Saturday, 7 June 2025
พลังงานเพื่อคนไทย

‘รมว.พีระพันธุ์’ โพสต์รำลึกถึงคุณพ่อ ‘พลโท ณรงค์ สาลีรัฐวิภาค’ ผู้ก่อตั้งปั๊มน้ำมัน ‘สามทหาร’ ปั๊มน้ำมันแห่งแรกของคนไทย เพื่อคนไทย

(5 ธ.ค. 66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ ‘วันพ่อแห่งชาติ’ ระบุว่า...

ก่อนนี้ วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันที่ชาวไทยร่วมกันเฉลิมฉลองวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุยเดชมหาราช บรมนาถบพิธ พร้อมไปกับเป็นวันแสดงออกถึงความรักกับพ่อเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ

วันนี้ วันที่ 5 ธันวาคม เป็นวันที่เราชาวไทยทั่วแผ่นดินร่วมกันน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก พ่อของแผ่นดินที่สถิตอยู่กลางใจของปวงชนของพระองค์ชั่วนิจนิรันดร์ ไม่เสื่อมคลาย และขอถวายความจงรักภักดียิ่งชีวิตตลอดไป และยังเป็นวันพ่อแห่งชาติ ให้เรารำลึกถึงพ่อผู้ให้กำเนิดอีกด้วย

ผมขอใช้โอกาสนี้ บันทึกถึงพ่อที่เป็นที่เคารพรักยิ่ง ผู้ให้กำเนิดและวางรากฐานชีวิตของผมจนถึงวันนี้

เป็นที่ทราบกันในหมู่ญาติและคนใกล้ชิดว่าผมเป็นคนที่รักคุณพ่อและรักคุณแม่มาก ทุกอย่างในชีวิตของผมมาจากท่าน ผมซาบซึ้งในความรักและบุญคุณของท่านเป็นที่สุด

คุณพ่อของผม ‘พลโท ณรงค์ สาลีรัฐวิภาค’ เป็นอดีตเจ้ากรมการพลังงานทหาร และผู้อำนวยการองค์การเชื้อเพลิง เป็นผู้บุกเบิกการสำรวจและผลิตน้ำมันในยุคเริ่มต้นด้านพลังงานของประเทศตั้งแต่ยุคก่อน พ.ศ. 2500 เป็นผู้สร้างโรงกลั่นน้ำมันแห่งแรกของไทย ที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ สามารถขุดและผลิตน้ำมันเพื่อกองทัพ และยังมีเหลือมากพอที่จะนำมาให้คนไทยได้ใช้น้ำมันราคาถูก โดยการก่อตั้งปั๊มน้ำมัน ‘สามทหาร’ ปั๊มน้ำมันแห่งแรกของคนไทย เพื่อคนไทย สามารถให้บริการขายน้ำมันราคาถูก ให้คนไทยใช้มานานนับสิบๆ ปี เพราะเป็นน้ำมันที่ผลิตเองในประเทศ ก่อนที่รัฐบาลจะเปลี่ยนองค์การเชื้อเพลิงของกรมการพลังงานทหารมาเป็น การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย หรือ ‘ปตท.’ เมื่อ พ.ศ. 2521 แล้วในที่สุดก็กลายมาเป็น บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) บริษัทที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันว่า เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่ต้องหากำไรให้องค์กรและผู้ถือหุ้น 

ผมผูกพันกับเรื่องพลังงานมาโดยไม่รู้ตัว

ตอนเด็กๆ ผมชอบคุยกับคุณพ่อเรื่องทหาร และผมก็ซนมากด้วย ซนจนคุณพ่อไปไหนต้องหนีบเอาผมไปด้วยเสมอ เพราะกลัวจะหัวร้างข้างแตกหรือไม่ก็ทำของที่บ้านพัง ผมเลยมีโอกาสนั่งคุยกับคุณพ่อในรถไปตลอดทางบ้าง ได้ยินการประชุมการหารือเรื่องน้ำมันและพลังงานของคุณพ่อบ้าง เพราะวิ่งป้วนเปี้ยนอยู่ข้างคุณพ่อตอนคุณพ่อประชุมมาตั้งแต่เด็กๆ แม้ตอนนั้นจะไม่เข้าใจมากนักเพราะความเป็นเด็ก แต่ผมก็ได้รับทราบถึงความมุ่งมั่นของคุณพ่อและรัฐบาลในสมัยนั้น ที่มีความตั้งใจสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้ประเทศและคนไทย โดยไม่มีเรื่องการทำมาหากินกับพลังงาน และไม่มีเรื่องหากำไรจากประชาชนด้านพลังงานเลย 

ครอบครัวเราเห็นคุณพ่อทำงานหนัก เดินทางไปที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เพื่อเสาะแสวงหาและขุดเจาะน้ำมันให้ได้ตามที่รัฐบาลมอบหมาย

ระหว่างทางพวกเราได้ยินคุณพ่อเล่าเรื่องมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่ครอบครัวเราที่รับรู้ แต่คนที่นั่นต่างก็รับทราบกันถ้วนหน้า จนถึงวันนี้ยังมีตำนานเล่าขานเรื่อง ‘เจ้าพ่อข้อมือเหล็ก’ ที่เป็นที่มาของศาลเจ้าพ่อข้อมือเหล็กที่โรงกลั่นน้ำมันฝางจนทุกวันนี้

