Sunday, 19 May 2024
พิพัฒน์_รัชกิจประการ

‘พิพัฒน์’ รับผิด ปมชวดดึง ‘ลิซ่า’ มาเคาท์ดาวน์ ยอมรับสื่อสารผิดพลาด รีบพูดก่อนดีลจบ

"พิพัฒน์" ยืดอกรับผิดปมชวดดึง "ลิซ่า" มาเคาท์ดาวน์ในไทย ยอมรับสื่อสารผิดพลาด รีบพูดก่อน พร้อมนำมาเป็นบทเรียน เดินหน้าชวนคนดังระดับโลกมาร่วมงาน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 29 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวกรณีที่ "ลิซ่า แบล็คพิงก์" หรือ ลลิษา มโนบาล ไม่สามารถมาร่วมกิจกรรมเคาท์ดาวน์ปีใหม่ที่ประเทศไทยได้ มีสาเหตุเป็นเพราะฝ่ายไทยต้องการจ้างเพียงคนเดียว แต่ทางต้นสังกัดต้องการให้มาทั้งวง ว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง และไม่ใช่ข้อเท็จจริง รวมถึงกระแสข่าวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอาจไม่ใช่ข้อเท็จจริงทุกเรื่อง อย่างกรณี เชอรี่ โคลว์ และลิซ่า เรื่องแยกแพ็กเกจหรือไม่แยกนั้นไม่มีความจริง ถ้าแยกแล้วไม่มา แต่ถ้าไม่แยกแล้วไม่มา สิ่งเหล่านี้เป็นการสื่อสารที่ผิดพลาดของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่มีการสื่อสารออกไปในเบื้องต้น ขณะที่เรายังไม่เห็นรายละเอียดในสัญญาทั้งหมด อย่างที่ตนเคยพูดไปแล้วว่าในวันที่ 30 ต.ค.นี้ เราจะได้เห็นสัญญา และสุดท้ายก็เกิดความสับสน

"ผมคิดว่าบริษัทเขาคำนึงถึงชื่อเสียง และประกอบกับสำคัญที่ว่าเขาติดคิว ไม่สามารถยกเลิกคิวเพื่อเอามาให้ประเทศไทยได้ สิ่งเหล่านี้ผมขอเรียนอย่างตรงไปตรงมา ส่วนอีกคนนึง คือแอนเดรีย โบเชลลี นักร้องชาวอิตาเลียน ผมก็ยังไม่ขอพูดว่าความชัดเจนคืออะไรในช่วงนี้ เพราะจากความผิดพลาดที่ผ่านมา เราได้รับบทเรียนว่าสิ่งไหนที่ยังไม่จบ อย่าเพิ่งพูดก่อน ซึ่งตัวผมยอมรับว่าได้ให้สัมภาษณ์ในเบื้องต้นไป หลังจากนี้เราคงต้องทำอะไรให้รอบคอบมากกว่าเดิม แต่ก็คงยังมีศิลปินชื่อดังระดับโลกเข้ามาแน่ ๆ แต่จะเป็นใคร อย่างไรนั้น ต้องขอให้มีการลงตัวเรียบร้อยเสียก่อน จึงจะนำเสนอต่อไป" นายพิพัฒน์ กล่าว

'พิพัฒน์' จ่อชงสถานบันเทิงเปิดถึงตี 4 เคาะเมืองท่องเที่ยวหลัก ไม่สะเปะสะปะ

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ขณะนี้ตนเดินหน้าเสนอ ให้ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) พิจารณา ขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงในพื้นที่ควบคุม (โซนนิ่ง) ตามเมืองท่องเที่ยวหลัก ถึงเวลา 04.00 น. จากปัจจุบันเปิดให้บริการได้ถึง 02.00 น. โดยขอย้ำว่าไม่ใช่การขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงแบบสะเปะสะปะไปในทุกพื้นที่ แต่เป็นการเปิดเพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น ยุโรป และตะวันออกกลาง ซึ่งเริ่มทานมื้อค่ำเวลาประมาณ 22.00 น. กว่าจะทานเสร็จและเริ่มดื่มก็ตอนเที่ยงคืนกว่า พอเริ่มสนุก ก็ถึงเวลาปิดสถานบันเทิงแล้ว ทั้งที่ยังอยากกินดื่มต่อ จึงไม่ตอบความต้องการของนักท่องเที่ยวนัก

นายพิพัฒน์ ยังกล่าวอีกว่า ในต่างประเทศ มีสถานบันเทิงเปิดให้บริการนานกว่า 02.00 น. ยกตัวอย่างคนไทยเอง เมื่อออกไปเที่ยวต่างประเทศก็อยากเที่ยวให้เต็มที่มากที่สุดเช่นกัน จึงไม่อยากให้กังวลกับแนวคิดนี้ และ อยากสื่อไปถึงกลุ่มต่าง ๆ ที่ออกต่อต้านเรื่องนี้ ว่าแม้สถานบันเทิงจะปิดตามกำหนด คนก็ซื้อไปนั่งดื่มต่ออยู่ดี บางคนอาจไปนั่งดื่มตามมุมที่ยากต่อการสอดส่องดูแล 

