Thursday, 4 July 2024
พรรคประชาชาติ

พรรคประชาชาติเดินหน้าเสริมศักยภาพผู้ประกอบการร้านต้มยำ หรือร้านอาหารไทยในมาเลเซีย

เมื่อวันที่ (8 พ.ย. 2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ พร้อมด้วย นายวรวีร์ มะกูดี รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ และอดีตนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย นำคณะพรรคประชาชาติ เดินทางลัดฟ้าไปเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ประกอบการร้านอาหารต้มยำ ไทย-มาเลเซีย ที่ KB MAN CONNER สลายัง กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โอกาสนี้ได้เข้าร่วมอบรมการยกระดับและพัฒนาร้านอาหารต้มยำ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 พ.ย.65 ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมร่วมกันระหว่างกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารต้มยำ กับ นายทองเลี่ยม พุกทอง นายกสมาคมเดอะเชฟ ประเทศไทย  และ นางเบญจวรรณ ปกป้อง ผู้อำนวยการวิทยาลัยสารพัดช่างพระนคร เพื่อสร้างอาชีพ ยกระดับครัวไทย-มาเลเซียสู่ครัวโลก สอนวิธีการทำอาหารไทยที่ถูกต้องให้กับเชฟและผู้ประกอบการ ระหว่างร่วมกิจกรรม พ.ต.อ.ทวี ได้ร่วมปรุงเมนูต้มยำ พร้อมมอบใบประกาศให้กับผู้ที่ผ่านการอบรม เพื่อการันตีถึงความอร่อย โดยวัตถุประสงค์หลักของกิจกรรมเพื่อยกระดับร้านต้มยำในประเทศมาเลเซีย ให้เทียบเท่าหรือดีกว่าร้านอาหารของชาติอื่นๆ ในอาเซียน และพัฒนาให้มีรสชาติที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ทำให้ครอบครัวต้มยำไทย–มาเลเซีย ก้าวสู่ครัวโลกต่อไป  

พ.ต.อ.ทวี กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ถือเป็นกิจกรรมสำคัญ ที่พวกเราได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเรื่องของการทำอาหาร หรืออาชีพเชฟ โดยเฉพาะ ได้รับเกียรติอย่างยิ่งจากสมาคมเดอะเชฟ ประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นสมาคมที่ได้รับการยอมรับทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ 

“เราได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และจะเพิ่มเมนูใหม่ๆ เนื่องจากต้องยอมรับว่ามีพี่น้องคนไทยอยู่ที่นี่จำนวนมาก และมาเลเซียก็มีนักท่องเที่ยวจากทั้งโลกเดินทางมา ร้านอาหารที่พี่น้องชาวต้มยำได้ทำอยู่ ได้รับความนิยมจากคนมาเลเซียและคนชาติอื่นๆ ที่มาเยือน นอกจากทำให้คนในเมืองไทยที่อยู่ข้างหลังมีความภาคภูมิใจแล้ว ทุกท่านยังทำเป็นอาชีพที่ช่วยหล่อเลี้ยงครอบครัวที่อยู่ในเมืองไทย และที่สำคัญช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับ”

'วันนอร์' ขอคนภาคใต้ดุอาอ์ให้พรรคประชาชาติชนะเลือกตั้ง หวังเป็นรัฐบาล ขณะที่ 'พ.ต.อ.ทวี' ปลุกคนพื้นที่ต้อง 'ญิฮาด' กับความอยุติธรรมชายแดนใต้ ขอ ส.ส. 12 ที่นั่ง เพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคต

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นประธานเปิดศูนย์อำนวยการเลือกตั้งเขต 1 ปัตตานี โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ พร้อมคณะผู้บริหารพรรค และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาชาติ รวมถึง นายเศรษฐ์ อัลยุฟรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี, นายธนาวิทย์ ไชยานุพงศ์ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองนราธิวาส, นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี เข้าร่วมพิธี 
 
โอกาสนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ ได้กล่าวตอนหนึ่งว่า ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งของพรรคประชาชาติ ตั้งอยู่หน้าซุ้มประตูชัย ทางเข้าเมืองฟาฏอนี หมายถึงชัยชนะของพรรคประชาชาติ และประวัติการเกิดของพรรคประชาชาติเกิดที่ปัตตานี เพราะพี่น้องต้องการมีบ้านของตัวเอง อยากมีพรรคการเมืองของตัวเอง จึงเกิดพรรคประชาชาติ เพื่อแก้ปัญหาให้พี่น้อง 

“ปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่มีใครรู้ดีกว่าคนในสามจังหวัด พรรคประชาชาติพร้อมเป็นรัฐบาล และในการเลือกตั้ง ถ้าจะเลือกพรรคประชาชาติ จำเป็นต้องเลือก ส.ส.เขต และเลือกพรรค เพราะชัยชนะอยู่ที่พวกเราทุกคน ถ้าพี่น้องประชาชนไม่ทิ้งพรรคประชาชาติ พรรคประชาชาติก็จะไม่ทิ้งพี่น้องประชาชน ขอทุกคนร่วมดุอาอ์ให้พรรคประชาชาติชนะการเลือกตั้ง และได้มาเป็นรัฐบาลเพื่อเข้ามาแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว 
 
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า เราต้องญิฮาดกับความอยุติธรรม พรรคประชาชาติเกิดมาเพื่อแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน สร้างสันติภาพและความสงบสุข คืนสิทธิ คืนอำนาจให้ประชาชน และกระจายอำนาจให้กับจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีความพร้อม

'วันนอร์ – ทวี' มั่นใจได้ ส.ส. 15 เขตทั่วประเทศไทย ลั่นเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคฝ่ายประชาธิปไตยได้เป็นรัฐบาลแน่นอน

(11 มี.ค.66) ที่ ห้องประชุมโรงแรมดิอิมพีเรียล นราธิวาส อ.เมือง จ.นราธิวาส นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นประธาน เปิดการประชุมใหญ่ สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2566  พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคประชาชาติ โดยมี คณะผู้บริหารและสมาชิกพรรคประชาชาติร่วมกิจกรรม กว่า 1000 คน  

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ประชาชนบอกว่า การเลือกตั้ง คราวหน้า พรรคประชาชาติจะแลนด์สไลด์ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ พรรคประชาชาติจะได้ ส.ส.มากกว่าเดิม เพราะ 4 ปีที่ผ่านมา ต้องขอบคุณ เลขาธิการพรรค และ ส.ส.พรรคประชาชาติ ได้ทำงานในสภา อย่างหนัก ขอยืนยันว่าหลังจากนี้ไป พรรคประชาชาติ คือพรรคเฉพาะกิจจะหมดสิ้นไป 

พรรคประชาชาติไม่ได้เป็นฝ่ายค้านเพื่อรอเป็นรัฐบาล เราไม่สนับสนุน เผด็จการ การสืบทอด อำนาจ 4 ปี เราพยายามจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ และได้ทำงานสำเร็จ ได้บางส่วน การเลือกตั้งบัตรสองใบ เป็นการให้โอกาสกับพรรคประชาธิปไตย และ 4 ปี พิสูจน์ได้ ว่า เราเป็นพรรคเล็กแบบมีคุณภาพ และ เป็นพรรคพร้อมที่จะโตแน่นอน พรรคประชาชาติ รับปากจะแก้ปัญหาให้ประชาชนทันทีที่เข้าสภา อาทิ กฎหมาย กยศ. จะแก้ไข ไม่ให้มีดอกเบี้ย ไม่มีค่าปรับ และจะให้เรียนฟรี   กฎหมายการห้ามซ้อมทรมาน ส.ส.ของเราสู้เต็มที่แต่ มีถูก ฝ่ายเผด็จการชะลอไป อีก 8 เดือน และอีกหลายเรื่องที่จะแก้ปัญหา

ประชาชาติจัดปราศรัยที่ อ.สุไหงโกลก ชนกับพรรคประชาธิปัตย์ ‘ทดดวีดดด สอดส่อง’ ลั่นไม่กังวล ชี้ประชาธิปัตย์ไม่มี ส.ส.เหลืออยู่ในพื้นที่แล้ว

พรรคประชาชาติจัดเวทีปราศรัยพบปะกลุ่มสตรีในจังหวัดนราธิวาส ที่ห้องประชุมปลายสยาม โรงแรมเคปเก็นติ้ง อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ซึ่งได้รับความสนใจจากกลุ่มสตรีจำนวนหลายร้อยคนมาร่วมรับฟังการศรัยจนแน่นเต็มห้องประชุม โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคประชาชาติ และนายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ มาปราศรัยช่วยหาเสียงในพื้นที่นราธิวาส เขต 2 ซึ่งพรรคประชาชาติส่งนายนายเจ๊ะซู ตาเหย็บ เป็นผู้ลงสมัคร นอกจากนี้ ยังมีนายสุรเชษฐ์ แวอาแซ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่ได้ย้ายมาสังกัดพรรคประชาชาติ และล่าสุดเพิ่งจะได้รับเลือกเป็นรองหัวหน้าพรรค ได้ร่วมขึ้นเวทีปราศรัยด้วย ท่ามกลางเสียงปรบมือและเสียงเชียร์ตลอดเวลา

นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ พูดถึง ‘ฮิญาบ’ หรือผ้าคลุมศีรษะที่เป็นคุณค่าและอัตลักษณ์ของสตรีมุสลิม กล่าวว่า กว่าสตรีมุสลิมจะได้มีสิทธิเสรีภาพสวมฮิญาบอย่างภาคภูมิเช่นในวันนี้ ต้องผ่านการต่อสู้และเรียกร้องมาอย่างยาวนาน จนวันนี้โลกได้กำหนดให้ทุกวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เป็นวันฮิญาบโลก และพรรคประชาชาติได้ต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพเรื่องนี้มาโดยตลอด

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เริ่มการปราศรัยด้วยการพูดถึงการตอบคำถามจากสื่อมวลชน ว่าสื่อมวลชนถาม ในฐานะที่พรรคประชาชาติเป็นเจ้าของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความกังวลหรือไม่ที่มีแกนนำพรรคการเมืองหลายพรรคลงพื้นที่มาปราศรัยถี่มากในช่วงนี้ เช่นวันนี้มีพรรคประชาธิปัตย์มาปราศรัยที่ อ.สุไหงโกลกด้วย พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า “ผมก็พยายามนึกว่า ส.ส.ประชาธิปัตย์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีกี่คน ก็นึกได้ว่าไม่มีสักคน เดิมมี ส.ส.อันวาร์ สาและอยู่หนึ่งคน แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว นราธิวาสเขต 2 อ.ตากใบ อ.สุไหงโกลกแชมป์เก่าก็ไม่ใช่ประชาธิปัตย์ แต่เป็นของพลังประชารัฐ แต่หลังการเลือกตั้งครั้งนี้ เขตนี้จะเป็นของเจ๊ะซู พรรคประชาชาติ” 

นราธิวาส-“ทวี สอดส่อง” ขึ้นรถแห่หาเสียงรอบเมืองสุไหงปาดี ชาวบ้านตอบรับดี มั่นใจประชาชาติที่พึ่งคนชายแดนใต้

วันนี (4 พฤษภาคม 66) พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ นำผู้สมัคร ส.ส.นราธิวาส เขต 3 (อ.สุไหงปาดี อ.แว้ง อ.เจาะไอร้อง) นายมูฮัมหมัดรอมือลี อาแซ เบอร์ 5 และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พูดไฮด์ปาร์คหน้าที่ว่าการอำเภอสุไหงปาดี โดยมีพี่น้องประชาชนชาวอำเภอสุไหงปาดีทั้งไทยพุทธและมุสลิมให้ความสนใจมายืนฟังกันจำนวนหลายร้อยคน 

