Sunday, 20 April 2025
นายกอบจ

ไข่มุกขอบคุณทุกคะแนนเสียงพร้อมทำงานเพื่อประชาชน

'ไข่มุก' เฉลิมขวัญ หล่อตระกูล ว่าที่ นายก อบจ.กาฬสินธุ์ ขอบคุณทุกคะแนนเสียง พร้อมทำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มความสามารถ ย้ำหลังได้รับการรับรอง พร้อมเดินหน้านำทีมงานลงพื้นที่รับฟังปัญหาและความต้องการครอบคลุมทั้ง 18 อำเภอ และจะปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายที่ให้ไว้อย่างมุ่งมั่นและตั้งใจ

เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2565 ที่บ้านพักส่วนตัว ในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ นางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล หรือ“ไข่มุก”ว่าที่ นายกอบจ.กาฬสินธุ์ ได้กล่าวแสดงความขอบคุณทุกคะแนนเสียง ที่พี่น้องประชาชนชาว จ.กาฬสินธุ์ ได้มอบความไว้วางใจเทคะแนนให้อย่างถล่มทลาย ในการเลือกตั้งนายกอบจ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยได้คะแนน 249,093 คะแนน ทิ้งห่างนายชานุวัฒน์ วรามิตร อดีตนายก อบจ.กาฬสินธุ์สมัยที่แล้วถึง 98,650 คะแนน 
นางเฉลิมขวัญ กล่าวว่า ขอกราบขอบพระคุณพี่น้องประชาชนชาว จ.กาฬสินธุ์ ที่ได้มอบความไว้วางใจและให้โอกาสตนชนะในการเลือกตั้งและเข้าไปทำงานครั้งนี้ ซึ่งทุกคะแนนที่ได้รับถือว่าเป็นแรงผลักดันที่จะส่งเสริมกำลังใจให้ตนทำงานอย่างเต็มที่ และเต็มความสามารถ ตามนโยบายที่ให้ไว้ในตอนหาเสียง อย่างมุ่งมั่น ตั้งใจ ไม่ผันแปร และอย่างจริงใจ  

นางเฉลิมขวัญ กล่าวอีกว่า สิ่งแรกที่อยากทำจะได้จับมือ 4 ประสาน กับภาครัฐ ส่วนกลาง ส่วนท้องถิ่น และพี่น้องประชาชน ในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในทุกๆด้าน ลดความซ้ำซ้อนในการให้บริการ เพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องให้ประชาชนชาว จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนต้องตอบแทน และพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาชาวกาฬสินธุ์ โดยหลังได้รับการรับรองจาก กกต.แล้ว จะนำทีมงานลงพื้นที่รับฟังปัญหาและความต้องการครอบคลุมทั้ง 18 อำเภอทันที

สำหรับนางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล  เป็นลูกสาวนายยงยุทธ หล่อตระกูล อดีตนายก อบจ.กาฬสินธุ์ เกิดวันที่ 26 มิถุนายน 2522 ปัจจุบันอายุ 42 ปี  การศึกษาปริญญาตรี บริหารธุรกิจบัณฑิต มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, ปริญญาโท  บริหารธุรกิจบัณฑิต มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ปริญญาโท ศิลปะศาสตร์มหาบัณฑิต (การจัดการภาครัฐและกฎหมายมหาชน) มหาวิทยาลัยนครพนม ประสบการณ์ทำงานเป็นอดีตผู้อำนวยการกองส่งเสริมสุขภาพ อบจ.กาฬสินธุ์, อุปนายกสมาคมกีฬา จ.กาฬสินธุ์, ที่ปรึกษา ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์และประธานหอการค้า จ.กาฬสินธุ์

‘หมออ๋อง’ ถูกแซว!! หลัง 'มนต์ชัย' ครองนายก อบจ.พิษณุโลก คอมเมนต์เอกฉันท์ "ยักไหล่แล้วไปต่อ-ยังมีราชบุรีให้แพ้อีก"

(19 ส.ค. 67) นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 อดีต สส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล และต่อมาอยู่พรรคเป็นธรรม ซึ่งช่วยหาเสียงให้ นางสิริวรรณ คุณประจักษ์นุกูล ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.พิษณุโลก ที่พ่ายแพ้ให้กับ นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ อดีตนายกอบจ.พิษณุโลก โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความยินดีกับนายมนต์ชัยที่ชนะการเลือกตั้ง นายก อบจ.พิษณุโลก ว่า “ขอแสดงความยินดีกับนายกมนต์ชัย เบอร์ 1 ด้วยครับ และขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงของพี่น้องชาวพิดโลกที่ออกมาใช้สิทธิ์ในครั้งนี้ครับ”

ทั้งนี้ จากโพสต์ดังกล่าวของนายปดิพัทธ์ พบว่ามีผู้เข้ามากดถูกใจ, คอมเมนต์ และแชร์ เป็นจำนวนมาก โดยมีคอมเมนต์หลากหลาย แต่ที่น่าสนใจ คือ มีผู้คอมเมนต์ว่า “ยักไหล่ แล้วไปต่อค่ะ” จากนั้นมีผู้เข้ามาตอบเมนต์ดังกล่าวว่า “ยังมีราชบุรีให้แพ้อีก”

