Monday, 16 June 2025
ยางรถยนต์

‘พิมพ์ภัทรา’ เตือน!! ปชช. เลือกซื้อยางรถยนต์มีเครื่องหมาย มอก. หลังพบร้านค้า จ.ชลบุรี แอบขายยางไม่มีมาตรฐานกว่า 800 เส้น

(30 ต.ค. 66) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภายหลังจากได้มอบนโยบายให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กวาดล้างสินค้าด้อยคุณภาพให้หมดไปจากท้องตลาดภายใน 6 เดือน ภายใต้ภารกิจ ‘Quick win’ และติดตามความคืบหน้าของภารกิจ พบการยึดอายัดสินค้าไม่ได้มาตรฐานอย่างต่อเนื่อง ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า วัสดุก่อสร้าง และสินค้าอุปโภคบริโภค

ล่าสุด สมอ. เข้าตรวจค้นร้านจำหน่ายยางรถยนต์แห่งหนึ่งในตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ที่มีการโฆษณาขายผ่านช่องทางออนไลน์ พบยางล้อรถยนต์ตกเกรดหลายขนาดที่นำมาลบยี่ห้อบนแก้มยาง จำนวน 684 เส้น และยางล้อที่ไม่มีเครื่องหมาย มอก. จำนวน 180 เส้น รวมทั้งสิ้น 864 เส้น มูลค่ากว่า 3.3 ล้านบาท ตนจึงสั่งการให้ สมอ. ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ประกอบการรายนี้ และเร่งตรวจสอบขยายผลไปถึงผู้กระทำความผิดรายอื่นต่อไปด้วย

นายวันชัย พนมชัย รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิต ภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ยางล้อเป็นสินค้าที่ สมอ. ควบคุม เนื่องจากเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน การทำ นำเข้า ต้องได้รับอนุญาตจาก สมอ. ก่อน รวมถึงร้านจำหน่ายต้องขายเฉพาะสินค้าที่ได้มาตรฐานเท่านั้น หากฝ่าฝืนจะมีความผิดตามกฎหมาย

สำหรับผู้ประกอบการรายนี้มีความผิดฐานจำหน่ายสินค้าไม่ได้มาตรฐาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ หลังจากนี้ สมอ. จะตรวจสอบเพื่อขยายผลไปถึงผู้ทำผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ดังกล่าวต่อไป

ทั้งนี้ ฝากถึงประชาชนที่กำลังมองหายางรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ หรือกำลังจะเปลี่ยนยางใหม่ ให้สังเกต เครื่องหมาย มอก. คู่กับ QR Code โดยท่านสามารถสแกนเพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของยางเส้นนั้นได้ เช่น ผู้รับใบอนุญาต รายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าที่ได้รับใบอนุญาต ก่อนตัดสินใจซื้อ และยังเป็นข้อมูลในการตรวจสอบหรือร้องเรียนในกรณีที่สินค้าไม่เป็นไปตามมาตรฐานตามที่ระบุไว้ นอกจากนี้ ให้สังเกตลักษณะภายนอกของยาง ต้องอยู่ในสภาพเรียบร้อย ที่แก้มยางต้องไม่มีร่องรอยการลบยี่ห้อ

ทั้งนี้ เพื่อความมั่นใจให้เลือกซื้อจากร้านจำหน่ายที่เชื่อถือได้ เช่น ร้านที่มีป้ายสัญลักษณ์ ‘ร้าน มอก.’ ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ประชาชนมั่นใจได้ เพราะผ่านการตรวจประเมินตามหลักเกณฑ์ของ สมอ. แล้ว และขอเตือนไปยังผู้ประกอบการที่กำลังฝ่าฝืนกฎหมาย โดยนำยางตกเกรดมาดัดแปลงโดยการลบยี่ห้อออกแล้วส่งขาย หรือนำมาประทับตรายี่ห้อใหม่ว่า การกระทำดังกล่าวถือเป็นภัยสังคม สร้างความเสียหายให้กับประชาชนถึงแก่ชีวิต หากพบการกระทำความผิดจะส่งเรื่องดำเนินคดีเพื่อเอาผิดให้ถึงที่สุด

BOI อนุมัติ ‘คอนติเนนทอล ไทร์ส’ อัด! งบลงทุนเพิ่ม 1.3 หมื่นล้าน หนุนการใช้ยางในประเทศ! เพิ่มกำลังการผลิตยางรถยนต์ 3 ล้านเส้น