ในปี พ.ศ. 2501 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่เก้าและสมเด็จพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดโรงกลั่น คุณพ่อคุณแม่ของผมรวมทั้งทุกคนที่เกี่ยวข้องเฝ้ารับเสด็จด้วยความปลาบปลื้ม ในพระมหากรุณาธิคุณต่อวงการพลังงานไทยเป็นที่สุด

ความสำเร็จของการขุดเจาะน้ำมันและกลั่นน้ำมันใช้เองครั้งนั้น เป็นการปลดแอกการผูกขาดของบริษัทน้ำมันต่างชาติ ยกเลิกข้อผูกพันที่ทำไวักับบริษัทต่างชาติ เรื่องห้ามมิให้รัฐบาลจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมแก่ประชาชน สร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ ให้กับกองทัพ ไม่ต้องง้อต่างชาติหากเกิดศึกสงครามและต่างชาติบีบไม่ส่งน้ำมันให้ ขณะเดียวกันก็สร้างทางเลือกให้กับประชาชนมีน้ำมันใช้ในราคาถูก

พลังงานเพื่อผลประโยชน์ชาติและประชาชน คือ จิตวิญญานพื้นฐานของการจัดการพลังงานไทย ในยุคตั้งต้นที่ผมซึมซับจากพ่อเสมอมา

ต่อมา ในปี พ.ศ.2521 องค์การเชื้อเพลิงได้ถูกเปลี่ยนมือจากกองทัพมาเป็นการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ปั๊มน้ำมัน ‘สามทหาร’ ทุกแห่งทั่วประเทศถูกปลดป้ายชื่อเปลี่ยนเป็นปั๊ม ‘ปตท.’ หลังจากนั้นจิตวิญญาณของปั๊ม ‘สามทหาร’ และ ‘องค์การเชื้อเพลิง’ ที่มุ่งมั่นตั้งใจผลิตน้ำมันเพื่อความมั่นคงของประเทศ และเพื่อให้คนไทยได้ใช้น้ำมันในราคาถูกก็ค่อยๆ เลือนหายไป กลายเป็นธุรกิจการค้าเพื่อหากำไรเต็มรูปแบบ โดยรัฐฯ เข้าไปมีบทบาทกำกับควบคุมได้น้อยมากอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน  

ผมไม่คิดไม่ฝันว่า วันหนึ่งต้องมารับผิดชอบดูแลพลังงานของชาติเหมือนคุณพ่อในอดีต 

สิ่งที่ต่างไป คือ วันนี้พลังงานกลายเป็นเรื่องธุรกิจ เป็นเครื่องมือทำมาหากินของคนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง บริหารน้ำมันและพลังงานในเชิงธุรกิจการค้า ทำมาหากินกับน้ำมันและพลังงาน ไม่มีการบริหารจัดการพลังงานในด้านความมั่นคงของประเทศอย่างจริงจัง 

ผมต้องยอมรับว่าผมตกใจและแปลกใจ ที่มีหลายต่อหลายเรื่องที่ถูกปล่อยให้เป็นมาแบบนี้ ภาระทุกอย่างมาตกที่รัฐบาลและประชาชน ขณะที่กำไรมหาศาลตกอยู่กับผู้ประกอบการ ประชาชนแบกรับภาระกันไป ความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศทั้งก๊าซและน้ำมันก็มีปัญหา และไม่มีระบบรองรับ  

ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคที่ไม่มีการสำรองน้ำมัน เพื่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์ หรือ ‘SPR’ (Strategic Petrolium Reserve) น้ำมันสำรองที่มีอยู่ก็ไม่ใช่ของรัฐบาลและที่มีสำรองอยู่ก็เพื่อการค้า ไม่ใช่เพื่อความมั่นคงทางด้านยุทธศาสตร์ของประเทศ (SPR) การจัดสัดส่วนก๊าซและรายได้ของรัฐฯ จากก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยก็ไม่เหมาะสม 

แต่ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจครับว่า ตราบใดที่ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อนำจิตวิญญาณของพลังงาน เพื่อความมั่นคงของประเทศและประชาชน เหมือนในอดีตยุคคุณพ่อผมกลับคืนมาให้ได้ 

เพราะในยามคับขันไม่มีใครช่วย เราต้องเตรียมความพร้อมและยืนบนขาตัวเองให้ได้

ปัญหาพลังงานของประเทศวันนี้จึงไม่ใช่เป็นเพียงแค่ปัญหาโครงสร้าง ตามที่หลายคนชอบพูดชอบเรียกร้องเอาเท่ๆ ว่าให้ปรับโครงสร้างๆๆ ทำไมไม่ทำสักที ทำไมช้าจัง

ผมขอเรียนว่า ผมคงไม่ทำแค่ปรับโครงสร้างหรอกครับ เพราะปัญหาในภาพรวมมันไกลเกินกว่าจะทำเพียงแค่ปรับโครงสร้างแล้ว แต่มันต้อง ‘รื้อ’ ทั้งระบบ และเป็นการ ‘รื้อครั้งใหญ่’ ครับ 

