Tuesday, 22 April 2025
พิพัฒน์

"พิพัฒน์" ยืดอกรับผิด ปมชวดดึง "ลิซ่า" มาเคาท์ดาวน์ในไทย ยอมรับสื่อสารผิดพลาด รีบพูดก่อน พร้อมนำมาเป็นบทเรียน เดินหน้าชวนคนดังระดับโลกมาร่วมงาน

ที่ทำเนียบรัฐบาล  นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.งการท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวกรณีที่"ลิซ่า แบล็คพิงก์" หรือ ลลิษา มโนบาล ไม่สามารถมาร่วมกิจกรรมเคาท์ดาวน์ปีใหม่ที่ประเทศไทยได้ มีสาเหตุเป็นเพราะฝ่ายไทยต้องการจ้างเพียงคนเดียว แต่ทางต้นสังกัดต้องการให้มาทั้งวง  ว่า  เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง และไม่ใช่ข้อเท็จจริง  รวมถึงกระแสข่าวต่างๆที่เกิดขึ้นอาจไม่ใช่ข้อเท็จจริงทุกเรื่อง อย่างกรณี เชอรี่ โคลว์ และลิซ่า เรื่องแยกแพคเกจหรือไม่แยกนั้นไม่มีความจริง ถ้าแยกแล้วไม่มา แต่ถ้าไม่แยกแล้วไม่มา  สิ่งเหล่านี้เป็นการสื่อสารที่ผิดพลาดของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่มีการสื่อสารออกไปในเบื้องต้น  ขณะที่เรายังไม่เห็นรายละเอียดในสัญญาทั้งหมด อย่างที่ตนเคยพูดไปแล้วว่าในวันที่ 30 ต.ค.นี้ เราจะได้เห็นสัญญา และสุดท้ายก็เกิดความสับสน

"ผมคิดว่าบริษัทเขาคำนึงถึงชื่อเสียง และประกอบกับสำคัญที่ว่าเขาติดคิว ไม่สามารถยกเลิกคิวเพื่อเอามาให้ประเทศไทยได้  สิ่งเหล่านี้ผมขอเรียนอย่างตรงไปตรงมา ส่วนอีกคนนึง คือแอนเดรีย บล็อกเชลลี่ นักร้องชาวอิตาเลียน ผมก็ยังไม่ขอพูดว่าความชัดเจนคืออะไรในช่วงนี้ เพราะจากความผิดพลาดที่ผ่านมา เราได้รับบทเรียนว่าสิ่งไหนที่ยังไม่จบ  อย่าเพิ่งพูดก่อน ซึ่งตัวผมยอมรับว่าได้ให้สัมภาษณ์ในเบื้องต้นไป  หลังจากนี้เราคงต้องทำอะไรให้รอบคอบมากกว่าเดิม แต่ก็คงยังมีศิลปินชื่อดังระดับโลกเข้ามาแน่ๆ แต่จะเป็นใคร อย่างไรนั้น ต้องขอให้มีการลงตัวเรียบร้อยเสียก่อน จึงจะนำเสนอต่อไป"นายพิพัฒน์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้เพื่อหาผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้หรือไม่  หลังจากเกิดข้อผิดพลาดนี้เกิดขึ้น  นายพิพัฒน์ กล่าวว่า  ต้องหารือกันภายในกระทรวงฯก่อน และตนต้องหารือกับผู้ใหญ่ในพรรคภูมิใจไทยและนายกรัฐมนตรี ว่าเมื่อเหตุการณ์เกิดมาถึงตรงนี้แล้ว เราควรต้องทำอย่างไร ซึ่งตนมีผู้บังคับบัญชา 2 คน คือนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม คงต้องหารือก่อน  ส่วนจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบใครหรือไม่สอบใครนั้น คงต้องคำนึงหลายอย่าง เนื่องจากมีภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย ซึ่งเราคงไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับภาคเอกชนได้ จึงจำเป็นต้องดูกันภายในก่อนว่าพวกเราจะจัดการกันอย่างไร ทั้งนี้ถือเป็นบทเรียนอีกบทหนึ่งสำหรับทุกอย่าง หากยังไม่จบ ก็ไม่ควรก็ไม่ควรนำออกมาพูดก่อน

"ซึ่งตัวผมเองก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น ไม่ใช่ว่าผมไม่ได้ไม่ใช่ผมไม่ได้พูด แต่ตัวผมเองก็พูดออกไปเยอะ เพราะฉะนั้นความผิดพลาดตรงนี้ ตัวผมเองก็ต้องยอมรับตัวผมเองก็ต้องยอมรับ"นายพิพัฒน์ กล่าว

'อนุทิน พิพัฒน์ นาที' ร่วม 'พิธีมุทิตาสักการะ' เจ้าพระคุณสมเด็จมหาวชิรมังคลาจารย์ จ.ตรัง

