Wednesday, 23 April 2025
พระเขี้ยวแก้ว

อัญเชิญ ‘พระเขี้ยวแก้ว’ วัดหลิงกวง ให้คนไทยได้สักการะ ตอกย้ำสัมพันธ์แน่นแฟ้น “จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน”

(31 ต.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความว่า โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน : พระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากวัดหลิงกวง ณ กรุงปักกิ่งจะไปประดิษฐานที่ประเทศไทย

มีผู้สื่อข่าวตั้งคำถามว่า มีการรายงานว่า รัฐบาลไทยจะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากวัดหลิงกวง ณ กรุงปักกิ่งไปประดิษฐานที่ประเทศไทย ฝ่ายจีนสามารถยืนยันในประเด็นนี้ได้หรือไม่ และมีความคิดเห็นอย่างไร?

นายหลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ระบุว่า ตามคำเชิญของรัฐบาลไทย เพื่อเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ (72 พรรษา) และเฉลิมฉลองการครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีน-ไทยในปีพ.ศ. 2568 ฝ่ายจีนมีความยินดีที่จะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากวัดหลิงกวง ณ กรุงปักกิ่งไปประดิษฐานที่กรุงเทพฯ เป็นระยะเวลา 73 วัน ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2568

หลังจากสาธารณรัฐประชาชนจีนได้สถาปนาขึ้น พระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากวัดหลิงกวงได้เคยถูกอัญเชิญไปประดิษฐานในต่างประเทศถึง 6 ครั้ง และได้รับความศรัทธาอย่างกว้างขวางจากพุทธศาสนิกชนในประเทศที่อัญเชิญ เชื่อว่าการประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ในประเทศไทยครั้งนี้จะเสริมสร้างความสัมพันธ์และการแลกเปลี่ยนระหว่างพุทธศาสนิกชนของจีนและไทย เสริมสร้างความหมายของประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างจีน-ไทย ส่งเสริมแนวคิด “จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ให้หยั่งรากลึกในหัวใจของประชาชนมากยิ่งขึ้น

สำหรับ พระเขี้ยวแก้ว ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีเพียง 2 องค์บนโลกมนุษย์นี้ ซึ่ง 1 ในนั้นอยู่ที่วัดหลิงกวง วัดเก่าแก่อายุนับ 1,000 ปี ตั้งอยู่ในเมืองปักกิ่ง ประเทศจีน โดยจะอัญเชิญมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวที่ไทย เป็นเวลา 73 วัน ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 หลังจากได้เคยอัญเชิญมาประดิษฐาน ณ พุทธมณฑล ที่ประเทศไทยครั้งแรกในปี 2545  ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นสิริมงคลยิ่งต่อพุทธศาสนิกชน ทั้งชาวไทยและชาวจีนในประเทศไทยที่มีโอกาส เข้าสักการะโดยไม่ต้องเดินทางไป ถึงกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน 

ความคืบหน้าการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) มาประดิษฐานในประเทศไทย เมื่อระหว่างวันที่ 14 - 16 พฤศจิกายน 2567

(17 พ.ย. 67) นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการประสานการดำเนินโครงการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐานในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ได้นำคณะเดินทางไปยังกรุงปักกิ่ง โดยมีนายวัฒนา เตียงกูล ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายธเนศ กิตติธเนศวร เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายชัยยง จันทวีภากร คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมเดินทางด้วย พร้อมคณะทำงานฝ่ายไทย ประกอบด้วย นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายภูมินทร ปลั่งสมบัติ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาการแทนปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมด้วยผู้แทนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการต่างประเทศ กองทัพอากาศ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง และสำนักงานผู้ช่วยทูตทหารอากาศ ในการเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งครั้งนี้ สืบเนื่องจากนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้นายชูศักดิ์ ศิรินิล ในฐานะประธานกรรมการประสานการดำเนินโครงการฯ เป็นผู้แทนรัฐบาลไทย เดินทางมาร่วมประชุมกับหัวหน้าคณะทำงานฝ่ายจีน เพื่อร่วมเตรียมการและสำรวจสถานที่ประกอบพิธีที่เกี่ยวข้องกับการอัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว พร้อมทั้งได้ขอทราบผลสรุปและความคืบหน้าการจัดทำร่างความตกลงและติดตามข้อมูลจากการประชุมร่วมกันของคณะทำงานทั้งสองฝ่ายที่ประเทศไทย เมื่อวันที่ 11 – 12 ตุลาคม 2567 เพื่อที่ฝ่ายไทยจะได้ประสานงานและเตรียมการที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมกับวาระโอกาสสำคัญที่ทั้งสองประเทศจะร่วมกันเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - จีน

โดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล ได้นำคณะเดินทางไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ณ   วัดหลิงกวง และนมัสการพระอาจารย์ฉางจ้าง รองประธานพุทธสมาคมจีน เจ้าอาวาสวัดหลิงกวง และหารือเกี่ยวกับแนวทางการประกอบพิธีอัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว โดยเจ้าอาวาสวัดหลิงกวง ได้นำสาธิตพิธีอัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว เพื่อให้คณะผู้แทนฝ่ายไทยได้บันทึกวิธีการและขั้นตอนปฏิบัติอย่างละเอียด เนื่องจากเมื่ออัญเชิญพระเขี้ยวแก้วมาถึงประเทศไทยแล้ว คณะทำงานฝ่ายไทยต้องมีหน้าที่อัญเชิญไปประดิษฐานยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ซึ่งก่อสร้างมณฑปรองรับไว้แล้ว โดยจะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามวิธีการและขั้นตอนที่ทางวัดหลิงกวงกำหนดไว้ หลังจากนั้นเจ้าอาวาสวัดหลิงกวงได้นำคณะเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติ กรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีอัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว  ขึ้นเครื่องบินมายังประเทศไทย ซึ่งพิธีจะจัดขึ้นในวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ทั้งนี้ เพื่อซักซ้อมและแนะนำขั้นตอนการปฏิบัติ จากนั้นในช่วงเย็นของวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 คณะผู้แทนฝ่ายไทยและคณะผู้แทนฝ่ายจีนได้ประชุมหารือในรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ตรงกันอันจะนำไปสู่การทำความตกลงร่วมในการอัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ณ ห้องรับรอง ท่าอากาศยานนานาชาติ กรุงปักกิ่ง

เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2567 นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้นำคณะเดินทางไปยังสำนักงานกิจการศาสนาแห่งชาติจีน (NRAA) เพื่อหารือข้อราชการกับนายเฉิน     รุ่ยเฟิง ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการศาสนาแห่งชาติจีนเกี่ยวกับการอัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว หลังจากนั้นคณะทำงานฝ่ายจีนได้จัดเลี้ยงอาหารรับรองให้กับคณะทำงานฝ่ายไทย และในช่วงเย็นของวันเดียวกัน นายชูศักดิ์ ศิรินิล ได้นำคณะเดินทางกลับประเทศไทย ในการเยือนกรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ครั้งนี้ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายก ได้กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติและประทับใจในการให้การต้อนรับของฝ่ายจีนมาก ที่ได้ให้เกียรติและอำนวยความสะดวกทุกอย่าง ตั้งแต่เดินทางถึงกรุงปักกิ่งจนกระทั่งเดินทางกลับประเทศไทย โดยทางการจีนได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เกี่ยวข้องกับกิจการศาสนามาต้อนรับและอธิบายเกี่ยวกับความสำคัญของพระพุทธศาสนาในประเทศจีนตลอดการเยือนเป็นเวลาสามวัน ตนในนามของผู้แทนรัฐบาลไทย จึงขอขอบคุณผู้บริหารสำนักงานกิจการศาสนาแห่งชาติจีนและคณะทำงานฝ่ายจีนทุกคน และหวังว่าการอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วมาประดิษฐานยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวงในระหว่างวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 จะเป็นไปอย่างยิ่งใหญ่ สมพระเกียรติและในฐานะที่พระเขี้ยวแก้วเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าสูงสุดอย่างหนึ่งของประเทศจีนและของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนมาร่วมสักการะพระเขี้ยวแก้วในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อเป็นการร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - จีน