(9 ต.ค. 67) นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการ ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากบอร์ดบีโอไอ ได้อนุมัติคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนโครงการผลิตยางล้อสำหรับรถยนต์และยานพาหนะอื่น ๆ (Radial Tires) ของบริษัท คอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) จำกัด มูลค่าลงทุนเพิ่มเติม 13,411 ล้านบาท โดยจะก่อสร้างอาคารโรงงานใหม่และส่วนต่อขยายของโรงงานเดิม ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 จังหวัดระยอง เพื่อขยายกำลังการผลิตยางล้อสำหรับยานพาหนะจากเดิม 4.8 ล้านเส้น เพิ่มอีกปีละ 3 ล้านเส้น รวมเป็นทั้งหมด 7.8 ล้านเส้นต่อปี และจะจ้างงานในพื้นที่เพิ่มเติมกว่า 600 คน เมื่อรวมกับการจ้างงานเดิม 900 คน จะเป็นทั้งหมดกว่า 1,500 คน โดยจะใช้วัตถุดิบหลักจากในประเทศทั้งสิ้น ได้แก่ ยางธรรมชาติและยางสังเคราะห์ ปีละกว่า 1,700 ตัน

คอนติเนนทอลกรุ๊ป ประเทศเยอรมนี เป็นผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่อันดับ 4 ของโลก ได้ก่อตั้งมานานกว่า 150 ปี ในปี 2566 กลุ่มธุรกิจยางรถยนต์ของบริษัท สามารถสร้างรายได้กว่า 14,000 ล้านยูโร หรือกว่า 5 แสนล้านบาท มีโรงงานผลิตยางรถยนต์ 20 แห่งใน 16 ประเทศทั่วโลก โดยได้เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยเป็นเวลา 15 ปี และได้จัดตั้งโรงงานที่จังหวัดระยองเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา เป็นหนึ่งในโรงงานขนาดใหญ่ในเครือคอนติเนนทัล และเป็นโรงงานที่สามารถบรรลุมาตรฐานประสิทธิภาพการใช้พลังงานในระดับสูงที่สุด โดยใช้เครื่องจักรสมัยใหม่ที่ประหยัดพลังงาน มีการใช้ระบบอัตโนมัติในการขนย้ายวัตถุดิบและสินค้า อีกทั้งได้ติดตั้งแผงโซลาร์ขนาด 6.7 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนถึงร้อยละ 13 ของการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในโรงงาน

บริษัท คอนติเนนทอล ไทร์ส ตัดสินใจขยายการลงทุนครั้งนี้ เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์และรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยโรงงานในจังหวัดระยองจะเป็นฐานการผลิตสำคัญ เพื่อจำหน่ายยางล้อให้แก่ผู้ผลิตรถยนต์และผู้ใช้งานทั่วไป ทั้งในกลุ่มรถยนต์นั่ง รถบรรทุกขนาดเล็ก รถจักรยานยนต์ รวมถึงกลุ่มยางรถยนต์เกรดพรีเมียม เช่น รุ่น MaxContact MC7 และยางสมรรถนะสูงสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าจะมีความต้องการยางล้อสมรรถนะสูงและมีความทนทานเป็นพิเศษ เพื่อรองรับระบบส่งกำลังและอัตราเร่งที่แตกต่างจากรถยนต์สันดาปภายใน โดยราคายางรถยนต์ไฟฟ้าจะสูงกว่ายางรถยนต์ทั่วไปถึง 2 - 3 เท่า 

“การขยายลงทุนครั้งใหญ่ของคอนติเนนทอล ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นต่อศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นฐานการผลิตยางรถยนต์ที่มีคุณภาพและมาตรฐานสูงระดับโลก ทั้งในเรื่องความปลอดภัย และการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ซึ่งตามกติกาใหม่ของโลก เช่น EUDR จะต้องตรวจสอบย้อนกลับไปถึงการทำสวนยางที่ไม่ทำลายป่า เพื่อก้าวสู่วิถีเกษตรยั่งยืน โดยไทยมีความพร้อมในเรื่องนี้ การขยายฐานผลิตยางรถยนต์ในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบยางธรรมชาติ และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยแล้ว ยังจะช่วยเสริมซัพพลายเชนอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยให้มั่นคงและแข็งแกร่งมากขึ้นด้วย” นายนฤตม์ กล่าว

อุตสาหกรรมยางรถยนต์ เป็นองค์ประกอบสำคัญในซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมยานยนต์ ปัจจุบันประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกยางรถยนต์อันดับ 2 ของโลก รองจากจีน ทั้งนี้ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2563 – 2567) มีผู้ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนผลิตยางรถยนต์ จำนวน 41 โครงการ เงินลงทุนรวมกว่า 112,000 ล้านบาท โดยมีผู้ผลิตระดับโลกที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทยแล้ว เช่น มิชลิน (ฝรั่งเศส), บริดจสโตน (ญี่ปุ่น), กู๊ดเยียร์ (สหรัฐอเมริกา), คอนติเนนทัล (เยอรมนี), ซูมิโตโม รับเบอร์ (ญี่ปุ่น), โยโกฮามา ไทร์ (ญี่ปุ่น), จงเช่อ รับเบอร์ (จีน), ปริงซ์ เฉิงซาน ไทร์ (จีน), หลิงหลง (จีน), เซนจูรี่ ไทร์ (จีน), แม็กซิส (ไต้หวัน) เป็นต้น 

