Monday, 21 April 2025
ปริญญาเอก

เก่งผิดยุค ‘ชู เปรียญ’ ปริญญาเอกคนแรกแห่งสยาม กับตัวตนที่เลือนหาย เพราะแต่งตำรายากผิดยุค

พูดถึงทุนเล่าเรียนหลวง หลายคนคงคิดถึงทุนเล่าเรียนหลวงพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานปีละ 9 ทุน โดยทุนเล่าเรียนหลวงมีข้อกำหนดเดียว คือ ให้ผู้รับทุนกลับมาทำงานในประเทศไทยเท่ากับระยะเวลาที่ไปศึกษา โดยไม่จำเป็นว่าต้องทำงานให้กับภาครัฐ ซึ่งไม่เหมือนกับทุนการศึกษาของไทยอื่น ๆ 

แต่คุณรู้ไหม? ว่าจริง ๆ แล้วทุนพระราชทานในสมัยรัตนโกสินทร์มีมาตั้งแต่รัชสมัยของล้นเกล้ารัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยครั้งนั้นได้ส่งคนไปศึกษาวิชาการเดินเรือที่ประเทศอังกฤษ โดยส่งสามัญชน ชื่อ ‘นายฉุน’ ไปเล่าเรียน 

ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทางราชการก็ได้ส่งนักเรียนทุนคือ ‘นายทด บุนนาค’ และ ‘นายเทศ บุนนาค’ ไปศึกษาที่ประเทศอังกฤษ โดยส่งไปพร้อมกับคณะทูตไทยเมื่อ พ.ศ. 2400 นอกจากนักเรียนแล้ว ราชการยังส่งข้าราชการไปศึกษาวิชาชีพเฉพาะ เช่น การพิมพ์ และการซ่อมนาฬิกา โดยส่งข้าราชการไปดูงานในต่างประเทศทางด้านการปกครองและบำรุงบ้านเมืองที่ประเทศสิงคโปร์ในปี พ.ศ. 2404 ด้วย

ครั้นลุมาถึงรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทางราชการได้ส่งนักเรียนไทยจำนวน 206 คน ไปศึกษาในประเทศที่เป็นต้นแบบของวิชาการแต่ละด้าน เช่น อังกฤษ, เยอรมัน, ออสเตรีย, ฮังการี, เดนมาร์ก และฝรั่งเศส โดยเน้นให้ไปศึกษาภาษาอังกฤษ, ภาษาฝรั่งเศส, ภาษาเยอรมัน, คณิตศาสตร์ และวิชาตามที่นักเรียนถนัด เช่น วิชาทหารบก, ทหารเรือ, การทูต, กฎหมาย, แพทย์ และวิศวกรรมศาสตร์ เป็นต้น (ก็มีความดราม่ากันไปแต่ละค่ายการศึกษา) 

โดยในสมัยนี้ เริ่มมีการแบ่งนักเรียนทุนเป็น 2 ประเภท คือ นักเรียนทุนเล่าเรียนหลวง และนักเรียนทุนตามความต้องการของกระทรวง นอกจากนี้ ยังเริ่มมีการสอบแข่งขันเพื่อรับทุนด้วยอย่างเป็นกิจจะลักษณะด้วย 

มาถึงตรงนี้ผมก็จะขออนุญาตเริ่มต้นเล่าเรื่องราวของ ดร.คนแรกของคนไทย โดยปริญญาเอกรายนี้คือ ‘นายชู เปรียญ’ ผู้สำเร็จการศึกษา Ph.D. ทางด้านการศึกษาจากประเทศเยอรมนี 

นายชู เปรียญ เริ่มการศึกษาตั้งแต่เป็นสามเณรอยู่ที่วัดพระเชตุพนฯ สอบได้เป็นเปรียญสามประโยคตั้งแต่เป็นสามเณร จนถึงพ.ศ. 2429 ได้ลาสิกขา แล้วมาเรียนต่อที่โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบโดยมีความสามารถด้านภาษาอังกฤษเป็นอย่างยิ่ง เมื่อจบแล้วก็ได้สอบชิงทุนเล่าเรียนหลวงไปเรียนวิชาการศึกษาที่ประเทศเยอรมนี (เก่งนะเนี่ย) 

โดยในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ออกไปศึกษาวิชาครูที่ประเทศเยอรมัน ตั้งแต่ขั้น B.A. มาถึงการศึกษาชั้น M.A. แล้วศึกษาต่อจนจบ Ph.D. ทางการศึกษา เมื่อนายชู เปรียญ สำเร็จการศึกษาชั้น Ph.D. นั้นว่ากันว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตื่นเต้นมาก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการพระราชทานเลี้ยงพระราชทานแก่นายชู เปรียญ พร้อมกับผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากเยอรมันอีก 2 คน ในโอกาสนั้นโปรดพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา เป็นเกียรติยศ

การนี้มีบันทึกไว้ใน ‘หนังสือจดหมายเหตุเสด็จประพาสยุโรป ร.ศ. 116 (พ.ศ. 2440)’ แต่งโดยพระยาศรีสหเทพ (เส็ง วิรยศิริ) ผู้ตามเสด็จและทำหน้าที่จดบันทึกการเดินทาง เขียนไว้ตอนหนึ่งความว่า…

“...วันที่ 10 มิถุนายน ร.ศ. 116 ขณะ รัชกาลที่ 5 ประทับอยู่ที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี เวลาบ่าย เมื่อเสวยพระกระยาหารกลางวันแล้ว พระยาศรีสุริยราชวราวัตรก็ได้...นำนายชู เปรียญ ซึ่งมาส่งเสด็จฯ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสรรพสาตรศุภกิจ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทฯ นายชูคนนี้เป็นนักเรียนที่เล่าเรียนในเยอรมันสอบไล่ได้ดีแล้ว และได้ประกาศนียบัตรเป็น ‘ดอกเตอร์ออฟฟิลอซโซฟี่’ เป็นคนไทยคนแรกที่ได้เล่าเรียนถึงได้รับประกาศนียบัตรชั้นนี้ มีพระราชดำรัสด้วยตามสมควรแล้วเสด็จขึ้น...”

เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วในปี พ.ศ. 2440 มีหลักฐานบันทึกว่า ‘นายชู เปรียญ’ ได้กลับมาสยามและเข้ารับราชการ โดยพระพุทธเจ้าหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นรับหน้าที่เป็น ‘พนักงานตรวจแต่งตำราเรียน’ ก่อนที่จะย้ายไปเป็น ‘ผู้ดูการพิพิธภัณฑ์’ (Curator) ในปี พ.ศ. 2441 ซึ่งในตอนนั้นการพิพิธภัณฑ์กำลังเริ่มต้นขึ้นในสยาม โดยมีการลงข่าวไว้ใน ‘หนังสือพิมพ์สยามไมตรีรายสัปดาห์’ ฉบับวันอังคารที่ 14 ธันวาคม ร.ศ. 116 (พ.ศ. 2440) ความว่า...

“...เราได้ทราบข่าวว่า นายชู เปรียญ ซึ่งเป็นนักเรียน ได้ไปเล่าเรียนศึกษาวิชาสอบไล่ได้เป็นนายศิลปชั้นสกลวิทยาลัย ในกรุงเยอรมนีนั้นกลับมาถึงกรุงเทพฯ แล้ว จะได้มีตำแหน่งรับราชการในกรมศึกษาธิการ รับพระราชทานเงินเดือนๆ ละ 2 ชั่งในชั้นแรกๆ..."

