Wednesday, 23 April 2025
พิเชษฐ์เชื้อเมืองพาน

'รองปธ.สภาฯ' ครวญ!! เสียดายผลการศึกษากลายเป็นเศษกระดาษในถังขยะ  แนะ!! 'เร่งเดินหน้า-ล่ารายชื่อ' เสนอ พ.ร.บ.บริหารคลองไทย

เมื่อวานนี้ (15 ส.ค. 66) ตัวแทนจากสมาคมคลองไทยภาคประชาชน นำโดย น.ส.เสาวณี ทองทรัพย์ นายกสมาคมคลองไทยภาคประชาชน, พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร ที่ปรึกษาสมาคม, ดร.สุเมต สุวรรณพรหม อุปนายกสมาคมฯ, ดร.สถาพร เขียววิมล ที่ปรึกษาสมาคม, นายเฉลียว คงตุก ที่ปรึกษา และตัวแทนจากจังหวัดต่าง ๆ ในภาคกลาง, ภาคตะวันออก เดินทางเข้าพบ เพื่อแสดงความยินดีกับ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ที่ได้รับเลือกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฏร

ในโอกาสนี้ น.ส.เสาวณี ในฐานะนายกคลองไทยภาคประชาชน ได้กล่าวรายงานถึงการริเริ่มก่อตั้งสมาคมคลองไทยภาคประชาชน พร้อมแจ้งถึงวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งสมาคมฯ ความว่า สมาคมคลองไทยภาคประชาชนก่อตั้งขึ้นมามีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนให้ศึกษาคลองไทยในเชิงลึกและในการขุดคลองไทย เพื่อร่วมในการบริหารจัดการร่วมกับภาครัฐ โดยการออกพระราชบัญญัติคลองไทย เพื่อการศึกษาและวิจัยร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อดำเนินการหรือร่วมมือกับองค์กรการกุศลและองค์กรสาธารณประโยชน์ในการทำกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ เป็นศูนย์กลางการสื่อสารและประชาสัมพันธ์คลองไทย และสมาคมจะไม่ดำเนินการเกี่ยวกับการเมืองแต่ประการใด

ดร.สุเมต กล่าวเสริมว่า วุฒิสภาชุดก่อนโน้นเคยตั้งกรรมมาธิการขึ้นมาศึกษาเรื่องการขุดคอคอดกระ ซึ่งสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ และมูลนิธิร่วมพัฒนาภาคใต้ ได้เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย โดยมีท่าน พล.อ.ดรุณ โสถิพันธ์ เป็นทั้งนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ และประธานมูลนิธิร่วมพัฒนาภาคใต้ เห็นว่า ดร.สุเมตเรียนจบวิศกรรมศาสตร์ และทำงานเป็นวิศวกร ได้มอบหมายให้ ดร.สุเมต ดูแลและติดตามเรื่องคอคอดกระอย่างใกล้ชิด และปัจจุบันมูลนิธิร่วมพัฒนาภาคใต้ได้เปลี่ยนมือมาเป็นท่านประพันธ์ บุณยเกียรติ์ ก็ยังให้ความสำคัญกับการขุดคลองไทย สมาคมชาวปักษ์ฯ ก็เคยจัดเสวนาเรื่องคลองไทยมาแล้ว 2 ครั้ง เคยเห็นท่านพิเชษฐ์แอบไปนั่งฟังอยู่ด้วย ท่าน พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ ก็มอบหมายให้ ดร.สุเมตติดตามเรื่องคลองไทยอย่างใกล้ชิดเช่นกัน

"ในฐานะคนทำสื่อ จัดรายการวิทยุอยู่คลื่น 90.5 เมื่อมีโอกาสก็จะนำเสนอให้ข้อมูลคลองไทยกับผู้ฟังมาโดยตลอด"