เพราะมันจะเป็นการ ‘รื้อครั้งใหญ่’ ไม่ใช่แค่ปรับโครงสร้าง จึงต้องรอบคอบ และแก้ทุกอย่างอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่แก้ตรงนี้แล้วไปสร้างปัญหาตรงโน้น หากแต่ต้องแก้ตรงนี้แล้วตรงโน้นได้รับการแก้ไขต่อกันไปด้วย ตอนนี้ผมและทีมงานได้ข้อมูลเกือบเพียงพอที่จะเริ่มเดินหน้าเรื่องนี้ได้แล้ว อีกไม่นานครับ… เมื่อถึงเวลานั้น ผมจะเป็นผู้นำ ‘รื้อครั้งใหญ่’ นี้เอง 

ผมไม่ค่อยชอบพูด ไม่ชอบให้สัมภาษณ์ แต่ชอบลงมือทำ ขอให้เชื่อมั่นครับ ว่าเรื่องนี้ผมทำจริงแน่นอน และจะทำเพื่อให้ประโยชน์ตกอยู่กับประเทศและประชาชนทุกคน 

สุดท้ายนี้ ผมขอให้คุณพ่อทุกคนมีความสุขในวันพ่อแห่งชาติ และขอให้ลูกทุกคนเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ รัก เคารพ และเชื่อฟังพ่อแม่ตลอดไปทุกๆ วันครับ

‘นายกรัฐมนตรี’ ร่วมเปิดงาน 45 ปี ปตท. ขอบคุณทุกภาคส่วน  สนับสนุนพันธกิจสร้างความมั่นคงทางพลังงานเพื่อคนไทย

เมื่อไม่นานมานี้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จัดงานขอบคุณคนไทยแบบคาร์บอนนิวทรัล อีเวนต์ (Carbon Neutral Event) ปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากงานเท่ากับศูนย์ โดยใช้คาร์บอนเครดิตจากการปลูกป่ามาชดเชยในการฉลองสู่ปีที่ 45 นับตั้งแต่ก่อตั้ง การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย เป็นรัฐวิสาหกิจเมื่อปี พ.ศ. 2521 เดินหน้าสู่การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในปี พ.ศ. 2544 จากการสนับสนุนของคนไทยทุกคน ผนวกกับความทุ่มเทของผู้บริหารและพนักงานจากรุ่นสู่รุ่น พิสูจน์ได้ถึงการมุ่งสร้างความมั่นคงทางพลังงาน พร้อมฝ่าทุกวิกฤตและร่วมดูแลสังคมไทยตลอดมา

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน ‘PTT 45th Anniversary’ Ignite Life Potential งานเลี้ยงรับรองขอบคุณผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน เนื่องในวาระครบรอบ 45 ปี บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยมี ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน และประธานกรรมการ ปตท. นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. พร้อมคณะผู้บริหารและพนักงาน ปตท. ร่วมต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่มีส่วนสนับสนุน ปตท. มาโดยตลอด ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ

นายเศรษฐา กล่าวว่า ปตท. เป็นบริษัทด้านพลังงานรายใหญ่ที่อยู่คู่สังคมไทยอย่างยาวนาน เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนให้ประเทศก้าวพ้นวิกฤตการณ์ด้านพลังงานเสมอมา และมีส่วนร่วมผลักดันด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้อง เป็นการช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญผ่านโครงการดี ๆ เพื่อพัฒนาสังคมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องชาวไทย วันนี้เป็นโอกาสอันดียิ่งที่ได้แสดงความยินดีกับ ปตท. ให้กิจการมีความก้าวหน้าและประสบความสำเร็จ เพื่อเป็นพลังของประเทศต่อไป

นายอรรถพล เปิดเผยว่า การก้าวสู่ปีที่ 45 ในปี พ.ศ. 2566 ของ ปตท. อาจเปรียบเทียบได้กับวัยกลางคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านประสบการณ์ชีวิตมากพอที่จะเรียนรู้จากอดีตและมองถึงอนาคต มีความรับผิดชอบ และทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนเคียงข้างกับคนทุกวัย ซึ่งกิจกรรมวาระพิเศษในวันนี้ จัดขึ้นเพื่อแสดงความขอบคุณผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเสมือนตัวแทนของประชาชนทุกภาคส่วน ที่สนับสนุนการเติบโตของ ปตท. มาตลอด ในฐานะบริษัทพลังงานของคนไทย ที่มีภารกิจในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ พร้อมสร้างการเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืนแก่สังคม

“ตลอด 45 ปีของการเติบโตจนถึงวันนี้ ปตท. ขอให้ความเชื่อมั่นว่าจะไม่หยุดพัฒนา และยังคงมุ่งมั่นขยายธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต และธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน พร้อมกับการแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ เพื่อให้ ปตท. สามารถเติบโตในระยะยาวคู่กับประเทศไทยได้อย่างมั่นคง ตามวิสัยทัศน์ ‘Powering Life with Future Energy and Beyond ขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังแห่งอนาคต’ พร้อมเป็นกำลังสำคัญ ยกระดับอุตสาหกรรมใหม่ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้คนไทย เพื่อให้ ปตท. เป็นองค์กรแห่งความภาคภูมิใจของคนไทยตลอดไป” นายอรรถพล กล่าว

