Wednesday, 23 April 2025
ประกันภัย

'เจ้าของ ลัมโบร์กินี' แจงทุกข้อสงสัย! ยันไม่ไล่เบี้ยกระบะคู่กรณีแม้แต่บาทเดียว

วันที่ 14 ตุลาคม 2564 จากกรณีที่โลกออนไลน์มีการแชร์ภาพรถลัมโบร์กินี HURACAN EVO ของ ไฮโซหนุ่มซึ่งเป็นเจ้าของรถหรู ถูกรถกระบะชนท้าย จนรถได้รับความเสียหาย แต่เจ้าตัวไม่ติดใจเอาความ เพราะคู่กรณีรีบเดินเข้ามาไหว้ขอโทษนั้น

ล่าสุด ไฮโซหนุ่มซึ่งเป็นเจ้าของรถหรู ได้ออกมาชี้แจงทุกข้อสงสัย โดยระบุว่า "ขออนุญาตชี้แจงคำถามที่ทุกท่านสงสัยนะครับ ไม่ว่าตามกฎหมายผลจะชี้ว่าใครถูกหรือผิด

-ประกันภัยเป็นผู้ซ่อมรถให้ผม โดยผมเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเบื้องต้นเอง หรือเรียกว่าค่าเสียหายส่วนแรก เพียง 200,000 บาท, ส่วนที่เหลืออยู่ในการดูแลของบริษัทประกันภัยทั้งหมด

-โดยมีการตกลงร่วมกันกับประกันภัยแล้วว่าจะไม่มีการไปไล่เบี้ยกับคู่กรณีต่อแม้แต่บาทเดียว รวมถึงการฟ้องร้องคู่กรณีในอนาคตด้วย

-ทั้งนี้ ตัวผมเองนั้น ก็ได้เสนอช่วยเหลือค่าซ่อมรถให้คู่กรณีทั้งหมด เนื่องจากคู่กรณีไม่มีประกันภัยคิดว่าทุกฝ่ายน่าจะแฮปปี้นะครับ

** การเรียกประกันภัยคือการผ่อนหนักเป็นเบา ให้มีผู้มารับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ให้ โดยการแจ้งอุบัติเหตุในขณะมีคู่กรณี คือการแสดงความบริสุทธิ์ใจให้กับบริษัทประกันภัยด้วยว่าเราไม่ได้ตั้งใจเอาทรัพย์นั้นไปก่อให้เกิดความเสียหาย เป็นเพราะอุบัติเหตุจริงๆ **

ต้องขอขอบคุณผู้บริหารประกันภัยทุกท่านที่ทำให้เรื่องออกมาด้วยดีด้วยครับ ตัวผมเองต้องขออภัยที่ออกมาชี้แจงช้า เดิมทีมีความตั้งใจจะเล่าเรื่องราวทุกอย่างผ่านทางสื่อและรายการต่างๆ ที่ได้มีการนัดหมายไว้ในสัปดาห์หน้า แต่ในขณะนี้การชี้แจงข้อสงสัยของทุกท่านในตอนนี้เป็นเรื่องสำคัญกว่า ขอบคุณครับ

เปิดปมซีอีโอ 'ยูไนเต็ดเฮลธ์แคร์' ถูกยิง พบกระสุนสลักคำแค้น สะเทือนธุรกิจประกันภัยสหรัฐฯ

เมื่อวันที่ (4 ธ.ค.67) ตามเวลาท้องถิ่นนครนิวยอร์ก เกิดเหตุสะเทือนขวัญเมื่อนาย ไบรอัน ธอมป์สัน  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทยูไนเต็ดเฮลธ์ (UnitedHealth) ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตใจกลางย่านแมนฮัตตัน โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าคนร้ายตั้งใจดักรอเพื่อหมายเอาชีวิตนายธอมป์สัน

รายงานระบุว่า ธอมป์สัน วัย 50 ปี ถูกยิงเมื่อเวลาประมาณ 06:45 น. ที่บริเวณด้านนอกโรงแรมฮิลตัน บนถนนซิกซ์อเวนิว เพียงไม่นานก่อนที่งานกิจกรรมวันพบปะนักลงทุนประจำปีของบริษัทยูไนเต็ดเฮลธ์จะเริ่มขึ้น โดยเขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงอย่างเร่งด่วน ขณะที่คนร้ายยังคงหลบหนี

รายงานจากสื่อท้องถิ่นระบุว่า มือปืนดักรอ Brian ขณะเดินอยู่ริมถนน จากนั้นใช้อาวุธปืน 9 มม. ยิงเขา 6 นัด โดยมีการใช้กระบอกเก็บเสียง ปลอกกระสุนที่พบในที่เกิดเหตุถูกสลักข้อความว่า 'Delay' (ยืดเยื้อ), 'Deny' (ปฏิเสธ), และ 'Depose' (โยนคดีทิ้ง) ซึ่งสอดคล้องกับชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีนักของบริษัทยูไนเต็ดเฮลธ์ เนื่องจากมีอัตราการปฏิเสธการจ่ายเงินประกันสูงถึง 32% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในกลุ่มบริษัทประกันสุขภาพทั้งหมด อีกทั้งยังมีอัตราการปฏิเสธการจ่ายเบื้องต้นสูงถึง 90% ส่งผลให้มีคดีความฟ้องร้องระหว่างผู้เอาประกันชาวอเมริกันกับบริษัทเป็นจำนวนมาก

การปฏิเสธการจ่ายเงินของบริษัทส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพราะหากไม่มีเงินประกันมาจ่าย โรงพยาบาลจะต้องหยุดการรักษาชั่วคราว  

การลอบยิงดังกล่าวส่งผลให้ชาวเน็ตวิจารณ์เหตุการณ์นี้อย่างกว้างขวาง หลายคนแสดงความเห็นว่ามือปืนอาจเป็นตัวแทนของผู้ที่ทนไม่ได้กับความไม่เป็นธรรมจากระบบประกันสุขภาพในสหรัฐฯ และถึงแม้ตำรวจจะสามารถจำกัดวงผู้ต้องสงสัยจากจำนวนคนที่เคยถูกปฏิเสธการจ่ายเงินเหลือเพียง 25 ล้านคน แต่การจับกุมมือปืนอาจไม่ใช่เรื่องง่าย

เหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้บรรดาบริษัทประกันภัยรายอื่น ๆ ของสหรัฐ ต่างทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับผู้บริหารระดับสูงอย่างเร่งด่วน อาทิ CVS Health อีกหนึ่งบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ของสหรัฐ ได้นำภาพถ่ายและข้อมูลของทีมผู้บริหารทั้งหมดออกจากเว็บไซต์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น   

โรเบิร์ต ดามิโก อดีตเจ้าหน้าที่ FBI และผู้ก่อตั้งบริษัท Sierra One Consulting บริษัทที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยระบุว่า การนำรูปภาพออกจากเว็บไซต์สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการลดความเสี่ยงที่ผู้ไม่หวังดีจะสามารถระบุตัวและเข้าถึงผู้บริหารได้ง่าย อีกทั้งยังบอกว่า ช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา ธุรกิจด้านสุขภาพในสหรัฐฯ เผชิญกับความขัดแย้งที่เพิ่มมากขึ้น จนต้องสำรวจมาตรการความปลอดภัยใหม่ ๆ เพื่อรับมือกับความเป็นไปได้ของอาชญากรรมรุนแรง

ทั้งนี้ เหตุการณ์การเสียชีวิตของธอมป์สันเป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงที่ผู้บริหารระดับสูงต้องเผชิญ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและการประกันภัย ซึ่งเป็นประเด็นที่กระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนโดยตรง 

ประกันอ่วม!! จ่ายเงินชดเชย ‘ไฟป่าแอลเอ’ สูงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ คาดพุ่งทะลุถึง 5.2 ล้านล้านบาท เหตุ!! ลามถึงเขตอสังหาริมทรัพย์ ราคาแพง

(12 ม.ค. 68) ไฟป่าลอสแอนเจลิส ที่ปะทุขึ้นยังคงลุกลามอย่างต่อเนื่อง แต่คาดการณ์ว่าจะเป็นไฟป่าที่สร้างความเสียหายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ และสูงติดอันดับต้นๆ ของกลุ่มภัยธรรมชาติในสหรัฐอเมริกา

ไฟป่าแอลเอ ครั้งนี้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 11 ราย และทำลายอาคารบ้านเรือนไปกว่า 12,000 หลัง ตั้งแต่วันอังคารที่ 7 ม.ค. ส่งผลให้ชุมชนที่เคยเป็นที่ตั้งของทรัพย์สินมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ต้องพังทลายไปทั้งชุมชน แม้จะยังเร็วเกินไปที่จะสรุปมูลค่าความเสียหายได้อย่างแม่นยำ แต่จากการประมาณการต่างๆ บ่งชี้ว่า ความสูญเสียที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้มีแนวโน้มว่าจะสร้างความเสียหายเป็นมูลค่าสูงที่สุดเท่าที่เคยเกิดไฟป่าสหรัฐมา

การประมาณการเบื้องต้นโดย AccuWeather ระบุว่า ความเสียหายและความสูญเสียทางเศรษฐกิจจนถึงขณะนี้อยู่ที่ระหว่าง 135,000 - 150,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 5.2 ล้านล้านบาท) ในขณะที่ความเสียหายจากพายุเฮอริเคนเฮเลน เมื่อปี 2024 ซึ่งพัดถล่ม 6 รัฐทางตะวันออกเฉียงใต้เมื่อฤดูใบไม้ร่วงที่แล้ว อยู่ที่ 225,000 - 250,000 ล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ จากการเปรียบเทียบข้อมูลจนถึงปัจจุบันพบว่า ไฟป่าแอลเอในครั้งนี้คาดว่าจะสร้างความเสียหายเป็นวงเงินสูงที่สุด ทุบสถิติของไฟป่า Camp Fire ในรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อปี 2018 ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 1.25 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนความเสียหายจาก ‘ภัยธรรมชาติ’ ที่คิดเป็นมูลค่าสูงที่สุดในสหรัฐนั้นยังคงเป็นกลุ่ม ‘พายุเฮอร์ริเคน’ นำโดยเฮอร์ริเคนแคทรีนา เมื่อปี 2005 ที่ความเสียหาย 2.01 แสนล้านดอลลาร์

ทางด้านบริษัทโบรกเกอร์ประกันภัย Aon PLC เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ไฟป่าในเขตลอสแอนเจลิสมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นไฟป่าที่สร้างความเสียหายสูงสุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ แม้ว่าจะไม่ได้ออกประมาณการก็ตาม Aon จัดอันดับไฟป่าที่รู้จักกันในชื่อ Camp Fire ในเมืองพาราไดซ์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ในปี 2018 ให้เป็นไฟป่าที่สร้างความเสียหายสูงสุดในประวัติศาสตร์สหรัฐจนถึงขณะนี้ โดยมีมูลค่า 12,500 ล้านดอลลาร์เมื่อปรับตามอัตราเงินเฟ้อ คร่าชีวิตผู้คนไป 85 ราย และทำลายบ้านเรือนไปประมาณ 11,000 หลัง

สำหรับสถานการณ์เมื่อวันเสาร์ ไฟป่าในแอลเอซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นจากพายุลม Santa Ana และภัยแล้งรุนแรง ยังคงไม่สามารถควบคุมได้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหมายความว่ายอดรวมความเสียหายจากไฟป่ามีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก

ทางด้านบริษัทจัดอันดับเครดิต ‘มูดีส์’ (Moody's) เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ไฟป่าครั้งนี้จะเป็นไฟป่าที่สร้างความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ เนื่องจากได้ลุกลามไปยังพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นและมีอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ แม้ว่ารัฐนี้จะเคยประสบกับไฟป่าครั้งใหญ่มาบ้างแล้ว แต่โดยทั่วไป ไฟป่าจะกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ตอนในที่ไม่มีประชากรหนาแน่น ส่งผลให้มีการทำลายล้างต่อเอเคอร์น้อยลง และส่วนใหญ่จะสร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนที่มีราคาถูกกว่า

แต่ในครั้งนี้ ไฟป่าได้ทำลายทรัพย์สินหลายพันหลังในเขตแปซิฟิก พาลิเซดส์ (Pacific Palisades) และมาลิบู (Malibu) ซึ่งเป็นบ้านของดาราฮอลลีวูดและผู้บริหารระดับสูงหลายคนที่มีทรัพย์สินมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ โดยมีดาราดังหลายคนสูญเสียบ้านเรือนไปจากไฟไหม้ในครั้งนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top