Wednesday, 23 April 2025
นายกแพทองธาร

‘พิชัย’ ยืนยันอยู่ในเหตุการณ์ ชี้ “นายกแพทองธาร”ทำผลงานโดดเด่น เป็นที่ชื่นชมในเวทีโลก แถมยังมีผลงานมาก ดึงต่างชาติลงทุน ด้านความมั่นคงทางอาหาร-ดาต้าเซนเตอร์ ขอเลิกอคติหันมาให้กำลังใจทีมประเทศไทยด้วยกัน

(6 ต.ค. 67) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว. พาณิชย์ กล่าวว่า ทันทีที่กลับถึงไทย ตนได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงการประชุม ACD summit ในครั้งนี้ โดยย้ำว่า เป็นการประชุมที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แสดงบทบาทผู้นำของประเทศไทยอย่างยอดเยี่ยม และเป็นที่ชื่นชมของผู้นำต่างประเทศจำนวนมาก ซึ่งมีผู้นำหลายประเทศมาขอร่วมถ่ายภาพด้วย ล่าสุดติดอันดับ 100 ผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคตของนิตยสาร TIME ในเวทีต่างๆ ท่านนายกฯ ยังได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อผู้นำกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ในเรื่องความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) และการเชิญชวนชาติต่างๆ เข้ามาตั้ง Data Center หรือสถานที่จัดเก็บข้อมูลในประเทศไทย ซึ่งทำให้ประเทศต่างๆ ให้ความสนใจอย่างมาก เช่น UAE,  Qatar, Kuwait, Oman เป็นต้น

รมว. พาณิชย์ กล่าวต่อว่า ตนจึงแปลกใจที่มีการหยิบยกภาพๆ เดียวที่นายกฯ ถือไอแพดขึ้นมาตัดต่อ บิดเบือน ในเรื่องการสื่อสารในเวทีระดับโลก ตนรู้สึกเป็นการวิจารณ์ที่ล้าสมัย ไม่รู้ข้อเท็จจริง และธรรมเนียมปฏิบัติในเวทีโลก ไม่ยุติธรรมต่อคนทำงาน จึงต้องออกมาให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการบิดเบือนใส่ร้าย ในฐานะผู้ที่นั่งอยู่ร่วมในวงประชุมต่างๆ กับท่านนายก ทั้งในเวทีใหญ่ และเวทีทวิภาคี

ต่อข้อวิจารณ์ว่านายกฯ อ่านจากไอแพด นักวิจารณ์บางรายไปบิดเบือนเป็นเรื่อง การทูตIpad ขอเรียนว่า ในเวทีสากลแบบนี้ ทุกอย่างที่อยู่ในห้องประชุม ทั้งการสนทนา การนำเสนอวิสัยทัศน์ การให้ข้อแถลงต่างๆ จะถูกบันทึกไว้ทั้งหมดโดยละเอียด ตนนั่งในห้องประชุมหลังท่านนายกฯ จึงได้เห็นว่าผู้นำทุกชาติ เขาอ่านกันทั้งหมด เพราะเขาระวังความผิดพลาด ถ้าพูดผิด ก็จะทำให้บันทึกการพูดผิดไปด้วย การอ่านทั้งจากเอกสาร หรือไอแพดก็ดีจึงเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่รัดกุมที่ทุกประเทศเขาทำกันหมด