ดร.สุเมต กล่าวอีกว่า "เมื่อท่านพิเชษฐ์มาทำเรื่องระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ทำและพูดเรื่องคลองไทย มีคนกล่าวขานถึงท่านพิเชษฐ์กันมาก พูดกันถึงขนาดว่า เมื่อไหร่พรรคเพื่อไทยจะส่งผู้สมัครตัวจริงมาลงสมัครรับเลือกตั้งภาคใต้เสียที ภาคใต้ไม่ใช่เฉพาะประชาธิปัตย์ ประชาชนพร้อมที่จะเลือกคนที่มีความรู้ความสามารถ การเลือกตั้งสองครั้งที่ผ่านมาก็ได้พิสูจน์แล้ว"

ด้านนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ในฐานะอดีตประธานกรรมาธิการวิสามัญศึกษาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ที่มีรายงานผลการศึกษาแต่ถูกสภาตีตกไปนั้น ได้กล่าวว่า "พวกเรามีหน้าที่ในการทำต่อไป มาเริ่มต้นแค่นี้ก็ยังดี มาเริ่มต้นกันใหม่ (พูดต่อไม่ออก หยุดไปพักหนึ่ง) 100 ครั้ง 1,000 ครั้ง เมื่อมีโอกาสเราก็จะทำ ด้านนิติบัญญัติ การเสนอญัตติ หรือกระทู้ เป็นเรื่องเล็กไป เราทำได้มากกว่านั่น เมื่อมีโอกาสก็จะทำ"

นายพิเชษฐ์ กล่าวอีกว่า "การศึกษาแต่ละครั้งมีการแทรกแซง มีผลประโยชน์ มีแรงกดดันจากมหาอำนาจเยอะมาก คนธรรมดายังรู้ว่าจะทำได้ไม่ได้ แต่เมื่อผลการศึกษาเสร็จแล้ว ผมยังอุ่นใจ และหวังว่าผลการศึกษาเราจะได้ชื่นใจ และชื่นชม แต่ต้องเอาไปทิ้งถังขยะ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ผมไม่อยากแตะรายงานผลการศึกษานั้นอีกเลย"

นายพิเชษฐ์ เสริมอีกว่า "เรื่องกฎหมายก็ต้องหา สส.ใต้ที่เข้มแข็งรวมชื่อกันให้ได้ 20 คนเสนอกฎหมายต่อสภา ภาคประชาชนก็ไปล่ารายชื่อให้ได้ 10,000 รายชื่อ เสนอกฎหมายมาประกบกับของ สส. จะออกมารูปแบบไหนก็ต้องผ่านสภา นี้คือแนวทางที่จะเกิดขึ้นได้ ไม่มีประเทศใด ชาติไหนมาห้ามเราได้

"สส.เก่าที่เคยศึกษาเรื่องคลองไทย ก็ต้องชวนมาร่วมกัน แต่น่าเสียดายสอบตกไปเยอะ เขามีองค์ความรู้อยู่แล้ว เวลานี้รัฐบาลก็เปราะบาง ก็ให้เขาทำงานไป ภารกิจของเราในสภาก็ทำงานกันไป ขอให้กำลังใจทุกท่าน ให้รีบทำ เวลาเรารอไม่ได้ มีกฎหมายรอจ่อคิวอยู่เยอะมาก เวลานี้เข้ามารอคิวแล้วถึง 60 ฉบับ

"ชื่อของพิเชษฐ์ เขาไม่อยากให้เข้ามาในสภานะ โดนสะกัดสุด ๆ กว่าจะเข้ามาได้ก็สุด ๆ แต่เมื่อได้เข้ามาแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อไป" นายพิเชษฐ์ กล่าว

‘พิเชษฐ์’ ฉลุย!! นั่งตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 ฟาก ‘ภราดร-ภูมิใจไทย’ ครองรองประธานสภาคนที่ 2

