Thursday, 24 April 2025
ผบ.ตร.

ผบ.ตร.ขอบคุณตำรวจทั่วประเทศ ร่วมภารกิจดูแลความปลอดภัย รักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง สำเร็จ ลุล่วงด้วยดีขอบคุณตำรวจทั่วประเทศ ร่วมภารกิจดูแลความปลอดภัย รักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง สำเร็จ ลุล่วงด้วยดี

วันนี้ (17 พฤษภาคม 2566) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีวิทยุในราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด่วนที่สุด ถึง รอง ผบ.ตร. – ผู้บังคับการ หรือตำแหน่งเทียบเท่าทั่วประเทศ ขอบคุณข้าราชการตำรวจทุกนายทั่วประเทศที่ร่วมปฏิบัติในภารกิจรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการทั่วไป พ.ศ.2566 ใจความว่า

“ภารกิจตามแผนรักษาความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง ตร. หรือ พิทักษ์เลือกตั้ง / 66 ที่ปฏิบัติมาตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2566 นั้น เนื่องจากภารกิจรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง ส.ส. เสร็จสิ้น และเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บรรลุวัตถุประสงค์ ในนามผู้บังคับบัญชาของ ตร. ซึ่งเป็นหน่วยรับผิดชอบหลักตามแผนฯ จึงขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงานทุกนาย และทุกหน่วยที่ร่วมปฏิบัติ ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจ ทุ่มเท และเสียสละ ในภารกิจด้านการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย การจัดการจราจร และให้การสนับสนุน กกต. ตลอดจนภารกิจที่เกี่ยวข้องด้านต่าง ๆ ถือได้ว่าเจ้าหน้าที่ทุกนาย เป็นส่วนหนึ่งในการปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ให้มีความสำเร็จ ลุล่วงไปได้ด้วยดี ตามวิถีทางครรลองของระบอบประชาธิปไตยและกฎหมาย” 
***************

ผบ.ตร. นั่งหัวโต๊ะประชุมบริหาร ตร.ครั้งที่ 5/66 มอบรางวัลหน่วยที่ผลงานกวาดล้างอาชญากรรม และลดอุบัติเหตุเข้าเป้า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 พร้อมกล่าวขอบคุณกำลังพลที่ช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ผ่านมา

วันที่ 19 พ.ค.66 เวลา 09.00 น. ที่ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เป็นประธานการประชุมบริหาร ตร. ครั้งที่ 5/2566 โดยก่อนเริ่มการประชุมมีพิธีมอบรางวัลให้แก่หน่วยงานที่มีผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมดีเด่นช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2566 และหน่วยงานที่ที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ตามมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2566  ดังนี้

หน่วยงานที่มีผลการะดมกวาดล้างอาชญากรรมดีเด่น มอบรางวัล 2 ประเภท 6 รางวัล
1.ประเภทหน่วยงานที่มีผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมดีเด่น
   1.1 การปราบปรามอาชญากรรมทั่วไป ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล
   1.2 การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้แก่ ตำรวจภูธรภาค 5
     1.3 การจับกุมบุคคลตามหมายจับ ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล
2.ประเภทรางวัลผลจับกุมอาวุธปืน 
  อันดับ 1 ตำรวจภูธรภาค 4  
  อันดับ 2 ตำรวจภูธรภาค 5 
  และอันดับ 3 ตำรวจภูธรภาค 2 

2.หน่วยงานที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ตามมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ มอบรางวัล 5 ประเภท 26 รางวัล
  2.1 ประเภทหน่วยที่มีผลงานดีเด่นด้านป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน 
ระดับกองบัญชาการ 
  อันดับ 1 ตำรวจภูธรภาค 3 
  อันดับ 2  ตำรวจภูธรภาค 4 
  และอันดับ 3  ตำรวจภูธรภาค 9

ระดับตำรวจภูธรจังหวัด 
  อันดับ 1 ได้แก่ ตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี 
  อันดับ 2 ได้แก่ ตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์  
  และอันดับ 3 ได้แก่ ตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ

  2.2 ประเภทการบังคับใช้กฎหมายข้อหาขับขี่รถในขณะเมาสุรา
ระดับกองบัญชาการ 
  อันดับ 1 ตำรวจภูธรภาค 8  
  อันดับ 2  ตำรวจภูธรภาค 7 
  และอันดับ 3 ตำรวจภูธรภาค 5

ระดับตำรวจภูธรจังหวัด
  อันดับ 1 ตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี 
  อันดับ 2 ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร 
  และอันดับ 3 ตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ

  2.3 ประเภทการจับกุมข้อหาขับรถในขณะเมาสุรามากที่สุด
ระดับกองบัญชาการ
  อันดับ 1 ตำรวจภูธรภาค 3  
  อันดับ 2 ตำรวจภูธรภาค 4 
  และอันดับ 3 ตำรวจภูธรภาค 5 

ระดับตำรวจภูธรจังหวัด
  อันดับ 1 ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา  
  อันดับ 2 ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ 
  และอันดับ 3 ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี

  2.4 ประเภทการบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก(ยกเว้นข้อหาขับขี่รถในขณะเมาสุรา)
ระดับกองบัญชาการ
  อันดับ 1 ตำรวจภูธรภาค 7  
  อันดับ 2 ตำรวจภูธรภาค 9 
  และอันดับ 3 ตำรวจภูธรภาค 2 

