Monday, 21 April 2025
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์

”บิ๊กหลวง“ เปิดปฏิบัติการยึดทรัพย์แก๊งบิ๊กไบค์ ขนยาบ้ากว่า 30 ล้านเม็ด พร้อมลุยทลายนักค้าภาคตะวันออก 329 เป้าหมาย ผู้ต้องหา 278 คน

วันที่ 5 เมษายน 2567 ที่จังหวัดชลบุรี พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. นางสาวพรทิพย์ แจ่มพงษ์ ผอ.ปปส.ภ.2 นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ ผอ.ปปส.ภ.5 นายสราวุธ ภักดี ผอ.ปปส.ภ.6 พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รองผู้บัญชาการ ตำรวจภูธรภาค 2 น.อ.บรรพต นิธิณัฐอาภาศิริ รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ และ พ.ต.อ.ภาสกร ไพจิตต์ ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี แถลงผลปฏิบัติการยึดทรัพย์สินแก๊งบิ๊กไบค์ขนยาเสพติด ที่จับกุมได้ที่จังหวัดเชียงราย ช่วงวันที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา พร้อมแถลงผลยุทธการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย ลุยเด็ดปีกนักค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคตะวันออก 329 เป้าหมาย ในช่วงวันที่ 1 ธันวาคม 2566 – 3 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา 

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวถึง การขยายผลแก๊งบิ๊กไบค์ว่า สืบเนื่องจากการจับกุมแก๊งบิ๊กไบค์ขนยาเสพติด เมื่อช่วงวันที่ 4 มีนาคม 2567 ที่ จ.เชียงราย โดยเป็นผลจากการร้องเรียนของประชาชน ผ่านสายด่วน ป.ป.ส.1386 แจ้งว่า พบขบวนการบิ๊กไบค์ต้องสงสัยในพื้นที่ จ.เชียงราย คาดว่าจะเกี่ยวกับการลักลอบลำเลียงยาเสพติด จนนำไปสู่การสืบสวนก่อนสามารถจับกุมผู้ต้องหา 6 คน พร้อมของกลางยาบ้า 1,890,000 เม็ด ซุกซ่อนในอุปกรณ์พ่วงข้างรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ เครือข่ายยาเสพติด นำโดยนายสัมฤทธิ์ มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ จ.เชียงราย เข้ามาส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลตรวจยึดทรัพย์สินรวมมูลค่ากว่า 7 ล้านบาท

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า หลังการจับกุมได้มอบหมายให้ นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สืบสวนขยายผล ก่อนพบว่าแก๊งบิ๊กไบค์ดังกล่าว ที่มีนายสัมฤทธิ์ เป็นหัวหน้าขบวนการลำเลียงยาเสพติดมีทรัพย์สินจำนวนมากอยู่ในพื้นที่หลายจังหวัด จึงเปิดปฏิบัติการขยายผลตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับบุคคลในเครือข่ายดังกล่าว โดยบูรณาการความร่วมมือระหว่าง สำนักงาน ป.ป.ส., นบ.ยส.35,ศขย.ฝขว.ศปก.ทบ., ศรภ., กกล.ผาเมือง, ขกท.ศปก.ทภ.3, ศอ.ปส.ทร.,ภ.จว.เชียงราย, ศอ.ปส.ภ.5, บก.ปส.3 บช.ปส. และ ศอ.ปส.นสร. ปฏิบัติการใน 13 จุด ในพื้นที่ 6 จังหวัด (จ.ชลบุรี 4, จ.พิษณุโลก 1, จ.นครสวรรค์ 2, จ.เชียงราย 2, จ.พิจิตร 2, จ.กำแพงเพชร 2)