ภายในงานได้มีการจัดนิทรรศการผลงานของ ปตท. อาทิ การพัฒนาธุรกิจก๊าซธรรมชาติ การพัฒนาธุรกิจน้ำมันจนถึง PTT Life Station การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของไทย การพัฒนา EV Ecosystem โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ และการพัฒนาพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทอดความผูกพันระหว่าง ปตท. และคนไทย ในรูปแบบละครเวที และปิดท้ายด้วยบทเพลงพิเศษในวาระ 45 ปี ปตท. ‘เธอคือพลังของฉัน’ ขับร้องโดยศิลปินระดับประเทศอย่าง เบิร์ด-ธงไชย อิ้งค์-วรันธร ที่สื่อสารมาตลอดปี 2566 เพื่อแสดงความขอบคุณคนไทยในโอกาสนี้

อนึ่งการจัดงานในครั้งนี้ได้จัดขึ้นในรูปแบบการจัดงานแบบ Carbon Neutral Event หรืองานปลอดคาร์บอน ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) โดยใช้คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) จากกิจกรรมการปลูกป่าของ ปตท. มาชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมในการจัดงาน ให้มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากงานเท่ากับศูนย์ จึงมั่นใจได้ว่าการจัดงานครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามเป้าหมายในแนวทางการดำเนินงาน PTT NET ZERO EMISSIONS ภายในปี ค.ศ. 2050

'พีระพันธุ์' ยัน!! ดรามาเติมน้ำมันได้ไม่ถึง 5 ลิตร ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย แต่ควรปรับเกณฑ์ ช่วยลดความคลาดเคลื่อน เพื่อประโยชน์ผู้บริโภค

(22 ธ.ค.66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

จากกรณีที่มีข่าวว่าปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งเติมน้ำมัน 5 ลิตร แต่ได้น้ำมันไม่ถึง 5 ลิตร เจ้าหน้าที่ปั๊มตอบว่า ตามกฎกระทรวงให้สามารถทำได้กรณีน้ำมัน บวก/ลบ ไม่เกิน 50 มิลลิลิตรนั้น

ผมได้ตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นกฎหมายของกระทรวงพาณิชย์ครับ ในเรื่องของชั่งตวงวัด

การกำกับดูแลมาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิง อยู่ภายใต้ภารกิจของสำนักชั่งตวงวัด กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ โดยจากกฎกระทรวงกำหนดเครื่องวัดที่อยู่ในการบังคับแห่ง พรบ.ชั่งตวงวัด พ.ศ. 2542 สำหรับมาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิง กรณีใช้ถังตวงขนาด 5 ลิตร มีอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด +/- 25 mL สำหรับการตรวจสอบเพื่อรับรอง และ +/- 50 mL สำหรับการตรวจสอบระหว่างใช้งาน 

ดังนั้น กรณีสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงในคลิป ซึ่งเป็นมาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับใช้งาน มีอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด +/- 50 mL จึงไม่ได้ทำผิดตามกฎหมายดังกล่าวตามที่ปั๊มน้ำมันอ้างจริง

อย่างไรก็ตาม ผมเองเห็นว่าในปัจจุบันความสามารถของเครื่องมือในการชั่งตวงวัดดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก มีความเที่ยงตรงสูงกว่าแต่ก่อน จึงสมควรมีการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้คลาดเคลื่อนน้อยที่สุดเพื่อประโยชน์ผู้บริโภค

ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ผมจะแจ้งประสานไปยังกระทรวงพาณิชย์ให้พิจารณาทบทวนอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาดดังกล่าวให้แคบลง และจะนำเรื่องนี้ไปรวมไว้ในการแก้ไขกฎหมายน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งระบบ ซึ่งอยู่ในระหว่างดำเนินการ และในฐานะที่ผมเป็นประธานคณะกรรมการการมาตรฐานแห่งชาติด้วย ก็จะนำเรื่องนี้ไปพิจารณาว่าจะสามารถแก้ไขมาตรฐานของเครื่องมือชั่งตวงวัดได้อย่างไรบ้าง 

ล่าสุดประธานที่ปรึกษาของผม ท่านณอคุณ สิทธิพงศ์ ได้ประสานงานกับอธิบดีกรมธุรกิจพลังงานว่าจะสามารถดำเนินการแก้ไขเยียวยาอะไรก่อนได้บ้างหรือไม่ ก่อนที่จะมีการปรับกฎเกณฑ์ต่อไป

'พีระพันธุ์' จี้!! แหล่งก๊าซเอราวัณให้ขุดได้ตามเป้า ตัวแปรสำคัญช่วยคงค่าไฟงวดหน้าไม่สูงกว่าเดิม 

