Sunday, 8 June 2025
มูลนิธิเมาไม่ขับ

‘ตำรวจ’ ร่วมกับ ‘วิริยะประกันภัย’ และ ‘มูลนิธิเมาไม่ขับ’ มอบเงินรางวัล โครงการ “7 วัน 7 คลิป 7 หมื่น” ให้เจ้าของคลิป รางวัลละ 10,000 บาท และแถลงผลการจับกุมรถที่มีควันดำเกินกฎหมายกำหนดในพื้นที่ กทม.

วันนี้ (18 ม.ค. 65) เวลา 10.30 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.) พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.เชษฐา  โกมลวรรธนะ จตร.(หน.จต.)/หัวหน้าคณะทำงาน งานตรวจสอบติดตามประเมินผล ศจร.ตร. พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผบช.ศ./หัวหน้าคณะทำงาน งานพัฒนามาตรฐานระบบงานจราจร ศจร.ตร. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พร้อมด้วย คุณกานดา วัฒนายิ่งสมสุข ที่ปรึกษาฝ่ายการตลาด บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ  ผู้แทนสถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์  สวพ.91 และสถานีวิทยุ จส.100  ร่วมแถลงผลการพิจารณามอบรางวัลและเกียรติบัตรในโครงการอาสาตาจราจร “7 วัน 7 คลิป 7 หมื่น” ให้แก่เจ้าของคลิปวีดีโอที่ได้รับคัดเลือกจำนวน 7 คลิป  

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีประชาชนได้ส่งคลิปวีดีโอเข้าร่วมโครงการ“7 วัน 7 คลิป 7 หมื่น”  ซึ่งวัตถุประสงค์หลักของโครงการดังกล่าว คือ ให้ประชาชนทุกคนร่วมเป็นอาสาตาจราจร ประชาชนสามารถส่งข้อมูลพยานหลักฐานเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือ การกระทำความผิดบนท้องถนนต่าง ๆ ผ่านทางกล้องหน้ารถ หรือโทรศัพท์มือถือ โดยสามารถส่งคลิปวีดีโอผ่านช่องทางมูลนิธิเมาไม่ขับ ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร.  จส.100 และ สวพ.91ในช่วง 7 วันของการควบคุมเข้มข้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 จำนวนกว่า 30 คลิป  ซึ่งมูลนิธิเมาไม่ขับได้เป็นผู้พิจารณาคัดเลือกคลิปวิดีโอโดยมีหลักเกณฑ์การคัดเลือก คือ  

1) กรณีการกระทำผิดกฎจราจรสำคัญ - เป็นคลิปวิดีโอที่สามารถช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี หรือเป็นข้อมูลให้เข้มงวดกวดขันจับกุมการกระทำผิด หรือเป็นตัวอย่างอุทาหรณ์ไม่ให้ประชาชนทำผิดกฎหมาย

2) คดีอุบัติเหตุจราจร – เป็นคลิปที่สามารถใช้เป็นพยานหลักฐานในทางคดีให้กับพนักงานสอบสวน

เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด สามารถชี้ตัวคู่กรณีฝ่ายที่กระทำผิดได้   

ซึ่งผลการพิจารณาของมูลนิธิเมาไม่ขับ มีคลิปวิดีโอที่ได้รับรางวัลจำนวน 7 คลิป ดังนี้ 

(1) คลิปกล้องหน้ารถ - รถฟอร์จูนเนอร์ ชนรถหลายคันและขับหลบหนี /สน.พหลโยธิน

(2) คลิปโทรศัพท์มือถือ - ผู้ขับขี่มีอาการเมาสุรา ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ /สภ.คูคต

 (3) คลิปกล้องหน้ารถ - อุบัติเหตุรถกระบะเฉี่ยวชน รถจักรยานยนต์ /สภ.เชียงขวัญ จว.ร้อยเอ็ด

 (4) คลิปกล้องหน้ารถ - รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ขับขี่ย้อนศรถนนคู้บอน  /สน.คันนายาว