‘ชัยวุฒิ’ รวมกลุ่ม ‘สหพรรค’ ปราศรัยเชียร์ ‘รองเอ็ด’ การันตี ‘พูดจริง ทำจริง ซื่อสัตย์’ เหมาะนั่งนายกอบจ. ตาก

(20 พ.ย.67) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ ลงพื้นที่ ช่วย พ.ต.ท.อนุรักษ์ จิรจิตร (รองเอ็ด)อดีต ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หาเสียงในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) พร้อมเปิดเวทีพบปะพี่น้องประชาชนในเขตเทศบาลเมืองจังหวัดตาก 

โดย นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ขอการันตี คุณภาพ รองเอ็ด - พ.ต.ท. อนุรักษ์ จิรจิตร ผู้สมัครหมายเลข 2 ซึ่ง เคยทำงาน ในฐานะ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ ตอนทำงานกับตน เป็นคนพูดจริง ทำจริง มีความซื่อสัตย์ มีคุณธรรม ทุกครั้ง ที่พูดคุยกันก็จะพูดถึงพื้นที่จังหวัดตาก มีความเป็นห่วงและมีใจอยากพัฒนาบ้านเกิดของตนเอง เห็นได้จากการ ผลักดันโครงการพัฒนาอ่างเก็บน้ำแก้ภัยแล้ง ผลักดันงบประมาณทำถนนอุ้มผาง คลองลาน หรือโครงการเน็ตประชารัฐเพื่อคนบนดอย  

“เหตุผลที่พวกเรามารวมกันในวันนี้ก็เพื่อจะเปลี่ยนจังหวัดตากให้ทันสมัย ให้มีอนาคต ให้ลูกหลานบ้านเราผมขอโอกาส ให้ รองเอ็ด เบอร์2 พ.ต.ท.อนุรักษ์ จิรจิตร คนพันธุ์ตากด้วยครับ”

ขณะที่ รองเอ็ด – พ.ต.ท.อนุรักษ์ จิรจิตร ผู้สมัครหมายเลข 2 กล่าวว่า ในฐานะคนพันธุ์ตาก มีความตั้งใจที่จะมาเปลี่ยนแปลงจังหวัดตากให้ดีขึ้น ยกระดับให้เป็นเมืองหลัก ไม่ใช่เมืองรอง ซึ่งมีโครงการที่จะดำเนินการ เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างเท่าเทียม ส่งเสริมประเพณีท้องถิ่น ส่งเสริม Event ขนาดใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในพื้นที่ รถเข็น ล้อเลื่อน แผงลอย ค่าเช่าที่ ต้องเป็นธรรม พร้อมจะจัดตั้งอบจ. ส่วนแยกแม่สอด พร้อมกับพัฒนา โรงเรียน อบจ. ยกระดับ ทีมแพทย์ฉุกเฉิน ส่งเสริมการตลาดชนเผ่า MOU ท้องถิ่น เครื่องจักรยืมใช้ฟรี กู้ภัยทันที จัดหาแหล่งน้ำ คนตากต้องไม่ขาดน้ำ สร้างอินฟลูเอนเซอร์ท้องถิ่น ตากน่าพัก น่าเที่ยว ส่งเสริมกีฬา ปั้นทีมฟุตบอลตาก เป็นต้น                           

สำหรับบรรยากาศการเปิดเวทีปราศรัย เป็นไปอย่างคึกคัก ท่ามกลางเสียงสนับสนุนจากประชาชน ชาวจังหวัดตาก ที่อยากเปลี่ยน โดยมีการรวมตัวกันของกลุ่มการเมืองต่างขั้ว สลับกันขึ้นปราศรัยพบปะประชาชน นอกจากนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังมีนายรัชต์พงศ์ สร้อยสุวรรณ  สส. พรรคประชาชน นายประสงค์ นามเสถียร อดีตผู้สมัครสส.เขต1ตาก พรรคพลังประชารัฐ คุณนายเบียร์ สวนป่าตากา แกนนำยุทธศาสตร์อดีตผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทยเขต 1 นายชาติชาย ขวัญวารี อดีตผู้ช่วยผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อชาติ เขต 2 อี๊ด เมืองตาก อดีตแกนนำคนเสื้อแดงตาก ทั้งหมดเรียกว่า 'สหพรรค' เพื่อ ร่วมใจสนับสนุน 'รองเอ็ด' พ.ต.ท.อนุรักษ์ จิรจิตร ผู้สมัครนายก อบจ.ตาก เบอร์ 2 ซึ่งการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตากจะมีขึ้นในวันที่ 15 ธันวาคมนี้

ศึกชิงอบจ. เดือด!! ทั่วประเทศ จับตา ‘นายใหญ่’ เดินหน้ารุกฆาต!! ฟื้นคืนพื้นที่อีสาน รักษาฐานที่มั่นภาคเหนือ ตีกิน กลาง ตะวันออก

(15 ธ.ค. 67) “ผมแพ้ผมก็ไม่เสียดาย  แต่ต้องมีการตายเกิดขึ้น  คนที่โกส่งก็ต้องตาย..”

บางถ้อยคำของเทปลับที่สะพัดจากสื่อโซเชี่ยลและสื่อหลัก  หลังการสังหารโหด ‘สจ.โต้ง’ นายชัยเมศร์  สิทธิสนิทพงศ์  ในบ้าน ‘โกทร’ สุนทร   วิลาวัลย์  นายกอบจ.ปราจันบุรี เมื่อ ค่ำวันที่ 11 ธ.ค. 2567

การตายของสจ.โต้งโยงใยให้มองเห็นได้ว่า เกมการเลือกตั้งนายกอบจ.ที่กำลังจะระเบิดศึกเดือดพลั่ก..และการเมืองใหญ่หรือการเมืองระดับชาติกำลังจะประดาบทำสงครามกันครั้งใหญ่..

กรณีปราจีนบุรี..แต่เดิมมีร่องรอยชัดเจนว่า  ‘สจ.จอย’ ณภาพัช  อัญชาสาณิชมน   รองประธานสภาอบจ.ปราจีนบุรี   ภรรยาสจ.โต้ง จะได้ลงสมัครนายกอบจ.หลังจากโกทรประกาศวางมือ...แม้กระทั่งทักษิณ  ชินวัตร   ก็เปิดปากยอมรับกับนักข่าวเมื่อ 13 ธ.ค.ว่าพรรคเพื่อไทยมีการติดต่อสจ.จอยจริง  แต่เมื่อเกิดเหตุอย่างนี้คงจะเปลี่ยนใจแล้ว..

มีการตั้งคำถามกึ่งเป็นคำตอบว่า...สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะมีการเปลี่ยนแผนเปลี่ยนใจให้สจ.จอยเปลี่ยนเสื้อจากภูมิใจไทยไปเป็นเพื่อไทย บวกกับบ้านเล็กบ้านน้อยที่กดดันไม่ให้ ‘โก’ หนุนคนของสจ.โต้งหรือไม่...จึงเกิดฉากสังหารเกิดขึ้น..!!??

เรื่องคดีปล่อยให้ตำรวจยุค..บิ๊กต่าย ผบ.ตร.,บิ๊กอ้อ ผช.ผบ.ตร.ที่กำลังขึ้นหม้อ  ชาวประชาให้ความเชื่อถือพิสูจน์ฝีมือกันต่อไป...แต่การล้างบางมาเฟียที่ประกาศโดย ‘นายกทับซ้อน’ นั้น  ต้องจับตาดูว่าเป็นแค่ราคาคุยหาเสียงล่วงหน้า  หรือว่าจะเกิดขึ้นจริงๆ..

กลับมาโฟกัสที่การเลือกตั้งนายกอบจ./ส.อบจ.กว่า 40 จังหวัดในวันที่ 1 ก.พ.2568  ที่มีแนวโน้มว่าจะดุเดือดเลือดพล่าน...เพราะจะเป็นการเลือกตั้งที่พรรคการเมืองแต่ละพรรคมุ่งจะปักธงชัยชนะเพื่อรักษาคะแนนนิยม,รักษาบ้านใหญ่ เพื่อผลสุดท้ายนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งระดับชาติในครั้งหน้าซึ่ง โอกาสเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ปี2568-2570

ขีดเส้นใต้สิบเส้น...การที่ทักษิณพูดถึงกรณีปราจีนบุรี และการปรากฎการณ์กรณีอุดรธานี,อุบลราชธานี...บวกกับโปรแกรมที่”นายใหญ่”จะไปช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยและคนในร่มธงเพื่อไทยช่วงปลายปีนี้และต้นปีหน้า   ถูกออกแบบ-วางแผนไว้เป็นอย่างดี..

สอดประสานกับการเดินเกม..งานใต้ดินที่ ‘นายใหญ่’ ต้องใช้บริการจาก ‘ผู้กอง’ ผู้กว้างขวางที่เพิ่งเผด็จศึกแนวรบบ้านในป่ามาสดๆ ร้อนๆ..

อันที่จริงเกมของ ‘นายใหญ่’  ก็ไม่น่าจะอ่านยาก  1) ตรึงจังหวัดสำคัญ ฟื้นคืนพื้นที่อีสานฐานที่มั่นใหญ่ไห้ได้สส.เขตที่อีสานรอบหน้าอย่างน้อยสุด 100 เสียงขึ้นไป  2)ฟื้นภาคเหนือ โดยเฉพาะเชียงใหม่ นายกอบจ.ก๊อง-พิชัย  เลิศพงศ์อดิศร  อาจจะไม่สวมเสื้อเพื่อไทยแต่ต้องรักษาแชมป์ไว้ให้ได้เพื่อเอาสส.เพื่อไทยสมัยหน้ากลับมาให้ได้จากที่เหลืออยู่ 2 คน ให้กลับมาเป็นอย่างน้อย 8 หรือยกจังหวัด10คน..

และ3) สำคัญไม่ยิ่งหย่อนเคลียร์พื้นที่ภาคกลาง(รวมภาคตะวันออก)...ถึงนาทีนี้ ‘นายใหญ่’ และเครือข่ายเดินเงียบ  โดยเฉพาะแนวรบด้านตะวันออก ตั้งแต่ฉะเชิงเทรา,ชลบุรี,ระยอง,จันทบุรี และตราด..เรียบร้อยหมดแล้ว..เหลือแต่ปราจีนบุรีและนครนายก  ที่ปิดจ๊อบยังไม่จบ..โดยเฉพาะที่ปราจีนบุรี  ต้องรอดูเจ้าของพื้นที่สีน้ำเงินว่าจะออกอาวุธอย่างไร แบบไหน..คงไม่ปล่อยให้สูญเสียพื้นที่อาณาเขตทางการเมืองของตัวเองไปได้ง่ายๆ

รวมความแล้วเกมที่ดูเหมือนจะไม่ยากนักสำหรับคนระดับทักษิณ  แต่เมื่อส่องกล้องมองในรายละเอียด   เกมชิงนายกอบจ.40กว่าจังหวัดต้นปีหน้าก็ใช่ว่าจะเป็นรายการเคี้ยวหมู..อุปสรรคใหญ่ที่เป็นก้างขวางคออยู่ในขณะนี้ก็คือ...พรรคประชาชนที่ปักธงส่งผู้สมัครแบบหวังผลอย่างน้อย 12 จังหวัด, พรรคภูมิใจไทย ที่ ‘ครูใหญ่’เนวิน   ชิดชอบ  ยังกบไพ่เงียบ..เปิดออกมาเมื่อไหร่ไม่ใครต่อใครก็อาจเป็นลม..เหมือนตอนเลือกตั้งสว.สภาน้ำเงิน ก็ได้..

ยิ่งนาทีนี้ ‘นายใหญ่’ ออกตัวแรงในทุกๆ ด้านแม้กระทั้งกรณีกึ่งขับไล่ ด้อยค่าพรรคร่วม..ก็ใช่ว่าจะเป็นผลบวกในทุกๆเรื่องเสมอไป!!

บึงกาฬ-สนามบึงกาฬเดือด2พรรคใหญ่ส่งชิงนายกฯ-ส.อบจ.

สนามการเมืองท้องถิ่น ชิง นายกอบจ. และ ส.อบจ. วันแรกคึกคัก โดยครั้งนี้มีตัวแทนจากพรรคใหญ่ อย่างพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย ส่งตัวแทนชิงเก้าอี้อย่างดุเดือด

เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 23 ธ.ค.ผู้สื่อข่าวรายว่า ที่บริเวณโดมเอนกประสงค์ สำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ที่ กกต.ใช้เป็นสถานที่รับสมัครเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ซึ่งเป็นวันรับสมัครวันแรก ท่ามกลางบรรยากาศคึกคักของกองเชียร์และผู้สมัครมีมาเฝ้ารอตั้งแต่เช้าตรู่ ประมาณ 07.30 น. ซึ่งก่อนถึงเวลารับสมัคร โดยทางคณะกรรมการจัดการเลือกตั้งได้จัดเตรียมสถานที่ไว้อย่างเป็นระบบ จัดโซนผู้สมัคร ผู้ติดตามและกองเชียร์อย่างชัดเจน

นายวนาชาติ วงศ์พุทธา ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ ในฐานะ ผอ.การเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ  พร้อมเจ้าหน้าที่คณะกรรมการ คอยรับสมัครและอำนวยความสะดวกให้กับผู้มารับสมัคร โดยในวันนี้มีผู้มาสมัครชิงตำแหน่งนายก อบจ.จำนวน 3 คน โดยคนแรกเป็นว่าที่ร้อยตรีภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว กลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 พร้อมคณะผู้สมัคร สจ.จากกลุ่มเพื่อไทบึงกาฬ ที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทย คนที่ 2 นายฉัตราวุฒ ทองสัมฤทธิ์ ในนามอิสระ คนที่ 3 นางแว่นฟ้า ทองศรี ดีกรีภริยา ดร.ทรงศรี ทองศรี รมช.มหาดไทย อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ(แชมป์เก่า) พร้อมคณะผู้สมัคร สจ.จากกลุ่มฅนบึงกาฬ ที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคภูมิใจไทย 

หลังจากนั้น ทางคณะกรรมการจึงได้ให้ตามเวลาลงทะเบียนการรับสมัคร รับเบอร์ผู้สมัครนายก อบจ. ผลปรากฏว่าการลงทะเบียน ว่าที่ร้อยตรีภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น กลุ่มเพื่อไทบึงกาฬ จากพรรคเพื่อไทย ได้เบอร์ 1
นายฉัตราวุฒ ทองสัมฤทธิ์ ได้เบอร์ 2 ในนามอิสระ
นางแว่นฟ้า ทองศรี จากพรรคภูมิใจไทย ได้เบอร์ 3 จากนั้นคณะกรรมการได้ดำเนินการจับสลากผู้สมัคร สมาชิก อบจ.ในแต่ละเขต ทั้ง 24 เขตซึ่งเหตุการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ท่ามกลางกองเชียร์ที่เดินทางมาให้กำลังใจและมอบดอกไม้ พวงมาลัยคล้องคอ ผูกผ้าขาวม้า กันอย่างคึกคักให้กับผู้สมัครของตนที่มาสมัครและจับสลากเอาเบอร์

ส่วนพรรคประชาชน ส่งผู้สมัครแค่สมาชิก อบจ. 2 เขต มี ส.อบจ.เมืองบึงกาฬ เขต 1 และ ส.อบจ.เซกา เขต 3 เท่านั้น

ด้านนายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัด กล่าวว่า เชิญชวนประชาชนชาวบึงกาฬออกมาใช้สิทธิ์ ในครั้งนี้ให้มากๆ เลือกคนที่ท่านรักที่ท่านชอบ ช่วยบริหารท้องถิ่น พัฒนาบึงกาฬร่วมกัน และยืนยันว่า การเลือกตั้งนายก อบจ. และ ส.อบจ. บึงกาฬ ด้วยความโปร่งใส และยุติธรรม 

ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

ทักษิณ' ช่วย 'ภูมิพันธ์' หาเสียง อ้อนชาวบึงกาฬ เลือกเป็นนายกอบจ.คนใหม่ 

(19 ม.ค. 68) เวลา 9.00 น. ที่จังหวัด​บึงกาฬ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศรัยที่สนามกีฬาโรงเรียนบึงกาฬ อ.เมือง จ.บึงกาฬ เพื่อช่วยหาเสียงให้กับว่าที่ร้อยตรี ภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น ชิง นายก อบจ.บึงกาฬ

โดยทันทีที่นายทักษิณเดินทางมาถึงเวทีมีมวลชนจำนวนมากรอต้อนรับ สวมเสื้อสีแดง พร้อมผ้าคาดหัวที่สกรีนเบอร์ผู้ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยทำให้บริเวณหน้าเวทีปราศรัยกลายเป็นลานสีแดง หลายคน ชูป้ายให้กำลังใจนายทักษิณบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

นายทักษิณ กล่าวทักทายว่า "คิดฮอดหลาย"พร้อมบอกว่า เมื่อกี้ถูกสาวบึงกาฬจีบหลายคนบอกว่าตนเองยังหล่ออยู่ ความจริงมันเฒ่าแล้วเดือนกรกฎาคมนี้จะอายุ 76 แล้วแต่ หัวใจยังสะออนอยู่ หัวใจยังอยู่กับพี่น้องประชาชนยังอยากคอยดูแลเป็นห่วงเป็นใยพี่น้อง บ้านเมืองนี้หลัง หลายคนบอกว่าคิดถึงผมจริงหรือเปล่าครับ สิ่งหนึ่งที่ผมมีความเกี่ยวข้องกับคนบึงกาฬตรงๆคือเมื่อปี 2546  ตอนนั้นผมเป็นนายกไปประชุมครม.สัญจรที่ภูเก็ต ได้สั่งยกเลิกมติครม.สมัยคุณชวน ที่บอกว่าไม่ขยายพื้นที่ปลูกยางพารา ผมให้เพิ่มพื้นที่ปลูกยางพาราอีก 1ล้านไร่ ซึ่งวันนี้บึงกาฬก็ล้านไร่ไปแล้ว 

จากที่ตนออกไปมันขาดการบริหารอย่างมีเป้าหมายไปเยอะ เรียกว่าบริหาร โดยไม่บริหาร บ้านเมืองก็เลยแย่ไปหลายจุด ในฐานะที่ตนเองเป็นอดีตนายกฯ ได้รับพระเมตตาพระมหากรุณาธิคุณ จึงคิดว่าอยากทำให้บ้านเมืองดีขึ้น 

วันนี้ท่าทางคนบึงกาฬอารมณ์ดี สงสัยจะไม่มีความทุกข์ ถามว่ามีทุกข์หรือมีหนี้หรือไม่ และไปลงทะเบียนเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้แล้วหรือไม่ ราคายางพาราดีขึ้นไหม

นายทักษิณ ถามชาวบึงกาฬใครดูข่าวที่นายกรัฐมนตรีไปเปิดบ้านเพื่อคนไทยบ้างผ่อนเดือนละ 4,000 บาท มีคนแห่ไปกดจอง 23​ ล้านคน ซึ่งโครงการแรกเพิ่งสร้างได้ 4,700 หลังต้องจับฉลากกันตาตั้งเลย

นายทักษิณ ถามต่อถึงปัญหายาเสพติดในพื้นพื้นที่​ โดยถามว่าต้องการให้จัดการหรือไม่เอาแบบไหนดี ตอนตนไปหาเสียงช่วยนายกอบจ. ที่อุดรธานี

ก็ได้ฝากบอกพี่น้องกลับไปบอกพ่อค้ายาเสพติด​ ว่าทักษิณกลับมาแล้ว ทักษิณไม่ใช่ไม่ชอบพ่อค้ายาแต่เกลียดเลย ถ้ายังขายยาอยู่มันอยู่ด้วยกันไม่ได้ พร้อมฝากบอกชาวบึงกาฬเช่นเดียวกันว่าทักษิณมาแล้วแม้จะแก่แล้วก็เหมือนเดิม

นายทักษิณ ถามชาวบึงกาฬว่า อยากให้สร้างบ้านเพื่อคนไทยบ้างหรือไม่ ซึ่งบ้านเพื่อคนไทยไม่ใช่บ้านเพื่อคนจนแต่เป็นบ้านให้ทุกคนที่มีความฝันอยากมีบ้านได้มีบ้าน เมื่อก่อนเราอยากมีบ้านต้องหาเงินดาวน์ก่อน แต่เมื่อเก็บเงินได้ ราคาบ้านก็ขยับขึ้น วันนี้จึงเอาที่หลวงซึ่งเป็นที่รถไฟที่ติดกับรถไฟฟ้า ที่จะมีรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายในอนาคตมาเป็นพื้นที่ที่ทำโครงการ ส่วนในต่างจังหวัดก็ใช้ที่ของกรมธนารักษ์ ที่ราชพัสดุที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาสร้างโดยที่เชียงใหม่กำลังจะเริ่มทำ ส่วนที่บึงกาฬ เดี๋ยวให้นางนพร​ เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมช่วยดู ว่าที่ตรงไหนที่ไม่ได้ใช้ เหมาะสมกับการทำที่อยู่อาศัยหรือไม่ เราจะได้มาสร้างกัน วันนี้กะว่าจะสร้างทั่วประเทศ 1,000,000 ยูนิต แต่ยังไม่พอเพราะยังมีประชากรจำนวนมากที่ยังไม่เคยมีบ้านเป็นของตัวเองแม้จะหนักแต่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจมีการก่อสร้างการรับจ้าง ที่สำคัญคือบ้านเพื่อคนไทยใช้ระบบส้วมไฟฟ้า ส่วนเรื่อง Entertainment Complex ว่ามันก็เหมือนที่ลาสเวกัส มีสนามกีฬา มีหอประชุม มีการจัดงานอะไรสารพัดอย่าง มีสวนน้ำ มีบางคนจะเสนอแม้กระทั่งจะสร้างที่เล่นสก็บนหิมะ แต่พื้นที่ใหญ่ ๆ นี้จะใช้พื้นที่ไม่ถึง 10% ทำเป็นคาสิโน เหมือนที่สิงคโปร์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาใช้ตังค์ มาท่องเที่ยว ซึ่งแต่ละแห่ง จะสร้างงาน​ 20,000 คน และเงินเดือนไม่ต่ำกว่า 20,000 บาทเพื่อรายได้ต่างๆเข้าประเทศ อันนี้เป็นแนวที่รัฐบาลได้ทำต่อเนื่องจากจากรัฐบาลที่แล้ว หลังจากถามความเห็นและมีคนคัดค้านน้อยมาก 

โดยจะต้องทำให้มีการควบคุมให้ถูกต้อง คนไทยจะไปเล่น ต้องเป็นคนมีฐานะ ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวหมดตัวอันนี้เราจะดูแลอย่างใกล้ชิดและถูกต้องตามหลักตามที่ประเทศพัฒนาแล้วเขาทำกัน

นายทักษิณ ยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลรับช่วงมาก็เป็นหนี้ตั้ง 60% ของจีดีพี วันนี้จึงต้องพยายามทำให้มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ให้เงินสะพัดคล่องขึ้นให้ประชาชนมีเงินใช้ เอาให้เหมือนตอนตนอยู่ไทยรักไทย

"วันนี้ต้องทำให้คนไทยมีเงินในกระเป๋าเพราะตอนนี้ส่วนใหญ่ล้วงออกมาก็เจอตั๋วจำนำ ก่อนครบเทอมของรัฐบาลนี้ล้วงกระเป๋าไปตั๋วจำนำหาย ปี 2569 ล้วงไปมีเงินแล้ว และในปี2570

กลับมาอีกทีจะล้วงไม่ลงเพราะเงินเยอะไป แน่นกระเป๋า ที่พูดมีความตั้งใจและมั่นใจว่าเอาไหวแน่แม้ตอนนี้จะลำบากก็ต้องสู้เอาจนได้ ผมเป็นคนไม่เคยยอมแพ้อะไร แพ้แต่เมีย" นายทักษิณกล่าววันนี้เราต้องยอมรับว่าเงินมันแห้ง หาเงินเท่าไหร่เขาก็ดูดกลับไปหมด ซึ่งตนเองเรื่องนี้ ตนเองไม่ยอม คนต่างจังหวัดทำงานแทบตายแม้จะมีเงินน้อยนิดก็ต้องให้มีสภาพคล่องอยู่ในจังหวัด คนต่างจังหวัดเหมือนปลาวางไขในคลองถ้าเขาดูดน้ำไปหมดก็วางไข่ไม่ได้ วันนี้จะดูดกลับให้พี่น้องถ้าเขาไม่ให้ดูดน้ำคลองกลับตนเองก็ยอมเติมน้ำขวด ขอเวลาตนนิดหนึ่ง ทำเต็มที่ คิดไม่หยุดและไม่หยุดทำและไม่หยุดส.ท.ร.(เสือกทุกเรื่อง)

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ตนเองกลับมาลูกสาวเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกฯ กับตนเองหน้าตาเหมือนกันหรือไม่ ตามตนเองหาเสียง ตอนตั้งพรรคไทยรักไทย ตอนตนเองเป็นรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศนายกอิ๊งค์อายุ 8 ขวบ พวงมาลัยดาวเรืองนายกฯ เขาสวมตั้งแต่อายุ 8 ขวบ เขาอยู่กับการเมืองมาวิธีคิดวิธีพูดก็เหมือนกันระหว่างไปอยู่ต่างประเทศเขาก็ไปหาตนเองแทบทุกเดือน ขณะท้องก็ไปหาแต่งงานยังไปจัดพิธีที่ฮ่องกง เพราะมาร่วมงานที่เมืองไทยไม่ได้ ถือว่าเป็นลูกที่ใกล้ชิดมาก ดังนั้นวิธีคิดวิธีพูดวิธีทำงานเหมือนกันแม้ไม่ได้คุยกันแต่เวลาเขาให้สัมภาษณ์มันตรงกับเราทุกอย่าง ดังนั้นท่านก็มีนายกตัวจริงคือแพทองธาร มีเงาอยู่ข้างหลังคือเงาแก่ ๆ คนนี้

นายทักษิณ ยังระบุว่า บึงกาฬ ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ดี มียางพาราเป็นฐานเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ไปเราต้องพัฒนาบึงกาฬ ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวให้ได้ ให้ราคายางพาราเพิ่มขึ้น พี่น้องชาวบึงกาฬจะได้ลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง ผมเป็นคนไม่เคยยอมแพ้อะ ไร แม้แต่เมียตื้นตัน ใจที่พี่น้องชาวบึงกาฦมากันเยอะ แดดออกก็ไม่หนี น่ารักมาก แบบนี้ผมต่องขยันมาแล้ว ซี่นใจจริงๆ ผมเป็นโรค ที่ถ้าไปไหนแล้วประชาชนมาให้การต้อนรับกันเยอะๆ จะมีความสุข ท่าให้คนแก่มีความรู้สึก กระชุ่มกระชวย แล้วรู้สึกไม่แก่ มาวันนี้จึงขอคะแนนเสียงให้ เลือกนายกอบจ.คนหนุ่มๆ ไฟแรง แล้วมีคนแก่ๆ ให้คําปรึกษา มีรัฐมนตรีมนพร และสส.นิพนธ์ คอยเป็นพี่เลี้ยง แบบนี้ใช้ให้เต็มที่เลย ถึงเวลา ต้องเปลี่ยนนายก อบจ. เอานายกภูมิพันธ์ เบอร์ 1 และอย่าลืมเลือกสมาชิก อบจ.เข้าไปด้วย ไม่งั้น ทํางานคนเดียวลําบาก" นายทักษิณ กล่าว 

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า พี่น้องน่ารักกัน จริงๆ ขอขอบคุณมากที่แดดออกก็ไม่หนี แสดงว่ายัง พอรักตนมากอยู่ อยากให้ตนมาหาบ่อยๆ หรือไม่ เลือกเบอร์ 1 หน่อย อย่างน้อยตนก็แวะมานั่งกินกาแฟไข่กระทะกับนายก อบจ.คนใหม่ จะได้แวะมาหาพี่ น้องประชาชน ขอฝากนายภูมิพันธ์ เบอร 1 ไว้ให้เป็นนายก อบจ.คนใหม่ ตนเป็นคนบ้ายอ อยากยอตน ง่าย นิดเดียวแค่เลือกนายก อบจ.และทีมให้ตน ตนก็มี ความสุข ยัง ไงก็ขอพี่น้องชาวนบึงกาฬ ตนมาขอถึงที่แล้ว ยังไงก็ขอเบอร์ 1 และทีม สจ.ทั้งหมด ให้เป็นกําลังใจตน ตนจะได้มาห่างานพี่น้องต่อไป

ข่าว/ภาพ​ ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล บึงกาฬ 0961464326

‘อ.สุริยะใส’ มอง!! ต้องวางกรอบภารกิจให้ชัดเจน ‘การเมืองท้องถิ่น-การเมืองระดับชาติ’ ชี้!! หากขาดสมดุล สุดท้ายก็สูญเปล่า ทำให้การเมืองไทย อยู่ในแค่วังวน การเลือกตั้ง

(9 ก.พ. 68) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดี วิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และ ผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ การเลือกตั้ง ‘นายก อบจ.’ โดยมีใจความว่า ...

ภูมิทัศน์การเมืองไทย หลังเลือกตั้งนายก อบจ.

ผลการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ ชี้ให้เห็นถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของพรรคการเมืองระดับชาติในเวทีการเมืองท้องถิ่น ซึ่งอาจส่งผลต่ออนาคตของการเมืองไทยในหลายด้าน

1.ผลการเลือกตั้งและการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
จากผลการนับคะแนนจากทั้ง 47 จังหวัดที่มีการเบือกตั้ง นายก อบจ.พบว่า ผู้สมัครที่สังกัดและประกาศตัวในนามพรรคการเมืองระดับชาติสามารถคว้าชัยชนะในระดับท้องถิ่นได้มากกว่าร้อยละ 90 
ส่วนผู้ที่ อ้างว่าลงนามอิสระที่ได้รับเลือกตั้งก็ไม่ได้อิสระจริงทั้งหมด แสดงถึงการขยายอิทธิพลของพรรคการเมืองระดับชาติเหล่านี้เข้าสู่การเมืองท้องถิ่นอย่างชัดเจน
ก่อนหน้านี้ การเมืองท้องถิ่นมักขับเคลื่อนโดย นักการเมืองท้องถิ่นที่มีฐานเสียงจากประชาชนในพื้นที่ แต่การเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้ เห็นชัดว่าพรรคการเมืองระดับชาติเป็นผู้กำหนดทิศทางของการเลือกตั้ง
เมื่อนักการเมืองระดับชาติลงมามีบทบาทในการชี้นำผลการเลือกตั้ง เช่น คุณทักษิณ ชินวัตร ที่แสดงออกชัดเจนในการสนับสนุนผู้สมัครพรรคเพื่อไทย หรือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ใช้เครือข่ายของพรรคภูมิใจไทยในการสนับสนุนผู้สมัครของพรรค
ผู้สมัครที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองระดับชาติ แทบไม่มีโอกาสได้รับเลือก เพราะกระแสพรรคการเมืองมีอิทธิพลมากกว่าตัวบุคคล

