Sunday, 20 April 2025
พนัน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตือน ดูบอลให้สนุก อย่าต้องทุกข์เพราะการพนัน

วันนี้ (14 มิถุนายน 2567) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่ามีพี่น้องประชาชนจำนวนมากที่ต้องสูญเสียทรัพย์สินให้กับการพนัน และตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน ถึง 14 กรกฎาคม 2567 มีการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 17 หรือ ฟุตบอลยูโร 2024 ซึ่งเว็บไซต์การพนันผิดกฎหมายต่าง ๆ อาจเปิดรับพนันผลการแข่งขันฟุตบอลเพื่อล่อลวงพี่น้องประชาชน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงขอให้พี่น้องประชาชนรับชมการแข่งขันฟุตบอลอย่างสร้างสรรค์ อย่าหลงผิดไปเล่นพนันฟุตบอล เพราะผลเสียที่จะตามมานั้นมีมากมาย เช่น

1. เสียทรัพย์ - การพนันอาจนำไปสู่การสูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก ซึ่งสามารถก่อให้เกิดหนี้สินและปัญหาทางการเงินในระยะยาว

2. เสียมิตร - การเสพติดการพนันสามารถทำลายความสัมพันธ์กับครอบครัวและเพื่อนฝูงได้ และการเล่นพนันมากเกินไปอาจทำให้เวลาและเงินที่ควรใช้ในการดูแลครอบครัวลดลง

3. เสียจิต- การพนันสามารถทำให้เกิดความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า และผู้ที่พ่ายแพ้ในการเดิมพันอาจรู้สึกผิดหวังและเสียใจมากจนทำให้สุขภาพจิตย่ำแย่

4. เสียรู้ – การสมัครสมาชิกและเล่นการพนันในเว็บไซต์การพนันผิดกฎหมาย อาจทำให้ข้อมูลส่วนตัว ชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และข้อมูลอื่น ๆ ถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิด และอาจถูกโกงไม่สามารถถอนเงินจากเว็บพนันได้

5. ติดคุก - ผู้เล่น ผู้ชักชวน และผู้จัดให้มีการพนันฟุตบอลจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 12(2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอประชาสัมพันธ์มายังพี่น้องประชาชน ขอให้ช่วยกันหยุดวงจรการพนันออนไลน์ โดยหากพบเห็นการกระทำความผิดหรือพบเบาะแสเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ สามารถแจ้งไปยังสายด่วน 191 หรือสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เปิดร่างกฎหมาย ‘กาสิโน’ ขอใบอนุญาต 5 พันล้าน คนไทยเสียค่าเข้าครั้งละ 5 พัน จัดตั้ง ‘สำนักงานกำกับการประกอบสถานบันเทิงครบวงจร’ ทำหน้าที่ ดูแล-ควบคุม

(3 ส.ค.67) รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลถึงการเดินหน้าโครงการสถานบันเทิงครบวงจร หรือ Entertainment Complex ว่า ภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบรายงาน “รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ” ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ที่มีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เป็นประธานกรรมาธิการฯ ด้วยเสียง 253 ต่อ 0 เสียง เมื่อ 28 มีนาคม 2567

ต่อมา 8 เมษายน 2567 รายงานผลการศึกษาดังกล่าวได้นำเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และได้รับการเห็นชอบ พร้อมกับมอบหมายกระทรวงการคลัง รับศึกษาความเป็นไปได้รายละเอียดของคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร หรือ กาสิโนถูกกฎหมาย เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายให้นำมาเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ภายใน 30 วัน

จากนั้นวันที่ 4 มิถุนายน 2567 นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการในที่ประชุม ครม.อีกครั้งให้กระทรวงการคลัง โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เร่งรัดการดำเนินการสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อให้มีแนวทางในการดำเนินการให้เป็นรูปธรรมต่อไป

ล่าสุดกระทรวงการคลัง ได้ยกร่างร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ….เสร็จเรียบร้อยแล้ว และเตรียมเปิดให้มีการรับฟังความคิดเห็น ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 จากนั้นจะจัดทำรายงานสรุปผลรับฟังความคิดเห็นเพื่อมาประกบในร่างกฎหมาย ก่อนกระทรวงการคลังจะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ต่อไป

ทั้งนี้สาระสำคัญของร่างกฎหมายดังกล่าวมีอยู่ทั้งสิ้น 65 มาตรา แบ่งออกเป็น 9 หมวด ประกอบด้วย 1. คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรการ 2.คณะกรรมการบริหาร 3.สำนักงานกํากับการประกอบสถานบันเทิงครบวงจร 4.เลขาธิการ 5.พนักงานเจ้าหน้าที่ 6.การอนุญาตให้ประกอบสถานบันเทิงครบวงจร 7.การควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร 8.บทกำหนดโทษ และ 9.บทเฉพาะกาล

ส่วนสาระสำคัญตามมาตราอื่น ๆ มีดังนี้ มาตรา 3 ได้กำหนดความหมายของ ‘สถานบันเทิงครบวงจร’ หมายความว่า การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงตามบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัตินี้หลายประเภทรวมกัน ร่วมกับกาสิโน

‘กาสิโน’ หมายความว่า การจัดให้มีการเข้าเล่นหรือการเข้าพนันในสถานที่ที่กำหนดเป็นการเฉพาะ

‘ใบอนุญาต’ หมายความว่า ใบอนุญาตประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร

‘ผู้รับใบอนุญาต’ หมายความว่า ผู้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร

‘ผู้บริหาร’ หมายความว่า ผู้จัดการหรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการบริหารงานของผู้รับใบอนุญาต ไม่ว่าโดยพฤติการณ์หรือโดยได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริหารของผู้รับใบอนุญาต

‘บริษัทในกลุ่ม’ หมายความว่า (1) นิติบุคคลที่ผู้รับใบอนุญาตถือหุ้นตั้งแต่ร้อยละยี่สิบของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออก

เสียงทั้งหมดของนิติบุคคล (2) นิติบุคคลที่มีผู้ถือหุ้นซึ่งถือหุ้นทั้งในนิติบุคคลนั้นและในนิติบุคคลที่เป็นผู้รับใบอนุญาต ตั้งแต่ร้อยละยี่สิบของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของนิติบุคคลและนิติบุคคลที่เป็น ผู้รับใบอนุญาต

‘สำนักงาน’ หมายความว่า สำนักงานกำกับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร

‘พนักงานเจ้าหน้าที่’ หมายความว่า ผู้ซึ่งสำนักงานแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

‘เลขาธิการ’ หมายความว่า เลขาธิการสำนักงานกำกับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร

‘รัฐมนตรี’ หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต
ในบัญชีแนบท้ายกฎหมาย ระบุค่าธรรมเนียมใบอนุญาตดังนี้

1.การขอรับใบอนุญาต ครั้งละ 100,000 บาท

2.ใบอนุญาต แบ่งเป็น ครั้งแรก ฉบับละ 5,000 ล้านบาท รายปี 1,000 ล้านบาท

3.ใบอนุญาต (ต่ออายุ) ฉบับละ 5,000 ล้านบาท รายปี 1,000 ล้านบาท

4.ใบแทนใบอนุญาต ฉบับละ 100,000 บาท

ประเภทเครื่องเล่น

มาตรา 52 กาสิโนให้กระทำได้เฉพาะในสถานบันเทิงครบวงจรโดยผู้รับใบอนุญาตและให้มีเฉพาะประเภท ดังต่อไปนี้

1 ใช้เครื่องเล่นซึ่งใช้เครื่องกล พลังไฟฟ้า พลังแสงสว่าง หรือพลังอื่นใดที่ใช้เล่นโดย วิธีสัมผัส เลื่อน กด ดีด ดึง ยิงโยน โยก หมุน หรือวิธีอื่นใดซึ่งสามารถทำให้แพ้ชนะกันได้ ไม่ว่าจะโดยการนับแต้มหรือเครื่องหมายใด ๆ หรือไม่ก็ตาม

2 ใช้อุปกรณ์ซึ่งสามารถทำให้แพ้ชนะกันได้ ไม่ว่าจะโดยการนับแต้มหรือเครื่องหมายใด ๆ หรือไม่ก็ตาม

ขณะที่ มาตรา 53 ห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตจัดให้มีการเข้าเล่นหรือเข้าพนันผ่านการเชื่อมต่อระบบคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นใดกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อให้บุคคลภายนอกสถานประกอบการกาสิโนเข้าเล่นหรือเข้าพนันได้

ห้ามเด็กต่ำกว่า 20 ปี – คนไทยต้องเสียค่าเข้า

มาตรา 55 ห้ามมิให้บุคคลดังต่อไปนี้ เข้าไปในสถานประกอบการกาสิโน

1.ผู้มีอายุน้อยกว่า 20 ปีบริบูรณ์

2.ผู้ซึ่งสำนักงานสั่งห้ามเข้าสถานประกอบการกาสิโน

3.ผู้มีสัญชาติไทยซึ่งยังมิได้ลงทะเบียนและชำระค่าธรรมเนียม ตามที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด

4.ผู้ที่มีลักษณะของบุคคลต้องห้ามตามที่สำนักงานประกาศกำหนด

ทั้งนี้ ในบัญชีแนบท้ายกฎหมายระบุค่าเข้าสถานประกอบการกาสิโนของผู้มีสัญชาติไทย ครั้งละ 5,000 บาท

มาตรา 62 ผู้รับใบอนุญาตที่ปล่อยปละละเลยหรือยินยอมให้บุคคลต้องห้าม เข้าไปในสถานประกอบกาสิโน ผู้รับใบอนุญาตต้องชำระค่าปรับไม่เกิน 1 แสนบาทให้แก่สำนักงาน

ห้ามโฆษณา – จ่ายใต้โต๊ะ

มาตรา 58 ห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตดำเนินการ เชิญชวน โฆษณา ประชาสัมพันธ์หรือจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เกี่ยวกับกาสิโน หรือให้ผู้ใดดำเนินการดังกล่าว เว้นแต่จะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการบริหารประกาศกำหนด

ให้ถือว่าการจ่ายค่าจ้างหรือผลประโยชน์ตอบแทนอื่นใดให้แก่บุคคลใด โดยผู้รับใบอนุญาตหรือบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้รับใบอนุญาต โดยมีเงื่อนไขว่าบุคคลผู้รับค่าจ้างหรือผลประโยชน์ตอบแทนอื่นใดต้องเพิ่มยอดการเข้าเล่นหรือเข้าพนันในสถานประกอบการกาสิโน ไม่ว่าการจ่ายค่าจ้างหรือผลตอบแทนจะคำนวณจากมูลค่าการเข้าเล่นหรือเข้าพนันในสถานประกอบการกาสิโนหรือไม่ก็ตาม เป็นการเชิญชวนหรือโฆษณาตามวรรคหนึ่ง