 (5) คลิปโทรศัพท์มือถือ - รถจักรยานยนต์ ขับขี่บนทางด่วนกาญจนาภิเษก

 (6) คลิปกล้องติดหมวกนิรภัย - รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกัน แล้วขับหลบหนี  /สน.หลักสอง 

 (7) คลิปโทรศัพท์มือถือ - ผู้ขับขี่ขับรถเกิดอุบัติเหตุและมีอาการเมาสุรา /สภ.เมืองเชียงใหม่ 

ซึ่งทางคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ ของศูนย์บริหารงานจราจร ตร. ได้ส่งข้อมูลให้สถานีตำรวจพื้นที่รับผิดชอบดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว ทั้งนี้ โครงการนี้ยังมีการดำเนินการต่อเนื่องและมอบรางวัล ให้เป็นประจำทุกเดือน เดือนละ 10 คลิป รวมเป็นเงิน 50,000 บาทต่อเดือน จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ส่งข้อมูลพยานหลักฐานเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือการกระทำความผิดบนท้องถนนต่าง ๆ ผ่านทางกล้องหน้ารถ หรือโทรศัพท์มือถือ พร้อมแจ้งข้อมูลชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ผู้แจ้งข้อมูล ตามช่องทางดังกล่าวข้างต้นได้  โดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะปกปิดข้อมูลของผู้แจ้ง

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ (PM2.5) มีค่าสูงเกินมาตรฐานในหลายพื้นที่  โดยเฉพาะในพื้น กทม. ซึ่งในส่วนงานจราจร  ศจร.ตร. ได้สั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มมาตรการตรวจจับรถที่มีค่าควันดำเกินมาตรฐาน โดยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมการขนส่งทางบก กรมควบคุมมลพิษ กรุงเทพมหานคร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพื้นที่ เพื่อตั้งจุดตรวจรถควันดำ ทั้งรถบรรทุก รถสาธารณะ และรถกระบะส่วนบุคคล สำหรับในเขตพื้นที่กทม. นั้นมีการตั้งจุดตรวจ จำนวน 20 จุด แบ่งเป็น จุดตรวจตั้งถาวร จำนวน 15 จุด  และจุดตรวจแบบเคลื่อนที่ (Mobile) จำนวน 5 จุด

โดยสถิติที่ผ่านมาในปี 2564  มีการเรียกตรวจรถรถบรรทุกและรถสาธารณะ รวมจำนวน 125,974 คัน มีค่าควันดำเกินกำหนด 51,625 คัน รถกระบะส่วนบุคคล รวมจำนวน 127,141 คัน มีค่าควันดำเกินกำหนด 52,176 คัน รวมมีรถควันดำเกินกำหนดทั้งสิ้น 103,802 คัน ออกคำสั่งห้ามใช้รถรวมทั้งสิ้น จำนวน 4,689 คัน และในปีนี้เฉพาะในช่วงวันที่ 1- 15 ม.ค.65  มีการเรียกตรวจรถบรรทุกและรถสาธารณะรวมจำนวน 3,748 คัน มีค่าควันดำเกินกำหนด 1,482 คัน  รถกระบะส่วนบุคคล รวมจำนวน 4,667 คัน  มีค่าควันดำเกินกำหนด 919 คัน รวมมีรถควันดำเกินกำหนด 2,401 คัน ออกคำสั่งห้ามใช้รถรวมทั้งสิ้น จำนวน 88 คัน ทั้งนี้ บช.น. ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจจับรถที่มีค่าควันดำ โดยหากเป็นรถบรรทุกหรือรถสาธารณะจะมีโทษปรับสูงสุดถึง 50,000 บาท (ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก) ส่วนรถส่วนบุคคล จะมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท (ตามกฎหมายว่าด้วยจราจรทางบก) และจะถูกออกคำสั่งห้ามใช้รถตามกฎหมายทั้งห้ามใช้ชั่วคราวและห้ามใช้เด็ดขาด