(27 ก.พ.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้กล่าวถึงอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม 2567 ว่า ตนเองไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้เพราะเป็นห่วงพี่น้องประชาชนตลอดเวลา ทั้งนี้หลังจากที่ตนและผู้บริหารกระทรวงพลังงานโดยเฉพาะปลัดกระทรวง นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรี (นายณอคุณ สิทธิพงษ์) และประธานคณะกรรมการ กกพ., นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ รวมทั้งคณะกรรมการ กกพ. และผู้เกี่ยวข้องทุกท่านได้ร่วมกันพยายามหาทางให้อัตราค่าไฟฟ้าสำหรับงวดเดือนมกราคมถึงเมษายน 2567 ไม่สูงถึงหน่วยละ 4.68 บาท อย่างที่เคยเป็นข่าว 

แม้จะมีปัจจัยลบจำนวนมาก โดยเฉพาะปัญหาการขุดก๊าซจากอ่าวไทยที่ขาดหายไปเป็นจำนวนมากพอสมควร ทำให้ต้องนำเข้าก๊าซที่มีราคาแพงมาชดเชยในช่วงเวลาดังกล่าว แต่เมื่อทุกฝ่ายช่วยกันบริหารจัดการปัจจัยต่าง ๆ อย่างจริงจังแล้ว ก็สามารถทำให้อัตราค่าไฟฟ้าอยู่ที่หน่วยละ 4.18 บาท และยืนอัตราหน่วยละ 3.99 บาทสำหรับประชาชนกลุ่มเปราะบาง ทำให้ประชาชนไม่เดือดร้อนจากอัตราค่าไฟฟ้าในช่วงสี่เดือนแรกของปี 2567 มากนัก 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก กกพ. จะมีการปรับค่าเอฟทีสำหรับการกำหนดค่าไฟฟ้าทุก 4 เดือน ดังนั้นอัตราค่าไฟฟ้าหน่วยละ 4.18 บาท ซึ่งจะครบกำหนดในเดือนเมษายน 2567 นี้ ก็จะต้องมีการปรับอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับงวดต่อไปคือ งวดเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม 2567 กันใหม่อีกในเร็ว ๆ นี้ 

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า จะพยายามคงอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับงวดเดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม 2567 ไว้ในอัตราเดิม คือหน่วยละ 4.18 บาท ให้ได้มากที่สุด ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเป็นไปได้เพราะทาง ปตท. สผ. ยืนยันว่าจะสามารถขุดก๊าซจากอ่าวไทยที่ขาดหายไปจำนวนมากกลับคืนมาได้ตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 เป็นต้นไป ซึ่งตนเองจะเดินทางไปดูการทำงานของ ปตท.สผ. ที่หลุมขุดเจาะเอราวัณกลางอ่าวไทยในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อให้มั่นใจว่า ปตท.สผ. จะสามารถดำเนินการได้ตามที่รับปากไว้ และยังมีแนวโน้มว่าปัจจัยอื่นน่าจะเป็นบวกมากกว่าในงวดเดือนมกราคมถึงเมษายน 2567 อีกทั้งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้รับปากว่าจะพยายามยืนอัตราค่าไฟฟ้าไว้ในอัตราเดิม ตนจึงค่อนข้างมั่นใจว่าพี่น้องประชาชนจะไม่เจอกับปัญหาการขึ้นค่าไฟฟ้าในงวดระยะเวลาดังกล่าว 

“เราเป็นห่วงประชาชน จึงพยายามอย่างยิ่งที่จะลดภาระค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานของประชาชนซึ่งเป็นต้นทุนที่สำคัญลงให้ได้ โดยใช้มาตรการทุกอย่างที่ทำได้ภายใต้โครงสร้างปัจจุบันก่อนที่จะรื้อทั้งระบบภายในปีนี้” นายพีระพันธุ์ กล่าวทิ้งท้าย

'พีระพันธุ์' ให้คำมั่น!! ยืนหยัดแก้ปัญหาพลังงาน เพื่อ 'ชาติ-ประชาชน' ตามรอย 'พลโทณรงค์' ในงานสมาคมนักเรียนเก่าฟิลิปปินส์ในพระบรมราชูปถัมภ์

(2 มี.ค.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ได้รับเชิญจากสมาคมนักเรียนเก่าฟิลิปปินส์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ไปบรรยายเรื่องพลังงาน ในฐานะที่คุณพ่อ 'พลโทณรงค์ สาลีรัฐวิภาค' เคยเป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ และยังดำรงตำแหน่งนายกสมาคมนักเรียนเก่าฟิลิปปินส์ในพระบรมราชูปถัมภ์เป็นคนแรก  

โดยนายพีระพันธุ์ได้เล่าถึงเรื่องราวของ พลโทณรงค์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกกิจการพลังงานของไทย รวมทั้งเป็นผู้บุกเบิกการก่อสร้าง 'โรงกลั่นน้ำมัน' แห่งแรกของประเทศไทย ที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ และเป็นผู้ก่อตั้งปั๊มน้ำมัน 'สามทหาร' ที่ปัจจุบันแปรสภาพเป็น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อจำหน่ายน้ำมันที่ขุดและกลั่นได้เองจากโรงกลั่นน้ำมันที่อำเภอฝางให้ประชาชนใช้ในราคาถูก และเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเลียมสมัยใหม่ของประเทศไทย