ให้ถือว่าการจัดกิจกรรมใด ๆ ที่เป็นการชักจูงให้บุคคลใดมีความประสงค์จะเข้าเล่น หรือเข้าพนันในสถานประกอบการกาสิโน เป็นกิจกรรมส่งเสริมการขายตามวรรคหนึ่ง

ให้สินเชื่อผู้เล่น

มาตรา 59 ผู้รับใบอนุญาตสามารถให้สินเชื่อแก่ผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันในสถานประกอบการกาสิโนได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด

รวบ 3 จีนเทาผู้ร้ายข้ามแดนแปลงสัญชาติวานูอาตูหัวหน้าเครือข่ายพนันออนไลน์ข้ามชาติและเป็นหัวหน้าจัดทำระบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เงินหมุนเวียนกว่า 55,000 ล้านบาท

กก.4 บก.สส.สตม. ร่วมกับ กก.ปอพ.บก.สส.สตม. และ ตม.จว.ชลบุรี จับกุมคนต่างด้าว จำนวน 3 คน ได้แก่ นายซู (นามสมมติ) อายุ 47 ปี สัญชาติจีน/วานูอาตู ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 407/2567 ลงวันที่ 18 มิ.ย.2567 ในความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชนและความผิดฐานเปิดบ่อนการพนัน (คาสิโน) (ออกหมายจับผู้ร้ายข้ามแดน) นำตัวส่งพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด ดำเนินการตามกฎหมาย และจับกุมนางจาง (นามสมมติ) อายุ 46 ปี สัญชาติจีน/วานูอาตู และนายซู เจียง (นามสมมติ) อายุ 39 ปี สัญชาติจีน/วานูอาตู โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ จว.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม บ้านพักภายในซอยทุ่งกลม-ตาลหมัน 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี

สืบเนื่องจาก สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย มีหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศ นำส่งคำร้องขอให้ทางการไทยจับกุมตัวชั่วคราวนายซู (นามสมมติ) อายุ 47 ปี สัญชาติจีน เป็นผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อไปดำเนินคดีในความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชนและความผิดฐานเปิดบ่อนการพนัน(คาสิโน) ต่อมาพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาขอออกหมายจับชั่วคราวนายซู และได้ส่งหมายจับมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อให้สืบสวนจับกุม

จากการสืบสวนของ กก.4 บก.สส.สตม. และ กก.ปอพ.บก.สส.สตม. พบข้อมูลว่านายซูได้ใช้หนังสือเดินทางประเทศวานูอาตูเดินทางเข้ามาในประเทศไทยแทนการใช้หนังสือเดินทางสาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากนี้ยังพบว่า นางจาง และนายซู เจียง ซึ่งเป็นเครือญาติของนายซูได้ถือหนังสือเดินทางประเทศวานูอาตูเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ด้วย 

จึงได้ประสานสอบถามไปยังสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย เพื่อตรวจสอบประวัติของนางจาง และนายซู เจียง รับแจ้งว่า บุคคลทั้งสองมีสัญชาติจีน โดยนางจาง มีประวัติกระทำผิดในข้อหา ฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชนและความผิดฐานเปิดบ่อนการพนัน (คาสิโน) ส่วนนายซู เจียง มีประวัติกระทำผิดในข้อหา เปิดบ่อนการพนัน (คาสิโน) เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้สืบทราบว่าทั้ง 3 คน มักจะมีพฤติการณ์ในการย้ายที่อยู่เพื่อให้ยากต่อการจับกุมตัว และหลังสุดได้ย้ายหลบหนีไปอยู่บ้านพักหรูภายในซอยทุ่งกลม-ตาลหมัน 2 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงได้ร่วมกันนำหมายค้นของศาลจังหวัดพัทยาเข้าทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบคนต่างด้าวทั้ง 3 คน พักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว และพบโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กหลายรายการ และเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแปลงสัญชาติของบุคคลทั้งสามและบุตร ซึ่งจากการสอบถามนายซู ให้การยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับผู้ร้ายข้ามแดนจริง และจากการตรวจสอบพบว่าทั้ง 3 คน ได้เดินทางเข้าประเทศไทยด้วยหนังสือเดินทางประเทศวานูอาตู โดยนางจาง และนายซู เจียง การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดแล้ว จึงได้จับกุมทั้ง 3 คน ดังกล่าว

สำหรับพฤติการณ์กระทำความผิดของนายซู และนางจางได้ร่วมกันกับพวกจัดตั้งองค์กรชื่อ หญิงฟา ซึ่งจัดให้มีการเล่นคาสิโนออนไลน์ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีบุคคลจำนวนเข้าเป็นสมาชิกในการเล่นการพนัน มีเงินหมุนเวียนกว่า 55,000 ล้านบาท โดยนายซู เป็นหัวหน้าแก๊ง คอลเซ็นเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับการหลอกหลวงผู้อื่นทางระบบโทรคมนาคม โดยได้ทำการจัดตั้งระบบเว็บไซต์ และระบบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบหลังบ้านของขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่มีฐานอยู่ที่ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

‘Casino’ สถานที่เล่นพนันถูกกฎหมายหากเกิดขึ้นจริง ‘ดี’ หรือ ‘ร้าย’ ต่อสังคมไทย สุดท้ายต้องพิจารณาในทุกมิติ