ในส่วนของมาตรการการดำเนินคดีกับรถจักรยานยนต์นั้นในช่วงวันที่ 15 พ.ย.64 ถึง 16 ม.ค.65  มีผลการจับกุมข้อหา ขับรถย้อนศร รวม   53,403 ราย ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร  27,466 ราย ขับรถรถจักรยานยนต์บนทางเท้า 7,293 ราย  ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว 2,284 ราย  และดำเนินคดีข้อหาขับรถโดยไม่คำนึ่งถึงความปลอดภัยเป็นจำนวน 70 ราย  รวมผลการดำเนินการทั้ง 4 ข้อหา จับกุมรวมทั้งสิ้น 90,446 ราย แบ่งเป็น รถ จยย.ทั่วไป 74,832 ราย รถ จยย.เดลิเวอรี่  10,869  ราย และรถ จยย.สาธารณะ 4,718 ราย

 

ร่วมรำลึกวันเหยื่อโลก จี้รัฐบาลไทยเอาจริงนโยบายลดตายบนท้องถนน

เมื่อวันที่ (17 พ.ย. 67) ณ บริเวณหน้าสำนักงานองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ มูลนิธิเมาไม่ขับ ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กรุงเทพมหานคร กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สโมสรโรตารี่ประเทศไทย ภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุภาครัฐ ภาคเอกชน ได้ร่วมกันจัดงานวันโลกรำลึกถึงผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน ( World Day of Remembrance for Road Traffic Victims) ขึ้น โดยมีบุคคลสำคัญจากองค์กรทั้งในประเทศและต่างประเทศมาร่วมงาน อาทิเช่น นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ที่ปรึกษาคณะกรรมการพิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกันและลดอุบัติเหตุเพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนน รัฐสภา, ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, HE. Mr. Jean-Claude Poimbœuf เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย, นายนิกร จำนง ประธานกรรมการมูลนิธิประชาปลอดภัย, Mr. Ishtiaque Ahmed, Economic Affairs Officer, Sustainable Transport Section, Transport Division, UNESCAP ผู้แทน UNESCAP,Thailand,  Dr Jos Vandelaer ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย,  Mr.Dave Thomas อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย, นางสาวภัทร์ศรี สุวิมล ผู้ว่าการโรตารี่ ภาค 3350 ผู้แทนโรตารี่ประเทศไทย, นายปรีชา กลิ่นแก้ว เลขาธิการโครงการถนนปลอดเหตุชีวิตปลอดภัย โรตารี่ประเทศไทย, นางรัชนี สุภวัตรจริยากุล (คุณแม่หมอกระต่าย), นายมหาโภคัย ขำกระแสร์  บิดาเด็กชายณัฐพงศ์ ขำกระแสร์ ครอบครัวเหยื่อรถบัสนักเรียน จังหวัดอุทัยธานี, นายอนุสรณ์ แก้วใจ (บิดา) นางสุจิตร รอดจิตร์ ( มารดา ) (เด็กชายสิริณัฏฐ์ แก้วใจ ) ครอบครัวเหยื่อรถบัสนักเรียน จังหวัดอุทัยธานี, นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ, ดร.อุดม หงส์ชาติกุล ผู้ก่อตั้งSocial Lab Thailand, นางสาววารุณี ซื่อสัตย์สกุลชัย ผู้จัดการแผนกกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท วิริยะประกันภัยจำกัด (มหาชน ), ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด, เรืออากาศเอกนายแพทย์อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน, ผู้แทนมูลนิธิปอเต็กตึ๊ง, ผู้แทนมูลนิธิร่วมกตัญูญู, ผู้แทนสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.), ผู้แทนสำนักงานคุมประพฤติกรุงเทพมหานคร 2  แขกผู้มีเกียรติ พร้อมด้วยเหยื่อเมาแล้วขับผู้สูญเสีย  มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ในฐานะฝ่ายประสานงานการจัดงานวันโลกรำลึกถึงเหยื่อผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ( World Day of Remembrance