ที่สำนักสงฆ์พรหมประทาน ต.ในควน อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รักษาการ) นายพิพัฒน์  รัชกิจประการ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเดิน ( รักษาการ ) ดร.นาที  รัชกิจประการ แม่ทัพภาคใต้พรรคภูมิใจไทย และคณะ ลงพื้นที่ เพื่อร่วมกิจกรรมวันกตัญญูผู้สูงวัยด้วยคุณธรรม ด้วยการร่วมพิธีถวายมุทิตาสักการะ เจ้าพระคุณสมเด็จมหาวชิรมังคลาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนใต้ เจ้าอาวาสวัดกะพังสุรินทร์(พระอารามหลวง) ถวายโฉนดที่ดินและเสนาสนะ เพื่อสร้างวัดในพระพุทธศาสนาต่อไป และร่วมเดินพบปะกับประชาชนที่เดินทางมาต้อนรับและร่วมพิธีจำนวนมากได้รับการต้อนรับที่อบอุ่น 

นายอนุทิน กล่าวว่า ที่มั่นของพรรคภูมิใจไทยคือทั่วประเทศ พรรคของเราเป็นของคนไทยทุกคน ซึ่งเรามีหน้าที่ต้องทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน เรามี ส.ส.ทุกภาคของประเทศไทย ภาคเหนือ กลาง อีสาน ใต้ เราทำงานมา 4 ปี แล้ว มีผลงานอย่างชัดเจน เป็นพรรคที่ส่งมอบนโยบายที่เราได้สัญญากับประชาชนเมื่อปี 2562 ทำได้แทบจะครบทุกนโยบาย หวังว่าผลงานของพรรคภูมิใจไทยก็จะทำให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศเชื่อมั่นให้พรรคภูมิใจไทยเข้ามาทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนอีกครั้งหนึ่งภายหลังจากการเลือกตั้งภายในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566 ที่จะถึงนี้ ซึ่งทางพรรคภูมิใจไทยจะส่งผู้สมัครให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งตอนนี้ยังขาดอยู่ประมาณ 7 เขต แต่ไม่มีปัญหาอะไร ในส่วนที่เป็นพื้นที่เป้าหมายส่งผู้สมัครครบแล้วทุกคนผ่านไพรมารีโหวตผ่านตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งทุกประการ

นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งที่เราทำไว้ช่วงที่ผ่านมา ทำสะพานเชื่อมเกาะลันตา ทำสะพานที่เชื่อม จ.พัทลุง ผ่านไปยัง จ.สงขลา ได้ด้วยการร่นระยะเวลาการเดินทางกว่า 70 กม. และยังมีโครงการอื่น ๆ อีกมากมาย โครงการคมนาคมขนส่ง ขยายสนามบินในหลายๆจังหวัดในภาคใต้ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้ประเทศไทยของเรากลับมาผงาดศูนย์กลางเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้ หมายถึงอาเซียนและเอเชียด้วย จะทำให้เกิดสภาพทางเศรษฐกิจพื้นที่ทางเศรษฐกิจขยายตัวในพื้นที่ทางภาคใต้ ทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ทำให้เป็นแหล่งดูแลสุขภาพ “เมดิคัล ฮับ ออฟ เดอะ เวิลด์” ที่จะอยู่ในจังหวัดภาคใต้ ตรงนี้จะทำให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ การสร้างรายได้ของประชาชนทั้งสังคมที่จะทำให้ประชาชนมีความสงบสุข มีการมีงาน มีโอกาส มีฐานะที่ดี

“พิพัฒน์” รมว.แรงงาน สร้างมาตรฐานแรงงานไทยในงานขนส่ง ระดับสากล "มรท.8003" ลดการสูญเสียจากยานพาหนะ สนับสนุนสถานประกอบกิจการเข้าร่วม

วันที่ 29 มกราคม 2567 เวลา 10.30 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดงาน Kick off มาตรฐานแรงงานไทยในงานขนส่ง มรท.8003 - 2566 โดยมี นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายภุชงค์ วรศรี ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นเกียรติ ณ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ กรุงเทพมหานคร ตั้งเป้ามุ่งสู่การลดอุบัติเหตุในงานขนส่ง พร้อมสนับสนุนสถานประกอบกิจการเข้าร่วม

