Monday, 28 April 2025
นวดแผนไทย

รวมพลคนตาบอดเมืองตรัง เปิดร้านนวดเพื่อสุขภาพ ลูกค้าถูกใจ ราคาไม่แพง ช่วยสร้างงานให้คนพิการ

(16 พ.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ร้านอารมณ์นวดแผนไทยเพื่อสุขภาพ ถนนพัทลุง ซอย 7 (ซอยโกข้ม) ซึ่งเป็นซอยที่อยู่ตรงข้ามกับ สภ.เมืองตรัง มีคนตาบอด 4-5 คนรวมตัวกันเปิดร้านนวดเพื่อสุขภาพ โดย 2 วันแรก (14-15 พ.ค.) เปิดให้บริการฟรี เพื่อให้ลูกค้าได้มาทดลอง จับเส้น นวดคลายเส้น บรรเทาอาการปวดข้อเข่า คอเคล็ด ไหลยึดและอาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับเส้นประสาทส่วนต่าง ๆ หรือจะนวดเพื่อผ่อนคลาย ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้ดีขึ้น โดยคิดค่าบริการชั่วโมงละ 150-200 บาท และนอกสถานที่คิดชั่วโมงละ 250 บาท

สำหรับลูกค้ามีทุกเพศทุกวัย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนวัยทำงานที่มีปัญหาโรคออฟฟิศซินโดรม ปัญหาเกี่ยวกับข้อเข่า เส้นเอ็นและนวดเพื่อสุขภาพ โดยคนตาบอดกลุ่มนี้ ผ่านการอบรมหลักสูตรการนวดแผนไทย ได้รับใบประกาศนียบัตรมาแล้วทุกคน ประสบการณ์นานกว่า 5-10 ปี บางคนทำงานนวดเพื่อสุขภาพจนสามารถส่งลูกเรียนจบระดับปริญญาตรีได้ และมีลูกค้าขาประจำกระจายอยู่ในหลายจังหวัดภาคใต้ 

โดยก่อนหน้านี้ นางอารมณ์ มีแก้ว ประธานกลุ่มคนตาบอดนวดเพื่อสุขภาพ ได้เปิดร้านนวดอยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช แต่เมื่ออายุมากขึ้น จึงคิดอยากจะกลับมาอยู่บ้านเกิดที่ จ.ตรัง โดยได้ชักชวนสมาชิกคนตาบอดที่มีความสนใจมาร่วมงานด้วย ซึ่ง 2 วันแรกปรากฎว่าได้รับผลตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี และมีการบริจาคเงินให้ส่วนหนึ่ง เพื่อให้กลุ่มคนตาบอดกลุ่มนี้ได้มีงานทำอย่างต่อเนื่อง 

โดยร้านจะเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 -20.00 น. พร้อมบริการน้ำดื่ม ชา กาแฟ ลูกอมฟรี และรับจองคิวล่วงหน้าสำหรับผู้ที่สนใจ โดยติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 082-6257162 และ 083-9182707 

ขณะที่นายเกรียงศักดิ์ กีรติกรพิสุทธิ์ อายุ 73 ปีลูกค้ารายหนึ่ง กล่าวว่า ปกติตนก็จะไปนวดทุกที่ แต่เมื่อวานได้ข่าวว่าที่นี่เปิดร้านนวดคนตาบอดและให้นวดฟรี 2 วันตนจึงตั้งใจมาลองดู เมื่อนวดไปแล้วอาการที่ตนเป็นอยู่มันดีขึ้น อาการที่ชัดเจนที่สุดคือ ตนขึ้นลงบันไดแล้วปวดเข่า กินยามาสักอาทิตย์หนึ่งแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น ตั้งใจว่าจะไปโรงพยาบาล แต่พอได้ข่าวว่ามีการนวดจึงตัดสินใจว่ามาลองนวดก่อน ถ้านวดแล้วไม่ดีจะไปหาหมออีกที แต่พอนวดไปแล้วบอกตรง ๆ ว่าลงจากเตียงขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้านได้สบาย รู้สึกว่าตำแหน่งที่เราปวด มันหายไป

ด้านนางอารมณ์ มีแก้ว ประธานกลุ่มคนตาบอดนวดเพื่อสุขภาพ จ.ตรัง กล่าวว่า ค่าบริการคิดชั่วโมงละ 150-200 บาท นอกสถานที่ 250 บาท ที่เปิดให้บริการฟรี 2 วันแรกเพราะยังไม่รู้จักลูกค้าเพิ่งมาอยู่ ลูกค้าวันแรกมีอยู่ วันนี้วันที่ 2 ได้ 3-4 คนแล้ว คนมานวดเขาบอกว่าเขาดีขึ้น หายทุกคน หนักสุดคือปวดขา มานวดใช้เวลาอาทิตย์ละครั้งก็หาย

ประเทศที่ร่ำรวย ‘มรดกทางวัฒนธรรม’ ที่สุดในโลก

(27 ต.ค. 67) สำนักข่าวและเว็บไซต์ยูเอสนิวส์ แอนด์ เวิลด์รีพอร์ต รายงานการจัดอันดับ ‘ประเทศที่ร่ำรวยมรดกทางวัฒนธรรมที่สุดในโลก’ ซึ่งมีทั้งหมด 89 ประเทศ และในจำนวนนี้ ประเทศไทยติดอยู่ใน 10 อันดับแรก โดยจัดเป็นลำดับที่ 8 อีกทั้งยังเป็นอันดับที่สูงที่สุดของกลุ่มประเทศเอเชีย