ระดับตำรวจภูธรจังหวัด
  อันดับ 1 ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม  
  อันดับ 2 ตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท 
  และอันดับ 3 ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสงคราม

  2.5 ประเภทที่ไม่มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ได้แก่ ตำรวจภูธรจังหวัดพังงา และตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง

ผบ.ตร.สั่งจับ 2 คนร้ายแกงค์ทวงหนี้นอกระบบบุกทำลายร้านค้าลูกหนี้

ผบ.ตร.สั่งจับ 2 คนร้ายแก็งทวงหนี้นอกระบบบุกทำลายร้านค้าลูกหนี้ หลังไม่พอใจที่ไปลงทะเบียนไกล่เกลี่ย เตรียมขยายผลจับนายทุน ผู้ร่วมทำผิดรายอื่น ย้ำรับไม่ได้แก๊งทวงหนี้ไม่เกรงกลัวกฎหมาย พร้อมย้ำทุกหน่วยทั่วประเทศเข้มงวดขานรับนโยบายรัฐบาล บูรณาการทุกภาคส่วนแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ 

วันนี้ (7 ธ.ค.66) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เปิดเผยถึงการแก้ไขปัญหาหนี้ระบบตามนโยบายรัฐบาลว่า  ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประกาศ “การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ” เป็นวาระแห่งชาติ ให้บูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วนขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างจริงจัง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยร่วมกับตำรวจ เปิดระบบลงทะเบียนรับความช่วยเหลือแก้ไขหนี้นอกระบบ ซึ่งที่ผ่านมามีประชาชนทั้งลูกหนี้เจ้าหนี้มาลงทะเบียนจำนวนมาก เป็นไปในทิศทางที่ดี 

แต่มีบางราย ตามที่ปรากฎข่าวในสื่อสังคมออนไลน์  “ลูกหนี้ผวาถูกแก๊งเงินกู้นอกระบบบุกพังร้านกลางดึกหลังลงทะเบียนแก้หนี้” เหตุเกิดที่ร้านส้มตำครกแตก ต.แพรกศรีราชา  อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ของเช้ามืดวันที่ 6 ธ.ค. 2566 เวลาประมาณ 04.30 น. พื้นที่ สภ.สรรคบุรี หลังเกิดเหตุ ผบ.ตร.ได้สั่งการไปยัง พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 ให้จัดชุดสืบสวนลงตรวจสอบจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ ตำรวจได้สืบสวนจนพบว่าสาเหตุเกิดจาก น.ส.ปิยธิดา ได้กู้ยืมเงินจาก นายธีระศักดิ์ หรือ แมว จำนวน 30,000 บาท โดย นายธีระศักดิ์ คิดอกเบี้ยแบบลอย คือชำระดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ จนกว่าจะนำเงินต้นทั้งหมดมาคืน ซึ่ง น.ส.ปิยธิดา ต้องชำระดอกเบี้ยเป็นเงินจำนวนวันละ 850 บาท ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และได้ชำระมาแล้ว 18 วัน ต่อมา น.ส.ปิยธิดา ได้ไปยื่นคำร้องเพื่อขอไกล่เกลี่ยที่อำเภอสรรคบุรี จนเจ้าหนี้ไม่พอใจ ทำให้นายไตรภพ หรือ อ้น   และนายนิรุต หรือ แน็ต ได้มาที่ร้านและทำลายทรัพย์สินภายในร้านได้รับความเสียหาย  ตำรวจ สภ.สรรคบุรี จึงได้รวบรวมหลักฐานออกหมายจับและติดตามจับกุมทั้ง 2 ราย ในผิดฐาน “ร่วมกันบุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืน , ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีและใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำความผิด และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์” ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าผู้ต้องหาทั้งสองรายได้มาเก็บดอกเบี้ยเงินกู้จริง  

ผบ.ตร.ได้สั่งการขยายผลไปยัง นายธีระศักดิ์ เป็นนายทุนเงินกู้ รวมทั้งผู้ร่วมกระทำผิดรายอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ ตร.รับไม่ได้ คนร้ายไม่เกรงกลัวกฎหมาย และกำชับไปยังทุกหน่วยทั่วประเทศ ให้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง หากพบใครฝ่าฝืนกฎหมายให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดและจริงจัง

ผบ.ตร.ส่งซานตาคลอส ตำรวจปากช่อง ขนผ้าห่มเป็นของขวัญ มอบไออุ่นให้น้องคลายหนาว เขาใหญ่ มอบความห่วงใยสุขภาพเด็กช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง 

วันที่ 25 ธันวาคม 2566 เวลา 10.00 น. ที่โรงเรียนบ้านหนองอีเหลอ ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จัดกิจกรรมไออุ่นคลายหนาวให้เด็กนักเรียน เนื่องในวันคริสต์มาส โดยมี พ.ต.อ.วีระพล ระเบียบโพธิ์ ผกก.สภ.ปากช่อง เป็นตัวแทน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ จิตอาสา 904 ตำรวจทางหลวงนครราชสีมา ตำรวจปากช่อง ชมรมฮักเขาใหญ่ นำผ้าห่ม จำนวน 100 ผืน ขนม เดินทางไปมอบให้กับเด็กนักเรียน โรงเรียนบ้านหนองเหลอ เนื่องในวันคริสต์มาส