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า รัฐบาล โดยกระทรวงแรงงาน ได้กำหนดนโยบายที่ให้ความสำคัญกับการสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจ พัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยการคุ้มครองแรงงานให้ได้รับการดูแลสภาพการจ้าง สภาพการทำงาน รวมทั้งความปลอดภัยในการทำงาน ซึ่งปัจจุบันสาเหตุการประสบอันตรายจากการทำงานที่สูงที่สุดมาจากยานพาหนะ จากข้อมูลในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พบว่า แรงงานที่ประสบอุบัติเหตุจากยานพาหนะที่เกี่ยวข้องกับงานขนส่ง กรณีร้ายแรงถึงแก่ชีวิต มีจำนวนถึง 2,948 คน คิดเป็น ร้อยละ 44.16 ของแรงงานที่ประสบอันตรายจากการทำงานทุกสาเหตุ ซึ่งแสดงให้ถึงความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของนายจ้าง ลูกจ้าง และผู้ที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น ในปี 2566 กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ได้ร่วมมือกับองค์กรนายจ้าง องค์กรลูกจ้าง องค์กรพัฒนาเอกชน หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และสถาบันการศึกษา พัฒนามาตรฐานแรงงานไทยในงานขนส่ง มรท.8003 ขึ้น และกระทรวงแรงงานได้ประกาศใช้ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2566 โดยใช้ชื่อว่า “มาตรฐานแรงงานไทยในงานขนส่ง มรท.8003-2566” เพื่อให้สถานประกอบกิจการที่มีกิจกรรมขนส่งในการดำเนินธุรกิจ นำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว 

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า ผมขอเชิญชวนสถานประกอบกิจการทุกประเภท ทุกขนาดที่มีกิจกรรมขนส่งเป็นส่วนหนึ่งของการประกอบกิจการ และสถานประกอบกิจการที่ให้บริการด้านขนส่งโดยตรง ทั่วประเทศ นำมาตรฐานแรงงานไทยในงานขนส่ง มรท.8003-2566 ไปดำเนินการเพื่อให้แรงงานมีความปลอดภัยในการทำงานลดอัตราการประสบอันตรายจากการทำงาน ลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของนายจ้าง รวมทั้งทรัพย์สินสาธารณะ สถานประกอบกิจการมีมาตรฐานที่ดีได้รับการยอมรับ เป็นที่ไว้วางใจ ตลอดจน ประชาชนที่ใช้ท้องถนนมีความปลอดภัย ซึ่งเป็นการแสดงถึงการปฏิบัติต่อแรงงานอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ส่งผลให้ประเทศไทยมีภาพลักษณ์ที่ดีในเรื่องการคุ้มครองและดูแลความปลอดภัยในการทำงานของแรงงาน อันก่อให้เกิดการยอมรับในระดับสากลเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศ

“พิพัฒน์” รมว.แรงงาน นำข้าราชการ เจ้าหน้าที่ เครือข่ายแรงงานทั่วประเทศกว่า 100,000 คน ใส่เสื้อม่วงแสดงพลังจงรักภักดีถวายแด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เทิดทูนสถาบันอันเป็นที่รักและเคารพของชาวไทย

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 09.00 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในกิจกรรมขอพระราชทานน้อมแสดงความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมี นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน อธิบดีทุกกรม ผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน และเครือข่ายสหภาพแรงงาน องค์กรนายจ้าง ลูกจ้างทั่วประเทศ พร้อมใจกันสวมเสื้อสีม่วงร่วมแสดงพลังจงรักภักดีสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย ณ ลานพระพุทธสุทธิธรรมบพิตร ด้านหน้าอาคารกระทรวงแรงงาน

โดย นายพิพัฒน์ อ่านแถลงการณ์กระทรวงแรงงาน ประกาศเจตจำนงปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ความว่า ข้าพระพุทธเจ้า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยข้าราชการ เจ้าหน้าที่ เครือข่ายอาสาสมัครแรงงาน และเครือข่ายภาคประชาชน ในสังกัดกระทรวงแรงงาน ต่างมีความปลื้มปิติที่ได้มาร่วมแสดงความจงรักภักดีในวันนี้ สถาบันพระมหากษัตริย์ถือเป็นสถาบันหลักของชาติ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนชาวไทยมาเป็นระยะเวลายาวนาน การรักษาความมั่นคงสถาบันหลักของชาติ ถือเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ ให้ดำรงอยู่คู่ประเทศชาติอย่างมั่นคงตลอดไป

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีได้ทรงสละความสุขส่วนพระองค์ และทรงมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในด้านต่าง ๆ และได้สืบสาน รักษา และต่อยอดโครงการตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยทรงพระกรุณาสงเคราะห์ให้ความช่วยเหลือแรงงาน และแรงงานผู้พิการ เพื่อให้ความรู้ พัฒนาศักยภาพ ทักษะฝีมือแก่ช่างกายอุปกรณ์ และช่างเครื่องช่วยคนพิการได้เพียงพอกับความต้องการ และทรงพระกรุณารับเป็นองค์อุปถัมภ์ในการสงเคราะห์ ช่วยเหลือลูกจ้าง คนงานที่พิการให้ได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงาน รวมถึงพัฒนาทักษะอาชีพให้กับผู้ว่างงาน คนงานที่ต้องการพัฒนาทักษะ จนเป็นที่ประจักษ์ 