(11 ก.ย. 67) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม วาระเลือกตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 โดยนายอนุทิน ชาญวีรกุล สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เป็นผู้เสนอชื่อนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เนื่องจากไม่มีผู้เสนอชื่อแข่ง จึงถือว่านายพิเชษฐ์ได้เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1

โดยนายพิเชษฐ์ แสดงวิสัยทัศน์ว่า ตนจะปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจของรัฐสภาคือตรากฎหมาย ตรวจสอบหรือยกเลิกกฎหมาย, ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินของฝ่ายบริหาร, ให้ความเห็นชอบเรื่องสำคัญที่มีผลกระทบต่อประชาชน สนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ปัญหาประเทศ โดยมีนโยบายดังนี้ 

1.ทำสภาฯ ให้ใกล้ชิดประชาชนมากขึ้นเพื่อให้มีการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยจัดให้รัฐสภาประจำจังหวัด ทดลองใช้อย่างน้อย 5 จังหวัด 

2.นำรัฐสภามุ่งสู่ความเป็นสมาร์ท พาลิเม็นท์ กรีน พาลิเม็นท์ ซีโร่คาร์บอน นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการบริหารองค์กรเพื่อนำไปสู่รัฐสภาดิจิทัล ปรับปรุงซ่อมแซมอาคารรัฐสภาให้สมบูรณ์หลังได้รับมอบแล้ว สร้างท่าเทียบเรือฝั่งวุฒิสภา และสส. ภายในปี 2568 ทำที่จอดรถเพิ่มอีก 3,000 คัน ให้ถูกต้องตามกฎหมายของกรุงเทพมหานคร จัดให้มีความปลอดภัยในรัฐสภา เตรียมพร้อมชุดอัคคีภัยเร็วที่สุด 

3.เป็นผู้ช่วยประธานสภาฯ ดำเนินการประชุมสภาฯ ให้เรียบร้อยมีประสิทธิภาพ เสริมสร้างศักยภาพสมาชิกให้มีความรู้ ประสบการณ์มากขึ้น เพื่อนำไปพัฒนาท้องถิ่นตัวเองให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด 

4.เป็นผู้ช่วยประธานสภาฯ นำพารัฐสภาไทยก้าวขึ้นสู่การเป็นรัฐสภาผู้นำของอาเซียนและรัฐสภาผู้นำของเอเซีย 

จากนั้นเป็นการเลือกตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 2 โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรค พท. เสนอชื่อนายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย

โดยนายภราดร แสดงวิสัยทัศน์ว่า ถือเป็นเกียรติและไม่ใช่เฉพาะตัวตนแต่เป็นเกียรติของคนอ่างทอง ต้องขอขอบคุณพรรค ภท. นายอนุทิน เพื่อนสมาชิกและวิปรัฐบาล ตนใช้เวลา 17 ปีที่อยู่ที่สภาฯ นับไปนับมาแล้วเกือบจะครึ่งชีวิตที่ใช้เวลาอยู่ที่นี่ ตนทำงานอยู่ที่นี่ ตนผูกพันกับองค์กรแห่งนี้ ผูกพันกับสภาฯ จึงเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของตน เมื่อที่นี่เป็นบ้านหลังที่สอง ตนก็อยากจะเห็นบ้านหลังที่สองมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และเป็นที่เชื่อมั่น เป็นที่ศรัทธาของพี่น้องประชาชน การจะสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชน ไม่ใช่เกิดขึ้นจากประธานและรองประธานทั้งสองคน แต่เกิดขึ้นจากสมาชิกสภาฯ ทั้ง 493 ชีวิตที่เหลือ อยู่ในฐานะประธานและรองประธานของสภาผู้แทน พวกเรามีหน้าที่ที่จะอำนวยความสะดวกให้กับเพื่อนสมาชิกในการที่จะแสดงศักยภาพของตัวเองให้สูงที่สุด และปฏิบัติหน้าที่เพื่อที่จะให้สมาชิกได้เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด 