สำหรับบันทึกอื่น ๆ เกี่ยวกับการรับราชการของดอกเตอร์คนแรกของไทย ปรากฏว่า ‘นายชู เปรียญ’ ได้เคยแต่งหนังสือและเคยทำงานในกรมพิพิธภัณฑ์ ในช่วงที่ ‘เจ้าพระยาภาสกรวงศ์’ (พร บุนนาค) เป็นเสนาบดีกระทรวงธรรมการ ได้มีจดหมายพิมพ์ดีดลงวันที่ 14 มกราคม ร.ศ. 117 ทูลฯ กรมหมื่นสมมตอมรพันธ์ ความว่า ‘เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์’ (เพ่ง บุนนาค) เจ้ากรมพิพิธภัณฑ์ขอลาออกจากตำแหน่งเพราะทำผิด ถูกขังเร่งเงินหลวงอยู่ โดยท่าน (เจ้าพระยาภาสกรฯ) ได้ให้นายชู มาเป็น ‘กุเรเตอร์’ (Curator) ในพิพิธภัณฑ์ 

และได้แนะนำตัวนายชู เพิ่มเติมว่า เดิมทำการในกรมศึกษาธิการ เป็นพนักงานตรวจแต่งตำราเรียน ซึ่งขณะนั้นพิพิธภัณฑ์เปิดให้ประชาชนมาดูอาทิตย์ละ 2 หน โดยมี ‘ผู้ที่มาดูน้อย นอกจากงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาฉัตรมงคล ซึ่งผู้ที่มาดูนับหมื่นแต่ชอบดูส่วนแนชุรัล ฮีสตอรี (Natural History) ยิ่งกว่าสิ่งอื่น’ (แสดงว่าน่าจะเหมาะกับการที่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรหนัก ๆ เพราะนายชู น่าจะเป็นนักวิชาการเต็มตัว เน้นทำวิจัยทางวิชาการว่างั้นเถอะ) 

ตำแหน่ง ‘ผู้ดูการพิพิธภัณฑ์’ (Curator) ในสมัยก่อนอย่าดูถูกว่าเป็นตำแหน่งที่ไม่สูงมากนะครับ ถ้าเรามาคิดถึงสภาพสังคมในยุคนั้นที่เพิ่งเริ่มจัดการศึกษา ผู้ที่มีหน้าที่ ‘ดูการพิพิธภัณฑ์’ ก่อนหน้านายชู (ไม่นับ ‘เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์’ (เพ่ง บุนนาค) เจ้ากรมพิพิธภัณฑ์ที่ขอลาออกจากตำแหน่งเพราะทำผิด) คือ นายราชารัตยานุหาร (พร บุนนาค) ซึ่งต่อมาได้เป็น เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ เสนาบดีกระทรวงธรรมการ 

‘ปิ่น เก็จมณี’ คุณแม่สายสตรอง ย้อนวัยเป็นนักศึกษาอีกครั้ง ซุ่มเรียนปริญญาเอก ม.รังสิต ทั้งสวยทั้งเก่งครบเครื่องจริงๆ

(22 ส.ค.66) สำหรับคุณแม่ลูกสามสายสตรองอย่าง ‘ปิ่น เก็จมณี’ หลังจากที่กลับมาใช้ชีวิตโสด ก็ได้เห็นไลฟ์สไตล์หลากหลายผ่านไอจี ig: kejmanee อยู่บ่อย ๆ เช่น การขี่ม้าหรือกลับมาเล่นละครซึ่งเป็นอาชีพที่รัก

ล่าสุดทาง Facebook มหาวิทยาลัยรังสิตลงภาพ สาวปิ่น ที่ย้อนวัยเป็นนักศึกษาอีกครั้ง เพื่อเรียนปริญญาเอก ซึ่งอีกไม่ก็จะได้เป็นว่าที่ด็อกเตอร์แล้ว โดยโพสต์นี้มีแคปชันไว้ว่า “วาร์ปไปดูคลาสเรียน ป.เอก เจอพี่ ปิ่น เก็จมณี พิชัยรณรงค์สงคราม นักศึกษาปริญญาเอก หลักสูตรรัฐศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต (รุ่นที่ 1) ม.รังสิต”  ต้องบอกว่าเป็นคุณแม่ที่สวยและเก่งมาก ๆ ครบเครื่องสุด ๆ

‘หมอริท เรืองฤทธิ์’ อวดภาพขณะทำวิจัยเรียนต่อปริญญาเอก แต่ชาวเน็ตโฟกัสผิดจุด แห่แซว!! เห็นแล้วอยากไปช่วยรีดเสื้อ

