Tuesday, 22 April 2025
พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยรักษาพระองค์

‘อ.เพิ่มศักดิ์’ ฟาดใส่ ‘งานวิจัยที่บิดเบือน’ ชี้!! ‘กองทัพไทย’ คือ ‘ฝ่ายปกป้อง’ สงครามที่แท้จริง!! ไม่ใช่รบกับฝ่ายคอมมิวนิสต์ แต่ต้องต่อสู้กับความยากจน

(14 ต.ค. 67) ผศ.ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้วิพากษ์วิจารณ์หนังสือ ‘ในนามความมั่นคงภายใน การแทรกซึมของกองทัพไทย’ ซึ่งเขียนโดย รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ โดยได้ แสดงความคิดเห็นในรายการ ‘อิสรภาพแห่งความคิด กับ.. สำราญ รอดเพชร’ ทางช่อง Thaipost โดยมีใจความว่า …

หนังสือ ‘ในนามของความมั่นคงภายใน การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย’ นั้น มันมีปัญหาในเรื่องของกรอบทฤษฎีที่มันไม่ตรงกับแนวคิดเรื่องความมั่นคง และการวิจัยมันก็ไม่ได้มีความสมเหตุสมผล จากกระบวนการได้มาซึ่งความรู้

เรื่องของในนามของความมั่นคงภายใน ก็คือการแทรกซึมสังคมของกองทัพ ก็คือว่าถ้าเราเป็นฝ่ายซ้ายเนี่ย เราก็จะมองว่ากองทัพเป็นปฏิปักษ์ต่อชีวิตของเราใช่ไหม ทีนี้ถ้าเราย้อนกลับไปในทางรัฐศาสตร์ก็ต้องย้อนกลับไปต้องนานมาก 

สมัยสมเด็จพระนเรศวรฯ เนี่ยเราก็จะพบว่าภัยความมั่นคง ก็คือ พม่าใช่มั้ย ทีนี้พม่ามันก็เข้าตีเราสองทาง คือเข้าตีผ่านกําลังทางการทหาร คือเอาทหารมาบุก อีกประการนึงคือมันก็ส่ง ‘เสือหมอบแมวเซา’ หรือแม้แต่กระทั่งการติดสินบนข้าราชการ อันนี้ก็คือการแทรกซึมใช่ไหม ดังนั้นเนี่ย ‘ฝ่ายกองทัพ’ ก็คือ ‘ฝ่ายปกป้อง’

ในยุคสงครามเย็น ‘อาจารย์พวงทอง’ ยกบริบทของสงครามเย็นเนี่ยมันคือการต่อสู้กันระหว่าง ‘โลกเสรี’ กับ ‘โลกคอมมิวนิสต์’ ใช่ไหมครับแล้วก็ในทางปฏิบัติสงครามเย็นเนี่ย มันคือสงครามตัวแทน ก็คือรัฐมหาอํานาจ มันไม่ทําสงครามเองมันแย่งชิงพื้นที่แล้วก็จะพบว่า สงครามตัวแทนมันทําให้รอบโลกเกิดสงครามกลางเมืองทุกที่สงครามเกาหลี บ้านเราก็สงครามอินโดจีน หรือสงครามเวียดนาม สงครามกัมพูชาในไทยก็คือสงครามระหว่างกองทัพไทย กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ดังนั้น ‘ฝ่ายกองทัพไทย’ จึงเป็น ‘ฝ่ายปกป้อง’

พคท. รอ. หรือ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยรักษาพระองค์ ไม่ใช่กลุ่มมวลชนจัดตั้งของ กอ.รมน. และกองทัพตามข้อเสนอในหนังสือ ในนามความมั่นคงภายในฯ (หน้า 202) ของพวงทอง ภวัครพันธุ์

แต่คือหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า ‘พระบาทสมเด็จพระภัทรมหาราช’ ทรงแผ่พระบารมียุติความขัดแย้งในสงครามกลางเมือง (Civil War) ระหว่างประชาชนคนไทยด้วยกันเอง

ในรัชสมัยของพระองค์ ความขัดแย้งทางสังคมที่มีความรุนแรงระหว่างคนไทยด้วยกันเอง มีต้นเหตุมาจากสงครามเย็น ที่เป็นสงครามความขัดแย้งทางอุดมการณ์ระหว่างโลกเสรีกับโลกคอมมิวนิสต์ ผ่านสงครามตัวแทนที่เกิดขึ้นในทั่วทุกภูมิภาคทั่วโลกในห้วงเวลาดังกล่าว

ในประเทศไทย ความขัดแย้งระหว่างรัฐไทยและ พคท. เต็มไปด้วยความรุนแรงที่แผ่ขยายออกเป็นวงกว้างทั่วประเทศ เกิดเหตุความรุนแรง การชุมนุมประท้วง การก่อความไม่สงบ จนถึงการปะทะกันด้วยอาวุธจนมีการสูญเสียทั้งสองฝ่าย 

หลังจากความพ่ายแพ้ของโลกคอมมิสต์และ พคท. เกิดนโยบาย 66/23 ที่เปิดโอกาสให้ พคท. กลับเข้ามาร่วมกันพัฒนาสังคมไทยหรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย’

เมื่อประชาชนเคยถูกผลักไส หรือมีแนวคิดที่ต่างกันกับคนในชาติอีกส่วนหนึ่งได้กลับเข้ามาใช้ชีวิตในฐานะคนไทยอีกครั้ง การส่งเสริมอาชีพ ความเป็นอยู่ และชีวิตที่ดีของ อดีตแนวร่วม พคท. ในฐานะประชาชนไทย จึงเป็นเรื่องพึงกระทำทั้งในด้านศีลธรรมและเป็นหน้าที่อันพึงกระทำของรัฐ ไม่ใช่การจัดตั้งมวลชนของรัฐตามที่พวงทองกล่าวอ้าง

ดังพระราชดำรัสของพระภัทรมหาราช ต่อข้อทูลถามใน สารคดีของบีบีซี เรื่อง ‘Soul of a Nation - The Royal Family of Thailand’ (ศูนย์รวมใจของชาติ - พระราชวงศ์ไทย) ระหว่างการเสด็จพระราชดำเนินยังพื้นที่เตรียมการสร้างเขื่อนตามพระราชดำริว่า โครงการหลวงนี้เป็นสิ่งที่จะทำให้พระองค์ทรงมีชัยชนะเหนือพวกคอมมิวนิสต์ใช่หรือไม่ พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสว่า

"ข้าพเจ้าไม่ได้ต่อสู้กับคอมมิวนิสต์หรือคนผู้หนึ่งผู้ใด แต่สู้กับความอดอยากยากจน เพื่อให้ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และเมื่อถึงเวลานั้น คนที่เรียกว่าคอมมิวนิสต์ก็จะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นไปด้วย ทุกคนก็จะมีความสุข"

การเกิดขึ้นของ พคท. รอ. จึงเป็นการแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติตามพระราชปณิธานในการแก้ไขปัญหาความอดอยากยากจน โดยการจัดหาที่ดินส่งเสริมอาชีพในอนาคต ให้พวกเขากลับมาเป็นประชาชนที่มีคุณภาพเป็นกำลังสำคัญของสังคมไทยตราบจนทุกวันนี้ 

พคท. จึงไม่เคยถูกทำลายให้หมดสิ้นไปเสมือนหนึ่งไม่ใช่ประชาชนคนไทยด้วยกัน แต่พวกเขาคือ ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ที่ทรงยุติสงครามกลางเมืองระหว่างคนไทยด้วยกันเองด้วยพระบารมี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top