.9% ลดลงจากฟุตบอลโลก 2022 ที่มีสัดส่วน 22.1% สิ่งที่น่าสนใจคือ บ้านเพื่อน เป็นสถานที่มีการรับชมฟุตบอลยูโร 2024 ที่มีการเติบโตสูงสุด หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 19.6% มากกว่าช่วง ฟุตบอลโลก 2022 ที่มีสัดส่วน เพียง 0.1%

‘แฟนบอล’ แห่ลงชื่อให้ ‘เยอรมนี-สเปน’ แข่งศึกยูโรใหม่ หลังมองการตัดสินของแมตช์ดังกล่าวไม่ยุติธรรม

(8 ก.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แฟนบอลเกิน 30,000 รายได้ลงชื่อบนเว็บไซต์ 'Change.org' ภายหลังจากเยอรมนีในฐานะเจ้าภาพต้องจบเส้นทางของฟุตบอลยูโร 2024 ไว้ที่รอบ 8 ทีมสุดท้าย หลังพ่ายต่อสเปนในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-2 เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้มีการเตะกันใหม่อีกครั้ง

เนื่องจาก ในเกมดังกล่าวเกิดจังหวะปัญหาขึ้นเมื่อ ‘แอนโธนี เทย์เลอร์’ ผู้ตัดสินชาวอังกฤษ ไม่เป่าให้เยอรมนีได้ลูกโทษในจังหวะที่ลูกยิงของ ‘จามาล มูเซียลา’ ไปโดนมือของ ‘มาร์ก กูกูเรยา’ กองหลังสเปนในกรอบเขตโทษช่วงต่อเวลาพิเศษ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าลูกนี้เป็นการแฮนด์บอลชัดเจน

ล่าสุดมีแฟนบอลเกิน 30,000 ราย ได้ลงชื่อบนเว็บไซต์ 'Change.org' ในการเรียกร้องให้แมตช์ดังกล่าวกลับมาเตะใหม่กันอีกครั้ง เนื่องจากมองว่าการตัดสินของ ‘แอนโธนี เทย์เลอร์’ นั้นไม่ยุติธรรม

ทั้งนี้ ‘โรแบร์โต โรเซ็ตติ’ หัวหน้าผู้ตัดสินของ ยูฟ่า ระบุถึงจังหวะปัญหาดังกล่าวว่า เขาไม่ต้องการเห็นจุดโทษที่ได้รับจากเหตุการณ์ที่แขนของกองหลังอยู่ใกล้ลำตัว

‘อังกฤษ’ ฟาดแข้ง ‘สเปน’ ในศึกยูโร 2024 งานนี้!! สูสี อาจมียื้อ ถึงฎีกาดวลจุดโทษหาผู้ชนะ

(14 ก.ค.67) ในที่สุดศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ‘ยูโร 2024’ ก็เดินทางมาถึงนัดสุดท้ายประจำทัวร์นาเมนต์ เป็นการลงสนามฟาดแข้งนัดชิงชนะเลิศ ระหว่าง ‘กระทิงดุ’ สเปน อดีตแชมป์ 3 สมัย พบ ‘สิงโตคำราม’ อังกฤษ รองแชมป์เมื่อหนก่อน แข่งขัน 02.00น. (เช้าตรู่ 10 ก.ค.) ตามเวลาไทย พีพีทีวี เอชดี หมายเลข 36 และทรู พรีเมียร์ ฟุตบอล 3 ถ่ายทอดสด

สภาพความพร้อมของทั้งสองทีม
สเปน ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ เด ลา ฟอนเต ฟอร์มยอดเยี่ยมตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ ไล่ตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มพวกเขาเก็บชัย 3 นัดรวด เช่นเดียวกับรอบน็อกเอาต์ก็เอาชนะคู่แข่งแบบไม่ต้องถึงขั้นดวลจุดโทษ จะมีเหนื่อยหน่อยก็เกมพบ เจ้าภาพเยอรมนี ที่เฉือนชัยไป 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ

สภาพทีมในเกมนี้ ‘กระทิงดุ’ ไม่สามารถใช้งาน เปดรี และอโยเซ่ เปเรซ 2 นักเตะที่บาดเจ็บ และยังต้องเช็กสภาพความฟิตของ เฆซุส นาบาส แบ็คขวาจอมเก๋า ส่วนคนอื่นๆ ไม่มีปัญหา พร้อมลงสนาม นำทัพโดย ลามีน ยามาล, นิโก วิลเลียมส์, อัลบาโร โมราตา, โรดรี, ฟาเบียน รุยซ์