ขณะในช่วงนี้ พื้นที่มีอากาศหนาวเย็น อุณภูมิลดลงเหลือ 12-13 องศา ประกอบกับอยู่ในพื้นที่ธุระกันดาร ผู้ปกครอง และครอบครัวเด็กนักเรียนมีฐานะยากจน เดือดร้อนกับสภาวะหนาวเย็น 

สำหรับโรงเรียนดังกล่าว มีนักเรียน 100 คน และคุณครูอีก 10 คน ชาวบ้านในพื้นที่ส่วนมากจะมีอาชีพเกษตรกรทำไร่มัน และไร่อ้อย รวมถึงรับจ้างทั่วไป รายได้ในครอบครัวจะน้อย ในช่วงฤดูหนาวอากาศจะหนาว และเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา 

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ให้ทีมงานตำรวจจิตอาสาลงสำรวจพื้นที่ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงฤดูหนาว พร้อมสนับสนุนผ้าห่ม เสื้อกันหนาว ยารักษาโรค เป็นการแสวงหาความร่วมมือของทุกภาคส่วน เพื่อทำงานร่วมกัน

“ผบ.ตร.” ชื่นชม 4 ตำรวจหญิง “พนักงานสอบสวนหญิง – ครู ตชด.” รับรางวัลสตรีดีเด่น ผลงานยอดเยี่ยม ควรค่าแก่การยกย่อง พร้อมส่งกำลังใจ ขอบคุณตำรวจหญิงทุกสายงาน เป็นกำลังสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมดูแลพิทักษ์รับใช้ประชาชน

วันนี้ (8 มี.ค.67) พ.ต.อ.หญิง ฉันฉาย รัตนพานิช รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผบ.ตร. ) แสดงความชื่นชมและยินดีกับตำรวจหญิง 4 นาย ที่มีผลการปฏิบัติงาน และความประพฤติยอดเยี่ยมเป็นตำรวจหญิงที่ได้หน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ อำนวยความยุติธรรม บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ ควรแก่การยกย่อง ได้รับรางวัลสตรีดีเด่น เนื่องใน “วันสตรีสากล ประจำปี 2567”  ซึ่งตรงกับวันที่ 8 มีนาคม และในโอกาสนี้ขอแสดงความยินดีกับสตรีดีเด่นในสาขาอาชีพอื่น ๆ ด้วย

รอง โฆษก ตร. กล่าวว่า วันสตรีสากล ประจำปี 2567 มีตำรวจหญิงที่ได้รับยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นสตรีดีเด่น 4 นาย จาก 2 ด้าน คือ สตรีดีเด่นด้านการส่งเสริมความมั่นคงของประเทศ  คือ ด.ต.หญิง จุฑาภรณ์ เคียนเขา ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 41 ปฏิบัติหน้าที่ครูผู้สอนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านยางโพรง อ.ไชยา จว.สุราษฎร์ธานี และ สตรีดีเด่นด้านพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น มีพนักงานสอบสวนหญิงได้รับรางวัล 3 นาย ประกอบด้วย
ร.ต.ท.หญิง ภัทรนันท์ คำปวน รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ จว.เชียงใหม่ ได้รับรางวัลพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น ระดับรองสารวัตร ด้านคดีอาญาทั่วไป  
ร.ต.อ.หญิง เพชรรพี พิมพ์พัฒน์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองเลย จว.เลย ได้รับรางวัลพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น ระดับรองสารวัตร ด้านการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนแก่เด็กหรือสตรี 
และ พ.ต.ท.หญิง เพชรรัตน์ เลิศวานิช สารวัตร (สอบสวน) สภ.บางปลาม้า จว.สุพรรณบุรี ได้รับรางวัลพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น ระดับสารวัตรขึ้นไป

“ผบ.ตร. ชื่นชมตำรวจหญิงทั้ง 4 นาย และขอบคุณความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่มาโดยตลอด มีความมุมานะ อุทิศตนในการปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความเสียสละ เสมอต้น เสมอปลาย มีความรับผิดชอบ รวมถึงเป็นผู้ที่มีจิตสาธารณะ จนเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม”  รอง โฆษก ตร. กล่าว

พ.ต.อ.หญิง ฉันฉายฯ กล่าวด้วยว่า ผบ.ตร.ได้เล็งเห็นความสำคัญของผู้หญิงในทุกสาขาอาชีพ โดยเฉพาะตำรวจหญิง ซึ่งเป็นกำลังพลที่มีความสำคัญ เป็นหนึ่งฟันเฟืองหลักขับเคลื่อนภารกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดูแลสังคมและพี่น้องประชาชน ซึ่งตำรวจหญิงมีบทบาทในหลายสายงานทั้งในฝ่ายปฏิบัติการ ฝ่ายอำนวยการ ฝ่ายสนับสนุน อาทิ พนักงานสอบสวนหญิง, ครู ตชด., นักวิทยาศาสตร์, ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน, ตำรวจจราจร, หน่วยแพทย์ พยาบาล, สันติบาล รวมถึงหน่วยปฏิบัติการพิเศษ