นายพีระพันธุ์ กล่าวย้ำว่า พลังงานคือความมั่นคงของประเทศ แต่ปัจจุบันกิจการด้านพลังงานได้แปรเปลี่ยนไปเป็นเรื่องของธุรกิจ ตนในฐานะ รมว.พลังงาน จึงตั้งใจที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศและลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของประชาชน ตามแนวทาง รื้อ ลด ปลด สร้าง ที่ได้เริ่มต้นดำเนินการแล้ว

‘พีระพันธุ์’ มั่นใจ!! ค่าไฟรอบใหม่ (พ.ค. - ส.ค.) จะไม่สูงกว่ารอบปัจจุบัน

(7 มี.ค. 67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค - Pirapan Salirathavibhaga’ ถึงกรณีตรวจเยี่ยมแท่นขุดเจาะก๊าซกลางอ่าวไทย และราคาค่าไฟฟ้าในรอบใหม่ (พฤษภาคม - สิงหาคม) ระบุว่า…

หลังจากที่ไปตรวจการผลิตก๊าซกลางอ่าวไทยเมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมาเพื่อให้มั่นใจว่าเราจะมีก๊าซมากพอเพื่อเป็นปัจจัยหนึ่งของการยันราคาค่าไฟฟ้าในรอบใหม่นี้ 

ต่อมาผมได้หารือกับท่านเสมอใจ ศุขสุเมฆ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และท่านปลัดกระทรวงพลังงาน ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ และล่าสุดได้หารือกับผู้บริหาร กฟผ. เพื่อขอให้ช่วยกันดูแลประชาชนตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละฝ่ายให้เต็มที่เพื่อไม่ให้มีภาระค่าไฟฟ้ามากไปกว่าปัจจุบัน ซึ่งทุกท่านทุกฝ่ายพร้อมที่จะดำเนินการอย่างเต็มความสามารถ โดยเฉพาะทาง กฟผ. พร้อมที่จะแบกรับภาระหลายอย่างเพื่อประชาชน 

ผมจึงค่อนข้างมั่นใจว่าราคาค่าไฟฟ้าสำหรับงวดต่อไป (พฤษภาคม - สิงหาคม) จะไม่สูงไปกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน 

ขอให้มั่นใจครับว่าผมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจะทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน และขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมา ณ ที่นี้อีกครั้งครับ

'พีระพันธุ์' เดือด!! ประชาชนถูกเอาเปรียบ เติมน้ำมันแล้วกลายเป็นน้ำ จ่อถอนใบอนุญาตปั๊มแสบ หากปิดไม่ได้ ต้องแก้ กม.อุดช่องโหว่ 

(1 พ.ค.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ได้กล่าวว่า จากกรณีปัญหาการเติมน้ำมันแล้วกลายเป็นน้ำที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2567 นั้น ผมและเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยกระทรวงพลังงานได้รับทราบเรื่องผ่านทางพลังงานจังหวัดกาญจนบุรีว่าผู้เสียหายได้มาร้องเรียนเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567 ซึ่งพลังงานจังหวัดและกรมธุรกิจพลังงานได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่มาเป็นลำดับ 

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (30 เมษายน 2567) ท่านปลัดกระทรวงพลังงานได้แจ้งให้ผมทราบว่าเจ้าหน้าที่พลังงานจังหวัดกาญจนบุรีได้แจ้งความดำเนินคดีกับทางปั๊มน้ำมันต้นเหตุแล้ว เพราะเป็นการกระทำความผิดตาม พรบ.การค้าน้ำมันเชื้อเพลิง และมีคลิปวีดีโอเป็นหลักฐานชัดเจน ส่วนประชาชนที่ได้รับความเสียหายทั้งที่เป็นข่าวและที่ไม่เป็นข่าวก็มีสิทธิแจ้งความดำเนินคดีฐานฉ้อโกงประชาชนได้ด้วย เพราะเป็นการกระทำที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนเป็นวงกว้าง 

ทั้งนี้ ผมได้มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงานตรวจสอบว่าจะสามารถเพิกถอนใบอนุญาตเปิดปั๊มน้ำมันแห่งนี้ได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็คงต้องแก้ไขกฎหมายกันต่อไป เพราะมีการกระทำความผิดของปั๊มน้ำมันในลักษณะที่เป็นการเอาเปรียบหรือฉ้อโกงประชาชนมาหลายครั้งแล้ว 

ขอให้มั่นใจว่าผมและกระทรวงพลังงานจะไม่ยอมให้ประชาชนถูกเอาเปรียบหรือถูกโกงแบบนี้อย่างเด็ดขาดครับ 

 

'พีระพันธุ์' ย้ำ!! กม.ใหม่ คิดราคาน้ำมันตามต้นทุนแท้จริง แทนอิงราคาต่างชาติ พร้อมกำหนดให้การปรับราคาน้ำมันทำได้เดือนละหนึ่งครั้ง ไม่ใช่ปรับทุกวัน

(10 ก.ย. 67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เผยถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับกฎหมายด้านพลังงานฉบับใหม่ หลังจากได้เรียกประชุมผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและด้านพลังงาน เพื่อตรวจทานรายละเอียดของกฎหมายกำกับดูแลการประกอบกิจการค้าน้ำมันที่ผมได้ยกร่างขึ้นมาในเบื้องต้นทั้งหมด 180 มาตรา 

