Monday, 21 April 2025
ทองปลอม

‘สืบสวนนครบาล’ ทลาย ‘แก๊งคนจีน’ หลอกขายทองเก๊ให้คนรวย สารภาพได้แรงบันดาลใจต้มตุ๋นจากซีรีส์ดัง เสียหายกว่า 10 ล้าน

(25 เม.ย. 66) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./ หัวหน้า PCT ชุดที่ 5 นำทีมเจ้าหน้าที่ ชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น.แถลงผลการสืบสวนติดตามจับกุมชาวจีน 6 ราย ได้แก่ Mr.Zhong Xiaocong อายุ 44 ปี, Mr.Li Xiaoyuan อายุ 45 ปี Mr.Zeng NanJing อายุ 54 ปี, Mr.Yang Cuiyuan อายุ 51 ปี, Mr.Zhu Zhihua อายุ 48 ปี และ Mr.Guo Xianyu อายุ 49 ปี ในข้อหา “ร่วมกันพยายามลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย และซ่องโจร” ที่หน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร

พร้อมตรวจยึดของกลางกว่า 7 รายการ อาทิ ทองคำ (ปลอม) ลักษณะเป็นก้อน 179 ก้อน, ทองคำ (ปลอม) ลักษณะเป็นรูปปั้นเทวรูป 10 ชิ้น, ทองคำ (แท้) ลักษณะเป็นแผ่นบาง 2x1 ซม. 8 แผ่น สมุดสมาคมคนจีนในประเทศไทย 46 เล่ม บัตร ATM 24 ใบ โทรศัพท์มือถือ12 เครื่อง อุปกรณ์เลื่อยตัดทอง 1 ชุด

คดีนี้ ชุดลาดตระเวนออนไลน์ของ บก.สส.บช.น.ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายชาวจีน สัญชาติไทย รายหนึ่ง ได้ถูกกลุ่มมิจฉาชีพชาวจีน ต้มตุ๋น หลอกขายทองคำ ซึ่งกลุ่มมิจฉาชีพทำทีว่า มีทองคำแท้จำนวนมาก ขุดเจอที่พระนครศรีอยุธยา นำมาขายให้กับผู้เสียหายในราคาถูก ซึ่งผู้เสียหายรายนี้หลงเชื่อ และเสียเงินให้กับกลุ่มมิจฉาชีพรายนี้ไปกว่า 500,000 บาท หลังจากกลุ่มมิจฉาชีพได้เงินแล้ว ก็ได้หายเข้ากลีบเมฆ ไม่สามารถติดต่อได้

ต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ได้ตระเวนเปิดแฟ้มคดี ที่กลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้เคยตระเวนหลอกลวงเหล่าผู้เสียหาย พบว่าลักษณะการก่อเหตุมีความแยบยลอย่างมืออาชีพ และมีลักษณะการทำงานเรียกได้ว่าเป็นระดับ ‘องค์กร’ ซึ่งเริ่มต้นจากกลุ่มคนร้ายจะหาลายแทงของเหยื่อโดยการ ‘กางโพย’ คือสมุดรายชื่อตระกูลคนจีนในประเทศไทย ตั้งแต่เจ้าสัวตระกูลดัง จากนั้นจะไล่สืบประวัติและติดตามบุคคลเหล่านั้นกระทั่งได้ข้อมูลเบื้องต้น แล้วเริ่มเข้าสู่กระบวนการต้มตุ๋นด้วยการโทรศัพท์ไปพูดคุย โดยอ้างข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้จากการไล่สืบประวัติมา จึงทำให้เหยื่อติดกับดัก หลงเชื่อ

ต่อมาเข้าสู่กระบวนการ ‘นัดพบ’ ซึ่งเมื่อสามารถนัดพบกับเหยื่อได้แล้ว จะมีการใช้จิตวิทยาด้วย ‘การแสดง’ โดยกลุ่มมิจฉาชีพจะนำทองคำ (ปลอม) ซึ่งมีลักษณะเป็นก้อนจำนวนมากมาโชว์ให้เหยื่อดู และแสร้งนำเลื่อยมาหั่นให้เป็นชิ้นเล็ก เพื่อนำให้เหยื่อเอาไปตรวจสอบ ซึ่งแท้จริงแล้วมีเพียงชิ้นเล็กเท่านั้นที่เป็นทองแท้ ซึ่งเมื่อเหยื่อนำทองชิ้นเล็กเหล่านั้นไปตรวจสอบกับร้านทอง ก็จะพบว่าเป็นทองคำแท้ ทำให้หลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพอย่างสนิทใจ ทำให้เหยื่อยอมนำเงินมามอบให้กับกลุ่มมิจฉาชีพ จากนั้นมิจฉาชีพกลุ่มนี้ก็จะหายเข้ากลีบเมฆทันที

เมื่อประมวลเรื่องราวการก่อคดีแก๊งคนร้ายกลุ่มนี้ พล.ต.ต.ธีรเดช รายงานให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ทราบพร้อมสั่งการให้นำกำลังเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. ลงพื้นที่สืบสวนด้วยวิธีการดักหน้า โดยได้พบกับเหยื่ออีกรายหนึ่ง ซึ่งกำลังจะถูกกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้หลอกลวง ได้นำกำลังเข้าไปวางแผนและเปิดปฏิบัติการซ้อนแผน ‘ขอดเกล็ด’ โดยจัดฉากทำทีให้เหยื่อหลงเชื่อและนัดพบกับกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้

ต่อมาวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มมิจฉาชีพ 2 คน ได้ปรากฏตัว ณ จุดนัดพบ บริเวณหน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง พล.ต.ต.ธีรเดชฯ จึงได้นำกำลังเข้าจับกุมตัวคนร้ายทั้งสองรายคือ Mr.Zhong Xiaocong อายุ 44 ปี และ Mr.Li Xiaoyuan อายุ 45 ปี และจากการตรวจค้นพบ ทองคำ (ปลอม) ลักษณะเป็นก้อน จำนวน 17 ก้อน, ใบเลื่อย 1 ปื้น

ซึ่งจากการซักถามและตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการอีก 4 ราย ซึ่งอยู่ ณ เซฟลับ ซึ่งเป็นห้องพักที่โรงแรมหรูย่านรัชดากว่า 4 ห้อง จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น โดยจับกุมตัวผู้ร่วมขบวนการได้อีก 4 ราย พร้อมตรวจค้นห้องพักทั้ง 4 ห้องพบ ทองคำปลอมอีกกว่า 172 ชิ้น และหลักฐานอย่างอื่นที่ใช้ก่อเหตุอีก

เมื่อสอบสวน ผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ให้การปฏิเสธ โดยให้การว่า กลุ่มตนนั้นมาจากมณฑลเจียงซี ประเทศจีน เคยทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย ก่อนที่จะมาตระเวนหลอกลวงในประเทศไทย โดยยอมรับอีกว่าการสั่งซื้อทองปลอมนั้น นำเข้ามาจากมณฑลเจียงซี  ประเทศจีน สั่งมาทางพัสดุเข้ามาในประเทศไทย โดยยอมรับว่ากลุ่มของตนชื่นชอบการต้มตุ๋น ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากซีรีส์ดังในต่างประเทศ ส่วนเรื่องคดีนั้น ขอไปต่อสู้ในชั้นศาล

‘แม่ตั๊ก’ เบี้ยวนัด ‘สคบ.’ ปมขายทอง อ้าง!! รอคืนเงินลูกค้า เตรียมเรียกครั้งที่ 2 หากไม่มาจะดําเนินคดีตามกฎหมาย

(27 ก.ย. 67) นายเลิศศักดิ์ รักธรรม ผู้อํานวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านสัญญา เปิดเผยกรณีส่งหนังสือให้ ‘แม่ตั๊ก กรกนก’ เข้าพบเจ้าหน้าที่ สคบ. เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นขายทอง ว่า ทาง สคบ. ได้นัดให้ทางแม่ตั๊กเข้ามาพบเวลา 09.00 น. แต่ปรากฏว่ามีตัวแทนแจ้งเข้ามาขอเลื่อนนัด โดยให้เหตุผลว่าต้องการคืนเงินลูกค้าที่นําทองมาขายคืนให้เรียบร้อยก่อน

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะพิจารณาดูความเหมาะสมเหตุที่ขอเลื่อน เพราะการฝ่าฝืนหนังสือเรียกตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคฯ มีโทษปรับ และจําคุก หลังจากนี้ สคบ. จะส่งหนังสือเรียกรอบที่ 2 หากไม่มาจะส่งดําเนินคดีตามกฎหมาย และจะต้องเดินทางเข้ามาชี้แจงด้วยตัวเอง ไม่สามารถส่งตัวแทนเข้ามาชี้แจงแทนได้

สําหรับผลการเก็บตัวอย่างทองที่ร้านของแม่ตั๊ก คาดว่าจะรู้ผลภายในสัปดาห์หน้า ส่วนจะเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล ซึ่งมีการทํางานร่วมกับตํารวจ ปคบ. ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล

ส่วนของตัวเลขผู้เสียหายนั้น เมื่อวานนี้มีผู้เสียหายประมาณ 45 คน เชื่อว่าหลังจากนี้จะทยอยเดินทางเข้ามาเรื่อย ๆ ซึ่งผู้เสียหายที่อยู่ต่างจังหวัด และต่างประเทศ สามารถร้องเรียนผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ OCPB Connect พร้อมแนบเอกสารการซื้อ-ขายให้ครบถ้วน

'เพจดัง' แชร์ภาพแม่ตั๊กร่วมวงกินข้าวกับตำรวจหลายนาย อ้าง!! แบ็กดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ฟากชาวเน็ตหวั่นคดีไม่คืบหน้า

(29 ก.ย. 67) กรณีที่ น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือแม่ตั๊ก เจ้าของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและห้างเพชรทองเคทูเอ็น ถนนหทัยราษฎร์ เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ ถูกลูกค้าที่ซื้อทองรูปพรรณออนไลน์โพสต์ลงโซเชียลฯ ว่านำทองที่ซื้อไปขายที่ร้านทองเจ้าอื่นแล้วไม่มีร้านไหนรับซื้อ เพราะไม่มีเปอร์เซ็นต์ทองและไม่มียี่ห้อ ทำให้ลูกค้าคนอื่น ๆ ที่ซื้อทองออนไลน์เอาไว้เพื่อเก็งกำไรแห่เอามาขายคืนที่ร้าน เพราะเชื่อว่าเป็นทองเปอร์เซ็นต์ต่ำ และยังมีลูกค้าส่วนหนึ่งแจ้งความกับตำรวจ แต่เมื่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เรียกไปให้ถ้อยคำ ปรากฏว่าแม่ตั้ก และนายกานต์พล เรืองอร่าม หรือป๋าเบียร์ สามี หลบหน้า ขอเลื่อนให้ถ้อยคำเมื่อวันศุกร์ที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมา อ้างว่าขอจัดการซื้อทองรูปพรรณคืนจากผู้เสียหายให้เรียบร้อยก่อน

ล่าสุด เฟซบุ๊ก 'อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ' โพสต์ภาพขณะที่แม่ตั๊กกำลังจิบไวน์กับผู้อื่น พร้อมข้อความระบุว่า...

"เป็นแม่ค้าออนไลน์ ที่มีตำรวจมาดื่มไวน์ถึงบ้าน แบ็คดีมีชัยกว่าครึ่ง ระดับบิ๊กใหญ่ใน ปคบ. ล่าสุดทำไมต้องซ่อนรูป ซ่อนโพสต์กันยกแก๊ง" 

และโพสต์อีกภาพระบุว่า "เจอบ่อยซะด้วย" 

ทำให้ชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์ว่า จะกระทบกับการทำสำนวนคดี เพราะมีผู้เสียหายรวมตัวแจ้งความเอาผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ขณะที่ตำรวจ บก.ปคบ.เตรียมออกหมายเรียกตัวมาแจ้งข้อหา และตำรวจ บก.สอท. จ่อดำเนินคดีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ รวมถึง ปปง. เตรียมเข้ามาตรวจสอบทรัพย์สิน

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า สำหรับนายตำรวจที่อยู่ในภาพ เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือน ส.ค. 66 เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในรูปเป็นตำรวจยศ พ.ต.ท. ระดับรอง ผกก. สังกัดอยู่ที่ บก.ปอท. และ ร.ต.ต. (นรต.53) ประจำอยู่ที่ กก.4.บก.ปคบ. ส่วนอีกรายเป็นตำรวจสังกัดอยู่ บช.สอท. คาดว่าตำรวจทั้งหมดที่อยู่ในภาพน่าจะรู้จักกับแม่ตั๊ก ชวนกันไปกินข้าว

พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. กล่าวถึงกรณีมีเพจสื่อมวลชนลงภาพตำรวจนั่งกินข้าวกับแม่ตั๊ก ที่ห้องอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ระบุว่าเป็นตำรวจระดับสูง บก.ปคบ. และ บช.สอท. ว่า ได้สั่งการให้ตรวจสอบภาพข่าวจากเพจดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นได้รับรายงานว่า ตำรวจที่นั่งกินอาหารอยู่กับแม่ตั๊กนั้น ไม่ได้เป็นตำรวจระดับสูงของ บก.ปคบ. เท่าที่ทราบเป็นตำรวจระดับยศ พ.ต.ท. ตำแหน่งรองผู้กำกับการ ไม่ได้สังกัด บก.ปคบ. ส่วนในนั้นมี 1 ราย เป็นตำรวจยศ ร.ต.ต. อยู่ใน บก.ปคบ. แต่ไม่ใช่ กก.1.บก.ปคบ. ส่วนอีกรายเป็นตำรวจจากหน่วยงานอื่น ขณะนี้กำลังให้ตรวจสอบตำรวจที่อยู่ในรูป พร้อมทั้งให้ทำรายงานชี้แจงไปแล้ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top