กระทรวงอุตฯ พบ บริษัททุนจีน นำเข้ายางรถยนต์เก่า ไม่ผ่าน QC ลบยี่ห้อพิมพ์เพิ่ม Made in Thailand ย้อมเป็นยางรถใหม่ ออกขาย-ส่งออก

(6 เม.ย. 68) กระทรวงอุตสาหกรรมเปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบบริษัททุนจีนรายใหญ่ที่ตั้งโรงงานผลิตและจำหน่ายยางรถยนต์ในประเทศไทย หลังพบพฤติกรรมต้องสงสัยหลายประการ ทั้งในด้านการผลิต การใช้แรงงาน และการนำเข้าวัตถุดิบ

เบื้องต้นพบว่า บริษัทดังกล่าวนำเข้าวัตถุดิบทั้งหมดจากประเทศจีน รวมถึงใช้แรงงานฝีมือจากจีนเป็นหลัก โดยไม่จ้างแรงงานท้องถิ่นที่มีทักษะ 

พร้อมกันนี้ ยังตรวจพบว่า บริษัทมีการลักลอบนำเข้ายางรถยนต์เก่าจากจีนที่ไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย แล้วทำการ “ลบตรา-โลโก้สินค้า” ออกจากยางเหล่านั้น ก่อนกระจายไปยังร้านยางในเครือข่ายทั่วประเทศ โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภค

นอกจากนี้ ยังมีการพบว่า ยางรถยนต์ตกมาตรฐานบางส่วน ถูกนำไปพิมพ์ชื่อสินค้าใหม่ พร้อมติดฉลาก "Made in Thailand" ก่อนส่งออกจำหน่ายในราคาถูกไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์และมาตรฐานของสินค้ายางรถยนต์ไทยอย่างรุนแรง

จากการเข้าตรวจค้นโกดังเก็บสินค้าของบริษัทดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบยางที่ผ่านการแปลงสภาพถูกจัดวางรวมกับยางใหม่ อีกทั้งยังมีป้ายติดระบุชัดว่า “Export Only” สะท้อนให้เห็นถึงเจตนานำส่งสินค้าต่ำกว่ามาตรฐานออกนอกประเทศอย่างชัดเจน

ขณะนี้กระทรวงอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างการรอคำชี้แจงจากทางบริษัท เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรัดกุม และพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายหากพบการกระทำความผิดจริง โดยจะนำผลสอบเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อพิจารณาใช้มาตรการต่าง ๆ ต่อไป

ในส่วนของสิทธิพิเศษตามโครงการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่บริษัทได้รับนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเข้าข่ายการละเมิดเงื่อนไขหรือไม่ ซึ่งเป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในการพิจารณา

ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเร่งดำเนินการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน เพื่อปกป้องผู้บริโภค และรักษาชื่อเสียงของสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการกระทำที่ขาดจริยธรรมและละเมิดมาตรฐานสากล

‘ไซลุน ไทร์’ เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ชูเทคโนโลยี Ecopoint³ เอาใจสาย Performance ยกระดับสมรรถนะยาง ให้เต็มพิกัด

(1 มิ.ย. 68) มร.บรูซ โจว รองประธานบริษัท ไซลุน กรุ๊ป และกรรมการบริหารภูมิภาคการขายเอเชีย (Mr.Bruce Zhou Vice President of Sailun Group and Executive Director of  Asia Sales Region) เปิดเผยว่า “ในปี 2567 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีแห่งการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของไซลุน ไทร์ โดยมีรายได้รวมกว่า 4.436 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตขึ้น 22.42% ก้าวขึ้นสู่อันดับที่ 1 ของบริษัทผู้ผลิตยางที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของจีน และครองอันดับที่ 10 ของโลกในบรรดาบริษัทผู้ผลิตยางชั้นนำ อีกทั้ง ไซลุน ไทร์ ยังครองอันดับหนึ่งในด้านอัตราการเติบโตของรายได้และปริมาณยอดขาย สะท้อนถึงศักยภาพของแบรนด์และการยอมรับในตลาดโลก 