(23 ส.ค.66) สำหรับ ‘หมอริท เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช’ ที่ตอนนี้ได้ผันตัวเองไปเปิดคลินิกด้านความงาม  6 สาขา เข้าสู่หลักล้านไปเเล้ว เเละตอนนี้ ‘หมอริท’ กำลังซุ่มเรียนต่อในระดับปริญญาเอกอีกด้วย

โดยล่าสุด ‘หมอริท’ โพสต์ภาพตัวเองที่อยู่ในห้องแล็บ พร้อมแคปชันระบุว่า “จนได้…เปิดตัวด้วย animal study Officially, I’m now a Ph.D. candidate.” บอกเลยว่าเก่งรอบด้านจริง ๆ

ทั้งนี้ ก็ยังไม่วายโดนชาวเน็ตแซวชุดที่หมอริทได้สวมใส่ รวมถึงคนที่เข้ามาให้กำลังใจอย่างมากมาย อาทิ “เตารีดในมือสั่นมากกกกก”, “อยากไปช่วยรีดเสื้อ”, “ซักแล้วเข้าเครื่องอบผ้า สะบัดนิดหน่อยก็เรียบแล้วครับ (ถ้าขี้เกียจรีดผ้า)”, “เก่งเกินนนน”, “สู้ ๆ นะคะ พี่หมอริท เป็นกำลังใจให้ค่ะ” เป็นต้น

‘ปลอดประสพ’ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุ มาตรฐาน ‘ปริญญาเอก’ แจง!! ทุกขั้นตอน ต้องทำวิทยานิพนธ์ที่ไม่ซ้ำกับใครในโลก

(13 ก.ค.67) ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กว่า ใบปริญญาโทและเอกของจริงครับ

เช้าดูรายการคุณสรยุทธ ตกเย็นฟังคำอธิบายจากอาจารย์ฝ่ายรับรอง ฟังแล้วเหมือนดูละครตลก ด้วยเคยเป็นรัฐมนตรีกระทรวงอว. มาก่อนและเมื่อวานนี้ผู้ช่วยปลัดฯก็ได้แถลงแล้วว่า ยังไม่เคยรับรองการเทียบวุฒิของ California University ประกอบกับผมจบปริญญาเอกจริงๆ จึงขอเล่ามาตรฐานปริญญาเอกของแคนาดาที่ผมเรียนและจบมาให้ฟัง

ขั้นต้นมหาวิทยาลัยจะต้องรับเป็นนักศึกษาปริญญาเอกเสียก่อน จากนั้นก็จะเรียน Coursework ใช้เวลาประมาณ 2-3ปี เมื่อจบ Coursework แล้วก็จะต้องสอบ Comprehensive ซึ่งจะมีทั้งข้อเขียนและสัมภาษณ์ เมื่อผ่านแล้วจึงมีสถานะPh.D Candidate มีสิทธิ์ทำวิทยานิพนธ์ เรื่องที่ทำต้องไม่ซ้ำกับใครในโลก โดยทั่วไปในสายวิทยาศาสตร์มักจะใช้เวลาอีก 2-3 ปี

เมื่อเสร็จสมบูรณ์แล้ว คณะกรรมการที่ปรึกษาจะตรวจสอบแก้ไข และส่งร่างฯนี้ไปยังอาจารย์มหาวิทยาลัยอื่น (External Examinor ) ตรวจเพื่อให้คุณภาพอยู่ในมาตรฐานระดับสูง (Higher Education) จากนั้นสอบปากเปล่าเพื่อ Defense

สิ่งที่ท่านได้มาดูมันง่ายและรวดเร็วเหลือเกิน ส่วนจะจริงเท็จอย่างไรคงต้องมีการสอบสวนกันอย่างจริงจัง ขณะนี้ท่านเป็นบุคคลสาธารณะ ท่านต้องอดทน ต้องยอมรับการตรวจสอบ เพราะหน้าที่สว.จะต้องไปตรวจสอบคนอื่น ไม่ใช่มาขู่ฟ้องร้องคนอื่นเขา ถ้ารับการตรวจสอบไม่ได้ ก็ไม่ควรอยู่เป็นสว.หรอกครับ

‘อ.เจษฎา’ แฉจ่าย 3 แสน ทัวร์ญี่ปุ่น กลับมาได้เป็น ‘ศาสตราจารย์ ดร.’ อ้าง!! มหาวิทยาลัยต่างประเทศ อยากจะสนับสนุนคนดี มีความสามารถ

(14 ก.ค.67) ศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ระบุว่า ...