‘จิรายุ’ ชวนประชาชน สักการะ ‘พระเขี้ยวแก้ว’ มีกิจกรรม เจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตตภาวนา

(8 ธ.ค. 67) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เพียงแค่สองวันที่เปิดให้ประชาชนได้เข้าสักการะพระเขี้ยวแก้ว พบว่ามี ประชาชนให้ความสนใจเดินทางมาสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ท้องสนามหลวง เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และในโอกาสครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – จีน ปี 2568 อย่างเนืองแน่นและต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงวันหยุดนี้ ซึ่งภายในท้องสนามหลวง ยังมีการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และมีการจัดกิจกรรมทุกวันอีกด้วย

ทั้งนี้ ขอแนะนำรายละเอียดและข้อปฎิบัติ สำหรับประชาชนที่เดินทางเข้าน้อมกราบพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว ดังนี้ ประตูเปิดให้เข้าตั้งแต่ เวลา 07.00 – 20.00 น. ของทุกวัน , แสดงบัตรประชาชน หรือใบขับขี่ หรือพาสปอร์ตต่อเจ้าหน้าที่ประตูทางเข้า เจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้เข้า หากไม่มีบัตรแสดงตน, ห้ามนำอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิดเข้าไปภายในบริเวณ, งดนำดอกไม้ พวงมาลัย พานบายศรี มาเอง, รัฐบาลจัดดอกบัวประดิษฐ์ไว้ภายใน เพื่อให้น้อมถวาย ผู้เข้าสักการะสามารถหยิบพร้อมบทสวดมนต์ได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ, สามารถเดินน้อมสวดมนต์ เดินเวียนเทียนแล้ววางบริเวณจุดวางดอกบัวโดยรอบได้โดยไม่ต้องไปรอวางด้านข้างจุดแรกจุดเดียว, ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้าภายในบริเวณมณฑลพิธี, แต่งกายสุภาพ ในลักษณะเข้าศาสนสถาน, ไม่อนุญาตให้ใส่ชุดดำ เข้าบริเวณมณฑลพิธี, ไม่อนุญาตให้ใส่ขาสั้น สายเดี่ยว เกาะอก เสื้อบาง กางเกงยีนส์ขาด เข้าสักการะ, ห้ามนำวัตถุของมีคม วัตถุไวไฟ ไฟแช็ค มีด คัตเตอร์ เข้าไปภายในบริเวณมณฑลพิธี

นอกจากนี้ ยังมีการจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ในช่วงเวลา 10.00-12.00 น. และเวลา 16.00 น. เป็นต้นไป และพิธีเจริญจิตตภาวนา ทุกวันพระ โดยจะมีพิธีแสดงธรรมเทศนา 1 กันต์ (ในภาคเช้า) สำหรับในวันที่ 31 ธ.ค. 2567 จะมีกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี และกิจกรรมทำบุญตักบาตรวันขึ้นปีใหม่ วันที่ 1 ม.ค.2568

“ขอเชิญชวนเข้าสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) เพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งโอกาสที่หาได้ ไม่บ่อยนักที่จะได้สักการะพระบรมสารีริกธาตุ จากประเทศจีน ที่ประดิษฐานเป็นการชั่วคราวในประเทศไทยจนถึงวันที่ 14 ก.พ. 2568 เวลา 07.00-20.00 น. ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง และจะอัญเชิญกลับในวันที่ 15 ก.พ. 2568” โฆษกรัฐบาล กล่าวทิ้งท้าย

‘ครูพี่ป๊อป’ พาชมบรรยากาศ การรับเสด็จ ‘พระเขี้ยวแก้ว’ สุดอลังการ!! ยิ่งใหญ่ พร้อมชวนนมัสการ!! สวดมนต์ข้ามปี คืน 31 ธันวา ตักบาตรเช้า 1 มกรา รับปีใหม่

(29 ธ.ค. 67) ครูพี่ป๊อป ดร.ณัฐพงศ์ ได้โพสต์คลิป ลง TikTok บรรยายภาพ บรรยากาศการเดินทางมาถึงของ ‘พระเขี้ยวแก้ว’ โดยมีใจความว่า ...