โดยกฎหมายฉบับนี้จะกำหนดให้การปรับราคาน้ำมันทำได้เดือนละหนึ่งครั้ง ไม่ใช่ปรับทุกวัน และให้ปรับราคาได้ตามความเป็นจริงของต้นทุนน้ำมัน โดยจะนำระบบ Cost Plus ซึ่งหมายถึงระบบที่คิดราคาตามต้นทุนที่แท้จริง เข้าใช้แทนระบบอ้างอิงราคาน้ำมันต่างประเทศ และจะกำกับดูแลไปถึงเรื่องของการจำหน่ายก๊าซหุงต้มด้วย

ในกฎหมายฉบับนี้ ยังจะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนส่ง ผู้ให้บริการสาธารณะกุศล รวมไปถึงสหกรณ์การเกษตร การประมง สามารถจัดหาน้ำมันมาใช้ได้เอง เพราะถือเป็นการค้าเสรีอย่างแท้จริง ประชาชนต้องมีสิทธิเสรีในการหาพลังงานของตัวเอง ถ้าหากผู้ประกอบการสามารถจัดหาน้ำมันมาใช้เองได้ในราคาที่ถูกกว่าราคาจำหน่ายหน้าปั๊ม ก็สามารถดำเนินการได้ตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย และเมื่อภาระต้นทุนน้ำมันของผู้ประกอบการลดลงแล้ว ก็จะอ้างต้นทุนค่าขนส่งแพงไม่ได้ และจะนำไปสู่การปรับลดราคาสินค้าตามมาด้วย  ซึ่งจะเป็นการลดภาระของประชาชนในอีกทางหนึ่ง

"ผมใช้เวลาร่างกฎหมายฉบับนี้ตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 หลังจากที่ได้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับต้นทุนราคาน้ำมันที่กำหนดให้ผู้ค้าน้ำมันต้องแจ้งเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี และคาดว่าการตรวจสอบร่างกฎหมายนี้จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ได้ภายในปีนี้ พร้อม ๆ กับกฎหมายกํากับดูแลการติดตั้งระบบไฟฟ้าโซลาร์บนหลังคาบ้าน และขอให้เชื่อมั่นว่า ผมจะเร่งผลักดันกฎหมายทั้งสองฉบับนี้ รวมทั้งกฎหมายด้านพลังงานอื่น ๆ ให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุดเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน และเพื่อให้การ 'รื้อ ลด ปลด สร้าง' ระบบพลังงานไทย เพื่อความมั่นคง เป็นธรรม และยั่งยืน เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรมครับ" นายพีระพันธุ์ กล่าว

'พีระพันธุ์' เผย!! 3 กฎหมายสำคัญด้านพลังงาน คืบหน้าไปมาก แก้ปัญหาโครงสร้างพลังงานไทยสะสมยาวนานได้อย่างยั่งยืน

เมื่อวานนี้ (24 ก.ย.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ผมและท่านผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและด้านพลังงานได้มาประชุมร่วมกันเป็นครั้งที่ 4 เพื่อตรวจทานร่างกฎหมายกำกับดูแลการประกอบกิจการค้าน้ำมันและก๊าซ ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าในรายละเอียดไปมากพอสมควรแล้ว และคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ได้ภายในปีนี้ครับ

ผมได้ร่างกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมาในเบื้องต้นทั้งหมด 180 มาตรา หลังจากที่ได้ออกประกาศกระทรวงพลังงานที่กําหนดให้ผู้ค้าน้ำมันต้องแจ้งต้นทุนเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี โดยบทนิยามของกฎหมายฉบับนี้จะเป็นตัวกำหนดหลักเกณฑ์สำคัญในหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องหลักเกณฑ์การคิดต้นทุนเฉลี่ยราคาน้ำมันว่าใช้วิธีคำนวณแบบไหน คำนวณอย่างไร เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย

กฎหมายฉบับนี้จะเป็นกลไกสำคัญในการ ‘รื้อ’ ระบบกำหนดราคาน้ำมันให้มีความชัดเจนและเป็นธรรมมากขึ้น ทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขาย โดยจะนำระบบ Cost Plus ซึ่งเป็นการคำนวณราคาน้ำมันตามต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่แท้จริง มาใช้แทนระบบอ้างอิงราคาน้ำมันต่างประเทศ โดยระบบนี้จะกําหนดราคามาตรฐานอ้างอิงเป็นราคากลางในแต่ละเดือนว่า ราคาน้ำมันเฉลี่ยแต่ละเดือนควรจะเป็นเท่าไร ถ้าหากผู้ประกอบการมีต้นทุนสูงกว่าราคากลางที่กําหนด ก็ต้องมาพิสูจน์ว่ามีต้นทุนที่สูงขึ้นจริงเพราะอะไร จึงจะปรับราคาได้ และให้ปรับได้เดือนละครั้ง ไม่ใช่ปรับรายวัน โดยคิดเป็นราคาเฉลี่ยในระยะเวลาที่กำหนดแทนการปรับราคารายวัน