2.บทบาทของนักการเมืองระดับชาติในเวทีท้องถิ่น
การที่พรรคการเมืองระดับชาติใช้การเลือกตั้งท้องถิ่นเป็นเวทีเผชิญหน้าหรือแข่งขันทางการเมือง ส่งผลให้ปัญหาท้องถิ่นอาจถูกบดบังด้วยประเด็นการเมืองระดับชาติ ผู้สมัครหลายคนมุ่งเน้นการนำเสนอนโยบายที่สะท้อนถึงทิศทางของพรรคมากกว่าการแก้ไขปัญหาเฉพาะของพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้ความต้องการและปัญหาที่แท้จริงของชุมชนไม่ได้รับการแก้ไขอย่างตรงจุด

3.ดาบ 2 คม อนาคตของการเมืองท้องถิ่น
การเข้ามามีบทบาทของพรรคการเมืองระดับชาติในเวทีท้องถิ่น อาจทำให้การเมืองท้องถิ่นสูญเสียความเป็นอิสระ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของเกมการเมืองระดับชาติ 
อย่างไรก็ตาม หากพรรคการเมือง สามารถผสานนโยบายระดับชาติให้สอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่นได้ ก็อาจเป็นโอกาสในการพัฒนาพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ

4.นัยยะต่อ การเมือง ระดับชาติ
ผลการเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้ อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงแนวโน้มในการเลือกตั้ง สส. ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พรรคที่ประสบความสำเร็จในระดับท้องถิ่นสามารถใช้โครงสร้างและเครือข่ายที่มีอยู่เพื่อสนับสนุนผู้สมัคร สส.ของพรรค 
นอกจากนี้ การที่พรรคการเมืองระดับชาติได้รับชัยชนะในระดับท้องถิ่น ยังช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้สนับสนุน และเพิ่มโอกาสในการได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมในการเลือกตั้ง

5. อนาคตผู้นำและขั้วการเมือง
ต้องยอมรับว่าบารมีทางการเมืองของคุณทักษิณ ชินวัตร หดหายไปมากพอสมควร เพราะในพื้นที่ที่มีความแน่นอนกลับไม่มีความแน่นอนอีกต่อไป การคาดหวังจำนวนสส. ในการเลือกตั้งครั้งหน้าในระดับ 200 ขึ้นไปจึงเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ ในขณะที่ค่ายสีน้ำเงินบทบาทของคุณอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ได้เพิ่มมาในพื้นที่สำคัญหลายจังหวัด ก็จะส่งผลให้ฐานะทางการเมืองของคุณอนุทิน เข้าใกล้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมากขึ้น เพราะมีต้นทุนเดิมจากสภาสูงอยู่แล้วและจำนวน สส. รอบหน้าก็มีแนวโน้มทะลุ 100 ยิ่งถ้ากระแสแดงและส้มอ่อนลง ก็ยิ่งเป็นประโยชน์โดยตรงกับค่ายสีน้ำเงินอยู่แล้ว

6.บทสรุป 
สังคมไทยต้องตอบและวางกรอบให้ชัดถึงบทบาท และภารกิจของการเมืองท้องถิ่นกับการเมืองระดับชาติและยุทธศาสตร์กระจายอำนาจต้องวางสมดุลให้ชัดเจนกว่านี้ ไม่เช่นนั้นการเลือกตั้งบ่อยๆ ถี่ๆ ทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นแต่ไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ขับเคลื่อนการเมืองไทยได้อย่างมีรูปธรรมและเกิดการพัฒนา ทางการเมืองอย่างแท้จริงสุดท้ายก็อาจสูญเปล่า ทำให้การเมืองไทยอยู่ในวังวนแค่การเลือกตั้งเท่านั้น

กกต.ประกาศรับรองผลนายกอบจ.ล็อตแรก 10 จังหวัดแล้ว

เมื่อวันที่ (24 ก.พ. 68) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกเอกสารข่าวแจ้งผลการพิจารณาของ กกต.เกี่ยวกับการประกาศผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด กรณีครบวาระ ที่ได้จัดการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 และได้มีมติประกาศผลการเลือกตั้ง ตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.ประกาศผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด จำนวน 10 จังหวัด ได้แก่ 1.จ.น่าน นายนพรัตน์ ถาวงศ์ 2.จ.หนองคาย นายวุฒิไกร ช่างเหล็ก 3.จ.บึงกาฬ นางแว่นฟ้า ทองศรี 4.จ.ศรีสะเกษ นายวิชิต ไตรสรณกุล 5.จ.นครปฐม นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ 6.จ.สิงห์บุรี นายศุภวัฒน์ เทียนถาวร 7.จ.กระบี่ นายสมศักดิ์ กิตติธรกุล 8.จ.พัทลุง นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร 9.จ.ยะลา นายมุขตาร์ มะทา และ 10 จ.นราธิวาส นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน

และประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด จำนวน 19 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ น่าน หนองคาย เลย บึงกาฬ ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี สระแก้ว อุทัยธานี นครปฐม สิงห์บุรี ชัยนาท กระบี่ พัทลุง ยะลา และนราธิวาส

ทั้งนี้ การประกาศผลการเลือกตั้งดังกล่าว ไม่เป็นการตัดหน้าที่และอำนาจของ กกต.ที่จะดำเนินการสืบสวน ไต่สวน หรือวินิจฉัย เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าการเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม

ส่วนรายละเอียดการประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด กรณีครบวาระ สามารถติดตามหรือสอบถามได้ทาง www.ect.go.th Application Smart Vote และสายด่วน 1444


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top