Wednesday, 7 May 2025
พระเจ้าชาร์ลส์

เมื่อพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เริ่มปรับเปลี่ยนงานในพระราชวัง และพระราชินีอังกฤษจะไม่มีนางสนองพระโอษฐ์

พระเจ้าชาร์ลส์เริ่มปรับเปลี่ยนงานในพระราชวัง พระราชินีอังกฤษจะไม่มีนางสนองพระโอษฐ์

แม้จะเป็นเพียงข่าวเล็ก ๆ แต่ก็น่าสนใจไม่น้อย และถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงข้อปฏิบัติของฝ่ายในของพระราชวงศ์อังกฤษที่มีมาตั้งยุคกลางก็ว่าได้ สำนักพระราชวังบัคกิ้งแฮมเปิดเผยว่า พระราชินีคามิล่าของอังกฤษจะไม่มีนางสนองพระโอษฐ์คอยติดตามและช่วยงานเหมือนกับพระราชินีอังกฤษองค์อื่น ๆ ที่ผ่านมา หากแต่ว่าจะมีผู้ที่ติดตามหรือเป็นเพื่อนในระหว่างออกงานในตำแหน่งใหม่ที่เรียกว่า ‘Queen Companion’ แทนตำแหน่งเดิมคือ ‘Lady-in-Waiting’

การประกาศเปลี่ยนแปลงชื่อและหน้าที่การงานของผู้ช่วยฝ่ายหญิงของพระราชินีคามิล่าครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงว่าพระราชวงศ์อังกฤษกำลังมุ่งไปสู่ยุคใหม่ของการที่จะลดจำนวนข้าราชบริพารและหน้าที่ที่จะคอยรับใช้ให้มีเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เช่น ในกรณีนี้พระราชินีคามิล่าจะมี Queen Companion เพียง ๖ คนและจะไม่ต้องมาบ่อยจะมาก็เมื่อจำเป็นจริง ๆ และหน้าที่ใหม่นี้จะไม่รวมถึงการต้องตอบจดหมายที่ประชาชนส่งมาถึงพระราชินีหรืองานธุรการต่าง ๆ เช่นการเตรียมแผนงานต่าง ๆ เหมือนเช่นเคย (เดิมนั้นจดหมายที่ประชาชนส่งมาถึงพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ ๒ จะมีการตอบรับซึ่งมีจำนวนมาก แต่จากนี้ไปอาจจะมีพนักงานกลุ่มอื่นรับหน้าที่ไปแทน)

Queen Companion (น่าจะเรียกว่าผู้ติดตามและยังเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติอยู่) ทั้ง ๖ ท่านนี้จะมาจากบรรดาเพื่อน ๆ เก่าแก่ของพระราชินี ทั้งหมดจะไม่ได้รับเงินเดือนแต่จะสามารถเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางหรืออื่นๆที่เกิดขึ้นจากการมาทำงานได้

สำหรับนางสนองพระโอษฐ์ (Lady-in-Waiting) ที่เคยทำงานถวายสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ ๒ ผู้ล่วงลับนั้น พระเจ้าชาร์ลส์ที่ ๓ ทรงมอบหมายให้มาช่วยงานที่พระราชวังบัคกิ้งแฮมในตำแหน่ง ‘ladies of the household’ เมื่อมีงานเลี้ยงพระราชทานแขก การเปลี่ยนแปลงผู้ช่วยฝ่ายในของพระราชินีดังกล่าวเหมือนกับเป็นการตัดขาดกับอดีตที่ดำเนินมาเป็นเวลาหลายร้อยปีที่บรรดานางสนองพระโอษฐ์พระราชินีมักจะมาจากสตรีสูงศักดิ์ ครอบครัวขุนนางที่มีอำนาจราชศักดิ์และจากความใกล้ชิดเช่นนี้บางครั้งก็นำไปสู่การวางแผนร้ายต่าง ๆ เช่นโค่นราชบัลลังก์หรือโค่นขุนนางด้วยกัน