สนใจมั้ยครับ ซื้อทัวร์ไปเที่ยวญี่ปุ่น 3 แสน กลับมาแล้วได้เป็น ‘ศาสตราจารย์ ดร.’ (กิตติมศักดิ์)

ป.ล. มีจริงๆ นะครับ พวกหากินโดยอ้างว่าเป็นมหาวิทยาลัยจากต่างประเทศ พร้อมจะสนับสนุนคนดี มีความสามารถ ด้วยการให้ ปริญญาเอก ให้ตำแหน่งศาสตราจารย์ ขอเพียงร่วมกิจกรรม เสียตังค์นิดหน่อย ก็ได้แล้ว ฮะๆๆ

โดยในคอร์สดังกล่าว ชี้แจงรายละเอียดไว้ว่า…

ขอเชิญท่านที่ประสบความสำเร็จใน หน้าที่การงาน เป็นคนดีมีคุณธรรม เข้ารับปริญญาแห่งความภาคภูมิใจครั้งหนึ่งในชีวิต

ปริญญาเอกกิตติมศักดิ์ และ ตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ ศาสตราจารย์ กิตติมศักดิ์

ณ ประเทศญี่ปุ่น
วันที่ 16-20 มกราคม พ.ศ.2566 ค่าใช้จ่ายรวมทุกอย่าง
300,000 บาท (รวมค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ ค่าที่พัก อาหารทุกมื้อ ค่าท่องเที่ยว)

‘ยิ่งลักษณ์’ โพสต์ยินดี!! ‘น้องไปป์’ ได้ทุนเรียน ‘ปริญญาเอก’ เผย!! เป็นทุนสนับสนุนให้กับเป็นนักศึกษา ที่มีผลการเรียนดี

(10 พ.ย. 67) อดีตนายกรัฐมนตรี ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ โพสต์ข้อความแสดงความยินดีกับลูกชาย โดยมีใจความว่า ...

ยินดีกับลูกไปป์ที่ได้ทุนเรียนต่อปริญญาเอก President's PhD scholarships จาก Imperial College London เป็นเวลา 4 ปีค่ะ 

โดยได้ทุนการศึกษานี้ จากทางมหาวิทยาลัยจะสนับสนุนให้กับเป็นนักศึกษาระดับปริญญาโทที่มีผลการเรียนดี เพื่อศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกในสาขา Mechanical Engineering จาก Imperial College London ให้รับเงินทุนเต็มจำนวน ( Full Scholarship) สำหรับค่าเล่าเรียน รวมถึงค่าใช้สำหรับงานวิจัยในการเรียนระดับปริญญาเอกตลอดระยะเวลาการศึกษา 

น้องไปป์ เสนอหัวข้อวิจัย เรื่อง การสร้างแบบจำลองและการวิเคราะห์ระบบ Multibody ที่ยืดหยุ่นได้ ซึ่งอังกฤษเป็นผู้นำระดับโลกในการคิดค้น ผลิต และบำรุงรักษาโครงสร้างทางกลที่มีมูลค่าสูงหลากหลายประเภท ครอบคลุมถึงแนวคิดเครื่องบินใหม่ๆ ปีกเครื่องบิน ใบพัดกังหันลม เครื่องยนต์เจ็ต และโครงสร้างอวกาศที่เคลื่อนย้ายได้ ทั้งนี้ผลงานวิจัยดังกล่าวอาจนำไปสู่การออกแบบทางวิศวกรรมเครื่องยนต์ อย่างเข็มที่บังคับทิศทางได้ หัวตรวจส่องกล้องในหุ่นยนต์ทางการแพทย์ หุ่นยนต์ขนาดเล็กที่บินได้ รวมถึงอุปกรณ์จับและบังคับแบบอ่อนในอนาคต