โดย พันตำรวจเอก ทวี กล่าวว่า “เราต้องสร้างรัฐสวัสดิการให้เงินค่าเลี้ยงดูบุตรแก่พ่อแม่ โดยเด็กทารกแรกเกิดไปจนถึงอายุ 6 ขวบต้องได้ 4,500 บาท และเด็กอายุ 7 ขวบไปจนถึง 15 ปี ต้องได้เดือนละ 3,000 นี่ไม่ใช่เป็นเงินประชานิยม แต่เป็นรัฐสวัสดิการ คือทุกคนต้องมีสิทธิ์เสมอกัน เราต้องการสร้างคน เพราะเราต้องร่วมกันสร้างคนให้มีอนาคตที่ดี ปัญหาใหญ่ของเกษตรกรคือไม่มีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย พรรคประชาชาติจึงมีนโยบายที่จะทำให้เกษตรกรทุกครัวเรือนต้องมีกรรมสิทธิ์และสิทธิ์ในที่ดินทำกินอย่างน้อย 20 ไร่ เพราะถ้าไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง เราจะไม่สามารถที่จะทำเกษตรกรรมได้เราจะเป็นเพียงแค่ลูกจ้างหรือเป็นแค่ผู้อาศัยในที่ดินของรัฐ ดังนั้นเราต้องแก้ปัญหาป่าไม้และที่ดินแบบเบ็ดเสร็จ คนนราธิวาสจำนวนมากอาศัยอยู่บริเวณเขาบูโดสุไหงปาดี ได้รับผบกระทบจากกฎหมายอุทยาน เราต้องแก้กฎหมาย ซึ่งเราได้ยื่นเสนอร่างกฎหมายสู่สภาแล้ว และเราต้องทำต่อไปให้สำเร็จ ชาวสวนยางต้องมีที่ดินของตัวเอง ไม่ใช่ไปอาศัยที่ดินคนอื่นหรือรับจ้างคนอื่นกรีดยาง”

วันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตหัวหน้าพรรคประชาชาติ ชี้ 5 ปีพรรคประชาชาติเติบโตขึ้น

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา ได้เดินทางไปร่วมประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคประชาชาติครั้งที่ 2/2566 ที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ในฐานะสมาชิกพรรคประชาชาติ และอดีตหัวหน้าพรรค

โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ได้รับเชิญให้ขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษ ก่อนการประชุมใหญ่พรรคประชาชาติจะเริ่มขึ้น ชี้พรรคประชาชาติจะครบ 5 ปีในวันที่ 1 กันยายนนี้ ประจักษ์ชัดว่าประชาชาติไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ มีสมาชิกพรรคเพิ่มขึ้น เติบโตขึ้น เพราะรักษาสัจจะตั้งแต่วินาทีแรกของการก่อตั้งพรรค แม้จะมีคนบางกลุ่มพยายามรั้งไม่ให้เติบโต มีตัวแทนพรรคเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ และมีตัวแทนร่วมคณะรัฐมนตรีในรัฐบาล ย้ำบทบาทการทำหน้าที่ประธานสภาฯ หลายประเทศเข้าพบคารวะแสดงความยินดีและยกย่องที่ได้เป็นประธานสภาฯครั้งที่ 2 แม้ตนจะเป็นมุสลิมซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในประเทศไทย แต่ได้รับการยอมรับจากคนไทยทั้งประเทศ แม้แต่ยูเครนเข้าพบหารือปัญหาการรักษาสันติภาพและเอกราชของประเทศ แนะทุกฝ่ายต้องรับฟังเสียงของผู้ที่กำลังเดือดร้อน ย้ำปัญหาประชาชนต้องเร่งแก้ ไม่ใช่แค่หน้าที่ฝ่ายบริหารอย่างเดียว แม้จะเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ก่อนตั้งรัฐบาลได้เดินหน้าจับมือประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ร่วมมือไทย-อินโดนีเซียในฐานะสองประเทศผู้ผลิตยางพารา หาแนวทางเพิ่มมูลค่ายางพาราให้สูงขึ้น หลังปิดสมัยประชุมสภาฯนี้ มีแผนจะเดินทางไปเยี่ยมรัฐสภาหลายประเทศ ทั้งซาอุดีอาระเบีย กลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง จีน และเกาหลีใต้ เพื่อดึงนักท่องเที่ยว และให้รับนักศึกษาและคนงานไทยเพิ่มขึ้น ย้ำการทำหน้าที่ประสภาฯอย่างเป็นกลาง เพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองและประชาชน 

โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กล่าวว่า “วันที่ 1 กันยายนนี้จะครบ 5 ปีของการก่อตั้งพรรคประชาชาติ ซึ่งผมและพวกเราทั้งหลายได้ร่วมกันจัดตั้งพรรคประชาชาติขึ้น 5 ปีถือว่ายังไม่นานนัก ถ้าเปรียบเทียบกับเด็กก็เพิ่งพ้นชั้นอนุบาล พรรคประชาชาติทำงานมา 5 ปีก็ยังถือว่าเราเป็นเด็ก แต่ด้วยความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า และพี่น้องประชาชนไทยทั่วประเทศยอมรับ เพียง 5 ปีเราได้เติบโตทางสมอง ที่คิดต่อสู้กับปัญหาอุปสรรค ทางด้านจิตใจที่เต็มไปด้วยความรับผิดชอบ มีเมตตาธรรม อยู่ในหลักการของคำสั่งสอนทุกศาสนา ที่ผ่านมามีบททดสอบมากมาย หลายคนบอกว่าประชาชาติเป็นพรรคเฉพาะกิจ ตั้งพรรคแล้วก็เลิกไป เพราะไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเท่าที่ควร แต่ตลอดระยะเวลา 5 ปีพิสูจน์แล้วว่าเราไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจแน่นอน เพราะมีสมาชิกพรรคเพิ่มขึ้นเป็น 24,000 คน และอาจจะเพิ่มเป็น 100,000 คนในอนาคต นี่คือสิ่งยืนยันว่าเราไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ พรรคประชาชาติเติบโตขึ้น แม้จะมีบางพรรคการเมืองจะรั้งความเติบโต พยายามไม่ให้ชนะเลือกตั้ง แต่ด้วยความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเขาไม่สามารถทำให้พรรคล่มจมได้ พระผู้เป็นเจ้ายังเมตตาเพราะเรารักษาอามานะห์ (สัจจะ) ตั้งแต่วินาทีแรกของการตัังพรรคจนถึงปัจจุบัน”

ก่อนหน้านี้มีประเด็นข่าวว่าพรรคประชาชาติอาจถูกยุบพรรค ประเด็น กกต.ตัดสิทธิ์ผู้สมัครเลือกตั้งในจังหวัดสงขลา 2 เขต และจังหวัดสตูล 2 เขตนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ยืนยันไม่มีปัญหาใดๆกระทบต่อหัวหน้าพรรคและพรรคการเมือง โดยชี้แจงว่า “ศาลฎีกาตัดสินว่าผู้แทนประจำจังหวัดทั้ง 4 เขต หมดวาระการดำรงตำแหน่ง ซึ่งเราได้แจ้ง กกต.ไปแล้วว่าเมื่อยังไม่มีการเลือกตั้งใหม่ก็ให้รักษาการไปก่อน แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องเคารพคำตัดสินของศาล ส่งผู้สมัครเลือกตั้งที่ไม่มีสิทธิ์ลงสมัครจะมีผลกระทบต่อหัวหน้าพรรค ขอยืนยันว่า ไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด คำตัดสินของศาลฎีกาถึงที่สุด ผู้แทนประจำจังหวัดหมดวาระไม่สามารถส่งผู้สมัครได้ เท่ากับว่าผู้สมัครเลือกตั้งสี่คนนั้นถูกตัดออก จึงไม่มีผลกระทบต่อหัวหน้าพรรคและพรรคการเมือง ซึ่งไม่มีข้อกังวลใดๆ และได้ชี้แจงแล้ว รวมทั้งผู้สมัครที่ถูกตัดสิทธิ์ก็ยังสามารถดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคได้”