‘Casino’ กลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่สังคมไทยกำลังพูดถึง หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติในหลักการ ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (ENTERTAINMENT COMPLEX) โดยได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานำไปปรับปรุงรายละเอียด ก่อนส่งต่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ซึ่งรัฐบาลได้ยืนยันว่า ‘ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร’ จะมีการอนุญาตให้เปิด ‘Casino’ ด้วย จะทำให้ประเทศเติบโตและมีตัวเลข GDP สูงขึ้นอย่างมาก และจะทำให้เกิดผลดีให้กับประเทศในอนาคต

‘Casino’ เป็นสถานที่สำหรับการพนัน มักสร้างขึ้นใกล้หรือรวมกับโรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร ร้านค้าปลีก เรือสำราญ หรือแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ‘Casino’ หลายแห่งยังเป็นที่รู้จักในสถานะสถานที่จัดงานบันเทิงแสดงสด อาทิ ละคร คอนเสิร์ต และกีฬา ฯลฯ ‘Casino’ แห่งแรกของยุโรปที่แม้จะไม่ได้เรียกว่า ‘Casino’ แต่มีลักษณะตรงตามคำจำกัดความในปัจจุบันคือ ‘Ridotto’ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี ในปี 1638 โดยมติของที่ประขุมใหญ่แห่งสภาเมืองเวนิสเพื่อควบคุมการพนันในช่วงเทศกาลคาร์นิวัล บ่อนแห่งนี้ถูกปิดตัวลงในปี 1774 เนื่องจากสภาเมืองเวนิสได้พิจารณาแล้วเห็นว่า กิจการของ ‘Ridotto’ ทำให้ประชาชนพลเมืองชาวเวนิสนั้นต่างพากันยากจนลง

ปัจจุบัน การพนันเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ทั่วโลกและมี ‘Casino’ อยู่ในเกือบทุกประเทศ สหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำในการแข่งขัน ‘Casino’ มากที่สุดในโลก ตามข้อมูลของ WorldCasinoDirectory สหรัฐอเมริกามี ‘Casino’ ที่ได้รับอนุญาต 2,147 แห่งและโรงแรม ‘Casino’ 619 แห่งในเมืองการพนัน 920 เมือง ตามข้อมูลของสมาคมการพนันของอเมริกา ตลาดการพนันในสหรัฐอเมริกามีส่วนสนับสนุนต่อเศรษฐกิจเกือบ 261 พันล้านดอลลาร์ต่อปีและรองรับการจ้างงาน 1.8 พันล้านตำแหน่งทั่วประเทศ ตามหลังสหรัฐอเมริกา โรมาเนียเป็นผู้นำในการแข่งขันที่มี ‘Casino’ มากที่สุดในโลก โดยมี ‘Casino’ ทั้งหมด 454 แห่ง ตามมาด้วยสาธารณรัฐเช็ก สเปน และสหราชอาณาจักร โดยมี ‘Casino’ 423, 314 และ 309 แห่ง ตามลำดับ

ศูนย์กลางการพนันสองแห่งของโลกได้แก่ มาเก๊า และลาสเวกัส ‘มาเก๊า’ ซึ่งเป็นเขตปกครองพิเศษของจีนเป็นสถานที่เดียวในประเทศจีนที่ ‘Casino’ ถูกกฎหมาย การพนันถูกกฎหมายมาตั้งแต่ทศวรรษ 1850 เมื่อ รัฐบาล โปรตุเกสประกาศให้กิจกรรมในอาณานิคมปกครองตนเองแห่งนี้ถูกกฎหมาย หลังจากการส่งมอบมาเก๊าจากโปรตุเกสให้จีน มาเก๊าและธุรกิจได้เติบโตอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปี 2001 เมื่อรัฐบาลยุติการผูกขาดการพนันที่กินเวลานานสี่ทศวรรษของ Stanley Ho มหาเศรษฐีชาวฮ่องกง ด้วยการเข้ามาของ ‘Casino’ ต่างชาติขนาดใหญ่ จากลาสเวกัสและออสเตรเลีย ปัจจุบันมาเก๊าแซงหน้าลาสเวกัสในด้านรายได้จากการพนันในปี 2007 และตั้งแต่นั้นมา มาเก๊าก็เป็นที่รู้จักทั่วโลกในฐานะ 'เมืองหลวงแห่งการพนันของโลก' โดยทำรายได้จากการพนันสูงสุด แซงหน้าเมืองการพนันอื่น ๆ ไปอย่างมาก มาเก๊ามี ‘Casino’ 49 แห่ง และโรงแรม ‘Casino’ อีก 58 แห่ง สำนักข่าวรอยเตอร์ได้รายงานว่า รายได้ของ ‘Casino’ ในมาเก๊าพุ่งสูงขึ้น 366% เมื่อเทียบเป็นรายปีเป็น 1.93 พันล้านดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม 2023 ปัจจุบันการท่องเที่ยวเชิงการพนันเป็นแหล่งรายได้ที่ใหญ่ที่สุดของมาเก๊าคิดเป็นประมาณ 50% ของเศรษฐกิจ โดยนักท่องเที่ยวเพื่อการพนันส่วนใหญ่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง

ลาสเวกัส มลรัฐเนวาดา เป็นเมืองที่มี ‘Casino’ มากที่สุดในโลก ข้อมูลจำนวน ‘Casino’ จาก WorldCasinoDirectory ระบุว่า ลาสเวกัสมี ‘Casino’ มากกว่า 170 แห่ง และโรงแรม ‘Casino’ อีกมากกว่า 90 แห่ง ในขณะที่มลรัฐเนวาดาโดยรวมมี ‘Casino’ ที่ได้รับอนุญาต 404 แห่ง และโรงแรม ‘Casino’ รวม 178 แห่งใน 45 เมืองของมลรัฐนี้ ตามรายงานของสมาคมการพนันของอเมริกา มลรัฐเนวาดามีรายได้จากการพนันเชิงพาณิชย์รายเดือน 1.15 พันล้านดอลลาร์ในเดือนเมษายน 2023 เนวาดาจึงเป็นมลรัฐเดียวที่มีรายได้เกิน 1 พันล้านดอลลาร์ในขณะที่รายได้รายเดือนของมลรัฐอื่น ๆ ทั้งหมดในเดือนเดียวกันน้อยกว่า สำหรับ ลาสเวกัสและมาเก๊าจึงเป็นเพียงสองเมืองการพนัน (Casino city) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ทั้งนี้ จากการศึกษาพบว่า ‘Casino’ มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มอาชญากรอย่างแน่นอน โดย ‘Casino’ ในลาสเวกัสยุคเริ่มแรกนั้นถูกครอบงำและบงการโดยกลุ่มมาเฟียอเมริกันเชื้อสายอิตาเลียน และ ‘Casino’ ในมาเก๊าถูกครอบงำและบงการโดยกลุ่มสามก๊ก (Macau Triads) ตามรายงานของตำรวจสหรัฐฯ ระบุว่า อาชญากรรมในพื้นที่ที่มี ‘Casino’ มักเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหรือสามเท่าภายในสามปีหลังจาก ‘Casino’ เปิดทำการ ในรายงานปี 2004 ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ นักวิจัยได้สัมภาษณ์ผู้ที่ถูกจับกุมในลาสเวกัสและเดส์โมนส์ และพบว่าเปอร์เซ็นต์ของนักพนันที่มีปัญหาหรือเป็นโรคในกลุ่มผู้ถูกจับกุมนั้นสูงกว่าประชากรทั่วไปถึงสามถึงห้าเท่า

ท่ามกลางความกังวลของคนในสังคมในเรื่องของ ‘Casino’ ซึ่งจะรวมอยู่ใน “ENTERTAINMENT COMPLEX” นั้น จะส่งผลอย่างไรต่อสังคมไทยโดยรวม จึงเป็นปัญหาและประเด็นพิจารณาที่พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศจะต้อง พินิจ พิจารณา ไตร่ตรอง และใคร่ครวญ เป็นอย่างดีที่สุด ด้วยเพราะความจริงก็คือ ‘การพนัน’ นั้นเป็นข้อหนึ่งใน 'อบายมุข 6' หรือ วิถีชีวิต 6 อย่าง แห่งความโลภ และความหลงที่ทำให้เกิดความเสื่อม ความฉิบหายของชีวิต อันประกอบด้วย
1. ดื่มน้ำเมา (Addiction to intoxicants) คือ พฤติกรรมชอบดื่มสุราเป็นนิจ
2. เที่ยวกลางคืน (Roaming the streets at unseemly hours) คือ พฤติกรรมชอบเที่ยวกลางคืนเป็นนิจ
3. เที่ยวดูการละเล่น (Frequenting shows) คือ พฤติกรรมชอบเที่ยวดูการแสดงหรือการละเล่นเป็นนิจ
4. เล่นพนัน (Indulgence in gambling) คือ พฤติกรรมชอบ เล่นพนันเป็นนิจ
5. คบคนชั่วเป็นมิตร (Association with bad companions) คือ พฤติกรรมชอบคบหาคนพาลเป็นนิจ
6. เกียจคร้านการงาน (Habit of idleness) คือ พฤติกรรมชอบเกียจคร้านในการงานเป็นนิจ

แม้ว่า รัฐบาลและฝ่ายที่สนับสนุนจะได้หยิบยกประโยชน์มากมายจากการให้มี ‘Casino’ ใน ‘ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร’ แต่พิษภัยและโทษของการพนันนั้นมีมากมายได้แก่ การสูญเสียเงินหรือความเสียหายทางการเงินเป็นความเสียหายจากการพนันเป็นอันดับแรก เมื่อนึกถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการพนัน อย่างไรก็ตาม ยังมีอันตรายประเภทอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ซึ่งอาจส่งผลต่อผู้ที่ เล่นพนัน อันตรายเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะส่งผลต่อผู้ที่ เล่นพนันมากขึ้น เล่นพนันบ่อยขึ้น หรือมีลักษณะอื่น ๆ ที่ทำให้พวกเขามีความเสี่ยงต่ออันตรายจากการพนันมากขึ้น ความเสี่ยงต่ออันตรายต่าง ๆ ในการ เล่นพนัน ได้แก่ :
1. ความเสียหายทางการเงิน การกัดเซาะการเก็บออม นำไปสู่การล้มละลาย
2. ความขัดแย้งในความสัมพันธ์ การละเลยความสัมพันธ์กับคนสำคัญ ลูก ๆ ญาติพี่น้อง และเพื่อนฝูง
3. ความทุกข์ทางอารมณ์หรือจิตใจจากการแยกตัวออกจากสังคมปกติ รู้สึกผิด เหงา และโดดเดี่ยว มีการรับรู้ที่ผิดเพี้ยน และอาจกลายเป็นพฤติกรรมที่นำไปสู่การฆ่าตัวตาย
4. ประเด็นด้านสุขภาพ ระดับการดูแลตนเองลดลง การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มมากขึ้น นำไปสู่การใช้สารเสพติดผิดกฎหมาย

