Tuesday, 22 April 2025
ผลกระทบ

‘ไทย’ โล่ง!! ผลกระทบการโจมตีอิสราเอลน้อย เชื่อ!! ไม่สะเทือน ‘ส่งออก-ท่องเที่ยว-แรงงาน’

(9 ต.ค.66) ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ประเมินผลกระทบในด้านต่างๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม หลัง ‘อิสราเอล’ และ ‘ปาเลสไตน์’ ได้เปิดฉากการโจมตีใส่กันจนเข้าสู่ภาวะสงคราม โดยระบุว่า…

ประเมินผลกระทบการโจมตีอิสราเอล

หลังจากที่ฮามาสโจมตีอิสราเอล​ และมีการตอบโต้จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก​ อีกทั้งสถานการณ์​ยังเสี่ยงรุนแรงและยืดเยื้อออกไป​ ผมมองว่าผลกระทบต่อไปมีทั้งทางตรงและทางอ้อม

โดยผลกระทบทางตรง ได้แก่
1.) การส่งออก
2.) การท่องเที่ยว
3.) รายได้แรงงาน

ผลกระทบทางตรงน่าจะจำกัด​ อิสราเอลไม่ใช่คู่ค้าหลักของไทย​ (ส่งออกเน้นสินค้าเกษตร/อาหาร)​ ไม่ใช่กลุ่ม​ท่องเที่ยวสำคัญ​ แต่ให้ระวังด้านการขนส่งทางอากาศ ที่อาจต้องเปลี่ยนเส้นทางในตะวันออกกลางจนกระทบการท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ อีกทั้งแรงงานไทยที่ไปทำงานที่อิสราเอลเพื่อส่งรายได้เข้าประเทศ​ ยังมีจำนวนมากเป็นอันดับ 2 รองจากไต้หวัน​ (ตรงนี้ต้องไปเช็กต่อที่กระทรวง​แรงงาน​กันดูครับ​ ไม่คอนเฟิร์ม) หรืออาจจะต้องขอดูจำนวนเทียบเกาหลีใต้ หรือประเทศในตะวันออกกลางอื่นๆ (และขอแสดงความเสียใจ​กับครอบครัว​แรงงานไทยที่เสียชีวิตด้วยครับ) ส่วนด้านการลงทุนก็ยังไม่มาก

โดยผลกระทบทางอ้อม
1.) ราคาน้ำมันพุ่ง
2.) เงินวิ่งสู่สินทรัพย์​ปลอดภัย​ (ดอลลาร์​สหรัฐฯ)
3.) ราคาทองคำขึ้น

ผมยังมองว่าผลทางอ้อมไม่น่ารุนแรง​ อิสราเอล​ไม่ใช่ผู้ผลิตน้ำมัน​ อีกทั้งประเทศรอบข้าง​อย่างจอร์แดน​ก็ไม่ได้มีน้ำมันมาก​นัก น่าจะห่วงการขยายวงกว้างไป​อิหร่านหรือซาอุดีอาระเบีย​มากกว่า​ (ตอนนี้ยังไม่มีท่าทีไปไกล)​ หรือจะกระทบการขนส่งน้ำมันดิบผ่านทะเล​เมดิเตอร์เรเนียน​ไปยุโรป​ แต่ก็ทำได้หลายช่องทาง​ (ระวังกระทบการขนส่งสินค้าทางเรือผ่านช่องแคบเช่นคลอง​ Suez และ​ Supply Chain Disruption กลุ่ม​ยานยนต์​ อิเล็กทรอนิกส์)

ผมจึงมองว่าราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นไม่น่าไปไกล​ เว้นแต่ประเทศอื่นเข้าร่วมสงครามนี้​ ส่วนพอน้ำมันพุ่ง​ ทองก็ขึ้นตาม​ ดอลลาร์​สหรัฐฯ ​กลับมาแข็ง เพราะเป็น​ Safe Haven

ที่ผมกังวลต่อตลาดทุน น่าจะมาจากบอนด์ยิลด์​พันธบัตร​รัฐบาลสหรัฐ​ฯ ที่ยังขึ้น​จนเกิดการเทขายสินทรัพย์​เสี่ยง​ บาทเลยอ่อนได้อีก​ และที่ยิลด์ขึ้นน่าจะมาจากข่าวเมื่อวันศุกร์ (6 ต.ค.) ที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาค​เกษตร​ของ​สหรัฐฯ ยังเพิ่ม​ แม้อัตราว่างงานจะคงที่​ 3.8% และอัตราเพิ่มของค่าจ้างจะเริ่มชะลอที่​ +0.2% จากเดือนก่อน​

แต่ยังห่วงว่า ‘เฟด’ อาจขึ้นดอกเบี้ยได้อีกในต้นเดือนพฤศจิ​กายนนี้​ CME​ Fedwatch มองโอกาสขึ้นเพิ่มไปมากกว่า​ 20%แล้ว​ และหากราคาน้ำมันเพิ่มยาว​ ความเสี่ยงเงินเฟ้อสูงก็มี

สรุป​ ผมห่วงปัญหาสงครามในอิสราเอล​จะยืดเยื้อ และลามไปกระทบประเทศอื่นในตะวันออกกลาง​ ที่จะทำให้ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจนไทยขาดดุลการค้า​ ตลาดการเงินเสียเสถียรภาพ​ บาทอ่อน​ ห่วงการคุมราคาน้ำมันยิ่งทำให้รัฐบาลขาดทุนในกองทุนน้ำมัน​ หนี้เพิ่มไปอีก​ น่าหาทางใช้พลังงาน​ให้มีประสิทธิภาพ​ และอุดหนุนเฉพาะที่จำเป็น​ ผมยังเชื่อว่าสงครามจะจบในไม่ช้า​ แต่ก็ไม่มีใครรู้​ อย่าง ‘สงครามรัสเซีย-ยูเครน’ ที่ลากมาเป็นปีก็ยังทำได้​ เราคงต้องหาทางลดผลกระทบกันดูครับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top