“กระทรวงแรงงานได้น้อมนำพระจริยวัตรของพระองค์ คือ พระเมตตาและความเอาพระทัยใส่ในชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และพระราชปณิธานที่มุ่งมั่นในการช่วยเหลือประชาชนและผู้ที่เดือดร้อนทุกคน นำมาขับเคลื่อนการทำงานของกระทรวงในโอกาสนี้ จึงขอพระราชทานน้อมแสดงความจงรักภักดีแด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยปวงข้าพระพุทธเจ้า ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน จักขอเทิดทูนปกป้อง และรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ตลอดไป” นายพิพัฒน์ กล่าวแถลงการณ์

ทั้งนี้ ภายหลังอ่านแถลงการณ์แล้ว นายพิพัฒน์ฯ ยังได้นำผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน กรมการจัดหางาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สำนักงานประกันสังคม และสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) และเครือข่ายแรงงานทั่วประเทศ โดยร่วมกันกล่าวแสดงความจงรักภักดี “ทรงพระเจริญ” จำนวน 3 ครั้ง เสียงดังกึกก้องไปทั่วกระทรวงแรงงาน พร้อมทั้งโบกธงชาติไทยและธงสีม่วงพระนามาภิไธยย่อ “ส.ธ.” เพื่อร่วมกันแสดงพลังถวายกำลังใจแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันที่มีคุณูปการนำพาคนไทยสร้างชาติ รักษาเอกราช วัฒนธรรม ความเป็นไทยให้คงอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้  และได้เชิญชวนนายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกันตน สหภาพแรงงาน และเครือข่ายแรงงานทั่วประเทศ ได้รวมพลังแสดงความจงรักภักดี ถวายแด่กรมสมเด็จพระเทพฯ ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยตลอดไป

“วันนี้เราได้มีการรวมตัวกันของผู้ใช้แรงงานโดยใน 76 จังหวัด และกรุงเทพมหานครที่เราได้จัดกิจกรรมการถวายความจงรักภักดีนี้ขึ้นที่กระทรวงแรงงาน ผมมั่นใจว่ากิจกรรมการถวายความจงรักภักดีกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของประเทศไทยมีผู้ออกมาแสดงความจงรักภักดีในนามของกระทรวงแรงงาน ในนามของผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศไทยกว่า 100,000 คน” นายพิพัฒน์ กล่าว

"พิพัฒน์" รมว.แรงงาน หนุนเพิ่มโอกาสจ้างงานพาร์ทไทม์วัยเรียน วัยเกษียณ ผู้พิการ ถกเซ็นทรัลเรสตอรองส์ เพิ่มรายได้ครัวเรือนแรงงานทั่วประเทศ

วันที่ 6 มีนาคม 2567 เวลา 09.30 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับ นายปิยะพงศ์ จิตต์จำนงค์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส OSR & Western Cuisine บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด และคณะ ในโอกาสเข้าพบเพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นการจ้างงานคนพิการ ผู้สูงอายุ จ้างงานรายชั่วโมง และทิศทางแนวโน้มการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ โดยมี นายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายภุชงค์ วรศรี ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วม ณ ห้องจัตุมงคล ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ผมพร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงแรงงานขอขอบคุณ ผู้บริหารบริษัทเซ็นทรัล 
เรสตอรองส์ฯ ที่มาเข้าพบเพื่อหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงานแรงงานกลุ่มต่าง ๆ ของเซ็นทรัล 
ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงแรงงานที่ต้องการส่งเสริมการมีงานทำให้กับแรงงานทุกกลุ่ม ทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็น นักเรียน นักศึกษา ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้พ้นโทษ เพื่อให้มีอาชีพ มีทักษะ มีรายได้ มีหลักประกันความมั่นคงในชีวิต ในส่วนของการจ้างงานพาร์ทไทม์นั้น กระทรวงแรงงาน โดยคณะกรรมการค่าจ้างได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการศึกษารูปแบบการจ้างงานรายชั่วโมง เพื่อกำหนดค่าจ้างรายชั่วโมงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน นอกจากนี้ผมได้ให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้ไปตั้งคณะทำงานดูระเบียบข้อกฎหมายเพื่อขยายกลุ่มแรงงานกลุ่มอื่นนอกเหนือจากนักเรียน นักศึกษา ผู้สูงอายุ แม่บ้าน ไรเดอร์ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ให้สามารถมาทำงานพาร์ทไทม์ได้ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการ เป็นการแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงาน

“ในส่วนของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ยังได้ไปต่อยอด Up skill ฝึกอาชีพให้กับกลุ่มแรงงานต่างๆ 
อาทิ ผู้พ้นโทษ รวมถึงผู้สูงอายุ และกลุ่มแรงงานกลุ่มอื่น เพื่อเตรียมความพร้อมด้านทักษะฝีมือ ให้มีทักษะติดตัว ก่อนออกมาประกอบอาชีพ หรือมีงานทำรองรับในสถานประกอบการได้” นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า 