นอกจากนั้นแล้ว ยังมีโอกาสที่จะป่วยด้วยโรคชนิดนี้อีกด้วย ‘โรคติดการพนัน’ (Pathological Gambling หรือ Gambling Disorder) ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากการ เล่นพนันที่ซ้ำซากและต่อเนื่อง แม้ว่าการพนันจะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ มากมายในหลายด้านของชีวิตก็ตาม ซึ่งบุคคลในทุกช่วงวัยอาจประสบปัญหาจากโรคติดการพนัน ผู้ที่ประสบปัญหาจากโรคติดการพนันจะมีปัญหาในการควบคุมจิตใจต่อการเล่นพนัน บุคคล ครอบครัว และสังคม ย่อมได้รับผลกระทบจากโรคติดการพนัน

ผู้ที่มีอาการติดการพนันอาจมีช่วงที่อาการทุเลาลง การพนันอาจดูไม่เป็นปัญหาในช่วงที่มีอาการรุนแรงมากขึ้น โดยอายุที่น้อยกว่าและเพศชายอาจเป็นปัจจัยเสี่ยง แต่อาการของโรคติดการพนันอาจเริ่มได้ในทุกช่วงอายุ ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะเริ่ม เล่นพนันในช่วงอายุน้อยกว่าผู้หญิง แต่ผู้หญิงอาจพัฒนาไปสู่ปัญหาการพนันได้เร็วกว่ามาก บาดแผลทางจิตใจและความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม โดยเฉพาะในผู้หญิง อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงได้เช่นกัน รายได้ต่ำ การว่างงาน และความยากจนยังเชื่อมโยงกับโรคติดการพนันอีกด้วย ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของจำนวนคนที่มีปัญหาติดการพนันได้รับการแสดงให้เห็นว่า มีความเชื่อมโยงกับการเพิ่มขึ้นของโอกาสในการ เล่นพนัน

การรักษาโรคติดการพนัน บางคนสามารถเลิกเล่นพนันได้ด้วยตนเอง แต่หลายคนต้องการความช่วยเหลือเพื่อแก้ปัญหาการพนันของตนเอง มีเพียง 1 ใน 10 คนที่มีอาการติดการพนันเท่านั้นที่เข้ารับการบำบัด การพนันส่งผลต่อผู้คนในรูปแบบต่าง ๆ การพนันสามารถเปลี่ยนส่วนของสมองที่เกี่ยวข้องกับการได้รับรางวัลหรือความตื่นเต้นได้ การรักษาอาการผิดปกติจากการพนันสามารถช่วยย้อนกลับเส้นทางเหล่านี้ให้กลับมาทำงานตามปกติของสมองก่อนเริ่ม เล่นพนันได้ วิธีการที่แตกต่างกันอาจได้ผลดีกว่าสำหรับคนต่างกลุ่ม การบำบัดหลายประเภทถูกนำมาใช้เพื่อรักษาอาการผิดปกติจากการพนัน รวมถึงการบำบัดพฤติกรรมทางปัญญา การบำบัดแบบจิตวิเคราะห์ การบำบัดแบบกลุ่ม และการบำบัดครอบครัว

การให้คำปรึกษาสามารถช่วยให้ผู้คนเข้าใจในเรื่องของการเล่นพนัน และได้คิดว่า การเล่นพนันส่งผลต่อพวกเขาและครอบครัวอย่างไร นอกจากนี้ยังสามารถช่วยให้ผู้คนพิจารณาทางเลือกและแก้ไขปัญหาได้อีกด้วย ปัจจุบันยังไม่มียาที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำหรับรักษาอาการผิดปกติจากการเล่นพนัน ยาบางชนิดอาจช่วยรักษาอาการที่เกิดร่วมกัน เช่น ภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวล การสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อน ๆ อาจมีความสำคัญต่อการฟื้นตัวจากโรคติดการพนัน

ผลกระทบของ ‘Casino’ ต่อเมืองและชุมชนนั้น แม้จะมีทั้งผลดีและผลเสีย แต่จะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น บริบทเฉพาะของสถานที่ กฎระเบียบที่ใช้ และวิธีดำเนินงานของ ‘Casino’ ต่อไปนี้คือประเด็นสำคัญบางประการสำหรับทั้งผลดีและผลเสีย :

ประโยชน์ของ ‘Casino’
การเติบโตทางเศรษฐกิจ :
-​การสร้างงาน: ‘Casino’ มักสร้างงานจำนวนมาก ทั้งโดยตรง (เช่น ในอุตสาหกรรมเกม การบริการ) และโดยอ้อม (เช่น ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง การบำรุงรักษา และบริการในท้องถิ่น)

-​การท่องเที่ยว: ‘Casino’ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ ช่วยส่งเสริมธุรกิจในท้องถิ่น เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และร้านค้า
-​รายได้จากภาษี: เงินทุนสาธารณะ: ‘Casino’ มีส่วนสนับสนุนรายได้จากภาษีในท้องถิ่นและของรัฐ ซึ่งสามารถนำไปใช้เพื่อบริการสาธารณะ เช่น การศึกษา โครงสร้างพื้นฐาน และการดูแลสุขภาพ

การพัฒนาเมือง :
-​การฟื้นฟู: ในบางกรณี ‘Casino’ สามารถนำไปสู่การฟื้นฟูพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา ส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นและพื้นที่สาธารณะได้รับการปรับปรุง
-​เพิ่มตัวเลือกความบันเทิง: ​‘Casino’ มักเสนอตัวเลือกความบันเทิงต่าง ๆ รวมถึงการแสดง ร้านอาหาร และสถานบันเทิงยามค่ำคืน ซึ่งช่วยเสริมวัฒนธรรมของเมือง

