ภัยคุกคามไทย ใต้เงื้อมมือพรรค 'กลิ้งกลอก-หลอกเด็ก-ย้อนแย้ง' อันตรายเหนือภัยอื่นจาก 'ก๊วนนักการเมืองสายล้มล้างสถาบัน'
ตั้งแต่ผมเกิดและเติบโตมาบนผืนแผ่นดินไทยจนอายุแตะเลข 5 ยังไม่เคยเจอนักการเมืองที่กล้าเปิดหน้าเป็นปฏิปักษ์ และเดินหน้ากระทำชั่วช้ากับสถาบันเบื้องสูงอันเป็นที่รักของคนไทยได้เท่ากับนักการเมืองของพรรคสีส้มเลย
อดีตที่ผ่านมา ถ้าจะมีนักการเมืองสักคนแหลมออกมาในทางดูหมิ่นสถาบัน ก็มักจะเป็นไปในเชิงไม่ตั้งใจ พลั้งเผลอ ไม่รอบคอบในคำพูด รู้เท่าไม่ถึงการณ์ และนานทีจะโผล่มาให้เห็นแค่คนสองคนก็หายเงียบไปนานจนลืม แต่จะไม่มีการแสดงออกในทางถ่อย ลามปาม จาบจ้วง หรือจริงจังถึงขั้นร่วมสมคบคิดกับต่างชาติหวังล้มล้างการปกครองไทย และเมื่อถูกจับได้ถึงขึ้นโรงขึ้นศาลจนโดนคดี 112 ก็จะพลิกลิ้น ตลบตะแลงว่าสิ่งที่กระทำลงไปนั้นหาใช่การคิดไม่ดีกับสถาบัน แต่เพื่อเจตนาดี หวังให้สถาบันไปได้ดีกับความเป็นอยู่ของคนไทย
คงมีแต่สมองในระดับ 'เกินควาย' เท่านั้นที่ยังเชื่อฝังชีพ บอดสนิททั้งสายตายันหัวใจ
ทุกการกระทำของพรรคสีส้ม ซึ่งเป็นสีเดียวกับเปลวเพลิงระอุในขุมนรก ไม่เคยกล้าหาญยอมรับต่อการกระทำของตัวเองแบบแมน ๆ สักครั้งเดียว เป็นต้องดิ้นหลบเร้นให้ตัวเองดูดีราวกับว่าประชาชน 'นอก 14 ล้านเสียง' ที่ไม่ได้เขลา บาป และหลงของใหม่นั้นกินหญ้าแทนข้าว การกระทำย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ ที่ทำกันเป็นขบวนการหวังล้มล้างสถาบันกษัตริย์ฉายภาพความน่ารังเกียจ ปนความชั่วช้าที่ซุกซ่อนอยู่ในใจจนหมดสิ้น
ถ้าจะต้องถูกศาลสั่งยุบพรรค เพราะการกระทำเลว ๆ ของตนเองก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว แต่ถึงไม่ถูกยุบพรรคด้วยเหตุผลของศาล ก็ไม่ได้หมายความว่านักการเมืองที่กระหายการล้มล้างการปกครองเช่นนี้จะหลุดรอด 'ภาพลักษณ์เลว ๆ' นี้ไปได้เลย
คนไทยที่ไม่กตัญญูต่อสถาบันกษัตริย์ ผมพอจะเข้าใจได้ แต่คนไทยที่ถึงขนาดคิดล้มล้างการปกครองสถาบันกษัตริย์ ก็คือ คนไทยที่เนรคุณต่อแผ่นดินชาติของตัวเอง
เจองูพิษ เจอตำรวจชั่ว และเจอโจร พร้อม ๆ กับเจอนักการเมืองที่อกตัญญูต่อสถาบัน บางคนอาจจะเลือกตีงูพิษ ต่อยตำรวจชั่ว หรือกระทืบโจรก็ตามแต่
แต่สำหรับผมไม่มีสิ่งใดจะน่ารังเกียจและเป็นอันตรายไปกว่า...'นักการเมืองที่คิดล้มล้างสถาบัน'
คนจำพวกนี้อยู่ไปก็รกแผ่นดิน