ด้าน คุณจารุวรรณ งามพิสุทธิ์ไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่เปิดโอกาสให้ผู้บริหารเซ็นทรัลเรสตอรองส์ได้มาเข้าพบเพื่อหารือในประเด็นเกี่ยวกับการจ้างงานของกลุ่มแรงงานต่างๆ โดยเฉพาะการจ้างงานพาร์ทไทม์ผู้สูงอายุในวันนี้ ซึ่งเป็นที่ทราบดีว่าปัจจุบันประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงอายุ เด็กเกิดน้อย ผู้ประกอบการจึงประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน จึงต้องการเปิดโอกาสให้แรงงานกลุ่มอื่นๆ นอกเหนือจากนักเรียน นักศึกษาและกลุ่มคนพิการแล้ว เพื่อจะได้ให้ผู้สูงอายุ แม่บ้าน ไรเดอร์ อาชีพอิสระอื่นๆสามารถมาทำงานพาร์ทไทม์ได้ การที่ได้มาหารือกับท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในวันนี้ จึงเป็นโอกาสดีที่เซ็นทรัลและกระทรวงแรงงานจะได้ประสานการทำงานร่วมกัน เพื่อเปิดโอกาสส่งเสริมการจ้างงานให้แรงงานกลุ่มใหม่ได้มีงานทำพาร์ทไทม์มากขึ้น สอดคล้องกับความต้องการแรงงานในยุคปัจุบัน รวมทั้งเป็นการแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาคธุรกิจอีกด้วย

รมว.แรงงาน“พิพัฒน์”เยือนถิ่นอีสาน นำทัพกระทรวงแรงงานพบชาวศรีษะเกษ เตรียมความพร้อมสู่ตลาดแรงงาน ส่งเสริมอาชีพนอกระบบ ลดปัญหาการเคลื่อนย้ายแรงงาน

วันที่ 8 มีนาคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เปิดโครงการ “กระทรวงแรงงานพบประชาชนจังหวัดศรีสะเกษ” สร้างงาน สร้างอาชีพ ให้กลุ่มนักเรียนอาชีวะ พร้อมมอบใบอนุญาตศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ให้แก่วิทยาลัยเทคนิคกันทรลักษณ์ สาขา พนักงานแผนกบริการอาหารและเครื่องดื่มในธุรกิจโรงแรมและภัตตาคาร ระดับ 1 โดยมี นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุรศักดิ์ พันเจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายชัยยงค์ เมธาสุรวิทย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมให้การต้อนรับ ณ วิทยาลัยเทคนิคกันทรลักษ์ ต.จานใหญ่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ  

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาพบปะกับทุกท่านที่วิทยาลัยเทคนิคกันทรลักษ์ในวันนี้ โดยเฉพาะน้อง ๆ นักเรียนนักศึกษา และพ่อแม่ผู้ปกครอง กระทรวงแรงงานที่ผมรับผิดชอบดูแลนี้เราทำงานต่อเนื่องเชื่อมโยงกับกระทรวงศึกษาธิการเหมือนต้นน้ำกับปลายน้ำโดยกระทรวงศึกษาธิการผลิตบุคลากรที่มีความรู้และทักษะ ส่วนกระทรวงแรงงานจะต่อยอดทักษะ จัดหาอาชีพตามความต้องการของตลาดแรงงาน และดูแลสวัสดิการให้กับแรงงาน กระทรวงแรงงานมีนโยบายส่งเสริมความร่วมมือในการผลิตกำลังคนในภาคการศึกษาและภาคแรงงาน หรือ Up - Skill for More Earn เพื่อการมีงานทำรองรับเศรษฐกิจใหม่ และพัฒนาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยกำลังแรงงานรุ่นใหม่ อย่างเช่นการเรียนอาชีวศึกษา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลไกขับเคลื่อนตลาดแรงงานที่สำคัญ เพราะความรู้และทักษะที่น้อง ๆ ได้รับนั้นสามารถนำไปใช้งานได้จริง ช่วยสร้างบุคลากรเฉพาะทางในสายอาชีพที่ตลาดแรงงานต้องการ ไม่ว่าจะเป็นช่างเชื่อม ช่างยนต์ ช่างก่อสร้าง บัญชี การตลาด คอมพิวเตอร์ธุรกิจ หรือหากยกระดับต่อไปได้ก็สามารถก้าวไปสู่อาชีพที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมใหม่ หรือ New S-curve เช่น หุ่นยนต์ ดิจิทัล หรือโลจิสติกส์ เป็นต้น