‘พระเขี้ยวแก้ว’ เสด็จมาถึงเมืองไทย และนี่ก็คือเครื่องบินลําใหญ่ที่สุดของแอร์ไชน่าสําหรับท่านประธานาธิบดีเท่านั้นครับ แต่วันนี้คือการส่งเสด็จพระเขี้ยวแก้วมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวที่เมืองไทย ซึ่งพวกเราคนไทยก็ได้เตรียมการล่วงหน้ารอรับเสด็จมาเป็นปี วันนี้มารออยู่กับผมตั้งแต่เช้าอยู่ด้วยกันทั้งวัน ตั้งแต่ท่านเอกอัครราชทูตจีนท่านหานจูเฉียง ท่านรัฐมนตรีต่างประเทศ ท่านมาริษ เสงี่ยมพงษ์ สมเด็จวัดโพธิ์ สมเด็จวัดเทพก็มาร่วมเจริญพระพุทธมนต์ในงานนี้ด้วย 

ต้องบอกว่าขนาดที่กรุงปักกิ่งเนี่ย คนจีนที่เข้าไปกราบ ยังไม่สามารถเข้าเฝ้าได้ใกล้ชิดขนาดนี้นะครับ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง สถาปัตยกรรมแบบผสมผสาน ‘ไทย – จีน’ 
วิจิตร เป็นเจดีย์ มีกระจกล้อม 3 ด้าน

แล้ว‘พระเขี้ยวแก้ว’ จะอยู่กับเราคนไทยนะครับตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคมเปิดให้เข้าชมนะครับ ไปจนถึงวันวาเลนไทน์ บนโลกใบนี้เนี่ยมีพระบรมสารีริกธาตุส่วนฟันเนี่ยหรือว่าพระเขี้ยวแก้วเหลือเพียงแค่สองชิ้นเท่านั้นนะครับ ชิ้นที่หนึ่งเนี่ยอยู่ในประเภทศรีลังกา

ชิ้นที่สองก็อยู่ที่นี่แล้ว เราสามารถที่จะกราบนมัสการ ได้ใกล้มากถือว่าเป็นโชคดีของคนไทยครับ เราจะมีพระอาจารย์มาจากวัดหมิงซื่อ คอยนั่งปฏิบัติสวดมนต์เฝ้าพระธาตุตลอด 24 ชั่วโมงสลับสับเปลี่ยนจากกันไปเหมือนกับ มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เพื่อที่จะทําให้ทางรัฐบาลจีนเนี่ย มั่นใจนะครับว่าพระธาตุมาอยู่ในประเทศไทย ต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน

ผมคุยกับพระอาจารย์ซึ่งท่านมาจาก วัดหลินฮวงซื่อ นะครับ รวมถึงพี่น้องสื่อมวลชนชาวจีนบอกว่า ไม่คิดเลยว่าคนไทยจะรักพระพุทธศาสนา กันมากมายขนาดนี้ 

มีกิจกรรมทำวัตรกันทุกเช้าเย็น เราสามารถมากราบนมัสการได้ตั้งแต่วันพ่อไปจนถึงวันวาเลนไทน์นะครับ

โดยเฉพาะช่วงปีใหม่ จะอากาศดีมาก มีกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีในค่ำคืนวันที่ 31 นี้ด้วย

แล้วก็ตักบาตรตอนเช้าวันที่ 1 มกราคม รับปีใหม่

ก่อนที่พวกเราจะน้อมส่งเสด็จพระธาตุกลับกรุงปักกิ่งด้วยกัน ในวันวาเลนไทน์ที่ 14กุมภาพันธ์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top