‘ทูตจีน’ ปาฐกถาพิเศษ 10 ปี ‘1 แถบ 1 เส้นทาง’ ชี้!! คนรุ่นใหม่ไทย-จีน เป็นพลวัตสร้างอนาคตร่วมกัน
ทูตจีนปาฐกถาพิเศษ 10 ปี 1แถบ 1 เส้นทาง ชี้แนวโน้มแข็งแกร่ง ‘คนรุ่นใหม่ไทย-จีน’ เป็นพลวัตสร้างอนาคตร่วมกัน
(24 เม.ย.66) ที่ห้องประชุมจันทร์จรัส อาคารอธิการบดี ชั้น 3 มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม มีการจัดงานสัมมนาหัวข้อ ‘จีนร่วมสมัยกับโลก การแลกเปลี่ยนระหว่างคนรุ่นใหม่ไทย-จีน’ โดย ศูนย์วิจัยหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางไทย-จีน สถาบันวิจัยประเทศจีนและโลกร่วมสมัย และศูนย์สื่อสารเอเชียแปซิฟิก สำนักสารนิเทศต่างประเทศแห่งประเทศจีน ร่วมกับ มรภ.จันทรเกษม, สภาวัฒนธรรมไทย-จีนและส่งเสริมความสัมพันธ์ และศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้เข้าร่วมฟังเสวนาอย่างคับคั่ง โดยเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษ ใจความว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมในการแลกเปลี่ยนระหว่างคนรุ่นใหม่ไทย-จีน สำหรับโครงการ โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง เป็นข้อริเริ่มจากข้อเสนอของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เพื่อส่งเสริมการพัฒนาความเจริญร่วมกัน
โดยในวาระครบรอบสิบปีของการริเริ่มโครงการ นับเป็นโอกาสดีที่คนรุ่นใหม่จะได้พูดคุยกัน ไทยและจีนมีสายเลือดเดียวกัน มีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน เป็นเพื่อนบ้าน และเป็นหุ้นส่วนที่ดี ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา การร่วมพัฒนาโครงการสายแถบและเส้นทางได้ประสบความสำเร็จมากมายในการเชื่อมต่อนโยบายภายใต้แนวคิดการพัฒนาใหม่ สร้างระบบใหม่แบบเปิดกว้างและครอบคลุม
รัฐบาลไทยได้เปิดตัวยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี กับไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาของข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง และนโยบายของทั้งสองประเทศมีการการครอบคลุมอย่างรอบด้าน
ปัจจุบันโครงการรถไฟจีน-ไทยระยะที่ 2 คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2567 และแล้วเสร็จในปี 2571 ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้า ระหว่างไทยจีนและลาว
ในอนาคตจีนและไทยจะกระชับความร่วมมือภายใต้กรอบการร่วมมือนี้ ปัจจุบันจีนกำลังเจรจากับกลุ่มประเทศอาเซียนโดยมีไทยเป็นผู้ประสานงาน เชื่อมั่นว่าจะมีประโยชน์ต่อทั้งประชาชนจีนและไทย
ในปี 2565 จีนมีการลงทุนใน 158 โครงการ ทำให้จีนเป็นแหล่งทุนต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของไทย นิคมอุตสาหกรรมระยอง ไทย-จีน ดึงดูดผู้ผลิตของจีนกว่า 180 บริษัท สามารถสร้างงานในท้องถิ่นมากกว่า 45,000 ตำแหน่ง จีนได้จัดตั้งธนาคารหลักเงินหยวนในต่างประเทศ จีนและไทยได้ช่วยเหลือกันและกันอย่างจริงใจในช่วงโควิด ทำให้มิตรภาพแน่นแฟ้นมากขึ้น
นอกจากนี้ จีนจัดให้ไทยเป็น 1ใน 20 ประเทศแรกนำร่องเพื่อไปท่องเที่ยวที่ประเทศจีน และประเทศไทยก็รับนักท่องเที่ยวจีนเช่นกัน ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา คนจีนมาเที่ยวไทยประมาณ 500,000 คน สะท้อนความสัมพันธ์อันดีที่มีให้กันมาตลอด โดยในอนาคตจะเห็นภาพสายแถบและเส้นทางอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น นำมาซึ่งประโยชน์ใหม่ ๆ และจะเป็นการส่งเสริมให้จีนและไทยมุ่งสู่ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน
