Friday, 5 July 2024
ปราบโกง

'หมอวรงค์' แจ้งข่าวดี!! หลังศาลอาญาแผนกคดีทุจริตรับคำร้อง ฟ้อง 'ขรก.-เอกชน' เอี่ยวทุจริตสัมปทานดาวเทียมไทยคม

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับความคืบหน้าสัญญาสัมปานดาวเทียมไทยคม ระบุว่า...

ถ้าจำกันได้ ผมเคยฟ้องคุณยิ่งลักษณ์และคณะ กรณีดาวเทียมไทยคม ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งต่อมาศาลได้พิจารณาแล้ว ส่วนของนักการเมืองต้องไปยื่นผ่านป.ป.ช.ก่อน ถ้าจะมาฟ้องศาลทุจริต ต้องแยกพิจารณาเฉพาะข้าราชการและเอกชน

ทางทีมกฎหมายจึงตัดสินใจ ฟ้องเฉพาะข้าราชการและเอกชนผู้เกี่ยวข้อง ผ่านศาลทุจริต เฉพาะส่วนที่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย และมีหลักฐานประกอบชัดเจน เช่นไม่ปฏิบัติตามสัญญาสัมปทานดาวเทียม เนื่องจากข้าราชก็เป็นปัจจัยสำคัญ ในการตอบสนองการทุจริตที่เกิดขึ้น

พวกเราจึงตัดสินใจฟ้องปลัดกระทรวงดีอีเอส เป็นจำเลยที่ 1 เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นจำเลยที่ 2-4 และเอกชนผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งสิ้น 29 ราย ดังต่อไปนี้

นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ที่ ๑
นายภุขพงค์ โนดไธสง ที่ ๒
นางปียนุช วุฒิสอน ที่ ๓
นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา ที่ ๔
บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ที่ ๕
นายสมประสงค์ บุญยะชัย ที่ ๖
นายบุญชัย ถิราติ ที่ ๗
พลอากาศเอก มานัต วงษ์วาทย์ ที่ ๘
ดร.ปรเมธี วิมลศิริ ที่ ๙
นายสมชาย จิณโณวาท ที่ ๑๐
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ตร.ปารีณา ศรีวนิชย์ ที่ ๑๑
นายสุพร หลักมั่นคง ที่ ๑๒
นายเอนก พนาอภิชน ที่ ๑๓
นายอนันต์ แก้วร่วมวงศ์ ที่ ๑๔
บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ที่ ๑๕
นายกานต์ ตระกูลฮุน ที่ ๑๖
นายสมชาย ศุภธาดา ที่ ๑๗
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย ที่ ๑๘
นางสาวมานิดา ชินเมอร์แมน ที่ ๑๙
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ที่ ๒0
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ที่ ๒๑
นางสาวจีน โล เงี้ยบ จง ที่ ๒๒
นายอาเธอร์ หลาน เต้าอี้ ที่ ๒๓
นายคณิต วัลยะเพ็ชร์ ที่ ๒๔
นางวรางค์ ไชยวรรณ ที่ ๒๕
นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ที่ ๒๖
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ที่ ๒๗
นางสาวบังอร สุทธิพัฒนกิจ ที่ ๒๘
นายสมิทธ์ พนมยงค์ ที่ ๒๙

‘รัฐบาล’ เดินหน้าปราบมิจฉาชีพฉ้อโกงออนไลน์ สั่ง ‘ดีอีเอส’ ประสานทุกฝ่ายดำเนินคดีผู้กระทำผิด

รัฐบาลเอาจริงปราบฉ้อโกงออนไลน์ มอบดีอีเอสประสานดีเอสไอ สตช. แบงก์ชาติ เร่งแก้ไข พร้อมติดตามการดำเนินคดีผู้กระทำผิด รวบรวมผลรายงานนายกรัฐมนตรีใน 30 วัน พร้อมหนุนป้องกันเยาวชนจากภัยออนไลน์

(29 ต.ค. 65) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาการฉ้อโกงและหลอกลวงประชาชนผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบของการเงินนอกระบบ เช่น แชร์ลูกโซ่ การเล่นแชร์ และการขายตรง การพนันออนไลน์ รวมทั้งการหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์ โดยคนร้ายมักปรับรูปแบบและวิธีฉ้อโกงและหลอกลวงให้เหยื่อหลงเชื่อโดยมิรู้เท่าทัน ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนสูญเสียทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจกับปัญหาที่ประชาชนยังคงได้รับความเดือดร้อน 

โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้กำชับหน่วยงานเกี่ยวข้องต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหา ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำผิด และหากเป็นกรณีมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องในขบวนการทำผิดนั้นจะต้องลงโทษเด็ดขาด

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า เมื่อไม่นานมานี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังได้มีการหารือถึงปัญหาดังกล่าวและได้มีมติให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งขอความร่วมมือธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เกิดเป็นรูปธรรม และให้เร่งติดตามการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดให้แล้วเสร็จโดยเร็วด้วย 

และให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรวบรวมผลการดำเนินการและรายงานต่อนายกรัฐมนตรีภายใน 30 วันโดยภายหลัง ครม. มีมติมอบหมายเมื่อวันที่ 26 ต.ค. 65 นายชัยวุฒิ ธนาคมนุสรณ์ รมว.ดีอีเอส ได้เชิญหน่วยงานเกี่ยวข้อง อาทิ ดีเอสไอ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ สตช. สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง เข้าร่วมประชุมหารือแนวทางเร่งรัดและแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์อย่างเร่งด่วน

'เพื่อไทย' ซัด 'ประยุทธ์' 8 ปีปราบโกงแค่คำหลอกลวง ชี้!! คนใกล้ตัวมีข่าวเอี่ยวทุจริต แต่ยังเมินเฉยไม่ตรวจสอบ

(7 ม.ค. 66) น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ขณะนี้การทุจริตคอร์รัปชันกลายเป็นปัญหาพัวพันในทุกแวดวง ทั้งราชการ การเมืองและธุรกิจสีเทาอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่ดูเหมือนว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ มีท่าทีเมินเฉย ไม่เร่งรัดให้มีการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน ซ้ำยังแสดงท่าทีฉุนเฉียวเมื่อถูกสื่อสอบถามกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เปิดโปงข้อมูลโยงถึงหลานชายของพล.อ.ประยุทธ์ ว่ามีความเกี่ยวข้องกับทุนจีนสีเทานายตู้ห่าวอีกด้วย 

ที่ผ่านมาฝ่ายค้านและพรรคเพื่อไทยพยายามเปิดโปงการทุจริต คอร์รัปชันต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายใต้การบริหารงานของพล.อ.ประยุทธ์อย่างต่อเนื่อง คู่ขนานไปกับความเข้มแข็งของภาคประชาชน ที่แฉข้อมูลกดดันให้กระบวนการตรวจสอบต้องเดินหน้า แต่หลายเรื่องเมื่อเข้าสู่กระบวนการของรัฐ กลับทำให้ประชาชนเกิดคำถามและข้อสงสัยว่าเหตุใดหน่วยงานด้านการตรวจสอบ ไม่กล้าทำหน้าที่เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างที่ควรจะเป็น    

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์เคยให้คำมั่นต่อประชาชนว่าจะเข้ามาปราบโกง ขจัดนักการเมืองไม่ดีออกไป แต่จนถึงขณะนี้สถานการณ์ปราบโกงที่พล.อ.ประยุทธ์มุ่งมั่นจะทำกลับเลวร้ายลง ยืนยันได้จากดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index หรือ CPI) ประจำปี 2564 ไทยได้เพียง 35 คะแนน อยู่ในอันดับที่ 110 ของโลกอันดับแย่ที่สุดนับตั้งแต่จัดอันดับมา 

‘หมอวรงค์’ เผย โดนปองร้าย-ขู่ฆ่า หลังชูนโยบายปราบโกง ลั่น!! “กูไม่กลัวมึง”

(17 มี.ค. 66) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ ‘วรงค์ เดชกิจวิกรม - Warong Dechgitvigrom’ พร้อมภาพที่มีคนข่มขู่โดยส่งรูปปืนและข้อความว่า “กูเจอมึงที่ไหนมึงโดน” โดย นพ.วรงค์ ระบุว่า…

#ไม่เคยกลัว

หลังจากที่พรรคไทยภักดี ประกาศเปิดตัวผู้สมัครกรุงเทพฯ ประกาศนโยบาย ‘ปราบโกง’ ยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม ต้องบริหารประเทศบนพื้นฐานถูกคือถูก ผิดคือผิด ต้องเอานักโทษหนีคดีมาติดคุก

‘ถาวร’ ปักธง ‘3ป.’ ยุทธศาสตร์พิทักษ์ชาติ ‘ปกป้องสถาบันฯ-ปราบโกง-ปฏิรูปประเทศ’

 (23 เม.ย.66) จากรายการ ‘ถลกข่าว ถลกคน’ รายการเกาะติด-เจาะลึกการเลือกตั้ง 2566 โดยสำนักข่าวออนไลน์ THE STATES TIMES ร่วมกับ TV Direct ช่อง 76 (จานดาวเทียม PSI) ได้เชิญ นายถาวร เสนเนียม ประธานพรรคไทยภักดี มาฉายภาพสถานการณ์การเมืองไทยในปัจจุบัน จุดยืนของพรรคไทยภักดี พรรคการเมืองที่ภักดีต่อประเทศไทยและสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมทั้งล้วงไปถึงนโยบายการเลือกตั้งของพรรค ผ่านยุทธศาสตร์ 3 ป. ดังนี้ว่า...

ในการเลือกตั้ง 2566 พรรคไทยภักดี มุ่งมั่นที่จะทำการเมืองภายใต้ยุทธศาสตร์ 3 ป. ซึ่งมีความชัดเจนต่อการนำพาประเทศไทยไปสู่การเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จทั้งเสถียรภาพการเมือง เศรษฐกิจ และความสามัคคีของคนในชาติ โดย…

>> ป. ที่ 1 ได้แก่ ‘ปกป้องสถาบัน’
ไทยภักดี ต้องการให้คนไทยกลับมาสู่โลกของความเป็นจริง ซึ่งก่อนอื่น ผมอยากจะพูดถึงนิยามคำว่าที่ตอนนี้นำมาล้างสมองเด็กไทยกันมาก นั่นก็คือคำว่า ‘ล้าสมัย’ ที่หลุดมาจากบางพรรคและบางบุคคล ผมมองว่านี่เป็นเรื่อง ‘เส็งเคร็ง’ เพราะนักการเมือง นักวิชาการพวกนี้ กำลังใช้เด็กเป็นเครื่องมือ เพื่อนำไปสู่การล้มล้างการปกครอง ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข 

โดยกรรมวิธีที่คนเหล่านี้ทำ คือ เลือกที่จะรับเอาประวัติศาสตร์โง่ๆ ของคนยุโรปในบางประเทศมาทั้งดุ้น แล้วมาถอดแบบสอดใส่ให้กับประเทศไทย แล้วบอกว่าประเทศไทยล้าสมัย ใส่ลงไปในหัวเด็กๆ เยาวชนรุ่นใหม่ ซึ่งพวกคุณนั่นแหละล้าสมัย เพราะคุณไม่รู้จัก Apply สิ่งที่ดีในเมืองไทยให้ไปกับยุคสมัย แต่เลือกที่จะกระทำที่กระทบต่อความมั่นคงของชาติแทน

เพราะฉะนั้น จึงเป็นที่มาของพรรคไทยภักดีในส่วนของ ป.แรก ที่ต้องการจะเข้ามาชัดเจนในการปกป้องสถาบัน ซึ่งอันที่จริงก็ถือเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน มายึดโยงเป็นนโยบายสำคัญของไทยภักดี อันจะเกี่ยวเนื่องกับการต่อต้านการล้มมาตรา 112 ซึ่งไม่ได้สร้างความเดือดร้อนแก่ใคร แต่กลับเป็นเครื่องมือชิ้นใหญ่ที่กำลังพาเด็กไทยเดินหลงทางบ้าง เดินไปเข้าคุกบ้าง เป็นการมุ่งร้ายต่อเด็ก โดยผู้ใหญ่ที่คุมเกมอยู่ข้างหลังทั้งสิ้น 

>> ป. ที่ 2. ได้แก่ ‘ปราบโกง’
ถ้าหากเราดูย้อนหลังไปสัก 10 ปี ช่วงปี 2557 อันดับการทุจริตของประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 98 ของโลก จาก 180 ประเทศไทย แต่เราก็ตกลงไปอันดับที่ 110 และก็มีกระเตื้องขึ้นมาเล็กน้อย จากการที่คอร์รัปชันทุจริตงอกเงย ในทุกๆ งบประมาณจะถูกเจียดเปอร์เซ็นต์ไปจากนักการเมืองโกง จาก 3 ล้านล้านเศษ ก็กินไปประมาณ 3 แสนล้านบาทบ้าง จี้ไปตรงไหนก็มีแต่โกงทุกหย่อมหญ้าบ้าง ในโครงการของรัฐบาล มีการโกงกินกันตั้งแต่ 10-20% ซึ่งเงินพวกนี้ เป็นส่วนแบ่งที่นักการเมืองกับพ่อค้าจับมือกันไปจ้างข้าราชการให้ทุจริต นักการเมืองได้ไปเต็มๆ ส่วนคนติดคุกคือ ข้าราชการประจำ นี่คือวิกฤต

สาเหตุหลักๆ ที่เกิดเหตุนี้ เพราะไม่เคยปฏิรูปประเทศไทยอย่างจริงจัง การบังคับใช้กฎหมายต่ำ และระบบอุปถัมภ์ยังไม่มีวันถูกปฏิรูป เราจึงต้องเข้ามาจัดการจุดนี้ ต้องแก้ความผิดคดีทุจริตให้ไม่มีอายุความในทุกๆ เรื่อง / นักการเมือง ต้องยื่นรายได้ โดยมีการตรวจสอบอาชีพ กำไร ขาดทุน เพื่อเช็กถึงความสุจริต ถ้าเจอว่าโกง ก็ยึดทรัพย์สินเข้ารัฐให้หมด / ต้องบังคับใช้สัญญาคุณธรรม รัฐมนตรีห้ามนิ่งเฉย นายกรัฐมนตรีห้ามนิ่งเฉย ห้วงเวลาของการพิจารณาคดีที่ยืดเยื้อต้องไม่มี ผิดต้องเอาความได้เร็วและฉับไว เพื่อให้ประชาชนไม่มองเห็นการโกงเป็นเรื่องปกติ โดยสิ่งเหล่านี้ทำได้ด้วยการแก้กฎหมายให้เป็นรูปธรรม และไทยภักดีจะผลักดันการปราบโกงในลักษณะนี้ให้ถึงที่สุด รวมถึงผลักดันทางสังคม เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนทัศนคติให้หยุดโกงตั้งแต่เด็ก แบบที่ประเทศจีนทำได้มาแล้ว

>> สุดท้ายกับ ป ที่ 3. ได้แก่ ‘ปฏิรูป-ปฏิวัติ’
เดิมทีแนวทางการปฏิรูปประเทศ ภายหลัง คสช.ยึดอำนาจแล้วเสร็จนั้น เต็มไปด้วยแนวคิด แต่เป็นแนวคิดที่ถูกเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์บ้าง เอกสารบ้าง รัฐธรรมนูญบ้าง แต่ยังไม่เกิดการนำมาใช้จริง ซึ่งหลายเรื่องเป็นกุศโลบายที่เหล่ามวลมหาประชาชนต้องนำเลือดเนื้อไปเสียสละ เพื่อหวังได้เห็นการเปลี่ยนแปลง 

ยกตัวอย่างเรื่องความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน เราจะต้องผลักดันให้เกษตรกรยืนตระหง่านโดยไม่พึ่งพาทุนผูกขาด เช่น การพึ่งพาเรื่องพลังงาน สนับสนุนให้เกษตรกรปลูก ‘หญ้าเนเปียร์’ เพื่อนำมาผลิตแก๊ส หรือแม้แต่นำมาพัฒนาเป็นพลังงานไปปั่นเป็นกระแสไฟฟ้าได้ ซึ่งเป็นแนวคิดในการใช้สินค้าการเกษตร พัฒนาพลังงานสะอาด ก้าวข้ามฟอสซิล


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top