for Road Traffic Victims) เปิดเผยว่า ย้อนหลังไปในอดีต ภัยธรรมชาติได้สร้างความสูญเสียให้กับประชากรโลกเป็นอันดับหนึ่ง แต่ล่วงมาถึงปัจจุบัน ภัยจากน้ำมือมนุษย์ได้สร้างความหายนะให้กับประชากรโลกมากกว่าภัยธรรมชาตินับร้อยนับพันเท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากอุบัติเหตุจราจรที่ได้คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ ในปีหนึ่ง ๆ ไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านคน หรือเฉลี่ยวันละ 4,100 คน สำหรับประเทศไทยผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเฉลี่ย 17,000 คนต่อปี บาดเจ็บอีกปีละไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน เหตุนี้องค์การสหประชาชาติจึงได้กำหนดให้วันอาทิตย์ที่สามของเดือนพฤศจิกายน ของทุกปี เป็นวันโลกรำลึกถึงเหยื่อผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ( World Day of Remembrance for Road Traffic Victims) เพื่อเชิญชวนให้คนทั่วโลกได้รำลึกถึงผู้ที่จากไปจากอุบัติเหตุจราจร สำหรับประเทศไทย มูลนิธิเมาไม่ขับได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุภาครัฐ เอกชน โดยการสนับสนุนจากสำนักงาน ยูเอ็นเอสแครป ประจำประเทศไทย จัดงานวันโลกรำลึกถึงเหยื่อผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุบนท้องถนน มาตั้งแต่ปีพ.ศ.2549 ทั้งนี้เพื่อเป็นการเชิญชวนให้คนไทยร่วมรำลึกถึงเหยื่อจากอุบัติเหตุจราจรที่จากไป ต่อมาสมัยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2556 กำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 3 ของเดือนพฤศจิกายน เป็นวันโลกรำลึกถึงเหยื่อผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ( World Day of Remembrance for Road Traffic Victims) และเป็นวันสำคัญของชาติตามประกาศขององค์การสหประชาชาติ เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่า มูลนิธิเมาไม่ขับและภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนทำงานขับเคลื่อนเพื่อการลดอุบัติเหตุทางถนนมายาวนาน สิ่งที่คาดหวังและอยากเห็นมากที่สุดในชีวิต คือรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นชุดใดที่เข้ามาบริหารประเทศให้ความสำคัญกับการลดการเสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนที่เป็นรูปธรรม มีการกำหนดตัวชี้วัดชัดเจน เพราะความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนมีมูลค่ามหาศาล คิดเป็นความเสียหายทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาทต่อปี คนไทยต้องสังเวยชีวิตบนท้องถนนปีละ 17,000 คน บาดเจ็บเกือบ 1 ล้านคน จนกลายเป็นโศกนาฏกรรมบนท้องถนนที่คนไทยต้องเผชิญ อยากขอวิงวอนรัฐบาลภายใต้การนำของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะคนรุ่นใหม่ กำหนดนโยบายหยุดโศกนาฏกรรมบนท้องถนนอย่างจริงจัง โดยเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนช่วยเจ้าหน้าที่จัดการกับคนที่ไม่เคารพกฎแห่งความปลอดภัยบนท้องถนน เพราะลำพังเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ตนเชื่อว่าปัจจุบันประชาชนที่ขับขี่รถบนท้องถนนมีกล้องหน้ารถ มีโทรศัพท์มือถือ ทุกคนพร้อมจะช่วยเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจัดการปัญหานี้ เพียงแต่รัฐบาลต้องแก้กฎหมายเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนช่วย อาทิเช่น แก้กฎหมายให้ผู้แจ้งได้รับส่วนแบ่งค่าปรับจากผู้กระทำความผิดกฎจราจร เพื่อเป็นแรงจูงใจ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top