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมากระทรวงแรงงานกับกระทรวงศึกษาธิการได้ร่วมกันทำงานจนเกิดความสำเร็จ เช่น การส่งเสริมการเรียนอาชีวศึกษาแบบทวิภาคีให้สถานประกอบการได้ร่วมออกแบบหลักสูตรและสนับสนุนการเรียนการสอนแบบลงมือทำจริง รวมถึงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานในสถานศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น สำหรับน้อง ๆ นักเรียนนักศึกษาที่จะก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงานในอนาคตนั้น หากต้องการฝึกทักษะอาชีพ กระทรวงแรงงานมีหลักสูตรฝึกอบรมที่เรียนจบแล้วมีประกาศนียบัตรรับรอง ตัวอย่างหลักสูตรฝึกอาชีพที่ตลาดต้องการอย่างมากในขณะนี้ก็คือ การบริการและการท่องเที่ยว ซึ่งที่วิทยาลัยเทคนิคกันทรลักษ์แห่งนี้ก็มีสาขาการท่องเที่ยวและการโรงแรมอยู่ด้วย โดยผมได้ให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานของบประมาณจากรัฐบาลเพื่อมาฝึกอบรมในด้านนี้ให้ได้ 100,000 ราย และป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เช่น พนักงานแคชเชียร์ พนักงานต้อนรับ และเชฟ รวมทั้งยังมีหลักสูตรอื่น ๆ อีกมากมาย 
ซึ่งน้อง ๆ สามารถจะต่อยอดความรู้และทักษะที่ได้รับจากวิทยาลัยเทคนิคนี้ในระดับที่สูงขึ้นได้

“ส่วนใครที่ต้องการฝึกงานในต่างประเทศ กระทรวงแรงงานมีโครงการความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นผ่านองค์กร IM Japan ให้ไปฝึกงาน เช่น งานหล่อแบบ งานกลึงและเชื่อมโลหะ งานประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ งานแปรรูปอาหาร งานก่อสร้างโครงเหล็ก งานเดินท่อ ซึ่งผู้ที่ได้รับคัดเลือกก็จะได้รับเบี้ยเลี้ยง ค่าจ้าง ค่าอาหารและที่พัก เมื่อฝึกงานจบแล้วจะได้รับใบประกาศนียบัตรรับรอง ทำให้สามารถเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ง่ายขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม นอกจากทักษะอาชีพหรือว่า Hard Skills แล้ว เราต้องพัฒนาทักษะ Soft Skills เช่น การทำงานร่วมกับผู้อื่น การสื่อสาร การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า หรือความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงความพร้อมด้านภาษาและการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งจะทำให้เราได้เปรียบคนอื่น และทำให้นายจ้างมั่นใจที่จะจ้างงานเรามากขึ้น” นายพิพัฒน์ กล่าว

จากนั้น นายพิพัฒน์ฯ และคณะ ได้เยี่ยมชมบูธกิจกรรมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานตามโครงการกระทรวงแรงงานพบประชาชนจังหวัดศรีสะเกษ อาทิ กิจกรรมนัดพบแรงงาน ซึ่งเป็นการเปิดรับสมัครงานและสัมภาษณ์โดยตรงจากสถานประกอบการชั้นนำ มีตำแหน่งงานว่างมากกว่า 500 อัตรา อาทิ  บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด บริษัท สยามโกลบอลเฮาส์ จำกัด (สาขาศรีสะเกษ) บริษัท ชนะชัย ขาเข้าขาออก จำกัด บริษัท โมเดิร์น เอ สตีล จำกัด (สาขากันทรลักษ์)  และบริษัท เอี่ยมศิริแป้งมัน จำกัด การแนะแนวอาชีพ การสาธิตอาชีพอิสระ หลักสูตรหมอพราหมณ์ พิธีผูกข้อต่อแขนเพื่อความสิริมงคล นิทรรศการความปลอดภัยในการทำงาน โดย บริษัท เอี่ยมศิริแป้งมัน จำกัด การรับสมัครผู้ประกันตนรับชำระเงินสมทบประกันสังคมตามมาตรา 40 และการให้บริการทันตกรรมเคลื่อนที่สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 จากสำนักงานประกันสังคม และกิจกรรมทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน จำนวน 3 สาขา ได้แก่ ช่างซ่อมรถยนต์ ช่างไฟฟ้า พนักงานบริการอาหารเครื่องดื่ม จากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน นอกจากนี้ ยังได้ มอบใบอนุญาตศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน สาขา พนักงานแผนกบริการอาหารและเครื่องดื่มในธุรกิจโรงแรมและภัตตาคาร ระดับ 1 ด้วย

ชื่นฉ่ำ!! “พิพัฒน์”เปิดกระทรวงจัดพิธีสรงน้ำพระ - รดน้ำขอพร ชูแคมเปญ“สงกรานต์ชื่นบาน ชาวแรงงานชื่นใจ สืบสานประเพณีไทย 2567” มอบของขวัญแก่พี่น้องแรงงาน