แต่นับแต่นี้ต่อไป ผู้ที่ช่วยงานพระราชินีอังกฤษจะมีหน้าที่เพียงติดตามเมื่อท่านออกงานและไม่ได้ใกล้ชิดมากเหมือนเช่นเคย ถ้าจะพูดตามภาษาคนธรรมดาก็คือพระราชินีจะมีเพียงผู้ติดตามเท่าที่จำเป็น ทั้งนี้เพื่อจะเป็นการเตรียมหรือแสดงให้เห็นว่าราชวงศ์อังกฤษกำลังมุ่งไปสู่ความเป็นธรรมดามากขึ้นหรือเพื่อประหยัดงบประมาณที่ต้องมีข้าราชบริพารมากเกินไป

‘เจ้าชายแฮรี่’ แพ้คดี!! ขอการรักษาความปลอดภัยใน สหราชอาณาจักร ‘พระเจ้าชาร์ลส์’ ทรงตัดขาดการสื่อสาร!! หลังข้อพิพาททางกฎหมาย

(3 พ.ค. 68) ศาลอุทธรณ์มีมติยืนตามคำตัดสินเดิมของศาลสูง ปฏิเสธคำร้องของเจ้าชายแฮร์รี่ที่ทรงเรียกร้องให้ได้รับการคุ้มครองจากตำรวจ ขณะเสด็จฯ กลับสหราชอาณาจักร โดยศาลเห็นว่า “ความรู้สึกไม่พอใจ” ของพระองค์ไม่เพียงพอเป็นข้อกฎหมายในการท้าทายการตัดสินใจของคณะกรรมการ Ravec

การเปลี่ยนแปลงระดับการคุ้มครองเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2020 หลังจากเจ้าชายแฮร์รี่และดัชเชสเมแกนประกาศลดบทบาทจากราชวงศ์ โดย Ravec ได้พิจารณาให้ความปลอดภัยในลักษณะเฉพาะกิจเป็นรายกรณี แทนที่จะเป็นการคุ้มครองแบบถาวรเหมือนสมาชิกราชวงศ์ระดับสูง

ฝ่ายทนายความของเจ้าชายแฮร์รี่โต้แย้งว่าพระองค์ถูกเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม แต่ผู้พิพากษาทั้งสามมีความเห็นสอดคล้องกันว่าไม่พบความผิดในกระบวนการตัดสินของ Ravec

แนวโน้มการอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

นักกฎหมายชี้ว่า เจ้าชายแฮร์รี่อาจพิจารณายื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา แต่ต้องได้รับอนุญาตก่อน และมีแนวโน้มต่ำ เนื่องจากคดีนี้เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลมากกว่าจะเป็นประเด็นผลประโยชน์สาธารณะ

พระเจ้าชาร์ลส์ “ไม่ตรัสกับเจ้าชายแฮร์รี่” หลังข้อพิพาทเรื่องความปลอดภัย
เจ้าชายแฮร์รี่ทรงเผยว่าพระเจ้าชาร์ลส์ไม่ตรัสกับพระองค์อีกต่อไป โดยให้เหตุผลว่า “เพราะเรื่องความปลอดภัย” และทรงกล่าวว่าพระองค์ต้องการคืนดีกับราชวงศ์

“ผมมองไม่เห็นโลกที่ผมจะพาภรรยาและลูก ๆ กลับไปอยู่ที่สหราชอาณาจักรในตอนนี้ได้เลย” พระองค์ตรัสกับ BBC

หลังการพ่ายคดี เจ้าชายแฮร์รี่ต้องรับภาระค่ากฎหมาย กว่า 1.5 ล้านปอนด์ ซึ่งพระองค์ทรงระบุว่ารู้สึก “เสียใจมาก”

โฆษกพระราชวังบักกิงแฮมชี้แจงว่า คดีทั้งหมดได้รับการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนโดยศาลแล้วหลายครั้ง และมีข้อสรุปเดียวกันในทุกครั้ง

พระองค์ทรงกล่าวเพิ่มเติมว่า มีความขัดแย้งและความคิดเห็นที่ไม่ลงรอยกับสมาชิกในครอบครัวหลายประเด็น และทรงยอมรับว่าไม่เห็นอนาคตที่ครอบครัวของพระองค์จะกลับไปใช้ชีวิตในสหราชอาณาจักรได้อีก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top