ส่วนในการเจรจา Bilateral หรือทวิภาคีกับชาติต่างๆ ตนนั่งอยู่ในห้องด้วย ท่านนายกพูดเองทั้งหมด นำการประชุมทวิภาคีได้สมศักดิ์ศรี ต้องเข้าใจก่อนด้วยว่า ในการร่วมเวทีระดับสากล จะมีวงหารือทวิภาคีหลายวง และประเด็นในการสนทนา หรือ Suggest Talking Points ที่แต่ละชาติจะหยิบยกขึ้นมาหารือกัน ก็ไม่เหมือนกันทั้งสิ้น การมีกระดาษโน้ต หรือไอแพดไว้ในมือ เพื่อเหลือบมองหัวข้อบ้างตามสมควร จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นและสามารถทำได้ เพื่อให้ประเด็นที่เราหยิบยกขึ้นมาดำเนินไปด้วยความถูกต้องกับที่เราเตรียมการมา ผู้นำชาติต่างๆ ก็ทำแบบนั้นทั้งสิ้น ท่านนายกฯ พูดได้ไหลลื่น มองไอแพดเป็นครั้งคราวเพื่อดูเพียงหัวข้อ ที่ต้องชมมากคือการเจรจา Bilateral ครั้งแรกกับประเทศอิหร่าน ซึ่งสุดหิน เพราะเพิ่งมีสถานการณ์สดๆร้อนๆ แต่ท่านนายกสามารถทำได้อย่างดีเยี่ยม พูดให้เขาสบายใจ ด้วยภาษาดอกไม้ ไม่เข้าข้างใคร ให้ประเทศไทยอยู่ตรงกลาง และในช่วงการสัมภาษณ์สรุปประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการเข้าร่วม ACD summit กับสื่อมวลชนไทยก็ทำด้วยดี จนพวกเราทั้งสามคนที่ยืนอยู่ด้วยหันมาชื่นชมเป็นเสียงเดียวกัน

“ทั้งตัวผม และผู้ที่ร่วมในการประชุม ทั้ง นายมาริษ เสงี่ยมพงศ์ รมว. ต่างประเทศ และนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริเดช เลขาธิการนายกฯ เราได้อยู่ด้วยในทุกฟอรัมที่นายกฯ เข้าร่วม เรายังยืนคุยกันชื่นชมนายกฯ ที่สามารถทำได้ดีเยี่ยม เป็นหน้าเป็นตาให้กับประเทศ อย่างวงทวิภาคี ตนเองยังต้องใช้เวลาฝึกเป็นปีกว่าจะสามารถดำเนินการได้ แต่ท่านนายกฯสามารถทำได้ดีในครั้งแรก จึงอยากออกมาข้อมูลอีกด้าน ในฐานะที่อยู่เหตุการณ์จริง ขอให้เลิกอคติ จับผิดเรื่องเล็กน้อย วันนี้ ขอชวนคนไทยให้กำลังทีมไทยแลนด์ที่ช่วยกันทำงานอย่างหนัก เพื่อเชิญชวนชาติต่างๆ เข้ามาลงทุนในประเทศไทยจะดีกว่า” นายพิชัยกล่าว

'พิชัย' ย้ำ ความสำเร็จ 'นายกแพทองธาร' บนเวทีผู้นำอาเซียน สร้างโอกาสทอง การค้า-การลงทุนให้ประเทศ 

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 44 และ 45 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 9-11 ตุลาคม 2567 ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ว่า “การประชุมอาเซียนครั้งนี้ ตนถือว่าเป็นความสำเร็จของประเทศไทยบนเวทีโลกอีกครั้งหนึ่งต่อจากการประชุม ACD summit ที่กาตาร์ซึ่งตนได้มีโอกาสร่วมคณะผู้แทนไทยที่นำโดยนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ตลอดระยะเวลา 3 วันที่ผ่านมา ในการประชุมอาเซียน ท่านนายกฯ ได้เข้าร่วมการประชุมกว่า 20 วาระ โดยเริ่มต้นตั้งแต่การเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 44 และ 45 ในวันที่ 9 ตุลาคม 67 ต่อด้วยการเปิดเวทีประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 44 ซึ่งเป็นเวทีสำคัญของผู้นำประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของผู้นำและทิศทางนโยบายของประเทศไทยที่ชัดเจน ในการเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจระหว่างกันในมิติต่างๆ ในฐานะที่ประเทศสมาชิกอาเซียนล้วนเป็นคู่ค้าทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ถือเป็นการเปิดโอกาสการเจรจาการค้าการลงทุนต่างๆ อย่างดีเยี่ยม และได้รับความสนใจจากผู้นำประเทศต่างๆ เป็นอย่างมาก”