“เนื่องในวันสตรีสากล ผบ.ตร.ส่งกำลังใจ และแสดงความชื่นชม ไปยังข้าราชการตำรวจหญิงทุกนายในทุกสังกัดทั่วประเทศ ที่ร่วมแรงร่วมใจกันปฏิบัติหน้าที่ และขอให้ร่วมกันเป็นกำลังสำคัญในการปฏิบัติงานในหน้าที่ตำรวจ เพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชน ด้วยความสำนึกรับผิดชอบต่อหน้าที่ต่อไป”  รอง โฆษก ตร. กล่าว

ด้าน พ.ต.ท.หญิง เพชรรัตน์ฯ กล่าวว่า ภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัล ปัจจุบันรูปแบบอาชญากรรมเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนจึงจำเป็นต้องศึกษาหาความรู้ พัฒนาศักยภาพของตนเองตลอดเวลาเพื่อให้รู้เท่าทันกับความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ทำให้ประชาชนที่มาติดต่อราชการ มีความเชื่อมั่น ศรัทธา และรู้สึกปลอดภัย ทำงานให้สมกับคำว่า เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

ขณะที่ ร.ต.อ.หญิง เพชรรพีฯ กล่าวว่า ปัจจุบันคดีที่ผู้เสียหาย ผู้ต้องหาเป็นเด็กและสตรีมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น พนักงานสอบสวนเป็นต้นธารของกระบวนการยุติธรรม พนักงานสอบสวนหญิงจึงมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการให้ความคุ้มครองสิทธิมนุษยชนแก่เด็กหรือสตรี การสอบสวนปากคำผู้เสียหายหรือผู้ต้องหา โดยเฉพาะคดีความผิดเกี่ยวกับเพศ รวมทั้งการเผยแพร่ข้อมูลเพื่อป้องกันอาชญากรรมต่าง ๆ ให้แก่ประชาชน แม้ว่าจะเป็นพนักงานสอบสวนหญิง แต่ก็ไม่เคยย่อท้อ ต่อความยากลำบาก ยึดมั่นในความถูกต้อง ให้ความเป็นธรรมกับประชาชนทุกฝ่ายด้วยความเที่ยงธรรม ปราศจากอคติ และไม่เลือกปฏิบัติโดยการใช้ความรู้สึกหรือความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือเหตุผลของความแตกต่าง ไม่เอาประโยชน์ส่วนตนมาทำให้ประโยชน์ส่วนรวมต้องเสียไป

ด้าน ร.ต.ท.หญิง ภัทรนันท์ฯ กล่าวว่า ความเป็นผู้หญิงพื้นฐานแล้วจะมีความสุภาพ อ่อนโยนอยู่ในตัวเอง แต่ก็มีความเข้มแข็งรวมอยู่ด้วย ซึ่งบางครั้งในการปฏิบัติงานการใช้ความสุภาพ อ่อนโยนต่อประชาชนก็มักจะได้รับความร่วมมือที่ดีจากประชาชนกลับมา พนักงานสอบสวนจะต้องแสวงหาพยานหลักฐานทั้งปวงเพื่อพิสูจน์ทั้งความบริสุทธิ์ และความผิดของผู้ต้องหา และยังต้องช่วยเหลือผู้เสียหายที่เสียหายจากการกระทำของผู้ต้องหาด้วย ความซื่อตรงจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการทำงาน เพราะหากเราเอนเอียงไปฝั่งใดฝั่งหนึ่งแล้ว ย่อมจะทำให้มีฝ่ายหนึ่งที่เสียหาย ตนจึงยึดมั่นในความถูกต้องเป็นหลักในการทำงาน เพื่อจะทำให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรมมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ขณะที่ ด.ต.หญิง จุฑาภรณ์ฯ กล่าวว่า ตนเข้ามาเป็นตำรวจหญิง ทำหน้าที่ ครู ตชด. ในโครงการครุทายาท ของ ตชด. เพื่อให้กลับมาพัฒนาบ้านเกิด ตั้งปฏิญาณกับตัวเองไว้แล้วว่าจะกลับมาพัฒนาทั้งด้านการศึกษา ความเป็นอยู่ อาชีพ ความมั่นคงต่าง  ๆ เท่าที่จะทำได้ ได้ดูแลทุกข์สุขของลูกศิษย์ ได้ทำหน้าที่ตำรวจรับใช้ประชาชนให้การช่วยเหลือยามที่ประชาชนเดือดร้อน เช่น การลักเล็กขโมยน้อย การช่วยเหลือประชาชนเจ็บท้องคลอด อุบัติเหตุ เพราะเป็นพื้นที่ห่างไกลจากโรงพักและโรงพยาบาล  ต้องขอขอบพระคุณพ่อแม่ที่สอนให้จักช่วยเหลือคนอื่นช่วยเหลือสังคมมาตั้งแต่เด็กๆ ขอบคุณโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนคุณครูทุกท่านที่บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์คนนี้ให้เป็นคนดี ขอขอบพระคุณผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นที่ให้โอกาส

ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามเหตุระเบิดหน้าแฟลตที่พักข้าราชการตำรวจ สภ.บันนังสตา จ.ยะลา และเยี่ยมให้กำลังใจตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ กำชับดูแลอย่างเต็มที่ 