วันที่ 5 เมษายน 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีรดน้ำขอพรเนื่องในเทศกาลวันสงกรานต์ ประจำปี 2567 ในกิจกรรม“สงกรานต์ชื่นบาน ชาวแรงงานชื่นใจ สืบสานประเพณีไทย 2567”โดยมี นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน นำข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน กล่าวขอพรจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จากนั้นนายพิพัฒน์ กล่าวให้พรแก่ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานที่เข้าร่วมงานกว่า 500 คน ณ ห้องประชุมกระทรวงแรงงาน ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน 

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า เนื่องในศุภวาระมงคลการ ดิถีปีใหม่ไทย ประเพณีที่ปฏิบัติกันมาแต่บรรพกาล สงกรานต์ถือเป็นเทศกาลที่สืบสานมรดกอันล้ำค่าของชาติ ขอให้ทุกท่านรักษา สืบสานวัฒนธรรมที่ดีงามนี้ตลอดไป เพื่อความสุขและเป็นสิริมงคลแก่ทุกท่านในโอกาสนี้ ขอให้พรที่ทุกท่านได้ให้มาจงส่งผลให้กับท่านทั้งหลายประสบแต่ความสุขสวัสดิพิพัฒนมงคล ผ่องแผ้วเบิกบาน และปราศจากอันตรายทั้งปวง จากนั้น รมว.แรงงาน ได้สรงน้ำพระพุทธสุทธิธรรมบพิตร และเปิดโอกาสให้ผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน และสื่อมวลชน เข้ารดน้ำขอพร

นายพิพัฒน์ ยังกล่าวต่อว่า นอกจากได้จัดกิจกรรมสรงน้ำพระและรดน้ำขอพรแล้ว ในปีนี้กระทรวงแรงงานยังได้มีของขวัญช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อมอบให้กับพี่น้องแรงงานทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย ภายใต้แคมเปญ “สงกรานต์ชื่นบาน ชาวแรงงานชื่นใจ สืบสานประเพณีไทย 2567” ได้แก่ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน มอบของขวัญ เริงรื่น...ลูกจ้างได้หยุดร่วมเทศกาลเพิ่มเติม โดยขอความร่วมมือ สถานประกอบกิจการให้ลูกจ้างมีวันหยุดเพิ่มเติมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และให้หยุดต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 12 - 16 เมษายนนี้ด้วย ในส่วนของลูกจ้างที่ทำหน้าที่ขับขี่ยานพาหนะทำงานไม่เกินวันละ 8 ชั่วโมง ทำงานล่วงเวลาไม่เกินวันละ 2 ชั่วโมง โดยได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากลูกจ้าง และห้ามทำงานก่อนครบเวลา 10 ชั่วโมง หลังสิ้นสุดการทำงานของวันทำงานที่ล่วงมาแล้ว ใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ยานพาหนะ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขณะเดินทาง และวางแผนการเดินทางไปและกลับเพื่อความสะดวกและปลอดภัย

สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน มอบของขวัญ ชื่นอุรา...ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 เมษายน มีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้น “ค่าจ้างขั้นต่ำ” รอบใหม่ วันละ 400 บาท นำร่อง 10 จังหวัดท่องเที่ยว โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายนนี้ เป็นของขวัญปีใหม่ไทยช่วงเทศกาลสงกรานต์

ในส่วนของสำนักงานประกันสังคม มอบของขวัญ ชื่นชีวา… รักษาได้ทุกโรงพยาบาล สำหรับผู้ประกันตนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลสงกรานต์ ขอให้ผู้ประกันตนทุกท่านพกบัตรประจำตัวประชาชนติดตัวไว้ หากเกิดเจ็บป่วยฉุกเฉิน ประสบอุบัติเหตุ หรือมีอาการเจ็บป่วยกะทันหัน ผู้ประกันตน สามารถเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดได้ทันที สำนักงานประกันสังคมจะพิจารณาจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ให้ภายใน 72 ชั่วโมง ตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กำหนด ทั้งนี้ ให้ผู้ประกันตน หรือโรงพยาบาลที่ให้การรักษา และผู้ที่เกี่ยวข้อง แจ้งโรงพยาบาลตามสิทธิให้ทราบโดยเร็ว ตั้งแต่เข้ารับการรักษา เพื่อให้โรงพยาบาลรับผิดชอบให้บริการทางการแพทย์กับผู้ประกันตนต่อไป ผู้ประกันตนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.sso.go.th หรือ Line : @ssothai หรือโทร 1506 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน มอบของขวัญ ชุ่มฉ่ำ... สืบสานประเพณีไทยในต่างแดน สำหรับแรงงานไทยที่ไปทำงานในต่างประเทศ จำนวน 117,222 คน  โดยมีสำนักงานแรงงานในต่างประเทศ 12 แห่ง 11 ประเทศ ให้ความคุ้มครอง ดูแล และร่วมจัดกิจกรรมในเทศกาลสงกรานต์ อาทิ เกาสง ไทเป 