สำนักข่าวชี้แจงหลักเกณฑ์การประเมินในประเภทนี้ว่า จะคำนึงถึงวัฒนธรรมและประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์ของประเทศนั้นๆ มากกว่าความสามารถทางเศรษฐกิจหรือความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และพิจารณาโดยเฉลี่ยจากคุณลักษณะของประเทศทั้ง 5 ประการที่เกี่ยวข้องกับมรดกของประเทศนั้น ๆ ได้แก่ มีวัฒนธรรมที่เข้าถึงได้, มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน, มีอาหารที่ยอดเยี่ยม, มีสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมมากมาย และมีสถานที่ท่องเที่ยวทางภูมิศาสตร์เป็นจำนวนมาก

บางส่วนจากคำบรรยายถึงประเทศไทยในการจัดอันดับนี้ระบุว่า ประเทศไทย ซึ่งแปลว่า ‘ดินแดนแห่งอิสระ’ เป็นเพียงประเทศในภูมิเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประเทศเดียวที่ ‘ไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของประเทศจากทวีปยุโรป’ และบรรยายว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนมากที่สุดในโลก ได้รับฉายาว่าเป็นดินแดนแห่งรอยยิ้ม เป็นประเทศที่ผสมผสานระหว่างสถานที่เก่าแก่กับบ้านเมืองที่ทันสมัย พร้อมด้วยหาดทรายสวยงามและวัดวาอารามที่งดงาม รวมถึงมีชื่อเสียงด้านการนวดแผนไทยและอาหารที่มีรสชาติยอดเยี่ยม

เปิดใหม่กว่า 7,000 แห่ง - สปาเทรนด์มาแรง กทม. ครองแชมป์จำนวนร้านนวดมากสุด

(9 ธ.ค. 67) ธุรกิจนวดและสปาในประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยความนิยมจากทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้กลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่ดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนที่ต้องการขยายธุรกิจในตลาดนี้ โดยข้อมูลของกรมสนับสนุนบริการเพื่อสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เดือนตุลาคม 2567 พบว่าทั้งประเทศไทยมีสถานประกอบการนวดเพื่อสุขภาพทั้งสิ้น 17,897 แห่ง จำนวนนี้แบ่งเป็น ร้านนวดเพื่อสุขภาพ 16,609 แห่ง สปา 1,092 แห่ง และร้านนวดเพื่อความงาม 196 แห่ง ขณะที่ข้อมูลจากสมาคมสปาไทยระบุว่าธุรกิจนวดและสปามีการกระจายตัวทั่วประเทศในแต่ละภูมิภาค ดังนี้ ภาคกลาง 7,502 แห่ง พื้นที่ที่มีธุรกิจนวดมากที่สุด คือกรุงเทพฯ เนื่องจากเป็นแหล่งรวมท่องเที่ยวสำคัญ

รองลงมาคือ ภาคใต้ 3,902 แห่ง เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่มีชื่อเสียงของไทย เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการผ่อนคลายของนักเดินทางทั่วโลก อันดับสามคือ ภาคอีสาน 2,292 แห่ง เป็นภูมิภาคที่มีอัตราการเติบโตของร้านนวดสูงเนื่องจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่เพิ่มขึ้น  

อันดับสี่คือ ภาคตะวันออก 1,983 แห่ง ส่วนเขต EEC: 1,738 แห่ง เนื่องจากเป็นศูนย์กลางการลงทุนและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจากต่างชาติซึ่งส่งเสริมธุรกิจนวดในพื้นที่  

อันดับห้าคือ ภาคเหนือ 1,861 แห่ง  โดยเชียงใหม่และเชียงรายเป็นเมืองยอดนิยมสำหรับธุรกิจร้านนวดเนื่องจากเป็นหัวเมืองสำคัญด้านการท่องเที่ยว และอันดับหกคือ ภาคตะวันตก 124 แห่ง ซึ่งแม้จะมีจำนวนน้อย แต่มีโอกาสเติบโตจากการพัฒนาในด้านการท่องเที่ยวและบริการสุขภาพยังคงสูง

ข้อมูลจากสมาคมสปาไทยยังชี้อีกว่า แม้ธุรกิจนวดและสปาเคยได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 แต่กลับฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีการเปิดธุรกิจใหม่มากกว่า 7,000 แห่งหลังโควิด การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากธุรกิจร้านนวดเพื่อสุขภาพแล้วสปาเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตสูงโดยเฉพาะในพื้นที่เมืองหลวงและหัวเมืองใหญ่ สอดคล้องกับเทรนด์ของชาวไทยและชาวต่างชาติที่นิยมการหากิจกรรมผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงาน

นอกจากนี้ การสนับสนุนจากภาครัฐด้านการลงทุนในธุรกิจบริการสุขภาพ รวมถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ เช่น ระบบจองออนไลน์และแอปพลิเคชันบริการนวดและสปา ยังช่วยเพิ่มประสบการณ์และความสะดวกสบายให้กับลูกค้า  


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top