วันนี้ (1 กรกฎาคม 2567) เวลา 14.30 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และพล.ต.ต.วรวิทย์ ญาณจินดา ผบก.สปพ. ลงพื้นที่ประชุมติดตามสถานการณ์เหตุระเบิดหน้าแฟลตที่พักข้าราชการตำรวจ  สภ.บันนังสตา จ.ยะลา โดยมี พล.ท.ศานติ ศกุลตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 , พล.ต.ท.ปิยวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 , พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี และ พล.ต.ต.นิตินัย หลังยาหน่าย รอง ผบช.ภ.9 , พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยศิริ รอง ผบช.ตชด/รอง ผบ.ศปก.ตร.สน. , พล.ต.ต.เสกสันต์ ชูรังสฤษฏิ์ ผบก.ภ.จว.ยะลา , พล.ต.ต.ชุมพล ศรีสุรีย์มงคล ผบก.สส.จชต , พล.ต.ต.วิชชุโชติ ขวัญใจธัญญา ผบก.ศพฐ.10  , พล.ต.นิติ ติณสูลานนท์ ผบ.ฉก.ยะลา , พ.อ.สุริยา ผาสุข ผบ.ฉพ.ทพ.33 , นายเชาวลิต สิทธิฤทธิ์ นายอำเภอบังนังสตา ร่วมประชุม ณ ห้องประชุม สภ.บันนังสตา

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 67 เวลาประมาณ 10.24 น. เกิดเหตุระเบิดขึ้นบริเวณหน้าแฟลตตำรวจ สภ.บันนังสตา หมู่ 2 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา จากการตรวจที่เกิดเหตุโดยรอบ พบแฟลตของข้าราชการตำรวจ ซึ่งเป็นอาคาร 4 ชั้น ได้รับความเสียหาย ใกล้กันบริเวณบ้านพักห้องแถวซึ่งเป็นอาคาร 2 ชั้น ตั้งอยู่ด้านหลัง สภ.บันนังสตา ได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดจำนวนหลายหลัง และมีรถยนต์ของข้าราชการตำรวจ สภ.บันนังสตา ซึ่งได้จอดไว้บริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ ได้รับความเสียหายหลายคัน จากเหตุดังกล่าวพบผู้เสียชีวิต 1 ราย และข้าราชการตำรวจ สภ.บันนังสตา ได้รับบาดเจ็บ 25 ราย ประชาชนได้รับบาดเจ็บ 4 คน รวม 29 คน ซึ่งผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ 29 คน ถูกนำตัวส่งทำการรักษาที่โรงพยาบาลโรงพยาบาลยะลาสิริรัตนรักษ์ จำนวน 12 คน เป็นข้าราชการตำรวจ 11 คน และประชาชน 1 คน และโรงพยาบาลบันนังสตา เป็นประชาชนจำนวน 3 คน แพทย์ทำการรักษาและสามารถกลับบ้านได้แล้ว จำนวน 14 คน ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์ พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้เยี่ยมติดตามอาการกำลังพลและประชาชนผู้ได้รับบาดเจ็บ พร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

พล.ต.ท.สำราญฯ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี รอง ผบช.ภ.9 ประเมินทบทวนการปฏิบัติที่ผ่านมา ว่าเป็นไปตามแผนป้องกันเหตุที่วางไว้หรือไม่ 

ด้าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ฯ กล่าวว่า วันนี้มาติดตามสถานการณ์และเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้ข้าราชการตำรวจในพื้นที่ ซึ่งสิ่งที่ต้องเดินหน้าต่อไปคือการระวังป้องกัน โดยต้องประเมินการปฏิบัติให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้เพื่อป้องกันเหตุในพื้นที่พิเศษให้รอบคอบมากขึ้น ซึ่งต้องทำงานร่วมกันทุกหน่วย ต้องทำให้ประชาชนและข้าราชการทุกหมู่เหล่ามีความปลอดภัย ในส่วนของคดีขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก และพอทราบตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งสืบสวนสอบสวนเพื่อติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุทั้งหมดมาดำเนินคดี

นอกจากนี้ ผบ.ตร.กำชับและให้แนวทางการการปฏิบัติกับข้าราชการตำรวจในพื้นที่ ให้ปกป้อง เทิดทูน และพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข , กำชับให้ผู้บังคับบัญชาดูแลสวัสดิการและความเป็นอยู่ ตลอดจนสิทธิ์ต่างๆอันพึงมีพึงได้กับข้าราชการตำรวจและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว รวมทั้งดูแลความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พร้อมชมเชยข้าราชการตำรวจ สภ.บันนังสตา ทุกนาย ที่มีความตั้งใจและทุ่มเทในการปฎิบัติหน้าที่เป็นอย่างดี และขอให้รักษามาตรฐานไว้เพื่อเป็นข้าราชการตำรวจที่ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา

จากนั้น ผบ.ตร.และคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมข้าราชการตำรวจและประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุดังกล่าว ที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลยะลาสิริรัตนรักษ์ จำนวน 12 คน เป็นข้าราชการตำรวจ 11 คน และประชาชน 1 คน โดย ผบ.ตร.ได้มอบกระเช้าและเงินช่วยเหลือ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจด้วย

ผบ.ตร. ส่งตำรวจรุดช่วยผู้ประสบเหตุเพลิงไหม้ชุมชนตรอกโพธิ์ เยาวราช กำชับดูแลความปลอดภัยจุดพักพิง เพิ่มพนักงานสอบสวนอำนวยความสะดวกคดี พร้อมส่ง พฐ.ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ย้ำให้ตำรวจดูแลความปลอดภัย ช่วยเหลือประชาชนทุกมิติ

จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ภายในชุมชนตรอกโพธิ์ ถนนเยาวราช แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร เมื่อช่วงกลางคืน (6 ก.ค.67) ที่ผ่านมานั้น

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการให้ตำรวจนครบาลบูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิง เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร และทุกภาคส่วนเร่งเข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนตั้งแต่เมื่อคืนผ่านมา จนสามารถควบคุมเหตุการณ์ได้ นอกจากนี้ ผบ.ตร.ยังได้กำชับให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ดูแลอำนวยความสะดวกช่วยเหลือประชาชนในทุกมิติ จัดพนักงานสอบสวนไปช่วยเหลือสอบสวนปากคำพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเสียหาย ให้เกิดความสะดวกทางคดี และให้กองพิสูจน์หลักฐานเร่งลงพื้นที่ตรวจสอบหาสาเหตุต่อไป พร้อมตรวจดูเรื่องความปลอดภัยของอาคาร ความเสียหายที่เกิดขึ้นร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ในส่วนของการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้ประสบภัย เบื้องต้นพบว่าประชาชนที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนจากเพลิงไหม้มาลงทะเบียนผู้ประสบภัยกับเขตสัมพันธวงศ์ จำนวน 264 คน มีการจัดจุดพักพิงสำหรับผู้ประสบภัย จำนวน 4 จุด ได้แก่ 1. วัดสัมพันธวงศ์ 2. วัดชัยชนะสงคราม 3. วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร และ 4. ห้องประชุมโรงเรียนวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร 

ผบ.ตร.ได้กำชับตำรวจจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจดูแลเรื่องความปลอดภัย และช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่จราจรดูแลการจราจรรอบพื้นที่เกิดเหตุ จุดพักพิงต่างๆ ให้แก่พี่น้องประชาชนที่ประสบภัย

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยต้องการสอบถามข้อมูลหรือขอความช่วยเหลือเพิ่มเติม ติดต่อที่หมายเลข 1599 หรือ 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ผบ.ตร.กำชับคดี “THE iCON GROUP” เร่งรวบรวมหลักฐานทุกมิติ ประสาน ปปง.ตรวจสอบทรัพย์สิน ความคืบหน้ามีผู้เสียหาย 630 ราย ความเสียหายพุ่งกว่า 228 ล้านบาท เตรียมตรวจค้นบริษัทหาหลักฐานเพิ่มเติม แนะผู้เสียหายให้เข้ามาแจ้งความเพิ่มท้องที่ใดก็ได้ทั่วประเทศ

เมื่อวันที่ (13 ต.ค. 67) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดี THE iCON GROUP (ดิไอคอนกรุ๊ป) บริษัทธุรกิจออนไลน์และผลิตภัณฑ์อาหารหารเสริมสุขภาพ ว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่มีการเปิดศูนย์รับแจ้งเหตุที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ห้วงวันที่ 10-12 ตุลาคม 2567 มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว 630 ราย ความเสียหายกว่า 228 ล้านบาท โดยทางคดีมอบหมายให้ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กำกับดูแล มี พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก ดูแลการสืบสวน พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก ดูแลการสอบสวน และ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. เป็นผู้รับผิดชอบหลัก

ความคืบหน้าทางคดี เมื่อวานนี้ ตำรวจสอบสวนกลางได้เข้าตรวจค้นบริษัท THE iCON GROUP 9 แห่ง ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตรวจยึดเอกสารหลักฐานสำคัญมาตรวจสอบจำนวนมาก ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเนื้อหาทางคดี มีการสอบสวนปากคำ นายวรัตน์พล ฯ หรือ บอสพอล และสอบปากดารานักแสดง  4 ราย ได้แก่ นายยุรนันท์ ฯ หรือแซม , น.ส.พีชญา ฯ หรือ มิน , นายฐานนท์ ฯ หรือ หมอเอก , และ นายกลด ฯ หรือ ปีเตอร์ และสอบสวนปากคำกลุ่มแม่ข่ายไปแล้ว 8 ปาก แต่ยังไม่แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ใด ส่วนนายกันต์ ฯ ดารานักแสดงอีกราย จะมีการสอบสวนปากคำในวันนี้ อีกทั้งช่วงบ่ายตำรวจสอบสวนกลางจะลงตรวจสอบข้อมูลบริษัทเพิ่มเติม เพื่อหาพยานหลักฐานประกอบสำนวนคดี

ส่วนกระแสข่าวที่มีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น ได้สั่งการให้ทำการตรวจสอบทุกมิติ หากพบว่าเป็นความผิดก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย รวมถึงการดำเนินการทั้งทางวินัยควบคู่กันไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบจะต้องมีความเป็นธรรม หากเป็นความผิดชัดเจนก็ต้องดำเนินการ ไม่มีความแตกต่างจากรายอื่น แต่หากข้าราชการตำรวจรายดังกล่าวเป็นเหมือนผู้เสียหายที่อยู่ในห่วงโซ่ของวงจรนี้  ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับตำรวจด้วย เพราะอาจจะมีโค้ชหลายคนที่เข้าร่วมแต่ไม่ได้มีเจตนาในการกระทำผิด หรือรับรู้ในการกระทำผิดหรือหลอกลวง จึงต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