และกรมการจัดหางาน มอบของขวัญ ชื่นใจ... เดินทางกลับประเทศต้นทาง สำหรับแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ กัมพูชา ลาว และเมียนมา ที่ได้รับอนุญาตทำงานในประเทศไทยที่มีเอกสารประจำตัว และมี NON L-A VISA มีอายุเหลือไม่น้อยกว่าวันที่ 15 พ.ค.67 รวมทั้งผู้ติดตามที่มีเอกสารดังกล่าว สามารถเดินทางกลับประเทศต้นทาง เพื่อร่วมงานประเพณีสงกรานต์ ประจำปี 2567 ได้ในช่วงระหว่างวันที่ 1 เม.ย.-15 พ.ค.67 โดยไม่ต้องยื่นคำขออนุญาตเพื่อกลับเข้ามาในราชอาณาจักรอีก (Re-Entry Permit) และได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียม Re-Entry

ด้าน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า เทศกาลสงกรานต์ถือเป็นประเพณีวันขึ้นปีใหม่ของไทยมาแต่โบราณเป็นประเพณีที่งดงาม อ่อนโยน เอื้ออาทร และเต็มไปด้วยบรรยากาศของความสนุกสนาน ความอบอุ่น และการให้เกียรติเคารพซึ่งกันและกัน สะท้อนให้เห็นถึงลักษณะของความเป็นไทยได้อย่างชัดเจน กระทรวงแรงงาน ได้ตระหนักและสืบสานประเพณีอันดีงามนี้อย่างต่อเนื่องมาทุกปี และปีนี้ก็เช่นกัน ได้จัดให้มีพิธีขอพรผู้บริหารของกระทรวงแรงงาน

‘พิพัฒน์’ ระดมทีมช่างฝีมือแรงงาน ทั่วภาคเหนือ ซ่อมฟรี! ระบบใช้ไฟฟ้าในบ้าน มอเตอร์ไซค์ อุปกรณ์ประกอบอาชีพ ช่วยบรรเทาผู้ประสบอุทกภัยเชียงราย

เมื่อวันที่ (25 ก.ย. 67) เวลา 10.30น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ในวันนี้ผม พร้อมด้วยนางสาวบุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน และนางบังอร มะลิดิน รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครเชียงราย เจ้าหน้าที่เครือข่ายแรงงาน ได้มีโอกาสลงพื้นที่ หมู่3 ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง ในชุมชนทวีรัตน์นี้ มีประมาณ 720 ครัวเรือน ที่ผ่านมาประสบอุทกภัยน้ำท่วมสูงกว่า 2เมตร ซ้ำร้ายกว่านั้นยังมีดินโคลนจำนวนมากไหลเข้าสู่บ้านเรือน และยังคงตกค้าง เมื่อสถานการณ์น้ำลดลงแล้ว ทำให้ ระบบไฟฟ้าในบ้าน อุปกรณ์เครื่องใช้ในการประกอบอาชีพ รถจักรยานยนต์ ฯลฯ ยังคงได้รับความเสียหาย กระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ที่ยังคงต้องประกอบอาชีพ ดูแลครอบครัว ให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปให้ได้ ซึ่งในวันนี้ ผมได้นำทีมช่างฝีมือของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน ภาคเหนือในจังหวัดลำปาง ลำพูน พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ เชียงใหม่ บูรณาการร่วมกับเครือข่ายการพัฒนาฝีมือแรงงานในพื้นที่เชียงราย วางแผนการช่วยเหลือในระยะสั้น และระยะยาว ซึ่งเบื้องต้นได้มอบสิ่งของอุปโภค บริโภคแก่ประชาชน พร้อมทั้งซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า และให้ความรู้เบื้องต้นสำหรับการซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านเพื่อความปลอดภัยของพี่น้องทุกคน ซึ่งตั้งเป็นศูนย์แจ้งรับซ่อมฟื้นฟูจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จำนวน 5 แห่ง ตลอดเดือนตุลาคม2567 ในจังหวัดเชียงราย

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า โดยในช่วงที่ผ่านมาได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานส่งมอบสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค น้ำดื่มกว่า 90,000 ขวด ข้าวสาร อาหารแห้ง เวชภัณฑ์ บรรจุถุงยังชีพ นำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยแล้ว ทั้งภาคเหนือ และ ภาคอีสาน  ซึ่งยังคงเป็นกำลังใจ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งสิ่งของและความรู้ในการซ่อมแซมสิ่งของเครื่องใช้ไฟฟ้า ดังนั้น ประชาชนที่ประสงค์ขอความช่วยเหลือซ่อมแซมอุปกรณ์   ขอให้แจ้งหน่วยงานของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานในจังหวัด ได้ทันที 

ด้านของนางสาวบุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้มอบหมายให้สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 20 เชียงรายจัดตั้งจุดบริการในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในแต่ละอำเภอ เพื่อให้บริการซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถสอบถามจุดบริการเพิ่มเติมได้ที่  053152043


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top