ด้าน อังกฤษ ของกุนซือแกเร็ธ เซาธ์เกต โดนวิจารณ์ถึงฟอร์มการเล่นมาตลอดตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม แต่ถึงแม้จะกระท่อนกระแท่นแค่ไหนพวกเขาก็สามารถทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศได้เป็นหนที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากครั้งก่อนต้องพลาดหวัง

เกมนี้คาดว่า ‘สิงโตคำราม’ จะยังคงใช้แท็คติกกองหลัง 3 คนตามเดิม โดย ลุค ชอว์ น่าจะได้ออกสตาร์ท 11 คนแรกในตำแหน่งวิงแบ็คฝั่งซ้าย ส่วนแผงกลาง ดีแคลน ไรซ์ กับ ค็อบบี ไมนู ขณะที่แนวรุกจะใช้ ฟิล โฟเดน, จู๊ด เบลลิงแฮม และแฮร์รี เคน

สถิติการเจอกัน 5 เกมหลังสุด ค่อนข้างสูสี สเปน กับ อังกฤษ ผลัดกันแพ้-ชนะ ทีมละ 2 นัด และเสมอกัน 1 นัด โดยเจอดวลแข้งกันหนล่าสุดคือในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ปี 2018 สิงโตคำราม บุกเก็บชัยเหนือ กระทิงดุ ถึงถิ่น 3-2

- รายชื่อ 11 ตัวจริง ที่คาดว่าจะลงสนาม
สเปน : อูไน ซิมอน (GK), ดานี การ์บาฆาล, โรบิน เลอ นอร์มองด์, อายเมอริก ลาปอร์ตส์, มาร์ค กูกูเรยา, ดานี โอลโม, โรดรี, ฟาเบียน รุยซ์, นิโก วิลเลียมส์, ลามีน ยามาล, อัลบาโร โมราตา

อังกฤษ : จอร์แดน พิคฟอร์ด (GK), ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, มาร์ค เกฮี, ลุค ชอว์, บูกาโย ซากา, ค็อบบี ไมนู, เดแคลน ไรซ์, จู๊ด เบลลิงแฮม, ฟิล โฟเดน, แฮร์รี เคน

- สกอร์ที่คาด
ถึงแม้ สเปน จะโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ ซึ่งสวนทางกับ อังกฤษ อย่างเห็นได้ชัด แต่ฟุตบอลนัดชิงชนะเลิศทุกอย่างแทบจะรีเซตกันใหม่ ซึ่งดูแล้วเกมจะออกมาสูสีแน่นอน และอาจต้องเล่นกันยาวไปถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ หรืออาจถึงฎีกาดวลจุดโทษหาผู้ชนะ

'กระทิงดุ' ดับฝัน 'สิงโตคำราม' 2-1 ด้าน 'แฮรี เคน' ยังคงไร้ถ้วยต่อไป

(15 ก.ค. 67) รายงานข่าวระบุว่า การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2024 นัดชิงชนะเลิศ เป็นการดวลกันระหว่าง ‘กระทิงดุ’ สเปน ดีกรีแชมป์ 3 สมัย ดวลกับ ‘สิงโตคำราม’ อังกฤษ รองแชมป์เก่าจากหนที่แล้ว เตะกันที่สนามโอลิมเปีย สตาดิโอน กรุงเบอร์ลิน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (14 ก.ค.67)

ช่วงเริ่มเกม 10 นาทีแรก เป็นทางสเปนที่ครองบอลได้เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังไม่มีจังหวะเข้าทำที่ใกล้เคียงจะเปลี่ยนเป็นประตู จบ 45 นาทีแรก ทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ 0-0 เข้าสู่ครึ่งกลังเพียง 2 นา ที แชมป์โลก 2010 ปลดล็อกจาก ลามีน ยามาล ตัวรุกด้านขวา จ่ายขวางสนามให้ นิโก วิลเลียมส์ แปยัดด้วยซ้ายเสียบมุมเสาไกล ขึ้นนำ 1-0 ถัดมา นาที 73 ทางจู๊ด เบลลิงแฮม เขี่ยคืนให้ โคล พาลเมอร์ ตัวสำรอง กดลูกเรียดด้วยซ้ายนอกเขต ตีเสมอ 1-1