นอกจากนี้ ผบ.ตร. กล่าวว่า พอใจในภาพรวมของการทำงาน เพียง 2-3 วัน หลังจากที่ตั้งศูนย์รับแจ้งความที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ระดมพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจมาทำคดีนี้ เพื่อให้สังคมเชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจ และคดีมีความคืบหน้าไปมาก ได้กำชับการบูรณาการร่วมหน่วยงานเกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. , กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ , สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. โดยเฉพาะมิติของการตรวจสอบและยึดอายัดทรัพย์สิน ต้องประสานและทำงานกับ ปปง.อย่างใกล้ชิด

พร้อมกันนี้ ยังได้ย้ำเรื่องการอำนวยความสะดวกทางคดีกับผู้เสียหาย ซึ่งทาง พล.ต.ท.อัคราเดช ฯ ได้มีวิทยุสั่งการลงไปแล้ว ให้ตำรวจทั่วประเทศรับแจ้งความจากผู้เสียหาย ไม่ว่าจะแจ้งความที่ใด ขอประชาสัมพันธ์ถึงผู้เสียหายว่า หากท่านได้รับความเสียหาย ขอให้มาแจ้งความเพิ่มเติม โดยสามารถแจ้งความได้ 3 ช่องทาง ได้แก่
1. เดินทางเข้ามาแจ้งด้วยตัวเองได้ที่ “ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ ปคบ.” ชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
2. แจ้งความที่สถานีตำรวจใดก็ได้
3. แจ้งความผ่านระบบออนไลน์ ทางเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th

ขอยืนยันว่า ตำรวจจะบูรณาการร่วมหน่วยงานเกี่ยวข้อง ตามสั่งการของรัฐบาลที่ได้สั่งการให้ตำรวจติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการแก้ไขปัญหาให้กับคดีความต่างๆ และทำคดีแบบตรงไปตรงมา ตามพยานหลักฐาน หากเกี่ยวข้องกับใครจะดำเนินการโดยเด็ดขาด ขอเวลาตำรวจทำงาน คาดอีกไม่นานจะสรุปผลคดีได้แน่นอน

ผบ.ตร.ประชุมร่วมทุกหน่วยขันน๊อตแก้ปัญหาจริงจัง เน้นปัญหาคนต่างชาติถูกหลอกลวงใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน กำชับตำรวจพื้นที่ชายแดนแม่สอด จ.ตาก มีมาตรการแก้ปัญหาให้เห็นผลชัดเจนภายใน 7 วัน 

พร้อมคาดโทษตำรวจทุกหน่วยที่ปล่อยปะละเลย หรือเข้าไปยุ่งเกี่ยว ต้องถูกดำเนินการอย่างเด็ดขาด

(20 ม.ค. 68) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมแก้ปัญหาคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และคนต่างด้าวตั้งกลุ่มแก๊งกระทำความผิดหรือประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย และอาชญากรรมข้ามชาติ โดยมี พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. , ผู้ช่วย ผบ.ตร. และผู้แทนหน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ ห้องศรียานนท์ อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผ่านการประชุมระบบทางไกลผ่านจอภาพ

ตามนโยบายรัฐบายที่จะเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรม อาชญากรรมออนไลน์ และอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย ผบ.ตร.ขานรับนโยบายนำมาสู่การปฏิบัติ ซึ่งได้กำหนดนโยบายการปฏิบัติงานในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน และเป็นภัยคุกคามต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ และป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และกลุ่มชาวชาวต่างชาติที่ประกอบธุรกิจโดยใช้นอมินี แรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองหรือทำงานโดยผิดกฎหมาย

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากกรณีดังกล่าว ก่อให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและส่งผลต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว และการรักษาความปลอดภัยของประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับกรณีดังกล่าว จึงขอให้ทุกหน่วยเร่งรัดดำเนินการให้เกิดผลโดยเร็ว มอบหมายหน้าที่แก่ผู้ปฏิบัติแต่ละนายให้ชัดเจน ตรวจสอบได้ และประสานการปฏิบัติกับทุกหน่วย 

ทั้งนี้ ผบ.ตร. มีข้อสั่งการ ดังนี้
1. กำชับห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปยุ่งเกี่ยว พัวพัน เรียก รับ หรือยอมรับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์ใดโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบ ไม่เหมาะสม โดยผู้บังคับบัญชาจะต้องตรวจสอบการปฏิบัติงานและความประพฤติเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด เกิดผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม หากเพิกเฉย ละเลย จะถือว่าไม่เอาใจใส่ในการทำหน้าที่ เมื่อพบข้อบกพร่อง/ร้องเรียน จะพิจารณาทางปกครอง วินัย และอาญา โดยเด็ดขาดในทุกระดับชั้น