“แม้สถานะของผมจะเหมือนกับประธานและสมาชิก คือเราเป็นสมาชิกพรรคการเมือง เราปฏิเสธการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่ได้ แต่ผมให้คำมั่นสัญญาว่าผมจะไม่เป็นรองประธานสภาฯ ของพรรคภูมิใจไทย จะไม่เป็นรองประธานสภาฯ ของเพื่อนสมาชิกฝ่ายรัฐบาล แต่ผมจะเป็นรองประธานของสภาฯ แห่งนี้ของเพื่อนสมาชิกทั้ง 493 คน ผมจะทำหน้าที่ในฐานะผู้ช่วยของประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ผมจะทำหน้าที่ตามที่ประธานได้มอบหมายให้ปฏิบัติอย่างเต็มกำลังความสามารถ เต็มกำลังสติปัญญา ผมจะยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ผมจะช่วยประธานในการที่จะทำให้สภาฯ แห่งนี้เป็นสภาของพี่น้องประชาชน” นายภราดร กล่าว

นายภราดร กล่าวต่อว่า เพื่อนสมาชิกหลายท่านพูดว่าสภาแห่งนี้ไม่ใช่สภาของพวกเรา แต่เป็นสภาของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งหมด พวกเราจะช่วยกันทำให้สภาแห่งนี้เป็นสภาของพี่น้องประชาชน พื้นที่ทั้งในส่วนที่เป็นอาคารสถานที่ พี่น้องประชาชนจะต้องได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นลานประชาชนหรือดำริของประธานสภาฯ ที่จะทำห้องสมุด ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่จะทำให้ประชาชนได้เข้ามาใช้ประโยชน์ 

นอกจากนั้น ในเรื่องของข้อมูลข่าวสารที่พี่น้องประชาชนก็จะต้องสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของสภาได้เต็มที่ เต็มประสิทธิภาพมากที่สุด และสภาจะต้องเป็นสภาที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ เป็นสภาของพี่น้องประชาชน

“ผมขอย้ำกับประธานว่าผมจะไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการฉวยโอกาสสร้างประโยชน์ทางการเมืองให้กับพรรคการเมือง หรือให้กับตัวผมเอง ขอย้ำว่าผมจะไม่เป็นรองประธานสภาฯ ของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง จะไม่เป็นรองประธานสภาฯ ของฝ่ายรัฐบาล แต่ผมจะเป็นรองประธานสภาฯ ของเพื่อนสมาชิกทั้ง 493 คน จากวันนี้เป็นต้นไปจนกระทั่งวันสุดท้ายของการปฎิบัติหน้าที่ ผมไม่รู้ว่าจะทำหน้าที่ได้ดีหรือเป็นกลางในสายตาของใครได้มากน้อยแค่ไหน แต่ยืนยันกับประธานและเพื่อนสมาชิกว่าจะทำหน้าที่ดีที่สุด จะทำหน้าที่ร่วมกับประธานและเพื่อนสมาชิกทั้งหมด เพื่อที่จะสร้างศรัทธาสร้าง ความเชื่อมั่น และสร้างเกียรติยศให้กับสภาแห่งนี้ เป็นที่เชิดหน้าชูตาของพี่น้องประชาชน” นายภราดร กล่าว 

จากนั้นนายวันมูหะมัดนอร์ ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า จะรีบนำชื่อนายพิเชษฐ์และนายภราดรขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งการประชุมวันนี้ถือว่าเป็นบรรยากาศดีมาก ไม่เสียเวลาเรื่องต่าง ๆ ที่ได้ประโยชน์น้อย วันนี้เราได้ประโยชน์ล้วน ๆ จากนั้นได้กล่าวปิดประชุมในเวลา 11.39 น. เพื่อให้สส.เตรียมตัวอภิปรายแถลงนโยบายรัฐบาลในวันที่ 12-13 กันยายนนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top