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ย้ำทำหน้าที่ประสภาฯ ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี โดยกล่าวว่า “การทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้นมีความสำคัญ เพราะเป็นหนึ่งในประมุขของอำนาจอธิปไตยของประเทศ คือนายกรัฐมนตรีเป็นประมุขฝ่ายบริหาร ประธานรัฐสภาเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ประธานศาลฎีกาเป็นประมุขฝ่ายตุลาการ สามอำนาจนี้คือเสาหลักของประชาธิปไตย พรรคเล็กอย่างเราก็ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มาเป็นประธานรัฐสภา ผมเคยเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกเมื่อปี 2539 เมื่อ 27 ปีที่แล้ว นึกไม่ถึงว่าจะได้มาเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง นี่คือตักดีร (สิ่งที่พระเจ้าลิขิตไว้) เป็นความโปรดปรานของพระผู้เป็นเจ้าผมก็น้อมรับไว้เพื่อบ้านเมืองและพี่น้องประชาชนจำเป็นต้องทำ เพราะเป็นตำแหน่งสำคัญ ถ้าไม่มีประธานรัฐสภาก็เลือกนายกรัฐมนตรีไม่ได้ เมื่อรับตำแหน่งนี้แล้วผมต้องทำงานหนักกว่าเดิมเพื่อพี่น้องประชาชน เกียรติยศ และศักดิ์ศรีของพวกเราทุกคน”

“ประธานรัฐสภามีหน้าที่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เมื่อวันที่ 5-11 กรกฎาคมที่ผ่านมา ผมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยไปประชุมสมัชชารัฐสภาอาเซียน (AIPA) ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีประเทศสมาชิก 10 ประเทศ และมีประเทศผู้สังเกตการณ์อีก 20 กว่าประเทศ จะขอเล่าให้ฟังว่าประธานรัฐสภาของประเทศไทยได้รับความสนใจจากหลายประเทศมาก เพราะประธานรัฐสภาเป็นมุสลิมในประเทศที่มีมุสลิมไม่ถึง 10% และได้เป็นประธานสภาฯถึงสองครั้ง ประธานรัฐสภาหลายประเทศจึงมาพบเป็นการส่วนตัวเพื่อแสดงความยินดี คารวะ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และประเทศผู้สังเกตการณ์หลายประเทศมาขอพบด้วย เช่น โมร็อกโก และสิ่งที่ผมดีใจมากคือการขอเข้าพบของรองประธานรัฐสภาประเทศยูเครน เขาเป็นประเทศที่กำลังเดือดร้อนและกำลังถูกรุกรานเอกราช และกำลังทำสงครามมาขอพบ ผมก็ยินดี แต่หลายประเทศไม่ให้พบเพราะเกรงใจประเทศมหาอำนาจที่กำลังสู้รบอยู่ แต่ผมไม่เป็นไรยินดีพูดคุย เขาพูดยาวมาก เขาขอโทษที่พูดยาวและรบกวนเวลา ผมได้พูดตอบเขาแทนท่านทั้งหลายว่าไม่เป็นไร เสียงของคนที่เดือดร้อน เสียงของคนที่กำลังต่อสู้เพื่อสันติภาพและเอกราชของตนเอง  เป็นเรื่องที่เราต้องรับฟัง เขานั่งซึมเลย ผมในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติจะรับฟังและเล่าสู่ให้กับฝ่ายบริหารต่อไป คนที่เดือดร้อนกำลังต่อสู้เพื่อเอกราชและสันติภาพ เป็นสิ่งที่เราควรจะรับฟัง เช่นเดียวกับพี่น้องประชาชนในประเทศของเรา ผมเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ แต่ถ้าประชาชนเดือดร้อนเราไม่สามารถจะบอกได้ว่าเป็นเรื่องของฝ่ายใด ความเดือดร้อนของประชาชนต้องไม่มีฝ่ายใดที่จะไม่รับฟัง เพราะฉะนั้นถึงแม้ผมจะเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ มีเหตุระเบิดที่มูโน๊ะ ผมและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็พร้อมที่จะลงพื้นที่ และไปดูแลความเดือดร้อนเหล่านี้ พี่น้องประชาชนจะต้องได้รับการดูแลไม่เฉพาะแค่ฝ่ายบริหารเท่านั้น เราฝ่ายนิติบัญญัติก็ต้องดูแลท่าน เพราะท่านเดือดร้อน ท่านเสียชีวิตและทรัพย์สิน เราต้องไม่ทอดทิ้งกัน”