ผลการปฏิบัติ ตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน ได้แก่ ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง โฉนดที่ดิน ยานพาหนะ ทองรูปพรรณ สินค้าแบรนด์เนม สมุดบัญชีธนาคาร รวมมูลค่าทรัพย์สิน 22 ล้านบาท ทำให้ปฏิบัติการยึดทรัพย์สินเครือข่าย นายสัมฤทธิ์ แก๊งบิ๊กไบค์ขนยาบ้า รวม 2 ครั้งมีมูลค่า 30 ล้านบาท พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ยังได้เผยถึง ผล “ยุทธการเด็ดปีกนักค้ารายย่อย” ซึ่งได้ดำเนินการกวาดล้างผู้ค้ายาเสพติดในชุมชน ตามเป้าหมายที่ได้รับร้องเรียนจากภาคประชาชน รวมถึงเป้าหมายที่ได้มาจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ โดยจะปฏิบัติการทุกเดือน เดือนละ 2 ครั้ง ในพื้นที่ทั่วประเทศ โดยการเปิดยุทธการในพื้นที่ภาคตะวันออก ห้วงวันที่ 1 ธันวาคม 2566  – 3 เมษายน 2567 ในพื้นที่เป้าหมาย 329 เป้าหมาย ใน 8 จังหวัด (จ.ตราด, จ.ปราจีนบุรี, จ.นครนายก, จ.ฉะเชิงเทรา, จ.จันทบุรี, จ.ระยอง, จ.สระแก้ว, จ.ชลบุรี) 

ผลการดำเนินงาน สามารถจับกุมผู้ต้องหา 278 คน ไม่พบตัว 25 คน พบตัวไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย 18 คน เข้ารับการบำบัดรักษา 8 คน ของกลาง ยาบ้า 4,925 เม็ด ไอซ์ 556.71 กรัม คีตามีน 1.74 กรัม เอ็กซ์ตาซี 1.12 กรัม อาวุธปืน 20 กระบอก เครื่องกระสุน 92 นัด ยึดอายัดทรัพย์สิน 2,360,380 บาท เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ยกให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องเร่งแก้ไข เพื่อสร้างความปลอดภัยของประชาชน โดยในช่วงเริ่มต้นได้กำหนดปฏิบัติการเร่งด่วน Quick Win ในการนำผู้ติดยาเสพติดที่มีอาการทางจิตในกลุ่มเฝ้าระวังสูงสุดที่กระจุกตัวอยู่ใน 85 อำเภอ 30 จังหวัด จำนวน 4,414 ราย เข้าสู่กระบวนการบำบัด และจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการนำผู้ป่วยจากยาเสพติดเข้ารับการรักษา ทั้งนี้การดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล เน้นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและชุมชน จึงต้องสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินการต่อข้อร้องเรียน และลงพื้นที่เพื่อบรรเทาปัญหาให้ประชาชน ภายใต้ปฏิบัติการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อยที่ดำเนินการในทุกภูมิภาคของประเทศ โดยดำเนินการทั้งการปราบปรามผู้ค้าที่สร้างปัญหาในชุมชน ป้องกันผู้เสพรายใหม่ และบำบัดตามหลักเปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย ไม่ผลักไส ให้เขาถูกทอดทิ้งจนเกิดวงจรการเสพซ้ำ โดยตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2566 – ปัจจุบัน สำนักงาน ป.ป.ส. ได้รับเรื่องร้องเรียนทั้งหมด (ทุกช่องทาง) เป็นจำนวน 8,751 เรื่อง และดำเนินการแล้ว 5,519 เรื่อง ซึ่งจะดำเนินการให้ครบทุกเรื่อง ตามที่ได้รับเรื่องร้องเรียนมาจากประชาชน นอกจากนี้ในด้านการจับกุมต้องไม่จบแค่การจับตัวยา ต้องมีการขยายผลผู้อยู่เบื้องหลังการส่งยาเสพติดเหล่านั้นและยึดทรัพย์สิน เช่นในกรณีแก๊งบิ๊กไบค์ รายนี้

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี 0908535645

พิษณุโลก เลขาฯ ป.ป.ส. ลุยงานยึดทรัพย์ฯเหนือล่าง เสริมศักยภาพเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ริบทรัพย์ทำลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติด

วันที่ 13 พฤษภาคม 2567 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ  เลขาธิการ ป.ป.ส. ตรวจเยี่ยมโครงการฝึกอบรมเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในการริบทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง พร้อมพบปะและมอบนโยบายแก่เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ที่รับผิดชอบด้านสอบสวน สังกัดตำรวจภูธรภาค 6 ณ โรงแรมเดอะพาร์ค จังหวัดพิษณุโลก                    

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ  เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีเป้าหมายลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติดและต้องเห็นผลเป็นรูปธรรม ภายใน 1 ปี โดยในด้านการปราบปรามผู้ค้ายาเสพติดได้สั่งการให้ทำงานบูรณาการหนักขึ้น ในการยึดทรัพย์ผู้ค้าทั้งรายใหญ่รายย่อย และต้องขยายผลให้ถึงผู้ค้าเครือข่ายรายสำคัญ ตลอดจนการใช้สาธารณสุขนำการแก้ไขปัญหายาเสพติด ผ่านการสร้างศูนย์บำบัด และนำผู้เสพเข้ารับการบำบัดรักษาอย่างเหมาะสม รวมถึงมาตรการป้องกันยาเสพติดที่มุ่งหวังให้เยาวชนไทยมีปฏิกิริยาการปฏิเสธต่อยาเสพติด เหมือนกับเยาวชนในสหรัฐอเมริกาที่หาที่กำบังเมื่อได้ยินเสียงปืน หรือเหมือนกับเยาวชนในญี่ปุ่นที่รีบวิ่งเข้าใต้โต๊ะเมื่อรู้สึกถึงการสั่นของอาคาร โดยให้ทุกหน่วยงานผนึกกำลังเพื่อลดความเดือนร้อนของประชาชน โดยยึดหลัก “ผู้เสพเป็นผู้ป่วย ส่วนผู้ค้าจะต้องถูกลงโทษและยึดทรัพย์สิน” โดยการยกระดับการปราบปราม ทำลายโครงสร้างเครือข่ายกลุ่มการค้ายาเสพติดระดับต่าง ๆ อย่างจริงจัง

การจัดโครงการฝึกอบรมในครั้งนี้ ถือเป็นการเสริมเขี้ยวเล็บแก่เจ้าหน้าที่ให้พร้อมทั้งองค์ความรู้แนวทางการทำงาน และเครือข่ายประสานงาน เพื่อให้การยึดทรัพย์สินตามมูลค่าหรือ Value-based confiscation ตามประมวลกฎหมายยาเสพติดทำได้อย่างมีศักยภาพ จำเป็นต้องพัฒนาเจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านสอบสวนตรวจสอบทรัพย์สินเพราะต้องใช้องค์ความรู้ในการรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงพยานหลักฐานให้ครอบคลุม และต้องก้าวทันรูปแบบการโอนย้ายอำพรางเส้นทางการเงินของเครือข่ายการค้ายาเสพติด อาจใช้กลไกศูนย์สืบภาค บูรณาการงานร่วมกันระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส.ภาค กับตำรวจภูธรภาค เพื่อขยายผลยึดทรัพย์ผู้กระทำผิด และนำผู้เกี่ยวข้องมาลงโทษให้มากที่สุด 

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ  เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอเป็นกำลังให้เจ้าหน้าที่ทุกท่านในทำงานเพื่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้งนี้  สำนักงาน ป.ป.ส. พร้อมให้การสนับสนุนงบประมาณแก่ตำรวจภูธรภาคในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยเฉพาะยุทธการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติดในระดับพื้นที่จากผู้ค้ารายย่อย รวมถึงการลดความรุนแรงที่อาจเกิดจากผู้ป่วยจิตเวชจากการใช้ยาเสพติด ตลอดจนการนำผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบำบัดตามนโยบายของรัฐบาล

ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าวพิษณุโลก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top