อันตรายจาก ‘Casino’
-​การติดการพนัน: ปัญหาทางสังคม: การเข้าถึงการพนันที่มากขึ้นอาจนำไปสู่อัตราการติดการพนันที่สูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อบุคคลและครอบครัว รวมถึงความล้มละลายทางการเงินและปัญหาสุขภาพจิต

-​อัตราการเกิดอาชญากรรม: อาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น: การศึกษาวิจัยบางกรณีชี้ให้เห็นว่า ‘Casino’ อาจนำไปสู่อัตราการเกิดอาชญากรรมที่สูงขึ้น รวมถึงการโจรกรรมและอาชญากรรมรุนแรง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการพนัน
-​การอพยพทางเศรษฐกิจ: ธุรกิจในท้องถิ่น: แม้ว่า ‘Casino’ จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวได้ แต่ก็อาจสร้างความเสียหายให้กับธุรกิจในท้องถิ่นที่ไม่สามารถแข่งขันกับทรัพยากรและการตลาดของ ‘Casino’ ได้

-​ต้นทุนทางสังคม: ความตึงเครียดในชุมชน: ต้นทุนทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับการติดการพนันและปัญหาที่เกี่ยวข้องอาจกดดันทรัพยากรของชุมชน รวมถึงการดูแลสุขภาพและบริการทางสังคม ความไม่เท่าเทียมกัน

-ผลกระทบที่ไม่สมส่วน: ผลกระทบเชิงลบของการพนันมักส่งผลกระทบต่อชุมชนที่มีรายได้น้อยอย่างไม่สมส่วน ส่งผลให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันและการแบ่งชั้นทางสังคมมากขึ้น

‘Casino’ จะมีประโยชน์หรือเป็นอันตรายต่อเมืองและชุมชนมากกว่ากันนั้น ขึ้นอยู่กับว่าผลประโยชน์ที่อาจจะได้รับการจัดการดีเพียงใด และผลกระทบเชิงลบได้รับการบรรเทาลงเพียงใด กฎระเบียบที่มีประสิทธิภาพ โปรแกรมสนับสนุนชุมชน และโครงการการพนันอย่างรับผิดชอบมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่มผลประโยชน์สูงสุด ในขณะที่ต้องลดภัยอันตรายต่าง ๆ ให้เหลือน้อยที่สุด ชุมชนแต่ละแห่งอาจได้รับผลกระทบเหล่านี้แตกต่างกันไป ดังนั้นบริบทในท้องถิ่นจึงมีความสำคัญในการประเมินผลกระทบโดยรวมของ ‘Casino’

ส่วนตัวผู้เขียน ขอน้อมฯ นำ ยึดตามพระราชดำริของล้นเกล้าฯ ในหลวงรัชกาลที่ 5 ซึ่งปรากฏในพระราชนิพนธ์ ‘ไกลบ้าน’ ด้วยทรงเห็นถึงภัยของการพนัน จึงทรงมีพระราชหัตถเลขาถึง กรมพระยาดำรงราชานุภาพ โดยมีข้อความดังนี้

“จุฬาลงกรณ์ ปร. VITA NOBEL SAN REMO ถึงกรมดำรง ฉันได้ส่งของที่รลึกมอนติกาโล คือเหรียญร้อยแฟรงก์ที่เขาสำหรับเล่นเบี้ยกัน ๓ เหรียญ หม้อมูตรลงยา ๔ หม้อ ตุ้มหู้ไข่นกการเวก ๑ คู่ มาโดยบุกโปสต ขอให้ส่งให้เจ้าสายได้เรียนตำราเล่นเบี้ยอย่างฝรั่งเข้าใจแล้ว ข้อซึ่งเข้าใจกันว่าเล่นไม่น่าสนุกนั้นไม่จริงเลย สนุกยิ่งกว่าอะไร ๆ หมด ถ้าชาวบางกอกรู้ได้ไปเล่นแล้ว ฉิบหายกันไม่เหลือ ถ้าหากว่าไปถึงเมืองเราเข้าเมื่อไร จะรอช้าแต่สักวันเดียวก็ไม่ควร ต้องห้ามทันที ถ้ารู้ถึงผู้ดีเล่นเบี้ยของเรา น่ากลัวอย่างยิ่ง จะดื่มไม่เงย แต่ฉันเปนคนไม่เล่นเบี้ยเลย ยังนึกรู้สึกสนุก ได้จดหมายเรื่องราวมาที่หญิงน้อย เมื่ออยากทราบก็ให้ขอดูเถิด สยามินทร์”

เครือข่ายหยุดพนันบุกกฤษฎีกา ยื่น 4 ข้อหนุนความเห็นกฤษฎีกาแยกกาสิโนออกจากสถานบันเทิงครบวงจร ชงควรอยู่ภายใต้ พรบ.พนัน พร้อมขอเวลาให้ภาคีรวบรวมรายชื่อประชาชนเสนอทำประชามติกาสิโนก่อน ไม่ควรรีบทำตามใบสั่งการเมือง ต้องรอบคอบเพราะผลกระทบกว้างขวา