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กล่าวถึงการพบปะกับประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ว่า “ผมได้รับโอกาสพบกับท่านโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นประธานอธิบดีครั้งที่สอง และเป็นผู้นำคนสำคัญที่ทำให้อินโดนีเซียเจริญก้าวหน้า ได้พูดคุยกันสั้นๆเพียง 20 นาทีที่ทำเนียบประธานาธิบดี ผมบอกท่านว่า ท่านเป็นบุคคลที่ผมอยากพบมาก เขาถามว่าทำไม ผมบอกว่าเพราะท่านคือผู้นำของประเทศอาเซียน ที่พัฒนาประชาธิปไตยมากที่สุดคนหนึ่ง ท่านเป็นผู้นำเศรษฐกิจของอาเซียน ประชากร 280 ล้านคนเจริญก้าวหน้า ด้วยฝีมือของท่านเพราะฉะนั้นท่านจึงเป็นคนที่ผมอยากพบมากที่สุด และอยากจะขอความกรุณาท่านช่วยทำให้เศรษฐกิจที่บ้านผม คือทำราคายางพาราให้สูงขึ้น เพราะขณะนี้ประเทศที่ผลิตยางพารามากที่สุดในโลกอันดับหนึ่งคือประเทศไทยและอันดับสองคืออินโดนีเซีย 2 ประเทศนี้ผลิตยางพาราเกินครึ่งหนึ่งของโลก คือ 54% อีก 10 ประเทศแค่ 46% ถ้าเราจับมือกันเราจะสามารถทำราคายางพาราให้สูงขึ้นได้ เพราะมีประเทศผู้ใช้ยางพารามากกว่าร้อยประเทศ และสินค้าที่ใช้ยางพาราก็มีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ ท่านประธานาธิบดีบอกว่าเห็นด้วยและจะมอบให้รัฐบาลอินโดนีเซียมาหารือกับรัฐบาลใหม่ของไทย นี่คืออามานะห์ (ความรับผิดชอบ) ที่ได้พูดหาเสียงกับท่านไว้ ได้นำไปทำแล้ว โดยหารือกับผู้นำประเทศ และได้ไปพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าของอินโดนีเซีย ซึ่งดูแลราคายางพารา เขาเห็นด้วยกับวิธีที่เรานำเสนอ อินชาอัลลอฮฺ (ด้วยความประสงค์ของพระเจ้า) ขอดุอาอ์ให้ ประเทศไทยและประเทศอินโดนีเซียจับมือกัน ทำให้ประชากรทั้งสองประเทศมีการพัฒนา เศรษฐกิจราคายางพารา อย่างน้อยควรจะได้ 70 บาท ต้องทำได้ เมื่อเป็นรัฐบาลมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่แล้ว ผมจะชี้แจงให้เร็ว เพราะอินโดนีเซียบอกว่าต้องรีบหารือระหว่างรัฐบาลต่อไป”

นอกจากนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา มีแผนจะเดินทางเยี่ยมรัฐสภาหลายประเทศ หลังปิดสมัยประชุมสภาฯ “ก่อนหน้านี้ประธานสภาที่ปรึกษาซาอุดิอาระเบียได้มาเยี่ยมคารวะที่รัฐสภาไทย ได้หารือกันดีมากท่านเชิญผมไปเยี่ยมประเทศซาอุดิอาระเบีย และเข้าเฝ้ามกุฎราชกุมารมูฮัมมัด บินซัลมาน ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย เพราะมีเรื่องที่เราพูดคุยกันเรื่องการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เรื่องการลงทุน การศึกษา และศาสนา ซึ่งหลังปิดสมัยประชุมนี้ ผมจะเดินทางไปเยือนประเทศซาอุดีอาระเบีย และกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง เพื่อที่จะดึงนักท่องเที่ยวมาเที่ยวประเทศไทย และขอให้เขารับนักศึกษาไทย และคนงานไทยเข้าทำงานมากยิ่งขึ้น 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top