ต่อมานาทีที่ 86 ความพยายามทำประตูขึ้นนำของสเปนมาสำเร็จ จากจังหวะ มาร์ค คูคูเรยา แบ็กซ้าย จ่ายเรียดให้ มิเกล โอยาร์ซาบัล ตัวสำรอง ชาร์จจ่อ ๆ ตามหลัง 1-2 แต่เกือบทวงคืนนาที 90 อูไน ซิมอน นายทวาร ปัดลูกโหม่งของ ดีแคลน ไรซ์ ไม่พ้นอันตราย มาร์ค เกฮี ซ้ำติด ดานี โอลโม ตัวคุมเส้น

จบเกม สเปน สร้างสถิติคว้าแชมป์รายการนี้สูงสุด 4 สมัย ปี 1964, 2008, 2012 และ 2024 แซง เยอรมนี 3 สมัย ปี 1972, 1980, 1996 ขณะที่ อังกฤษ อกหัก 2 ครั้งติดต่อกัน หลังแพ้จุดโทษ อิตาลี เมื่อปี 2021 (ยูโร 2020)

รายชื่อ 11 ตัวจริง

สเปน (4-2-3-1) : อูไน ซิมอน, เอย์เมอริค ลาปอร์ต, โรบิน เลอ นอร์มองด์, มาร์ค คูคูเรยา, ดานี คาร์บาฆัล, ดานี โอลโม, ฟาเบียน รุยซ์, โรดรี, อัลบาโร โมราตา, นิโก วิลเลียมส์, ลามีน ยามาล

อังกฤษ (3-4-2-1) : จอร์แดน พิคฟอร์ด, จอห์น สโตนส์, มาร์ค เกฮี, ไคล์ วอล์คเกอร์, ดีแคลน ไรซ์, ค็อบบี เมนู, ลุค ชอว์, บูกาโย ซากา, แฮร์รี เคน, แฮร์รี เคน, จู๊ด เบลลิงแฮม, ฟิล โฟเดน

‘5 แบรนด์จีน’ ทุ่มเงินเป็นสปอนเซอร์ศึก ‘ยูโร 2024’ พร้อมผงาดขึ้นแท่นประเทศที่สนับสนุนมากที่สุด

(26 ก.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (UEFA European Football Championship) เป็นหนึ่งในการแข่งขันฟุตบอลที่มีมายาวนานและได้รับความสนใจจากบรรดาแฟนบอลทั่วโลก โดยเฉพาะแฟน ๆ ชาวจีนที่ตื่นเต้นกับการแข่งขันยูโร 2024 ในปีนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีแบรนด์จีนที่ได้เฉิดฉายในสนามฟุตบอลด้วยองค์ประกอบที่โดดเด่น แสดงให้เห็นถึงความทรงอิทธิพลของแบรนด์จีนที่กำลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในตลาดโลก

โดยในรายชื่อผู้สนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรประดับโลกอย่างเป็นทางการจำนวนทั้งสิ้น 13 รายประจำปีนี้ มีแบรนด์จีนถึง 5 ราย อันได้แก่ ไฮเซนส์ (Hisense) ผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำ, อาลีเพย์ (Alipay) แพลตฟอร์มการชำระเงินออนไลน์, อาลีเอ็กซ์เพรส (AliExpress) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน, วีโว (Vivo) ผู้ผลิตโทรศัพท์สัญชาติจีน และบีวายดี (BYD) ยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์ไฟฟ้า

นับเป็นครั้งที่สองติดต่อกันที่จีนกลายเป็นประเทศที่ครองรายชื่อผู้สนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปมากที่สุด

เนื่องจากขยายตัวอย่างรวดเร็วของการค้ากับต่างประเทศและการเติบโตของการส่งออกสินค้าจีน ทำให้แบรนด์จีนกำลังได้รับความนิยมและขยายอิทธิพลในตลาดต่างประเทศทั่วโลกมากขึ้น

ด้าน สภาการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของจีน (CCPIT) รายงานว่า ปัจจุบันมีแบรนด์จีนอยู่ในตลาดกว่า 200 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก และมี 48 แบรนด์สัญชาติจีนที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุด 500 อันดับแรกของโลก ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าส่งออก

แบรนด์จีนจำนวนมากขึ้นได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ขณะแบรนด์เองก็พยายามขยายตลาดพร้อมกับพัฒนาตนเองอย่างมีคุณภาพ ด้วยนวัตกรรมและการปรับตัวให้ตอบโจทย์ลูกค้าในท้องถิ่น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top