เมื่อวานนี้ (7 ก.พ.68) เวลา 10.00 น. หน้าอาคารสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ถนนพระอาทิตย์ นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน พร้อมด้วยตัวแทนมูลนิธิเด็ก เยาวชนและครอบครัว เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง เครือข่ายนักศึกษานิติศาสตร์ และเครือชุมชนลดปัจจัยเสี่ยงกว่า 50 คน เข้ายื่นหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อแสดงจุดยืนให้ฟังเสียงประชาชน มากกว่ารับคำสั่งฝ่ายการเมือง โดยเครือข่ายได้แสดงละครล้อเลียน คณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เปรียบเสมือนพ่อครัวอย่าแต่มุ่งทำอาหารประเคนฝ่ายการเมือง โดยไม่ให้ความสำคัญกับเสียงสะท้อนความต้องการของประชาชน พร้อมชูป้ายข้อความอาทิ กฤษฎีกาต้องอิสระไม่ถูกควบคุมสั่งการจากการเมือง  รัฐบาลต้องเป็นผุ้ควบคุมไม่ใช่เปิดทางสร้างผีพนัน กาสิโนต้องอยู่ภายใต้ พรบ.พนัน เป็นต้น

​นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า ตามที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รับดำเนินการตรวจและปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อพร้อมนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในลำดับถัดไป โดยก่อนหน้านั้นเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีหนังสือแสดงความเห็นในเรื่องดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา มูลนิธิรณรงค์หยุดพนันและภาคีเครือข่าย ใคร่ขอแสดงความเห็นและข้อเสนอแนะ ดังนี้ 1. มูลนิธิรณรงค์หยุดพนันและเครือข่ายฯ เห็นด้วยกับข้อเสนอของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า กิจการสถานบันเทิงครบวงจรกับกิจการสถานเล่นพนัน ควรแยกการพิจารณาออกจากกัน เพราะกิจการหนึ่งมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่อีกกิจการหนึ่งมีวัตถุประสงค์ในการแก้ปัญหาการพนัน ด้วยแต่ละกิจการต่างมีกฎหมายเฉพาะที่ควบคุมอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องมีกฎหมายในเรื่องนั้น ๆ เพิ่มขึ้นมาอีก เพราะจะเป็นความซ้ำซ้อน และควรใช้มาตรการบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสำคัญ  

นายธนากรกล่าวอีกว่า  2. การออกกฎหมายใหม่นี้ จึงดูมีเจตนาอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้อำนาจออกใบอนุญาต และผู้ประกอบธุรกิจ ในลักษณะจอดจุดเดียวจบ หรือ one-stop service ซึ่งไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องอำนวยความสะดวกให้มากเช่นนี้ และอาจขัดกับกฎหมายเดิมเมื่อถึงคราวปฏิบัติจริง การออกกฎหมายใหม่เพื่อการนี้จึงเปรียบเสมือนการพยายาม 'สวมเสื้อตัวใหญ่' ที่จะก่อให้เกิดความรุ่มร่าม จนสุดท้ายเป็นอุปสรรคต่อผู้ใช้งานเอง 3. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 77 บัญญัติว่า “รัฐพึงมีกฎหมายเพียงเท่าที่จำเป็น” และในเมื่อสถานกาสิโนคือแหล่งเล่นพนันขนาดใหญ่ กิจการนี้ก็พึงอยู่ภายใต้กฎหมายที่มีอยู่แล้ว คือ พระราชบัญญัติการพนัน เป็นการเข้าตามตรอกออกตามประตูที่พึงกระทำ มิใช่การใช้วิธีสร้างทางลัดหรือทางลอดของตนเอง โดยใช้วิธีการออกกฎหมายพิเศษหรือกฎหมายเฉพาะ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ทำในสิ่งที่ตนอยากทำได้ ที่สำคัญยิ่งคือ รัฐพึงเป็นผู้ควบคุมการพนัน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สามารถก่อให้เกิดผลกระทบทางลบต่อภาวะเศรษฐกิจ ความปลอดภัยในชีวิต สุขภาพกายและจิต และความมั่นคงของมนุษย์ รัฐจึงไม่พึงอยู่ในฐานะผู้ส่งเสริมหรือสนับสนุนการเพิ่มแหล่งพนันด้วยนโยบายของรัฐบาลเอง เพราะรัฐเปรียบเสมือนอัศวินผู้ปราบยักษ์มาร มิใช่ผู้เปิดประตูเมืองให้ยักษ์มารย่างกรายเข้ามาอย่างสง่างามโดยการออกกฎหมายใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบธุรกิจการพนัน และหากเอกชนรายใดต้องการประกอบกิจการจำพวกนี้ ก็พีงเสนอขออนุญาตตามช่องทางของกฎหมายที่มีอยู่

“3. มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน และภาคีเครือข่ายขอเป็นกำลังใจให้คณะกรรมการกฤษฎีกายืนหยัดในความถูกต้อง โดยยึดมั่นว่า “ลูกค้าที่แท้จริงของท่านคือประชาชน” และดำรงความเป็นอิสระจากการแทรกแซงของฝ่ายการเมือง เพื่อดำรงศรัทธาและความเชื่อถือของอนุชนคนรุ่นใหม่ และประชาชนต่อการทำหน้าที่ของคณะกรรมการกฤษฎีกาสืบไป และ 4. ขอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาสนับสนุนการขอใช้สิทธิของประชาชนในการเข้าชื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรีจัดทำประชามติ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ จึงขอให้รัฐบาลเคารพสิทธิของประชาชน และให้โอกาสเครือข่ายในการดำเนินการรวรวมรายชื่ออย่างน้อย 60 วัน โดยไม่เร่งรัดจะให้ออกกฎหมายนี้โดยเร็วตามความต้องการของฝ่ายการเมือง” นายธนากร กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top