การจัดอันดับของ Brand Finance ประจำปี 2025 ไซลุน ไทร์ เป็นบริษัทจีนเพียงหนึ่งเดียวที่ติดอันดับ Top 10 แบรนด์ยางที่มีมูลค่าสูงสุดของโลก  แสดงถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ในระดับสากล  นอกจากนี้  ในด้านการแข่งขันระดับนานาชาติ ไซลุน ไทร์ ยังเป็นผู้จัดหายางอย่างเป็นทางการของการแข่งขัน F4 และมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ FIA โดยจัดหายางสมรรถนะสูงสำหรับการแข่งขันในหลายประเทศ ถือเป็นการยกระดับเทคโนโลยียางของจีนในเวทีระดับโลกอีกด้วย สำหรับเทคโนโลยียางรุ่น EcoPoint³  ที่เปิดตัวใหม่ เป็นผลลัพธ์ของการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเทคโนโลยียางสมรรถนะสูงที่พัฒนาขึ้น โดยยาง SAILUN มีคุณสมบัติเด่นทั้งด้านการควบคุมที่แม่นยำ การเบรกบนถนนเปียก ความต้านทานการหมุน และความเงียบขณะขับขี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมีอากาศร้อนชื้นและสภาพถนนที่หลากหลาย ยาง EcoPoint³ สามารถมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัย มั่นคงในทุกสภาพถนน รวมถึงประหยัดพลังงาน ตอบโจทย์แนวคิด “เทคโนโลยีเปลี่ยนการขับขี่”

สำหรับประเทศไทยถือเป็นตลาดสำคัญในกลยุทธ์ของภูมิภาคเอเชีย โดยทาง ไซลุน ไทร์ (ไทยแลนด์) ได้ร่วมมือกับบริษัท เค พี เอส แอ็คเซสเซอรี่ส์  จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่ายยาง SAILUN อย่างเป็นทางการในประเทศไทย  ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงการจับมือทางธุรกิจ แต่ยังเป็นการหลอมรวมแนวคิด เพื่อขยายความแข็งแกร่งในด้านผลิตภัณฑ์ ช่องทางจำหน่าย แบรนด์ และการบริการ  ในตลาดประเทศไทย โดยในอนาคต ไซลุน ไทร์ จะยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่น  พร้อมร่วมมือกับ บริษัท เค พี เอส แอ็คเซสเซอรี่ส์  จำกัด และพันธมิตรในการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง  มืออาชีพ และเข้าถึงได้”

มร.สตีฟ จาง ผู้อำนวยการทั่วไปประจำประเทศไทยและกัมพูชาของบริษัท ไซลุน ไทร์ (ไทยแลนด์) จำกัด (Mr.Steve Zhang General Manager of Thailand and Cambodia, Sailun Tire (Thailand) co., Ltd) กล่าวว่า “ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดยางรถยนต์ที่มีความคึกคักที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไซลุน ไทร์ จึงได้จัดตั้งสำนักงานขายในประเทศไทย พร้อมสร้างเครือข่ายคลังสินค้าและโลจิสติกส์ครอบคลุมทั้งประเทศ และทีมบริการหลังการขายที่เป็นคนไทย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และใกล้ชิดยิ่งขึ้น

นวัตกรรมสำคัญที่สร้างชื่อให้กับแบรนด์นี้ก็คือ เทคโนโลยี Ecopoint³ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสารประกอบอย่างขั้นสูงที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก  ด้วยกระบวนการ “LPM (Liquid Phase Mixing)” หรือการผสมยางในสถานะของเหลว ซึ่งช่วยให้ยางธรรมชาติ ซิลิกา และสารเสริมแรงต่างๆ สามารถผสมผสานเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบในระดับโมเลกุล ส่งผลให้โครงสร้างเนื้อยางมีความสม่ำเสมอ แข็งแรง ยึดเกาะถนน ลดแรงต้านการหมุน ทำให้พร้อมรองรับสมรรถนะในทุกสภาวะการใช้งาน เพื่อยกระดับสมรรถนะยางใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ ความปลอดภัยในการขับขี่ ด้านความทนทาน และประสิทธิภาพด้านการประหยัดพลังงาน ซึ่งเหนือกว่ายางทั่วไป โดยยังคงรักษาความสมดุลในทุกด้านของสมรรถนะไว้อย่างครบถ้วน  และด้วยความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการวิจัยและกระบวนการผลิตที่ทันสมัย ครอบคลุมศูนย์วิจัยและเครือข่ายการผลิตทั้งเอเชีย ยุโรป และอเมริกา ทุกเส้นยางล้วนได้รับการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด พร้อมด้วยสิทธิบัตรกว่า 3,500 รายการ  นับเป็นบทบาทสำคัญในการร่วมกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมยางระดับสากล  

สำหรับช่องทางจัดจำหน่ายยางรถยนต์ “ EcoPoint³ และ SAILUN” ปัจจุบัน ทางบริษัท เค พี เอส แอ็คเซสเซอรี่ส์  จำกัด เป็นผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ สามารถติดตามข่าวสาร และรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Facebook : kps-accessories / Facebook : SAILUN TIRE THAILAND และ Facebook : EcoPoint3 Thailand  หรือ โทร.02-751-1853


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top