เป็นปกติที่แม่ทุกคนจะภูมิใจและหายห่วงในตัวลูก เพราะถ้าลูกได้รับการศึกษาสูงๆ จะเป็นเครื่องยืนยันว่าต่อไปลูกจะดูแลและหาเลี้ยงตัวเองได้ 

ขออวยพรให้ลูก มุ่งมั่น ขยัน ตั้งใจเรียน ให้ลูกประสบความสำเร็จในทุกสิ่งที่หวัง แม่จะยืนเคียงข้างลูกในวันรับปริญญาบัตรของลูกอีกครั้งนะครับ

เปิด 10 อันดับ มหาวิทยาลัยเอกชน ที่มีผู้จบการศึกษามากที่สุดในปี 2567

เปิดตัวเลขสถิติ ‘มหาวิทยาลัยเอกชน’ ที่มีผู้จบการศึกษามากที่สุดในปี 2567

อันดับ 1 มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 5,717 คน

อันดับ 2 มหาวิทยาลัยศรีปทุม ทุกวิทยาเขต มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 4,784 คน

อันดับ 3 มหาวิทยาลัยเกริก มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 4,583 คน

อันดับ 4 มหาวิทยาลัยรังสิต มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 4,295 คน

อันดับ 5 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 3,399 คน

อันดับ 6 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 2,567 คน

อันดับ 7 มหาวิทยาลัยธนบุรี มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 2,178 คน

อันดับ 8 มหาวิทยาลัยปทุมธานี มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 2,177 คน

อันดับ 9 มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 2,162 คน

อันดับ 10 มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 2,081 คน

อันดับ 11 มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 2,035 คน

อันดับ 12 มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 1,504 คน

อันดับ 13 มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 1,438 คน

อันดับ 14 มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 1,307 คน

อันดับ 15 มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด มีผู้จบการศึกษาทั้งหมด 1,297 คน

มีสถาบันที่ไม่ส่งข้อมูล ดังนี้ มหาวิทยาลัยกรุงเทพสุวรรณภูมิ, มหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น, มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา, มหาวิทยาลัยตาปี, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์, มหาวิทยาลัยพิษณุโลก, มหาวิทยาลัยฟาฏอนี, มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยราชธานี, มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์, มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น, มหาวิทยาลัยหาดใหญ่, วิทยาลัยเทคโนโลยีพนมวันท์, วิทยาลัยนอร์ทเทิร์น, วิทยาลัยนานาชาติราฟเฟิลส์, วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย, สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน, สถาบันเทคโนโลยีแห่งสุวรรณภูมิ และสถาบันรัชต์ภาคย์

ข้อมูล ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ข้อมูลผู้สำเร็จการศึกษาภาพรวมทั้งหมด คือ ปวช., ปวส. ระดับอนุปริญญา, ปริญญาตรี, ป.บัณฑิต, ปริญญาโท, ป.บัณฑิตขั้นสูง และ ปริญญาเอก

‘ดร.อานนท์’ โพสต์เฟซ!! มหาวิทยาลัยไล่ออก ‘นักศึกษาปริญญาเอก’ เหตุใช้ ChatGPT ทำข้อสอบมาส่ง!! นศ.โต้กลับ Professor ป้อนข้อมูลเอง

(23 มี.ค. 68) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า …

คำพิพากษาจะออกมายังไงหนอ มหาวิทยาลัยไล่นักศึกษาปริญญาเอกออก ถอดวีซ่าด้วย ข้อหาทุจริต เพราะใช้ Generative AI และ Large language model อย่าง ChatGPT ทำข้อสอบมาส่ง

นักศึกษาฟ้องศาล บอกว่ามีหลักฐานว่า professor ป้อนข้อมูลให้ ChatGPT เอง จนออกมาเหมือนคำตอบของเขา ฟ้องกันใหญ่โต 

ท่าทางจะเป็นตำนานเหมือนกันครับ ผมรอฟังคำพิพากษาเลยครับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top