ผมเชื่อมั่นว่ากฎหมายฉบับนี้จะสร้างความเป็นธรรมให้แก่ทุกฝ่าย โดยประชาชนจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ได้ใช้น้ำมันในราคาที่อิงจากต้นทุนน้ำมันที่แท้จริง ลดภาระการขึ้นลงของราคาน้ำมันรายวัน และหลุดพ้นจากความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลก ด้านผู้ประกอบการก็ไม่ขาดทุน ขณะที่ภาครัฐก็สามารถเข้าไปกำกับดูแลราคาน้ำมันได้  

กฎหมายฉบับนี้ยังกำหนดหลักเกณฑ์ที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนส่ง ผู้ให้บริการสาธารณะกุศล รวมไปถึงสหกรณ์การเกษตร การประมง สามารถจัดหาน้ำมันมาใช้เองได้ตามหลักการค้าเสรี ซึ่งจะช่วยลดภาระต้นทุนด้านน้ำมันของผู้ประกอบการ และสามารถส่งผลให้ราคาสินค้าปรับลดลงได้จากต้นทุนด้านน้ำมันที่ลดลง

นอกจากนี้ ผมยังได้เตรียมร่างกฎหมายอีกหลายฉบับ เพื่อสนับสนุนแนวทาง ‘รื้อ ลด ปลด สร้าง’ ระบบพลังงานไทย ให้มีความมั่นคง เป็นธรรม และยั่งยืน เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนชาวไทย ยกตัวอย่างเช่น กฎหมายกํากับดูแลการติดตั้งระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาบ้าน เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดตั้งระบบ Solar Rooftop และ กฎหมายจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันแห่งชาติ หรือ Strategic Petroleum Reserve (SPR) ที่จะมาดูแลปัญหาราคาน้ำมันแทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งผมจะเรียนความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่องครับ

‘พีระพันธุ์’ ขอบคุณทุกแรงสนับสนุน ทำให้ผลคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง-มั่นคง

(30 ก.ย. 67) พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นและขอบคุณประชาชน หลังมีการรายงานคะแนนนิยมจาก ‘นิด้าโพล’ และปรากฏว่าตนและพรรครวมไทยสร้างชาติได้รับคะแนนนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยระบุว่า…

ขอกราบขอบพระคุณพี่น้องประชาชนที่ตอบการทำโพลของสถาบันนิด้าทุก ๆ ครั้ง และที่สนับสนุนผมและพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เสมอมา ทำให้คะแนนนิยมจากการสำรวจเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงตลอดมาเป็นลำดับ 

แม้ผลการสำรวจความนิยมดังกล่าวจะไม่ใช่เครื่องแสดงความสำเร็จของผลการเลือกตั้งในอีกสามปีข้างหน้า แต่ก็ทำให้พวกเราทุกคนใน รทสช. รู้สึกดีใจและมีกำลังใจในการทำงานมากขึ้น 

ผมบอกกับทุกคนในพรรคเสมอมาว่าสิ่งที่ประชาชนคาดหวังจากการเมืองและพรรคการเมืองในวันนี้คือการทำงานอย่างจริงจัง ไม่ใช่การแย่งชิงอำนาจการเมือง 

ผมบอกกับทุกคนว่าการที่ประชาชนยังชื่นชมและคิดถึงลุงตู่เป็นเพราะผลงานและความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงานให้ประเทศและประชาชนของท่าน และการคิดถึงแต่ประโยชน์ชาติมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว นั่นคือสิ่งที่พวกเรา รทสช. จะต้องสืบทอดต่อ ต้องเอา DNA ของลุงตู่มาอยู่กับพรรคอยู่กับเราตลอดไป

หนึ่งปีที่ผ่านมาเราไม่เคยตีกัน ไม่เคยแย่งชิงตำแหน่งการเมืองกัน พวกเราทุกคนพยายามมุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มที่และอย่างจริงจัง แบ่งงานแบ่งหน้าที่กันทำ ในรัฐบาลเป็นหน้าที่ของคนที่เป็นรัฐมนตรี ในสภาฯ เป็นหน้าที่ของคนที่เป็น สส. และในพื้นที่เป็นหน้าที่ของสมาชิกพรรคแต่ละคน ตามมอตโต้ ‘สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง’ และจากการทำงานแบบลุยจริงตามแนวทาง ‘รื้อ ลด ปลด สร้าง’

ความสำเร็จในคะแนนนิยมของพรรค รทสช. วันนี้จึงมาจากพวกเราทุกคนที่เป็น รทสช. ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ที่ทำให้ประชาชนเห็นว่าเราเป็นพรรคการเมืองแบบที่ประชาชนอยากให้มีอยากให้เป็น 

ผมขอขอบคุณท่านเลขาธิการพรรค ผู้บริหารพรรค สส. และสมาชิกพรรค ทุกคนที่ช่วยกันทำให้มีวันนี้ของพรรครวมไทยสร้างชาติ และขอขอบพระคุณพี่น้องประชาชนทุกท่านที่ให้การสนับสนุน ที่สำคัญกราบขอบพระคุณ DNA ของลุงตู่ที่ส่งต่อมายังพวกเราทุกคนครับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top