(5 มี.ค. 68) นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ผลงาน Trump 2.0 !!! จากความปั่นป่วนวุ่นวายที่ President Trump สร้างในช่วงที่ผ่านมา
เปิดศึก Trade Wars กับทุกประเทศ แบบไม่เลือกหน้า ทั้งกับ อดีตมิตรประเทศ เช่น แคนาดา เม็กซิโก ที่กำลังจะกลายเป็น อดีตมิตรประเทศ เช่น สหภาพยุโรปที่ยังเป็นมิตรประเทศ เช่น ญี่ปุ่น กับ คู่แข่ง เช่น จีน โดยประกาศขึ้นภาษีนำเข้า Tariffs ใน 3 ระดับ ระดับประเทศ ในทุกสินค้า ระดับอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเหล็กกล้า อลูมินัม และต่อไป ยานยนต์ ยา ชิป ไม้ ฯลฯ ระดับบริษัท ที่เริ่มจากการห้ามการส่งออก Technology และในอนาคตจะมุ่งเป้าไปยังบางบริษัท เพื่อตอบโต้จีนที่ประกาศไม่ให้ขาย Critical Minerals ให้กับบริษัทสหรัฐอีก 15 บริษัท และกำหนดชื่ออีก 10 บริษัทไม่ให้ลงทุน หรือค้าขายกับจีน
ทั้งหมดนี้ ทำให้นักลงทุนกังวลใจ ไม่แน่ใจกับอนาคตของบริษัทต่างๆ ในสหรัฐ ว่าจะโดนตอบโต้มากน้อยแค่ไหน ทั้งจากสินค้าธรรมดาเช่น ไวน์ สุรา ที่แคนาดาไม่ให้วางขายสัญญากับ Starlink ที่ถูกฉีกโดยแคนาดาในยุโรป เช่นที่ สวีเดน เดนมาร์ค ที่คนกำลังรณรงค์ไม่ให้ซื้อสินค้าสหรัฐ บริษัท Haltbakk Bunkers ของนอร์เวย์ที่ประกาศไม่เติมน้ำมันให้กับเรือรบของสหรัฐและอื่นๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้น ขยายเป็นวงกว้าง
ยิ่ง President Trump ประกาศเพิ่มความเข้มข้น เอาจริงเรื่อง Trade War เร่งขึ้น Tariffs เป็นลำดับ จีน 10% เป็น 20% สั่งให้ดำเนินการเก็บจริง กรณีแคนาดาและเม็กซิโก และเตรียมเก็บ Reciprocal Tariffs เพิ่มในเดือนเมษายน สร้างความไม่แน่นอนในระบบเศรษฐกิจการค้าโลกอย่างไม่เป็นมาก่อนรวมถึงผลกระทบต่อเงินเฟ้อ เศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งหมดนี้ ได้ทำให้ดัชนีหลักทรัพย์สำคัญของสหรัฐที่เคยดีใจว่า Mr. Donald J Trump กำลังเป็นประธานาธิบดีอีกรอบ ขึ้นไปทำ New High หลังรู้ผลเลือกตั้งเมื่อ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมาล่าสุด เมื่อเทียบกับวันเลือกตั้ง
S&P500 ได้เริ่มติดลบ -4.61 จุด หรือ -0.08% Nasdaq ติดลบ -154.01 จุด หรือ -0.84% Dow Jones ยังบวกอยู่นิดๆ +299.11 จุด หรือ +0.71% แต่อีกไม่นาน ก็คงติดลบเช่นกัน ยิ่งถ้าเทียบกับวันที่ 20 มกราคมที่เข้ามา ทุกดัชนีติดลบหมดแล้วเรียบร้อย !!! S&P500 -3.64% Nasdaq -6.85% Dow Jones -2.22%!!!
จึงกล่าวได้ว่า จากที่เคยแอบมีความหวัง กลายเป็นเริ่มกังวลใจมาก จากการแผลงฤทธิ์ ในช่วงที่ผ่านมา
ยิ่งท่านประธานาธิบดีบอกว่า Just Getting Started ในอนาคตเมื่อ สงครามการค้าเข้าสู่การต่อสู้เต็มรูปแบบ เปิดศึกครบทุกด้าน และได้รับการตอบโต้ในมิติต่างๆ ความกังวลใจก็คงหนักหน่วงกว่านี้ ผลกระทบก็คงจะรุนแรงกว่านี้
ผลตอบแทนของการลงทุนของเรา จะไม่ขึ้นกับเศรษฐกิจ ธุรกิจอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ขึ้นกับสิ่งที่ท่านจะประกาศ ที่จะเขียนใน Social Media และที่จะเลือกทำ และทำให้แรงขึ้น หากอีกข้างไม่สยบยอม
ทั้งหมดนี้ จะเป็น Uncertainty เป็นความไม่แน่นอนอย่างยิ่งให้กับโลกการเงิน ที่เบอร์ 1 ของโลก ที่ปกติจะพยายามรักษาความสงบของโลก ได้กลายร่างมาเป็นผู้ทุบระบบเสียเอง
บอกว่า ที่ทำเช่นนี้ เพราะกำลังถูกเอาเปรียบจากระบบปัจจุบัน ทั้ง ๆ ที่เป็นระบบที่เขาสร้างขึ้นมา ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ขอเป็นกำลังใจอย่างยิ่งให้กับทุกคน ในยุคโลกปั่นป่วนครับ