2. ให้กองบังคับการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรจังหวัด เป็นหน่วยหลักในการจัดทำแผนระดับพื้นที่ และจัดทำข้อมูลท้องถิ่นร่วมกับกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กองบัญชาการตำรวจสันติบาล กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองการต่างประเทศ เพื่อกำหนดการปฏิบัติร่วมกัน เช่น การตรวจที่พักคนต่างด้าว การตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด (แบบใยแมงมุม) การสืบสวนปราบปราม ตลอดจนประสานหน่วยอื่น ๆ เช่น กกล.ทหาร (ชายแดน) กอ.รมน. หน่วยข่าวด้านความมั่นคงและภาคส่วนในพื้นที่ โดยผู้บังคับการตำรวจนครบาล และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด จะต้องติดตามสถานการณ์ ประสานงานหน่วยในพื้นที่ และจัดทำแผนการปฏิบัติร่วมกัน ส่วนหน่วยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จะต้องมีการส่งต่อและเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยให้เป็นปัจจุบัน โดยเฉพาะการแจ้งที่พักอาศัย สถานะของคนต่างด้าว บูรณาการข้อมูลทุกด้าน โดยให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเป็นหน่วยหลัก

ผบ.ตร. กล่าวว่า วันนี้ได้รับฟังข้อมูลจากหน่วยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนภารกิจ หน้าที่ตามกรอบของกฎหมายแต่ละฉบับ การประสานงานประเทศต้นทาง ในการควบคุม กำกับดูแลการประกอบธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคนต่างด้าว เช่น ที่พักอาศัย รถเช่าต่าง ๆ ไกด์หรือมัคคุเทศก์ในประเทศไทย การเดินทางตามเส้นทางต่าง ๆ ในประเทศไปจนกระทั่งพื้นที่ชายแดน และการออกจากประเทศไทย พร้อมเน้นย้ำให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และแผนประทุษกรรมด้านการหลอกลวง การช่วยเหลือสืบสวนขยายผลติดตามคนต่างด้าว และกลไกการส่งต่อระดับชาติตามแผนป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และแผนอาชญากรรมข้ามชาติ โดยให้ตำรวจพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนระดับพื้นที่ให้รัดกุม ชัดเจน และตั้งผู้ประสานงานระหว่างประเทศรับข้อมูลฝ่ายต่าง ๆ มาขับเคลื่อนโดยทันที

นอกจากนี้ ผบ.ตร. กล่าวว่า ในการประชุมวันนี้ มุ่งเน้นการยกระดับแก้ไขปัญหาสำคัญ โดยเฉพาะปัญหาคนต่างชาติถูกหลอกลวงโดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านในพื้นที่ชายแดนต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายแดนด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ที่เกิดปัญหาอย่างมากในขณะนี้ สั่งการให้ตำรวจในพื้นที่ อ.แม่สอด ต้องมีมาตรการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ให้เห็นผลชัดเจนภายใน 7 วัน

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ป้องกันปราบปราบ สืบสวนขยายผลไปยังตัวการ ผู้ร่วมกระทำความผิด ผู้ช่วยเหลือที่กระทำความผิดตามกฎหมายทุกราย บริหารจัดการทุกภาคส่วนตั้งแต่ท่าอากาศยาน รถให้เช่า เส้นทาง ที่พักคอยต่าง ๆ ขอความร่วมมือคนไทยช่วยกันประชาสัมพันธ์และเป็นเจ้าบ้านที่ดี ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่น ช่วยเหลือดูแล เพื่อสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป

ผบ.ตร.เปิดโครงการอาหารกลางวัน ลดภาระค่าใช้จ่าย เป็นสวัสดิการให้กับข้าราชการตำรวจหน่วยงานที่มีสถานที่ทำการอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

(3 ก.พ. 68 ) เวลา 11.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธาน เปิดโครงการอาหารกลางวันสำหรับข้าราชการตำรวจในหน่วยงานที่มีสถานที่ทำการตั้งอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568  เพื่อช่วยเหลือลดภาระค่าใช้จ่าย เป็นสวัสดิการให้กับข้าราชการตำรวจนอกเหนือจากการที่ทางราชการจัดให้ สร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจ ตลอดจนเสริมสร้างสัมพันธภาพอันดีระหว่างข้าราชการตำรวจ และช่วยสนับสนุนปฏิบัติงานของทางราชการ โดยมี พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. , ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล/โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ , ผู้บัญชาการ และผู้บังคับบัญชาหน่วยงานต่างๆ ที่มีที่ตั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมพิธี 

พล.ต.ท.อาชยนฯ กล่าวว่า ด้วยสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ค่าครองชีพสูงขึ้นตามลำดับ ทำให้การใช้จ่ายแต่ละเรื่องจะต้องรอบคอบและรัดกุม ทำให้ภาระการใช้จ่ายของข้าราชการตำรวจเพิ่มมากขึ้น โดยตามนโยบายการบริหารราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ข้อ 15 ด้านสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับข้าราชการตำรวจ จึงได้จัดทำ “โครงการอาหารกลางวัน สำหรับข้าราชการตำรวจในหน่วยงานที่มีสถานที่ทำการตั้งอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ซึ่งมีการกำหนดระยะเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2569 โดยจะมีการแจกคูปองเงินสด จำนวน 200 บาทต่อคนต่อเดือน ให้กับข้าราชการตำรวจระดับผู้บังคับหมู่ถึงรองผู้กำกับการ จำนวน 34,554 นาย เพื่อนำไปซื้ออาหารในโภชนาคารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นไปตามระเบียบสวัสดิการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2568


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top