รวมทั้งผู้ประกอบการบางรายก็แอบเปิดอยู่ดี บางที่มีการล็อกประตูทั้งหมด ลูกค้าไม่สามารถออกมาได้ทันเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แต่ถ้ามีการอนุญาตให้เปิดถึงเวลา 04.00 น. ทุกสิ่งทุกอย่างโปร่งใส ผู้ประกอบการไม่ต้องกังวลว่าเจ้าหน้าที่จะเข้าไปตรวจค้น และเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา ก็สามารถอพยพนักท่องเที่ยวได้ทันและปลอดภัย

'ภูมิใจไทย' กร้าว!! ประกาศกวาด ส.ส.ใต้ 16 ที่นั่ง เชื่อ 3 ปีกว่าร่วมรัฐบาล ‘พูดแล้วทำ’ ผลงานเพียบ

‘พิพัฒน์’ อ้อนคนใต้เลือก ‘ภูมิใจไทย’ สานงานต่อ ประกาศกวาดไม่น้อยกว่า 16 ที่นั่ง หลังเพิ่มเขตเลือกตั้งใหม่ 8 เก้าอี้ ตีปี๊บ 3 ปีกว่าร่วมรัฐบาล สร้างผลงานเพียบตรงสโลแกนพูดแล้วทำ

(29 ส.ค. 65) ที่จังหวัดสงขลา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ นางนาที รัชกิจประการ เหรัญญิกพรรคภูมิใจไทย แถลงแสดงความพร้อมในการเลือกตั้งของพรรคภูมิใจไทยในพื้นที่ภาคใต้

โดยนายพิพัฒน์ กล่าวว่า จากการเป็นรัฐบาลมา 3 ปีเศษ ที่ประกอบไปด้วย 3 รัฐมนตรีว่าการกระทรวง คือ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึง 4 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง คือ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สามารถผลักดันนโยบายต่าง ๆ เป็นผลรูปธรรมและตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนชาวใต้

'พิพัฒน์' ตรวจเยี่ยมสถานบันเทิงย่านป่าตอง อ้างผลวิจัย หนุนเปิดสถานบันเทิงถึงตี 4

'พิพัฒน์' ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานบันเทิง ซอยบางลา ป่าตอง ภูเก็ต อ้างผลวิจัย 3 สถาบัน -สอบถามนักท่องเที่ยวหนุน เปิดสถานบันเทิงแหล่งท่องเที่ยวถึงตี 4 หวังผลเพิ่มรายได้ท่องเที่ยว เตรียมเสน อศบค.

9 ก.ย. 65 - นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เมื่อคืนวันที่ 8 ก.ย. ที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานบันเทิง ซอยบางลา ป่าตอง ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้ลงพื้นที่ สมุย พะงัน และตรอกข้าวสาร แล้ว จึงมาที่ซอยบางลา ป่าตอง ภูเก็ต ซึ่ง เป็นพื้นที่ ที่ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติใฝ่ฝันอยากจะมาบางลาสักครั้งหนึ่ง เมื่อมีโอกาสมาเที่ยวประเทศไทย

" จากผลวิจัย ได้หารือกับผู้ทำวิจัยจาก สถาบันการศึกษา ม.ราชภัฏสวนสุนันทา ม.ราชภัฎภูเก็ต และนิด้า ทั้งสามสถาบันที่มีนักศึกษาทำวิจัยเรื่องปิดถึงตี 4 ผลออกมาตรงกันทั้งหมดว่าคนหรือนักท่องเที่ยวที่จะใช้จ่ายสูงสุดอยู่ในช่วงตี 1 ถึงตี3 เป็นช่วงที่พีคที่สุดพอหลังตี 3 ไปแล้วเริ่มสโลว์เป็นการตอบโจทย์ว่าตี 4 ปิด นักท่องเที่ยวจะได้กลับไปพักผ่อน สิ่งเหล่านี้ จะนำเสนอให้ศบค.และนำเสนอให้นายกรัฐมนตรี และ รัฐบาล หารือในข้อกฎหมายของกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย ถ้าสามารถจัดเป็นโซนนิ่งได้แต่ละจังหวัดท่องเที่ยว ชาวต่างชาติกว่า 60-70% เราน่าจะเปิดเป็นพื้นที่ไป ในช่วงเวลาเปิดเลยไป 2 ชม. จะมีผลหรือมูลค่าทางเศรษฐกิจขึ้นมาเพิ่ม 23-24%"

รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา จากการลงพื้นที่บางลา ป่าตอง พบว่า ได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวค่อนข้างดี ส่วนใหญ่ เป็น ชาวอินเดีย จำนวนมาก ตะวันออกกลาง แอฟริกา อียิปต์ ออสเตรเลีย มาเลเซีย ได้เข้าสอบถามกับนักท่องเที่ยว พบว่า มีความเห็นเดียวกันว่า ขอขยายเวลาปิดจากตี 2 ได้หรือไม่ เพราะเป็นช่วงเวลาที่เขายังสนุกสนาน นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเกินกว่า 70% ต้องการให้ขยายเวลาของสถานประกอบการในยามค่ำคืนให้ได้ถึงตี 4 จากการหารือกับผู้ประกอบการ และ นักท่องเที่ยว แต่ไม่ใช่ที่ภูเก็ตอย่างเดียว ในสถานที่ต่างๆที่กล่าวมา ทั้ง ซอยข้าวสาร พะงัน สมุย เป็นโจทย์เดียวกันทั้งหมด และจะเดินทางไป ที่ถนนคนเดิน พัทยา ชลบุรี อีกแห่งภายในเดือนกันยายนนี้ จะไปทำการสำรวจหารือสอบถามนักท่องเที่ยวว่ามีความต้องการอย่างไร โจทย์ที่ตอบมาตรงกันหรือไม่

'จับกัง 1' เล็งปรับค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ในปีหน้า คาด!! สรุปแนวทางที่ทุกฝ่ายรับได้ภายในเดือน 11

(15 ก.ค. 66) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ว่า สรุปเนวทางที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ค่าแรง) ให้ทุกฝ่ายยอมรับได้ภายในเดือนพฤศจิกายน 2566 

ทั้งนี้ จะดูอัตราเงินเฟ้อประกอบด้วย เพื่อประกาศเป็นของขวัญปีใหม่ปี 2567 ให้กลุ่มผู้ใช้แรงงานช่วงใกล้สิ้นปีนี้ 

"กระทรวงแรงงานได้หารือกับส.อ.ท.ในฐานะตัวแทนภาคเอกชนที่เข้าใจในปัญหาแรงงาน เพื่อรับทราบความคิดเห็นเรื่องค่าแรงขั้นต่ำซึ่งทุกภาคส่วนมีความกังวล และหลังจากนี้กระทรวงจะเร่งหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 3 ฝ่าย ทั้งลูกจ้าง นายจ้าง และภาครัฐ"

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า การปรับค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลในเดือนพฤศจิกายนนี้ ต้องการให้ยึดมติคณะกรรมการไตรภาคี โดยค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทต่อวันนั้นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะปัจจุบันค่าจ้างขั้นต่ำอยู่ที่ 328- 354 บาทต่อวัน การขึ้นราคาเดียว 400 บาทต่อวัน หรือขึ้น 19-20% อาจทำให้หลายอุตสาหกรรมกระทบหนักจากต้นทุนที่กระชากแรง เพราะปัจจุบันจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรมมีประมาณ 20 อุตสาหกรรมจ่ายไม่สูงเพราะใช้แรงงานเข้มข้น 

และยังมีผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี (SMEs) ทั่วประเทศกว่า 3 ล้านคน ที่เหลือจ่ายเกิน 400 บาทต่อวัน บางอุตสาหกรรมถึง 800 บาทต่อวันแต่ก็หาแรงงานยาก ดังนั้นการปรับค่าจ้างต้องสอดรับศักยภาพแรงงาน และความสามารถของผู้ประกอบการ

"วิธีปรับขึ้นค่าจ้างที่เหมาะสมคือ การขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อแต่ละปี หรือจะขึ้นตามต้นทุนเงินเฟ้อบวกเอ็กซ์ และปัจจุบันประสิทธิภาพแรงงานไทยในกลุ่มอาเซียน ยังไม่เทียบเท่าเวียดนามและอินโดนีเซียได้ เนื่องจากยังไม่ฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 ได้เต็มที่นัก ดังนั้นไทยควรรีบเร่งเพิ่มประสิทธิภาพแรงงานไทย ให้แข่งขันกับประเทศต่าง ๆ ได้ เพราะต้องทำงานเป็นปาท่องโก๋ อุตสาหกรรมจะเติบโตได้ ต้องมีกระทรวงแรงงานคอยสนับสนุน”

'รมว.พิพัฒน์' กระชับความร่วมมือ ILO ลั่น!! คุ้มครองทุกต่างด้าว ส่วน 'ปัญหาค้ามนุษย์-แรงงานประมงผิด กม.' ไม่นิ่งเฉย