รมว.พาณิชย์ กล่าวต่อว่า นอกจากการประชุมสุดยอดอาเซียนแล้ว นายกรัฐมนตรีแพทองธารฯ ยังได้นำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมสำคัญอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ประชุมอาเซียน-จีน อาเซียน-เกาหลี อาเซียน-ญี่ปุ่น รวมถึงอาเซียน+3 (จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้) ซึ่งการกล่าวแถลงของท่านนายกรัฐมนตรี ทำให้ในแต่ละเวทีการประชุมให้ความสำคัญในการร่วมมือกันแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประเทศสมาชิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาที่กระทบกับด้านเศรษฐกิจ ที่ท่านนายกให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ทุกประเทศเล็งเห็นถึงความตั้งใจจริงตรงนี้ และหากมีนโยบายการค้าการลงทุนที่สอดรับกัน ก็จะได้สานต่อให้สำเร็จต่อจากนี้

“ภายหลังการประชุม 3 เวทีใหญ่ มีประเทศต่างๆ ขอพบหารือทวิภาคี หรือการหารือสองฝ่าย อาทิ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ กัมพูชา บรูไนดารุสซาลาม เวียดนาม มาเลเซีย แคนาดา เกาหลีใต้ เป็นต้น จนเกิดการประชุมทวิภาคีมากถึง 12 ประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีแพทองธารฯ ให้ความสำคัญกับทุกการประชุม แม้จะกินเวลาช่วงพักเบรกก็ตาม นอกจากประเทศในกลุ่มอาเซียนแล้ว ยังมีประเทศมหาอำนาจ และประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์”

“นับว่าประเทศไทยเนื้อหอมจริงๆ ในการค้าการลงทุน เพราะมีหลายประเทศมารุมขอเข้าประชุม และประเทศอินเดียที่ให้การยอมรับท่านนายกอย่างมาก เนื่องจากเห็นถึงความมั่นคงและชัดเจนของนโยบายผู้นำประเทศไทย สำหรับญี่ปุ่นเอง ก็ยังมีการยืนยันที่จะร่วมลงทุนกับไทยในเขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างต่อเนื่อง และยังมีประเทศอื่นๆ ที่พร้อมจะเข้ามาลงทุนในไทยและขยายโอกาสทางการค้าร่วมกันยิ่งขึ้น ซึ่งผมถือว่าเป็นข่าวดีของประเทศไทยที่เกิดขึ้นจากการทำงานหนักของทีมไทยแลนด์ ของคณะผู้แทนไทยที่นำโดยท่านนายกแพทองธารฯ ซึ่งได้ให้ความสำคัญอย่างมากกับการเจรจาด้านการค้าการลงทุนในเวทีโลก หลังกลับจากกาตาร์ เราก็ได้ยินข่าวดีคือ กลุ่มทุนในประเทศตะวันออกกลางประกาศแผนลงทุนในศูนย์ข้อมูลดาต้าเซนเตอร์ในไทยกว่า 3.2 หมื่นล้าน และจะมีมาต่อเนื่อง ดังนั้น หลังกลับจากการประชุมอาเซียนครั้งนี้ ตนก็คิดว่าจะมีข่าวดีให้คนไทยได้ยินอีกหลายเรื่อง ” นายพิชัย กล่าว

นอกจากการประชุมที่โดดเด่นแล้ว นายกรัฐมนตรียังแสดงให้เห็นถึง Soft Power ที่โดดเด่น สวยงามของไทย โดยแต่งกายผ้าไทยที่สวยงามจนเป็นที่สะดุดตาของสื่อต่างชาติทำให้ถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมาก และยังได้รับคำชื่นชมจากสื่อและประชาชนลาวที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี เห็นได้จากมีการติดตามนายกหญิงของไทยทุกวันที่เข้ามายังสถานที่ประชุม และบางเวลาที่รอประชุมต้องมีการต่อคิวถ่ายรูปกันเลยทีเดียว ซึ่งท่านนายกฯ ก็ให้โอกาสทุกคนได้ถ่ายภาพร่วมกันอย่างเป็นกันเอง 

'นายกแพทองธาร' สั่งพาณิชย์ดึงทุกหน่วยงาน ตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาสินค้านำเข้าไม่มีคุณภาพและธุรกิจต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย เร่งเคาะนโยบาย-มาตรการเร่งด่วน ลดผลกระทบผู้บริโภค

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจจากต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย เนื่องจากการเข้ามาของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากต่างประเทศ ทำให้สังคมมีความกังวลว่าผู้บริโภคในประเทศจะได้รับสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่งเข้ามาขายในประเทศผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ จนเกิดผลกระทบต่อผู้บริโภค และผู้ประกอบการ SME ของไทย โดยองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ จะประกอบไปด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานกรรมการ นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นรองประธานกรรมการ และผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐที่สำคัญ อาทิ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ 

คณะกรรมการชุดดังกล่าว มีหน้าที่และอำนาจในการกำหนดนโยบายและมาตรการที่จำเป็นเร่งด่วนเพื่อบูรณาการหน่วยงานต่างๆ ในการหาแนวทางการแก้ไขปัญหาการนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าไม่มีคุณภาพมาตรฐานจากต่างประเทศกับภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเบื้องต้นได้กำหนดเป็น 5 มาตรการหลัก 63 แผนปฏิบัติการ ได้แก่ 1.ให้หน่วยงานรัฐบังคับใช้ระเบียบ/กฎหมายอย่างเข้มข้น 2.ปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบให้สอดคล้องกับการค้าอนาคต 3.มาตรการด้านภาษี 4.มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ไทย และ 5. สร้าง/ต่อยอดความร่วมมือกับประเทศคู่ค้าเพิ่มขึ้น เพื่อแก้ปัญหาสินค้านำเข้าสู่ตลาดที่ไม่ได้มาตรฐานและราคาต่ำ ในการป้องกันและกำกับดูแล ทั้งสินค้าและธุรกิจที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายควบคู่กับการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ SMEs และ e-Commerce ไทยปรับตัวได้ในโลกการค้ายุคใหม่ ควบคู่ไปกับการสร้างความสมดุลระหว่างระเบียบการค้าโลก คำนึงถึงความปลอดภัยและประโยชน์สูงสุดของประชาชน

นายพิชัยกล่าวว่า ท่านนายกรัฐมนตรี ห่วงใยต่อปัญหาสินค้านำเข้าไม่มีคุณภาพมาตรฐานและธุรกิจต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน จึงได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์เข้าไปช่วยแก้ปัญหา โดยขับเคลื่อนผ่านกลไกภายใต้คณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจจากต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย เพื่อดำเนินการเชิงรุกในการติดตามและเร่งรัดมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และตั้งเป้าให้มีความคืบหน้าอย่างชัดเจนภายใน 3 เดือนและนัดแรกจะจัดประชุมในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าภายใต้คณะกรรมการดังกล่าวเพื่อรับฟังปัญหาอุปสรรคการดำเนินงาน พร้อมทั้งพิจารณามาตรการทั้งในการป้องกันและส่งเสริมเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาวต่อไป

ผู้สื่อข่าวระบุว่า เมื่อเดือนกันยายน 2567 ที่ผ่านมา นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือร่วมกับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุน ไทย-จีน และขยายความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภคชาวไทย ซึ่งได้เร่งรัด TEMU จัดตั้งบริษัทในไทยโดยเร็ว และขอให้จีนช่วยกำกับดูแลมาตรฐานสินค้าส่งออกที่มีให้เข้มข้นและประชาสัมพันธ์ข้อกำหนดเกี่ยวกับมาตรฐานสินค้านำเข้าของไทยให้แก่ผู้ประกอบการจีนด้วย ทั้งนี้ ทางการจีนยินดีให้ความร่วมมือกับไทยเต็มที่ เพื่อความสัมพันธ์อันดีของทั้ง 2 ประเทศ และยินดีสนับสนุนผู้ประกอบการไทย และSMEs เข้าไปเปิดตลาดขายสินค้าในจีน ทั้งผ่านงานแสดงสินค้าและช่องทางออนไลน์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top