(25 ก.ย.66) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับ นางชิโฮะโกะ อาซาดะ มิยากาวะ (Ms.Chihoko Asada - Miyakawa) ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ และผู้อำนวยการสำนักงานแรงงานระหว่างประเทศประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก องค์การแรงงานระหว่างประเทศ และคณะ ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานภายหลังเข้ารับตำแหน่ง และหารือเกี่ยวกับการจัดทำแผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่าของประเทศไทยฉบับใหม่ (Decent Work Country Program : DWCP) ระยะที่ 2 พ.ศ. 2566 - 2570 โดยมี นายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน, นายภุชงค์ วรศรี ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน, นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วม ณ ห้องจัตุมงคล ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานขอขอบคุณ ILO (International Labour Organization: องค์การแรงงานระหว่างประเทศ) ที่มาเยี่ยมและแสดงความยินดีที่ประเทศไทยได้รัฐบาลใหม่ ภายใต้การนำของท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และขอบคุณการสนับสนุนจาก ILO เป็นอย่างดีผ่านโครงการความร่วมมือภายใต้แผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่าของประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรี ที่ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ที่นำนโยบายเศรษฐกิจ BCG มาเป็นแนวทางเพื่อมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างสมดุลระหว่างเป้าหมายเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม 

โดยประเทศไทยพร้อมประกาศความมุ่งมั่นระดับประเทศเพื่อขับเคลื่อน SDGs รวมถึงยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน ในส่วนของแรงงานต่างด้าว ท่านนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้กระทรวงแรงงานดูแลแรงงานต่างด้าวให้ดีที่สุด 

"วันนี้เรามีแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย ซึ่งมีทั้งแรงงานที่เข้ามาทำงานอย่างถูกต้องและลักลอบเข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมาย ก็จะต้องทำให้ถูกต้องมากที่สุด ส่วนการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงานและการแก้ไขปัญหาแรงงานประมงผิดกฎหมายในประเทศนั้น เราได้บูรณาการความร่วมมือกับหลายกระทรวงอย่างต่อเนื่อง อาทิ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, มหาดไทย, เกษตรและสหกรณ์, การต่างประเทศ เป็นต้น ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานพร้อมสนับสนุนความร่วมมือในการผลักดันกฎหมายแรงงาน เพื่อมุ่งคุ้มครองดูแลแรงงานทุกสัญชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานของ ILO ต่อไป" รมว.แรงงาน กล่าว

ด้าน นางชิโฮะโกะ อาซาดะ มิยากาวะ (Ms.Chihoko Asada - Miyakawa) ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ และผู้อำนวยการสำนักงานแรงงานระหว่างประเทศประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก องค์การแรงงานระหว่างประเทศ กล่าวว่า ขอขอบคุณและแสดงความยินดีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานที่ได้รับตำแหน่ง พร้อมยินดีที่จะสนับสนุนความร่วมมือกับรัฐบาลและกระทรวงแรงงานในประเด็นการคุ้มครองแรงงานข้ามชาติและแรงงานกลุ่มต่างๆ ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ รวมถึงความร่วมมือในการผลักดันโครงการความร่วมมือภายใต้แผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่าระหว่างสองหน่วยงานอย่างใกล้ชิดต่อไปอีกด้วย

‘ก.แรงงาน’ แย้ม!! จ่อขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 ทุกประเภทธุรกิจ คาด!! 1 ต.ค.67 สามารถประกาศภาพรวมทั้งประเทศได้

(25 เม.ย. 67) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ยืนยันถึงการประกาศบิ๊กเซอร์ไพรส์ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ว่า…

จากการประชุมของคณะกรรมการไตรภาคี เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการไตรภาคี ได้หารือกับคณะกรรมการว่า ในปีนี้จะมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจากการหารือมีนโยบายทําตามนโยบายของรัฐบาล คือจะมีการขึ้นค่าแรงที่ 400 บาท โดยในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการอีกครั้งหนึ่ง และคาดว่าจะประกาศในวันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งตนเองไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงคณะกรรมการไตรภาคี เพราะเป็นคณะกรรมการที่เป็นอิสระในการพิจารณา

“ถามว่าเราประกาศเลยได้ไหมในวันที่ 1 พฤษภาคม เราสามารถประกาศให้รับรู้ได้ว่า เราจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป หลังจากนำร่องไปแล้ว ตรงนี้ถือเป็นนโยบายรัฐบาลที่ต้องทําตาม จากการหารือไม่น่าจะมีอะไรที่ขัดข้อง เพราะว่าส่วนหนึ่งในเรื่องค่าใช้จ่าย หรือสิ่งของที่เป็นอุปโภค บริโภค ก็มีการขึ้นไปล่วงหน้าแล้ว หลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อย ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะมีการประกาศค่าแรงอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เรามีการนําร่องในวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา วันที่ 1 ตุลาคม เราสามารถประกาศได้ในภาพรวมทั้งประเทศ 400 บาทในทุกประเภทธุรกิจ” นายพิพัฒน์ กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top